ตอนที่ 1362 ฝันก็คือฝัน
เย่ว์หยางหลับไป
เขานอนกอดเทพธิดาเสรีภาพอย่างมีความสุขก่อนจะหลับมือเขายังโอบตัวนางไม่คลาย
ในความฝันดูเหมือนเขาถูกบางอย่างดึงดูดเรียกหา เหมือนเป็นพลังอัญเชิญก่อนที่เย่ว์หยางจะคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาตกมาอยู่ในมิติลวงของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ แตกต่างจากการตกลงไปในทะเลสาบเมื่อตอนครั้งแรก คราวนี้เขาตกลงบนพื้นแข็ง ในเสี้ยววินาที เด็กหนุ่มข้ามโลกหมุนตัวตีลังกาเอาเท้าลงพื้นอย่างแผ่วเบา
ปฏิกิริยาท่าทางเช่นนี้กรรมการตัดสินกีฬายิมนาสติกคงให้คะแนนเต็มสิบ!
เย่ว์หยางพอใจกับท่าทางของเขามาก
เขาไม่สามารถเสียมารยาทต่อหน้าฝ่าบาทได้
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่านางมองตัวเขาอยู่หรือไม่ แต่เมื่อทำได้ดีสมควรมีคะแนนพิเศษย่อมถูกต้องไม่ใช่หรือ?
“เจ้าเด็กเหลวไหล วันทั้งวันเจ้ามัวแต่ทำอะไร?” เสียงของจักรพรรดินีราตรีตวาดแว้ดกรอกหูเขา ทำเอาเขาตกใจสะดุ้งโหยงตัวลอย
“ข้า....” เด็กหนุ่มข้ามโลกพบว่าในเวลานี้ตัวของเขาเองเปลือยทั้งร่างไม่มีแม้แต่ด้ายเส้นเดียวปิดกาย ไม่เพียงแต่ยืนอยู่ต่อหน้าจักรพรรดินีราตรีเท่านั้น แต่ที่บนพื้นมีชายชราร่างผอมเหมือนไม้ฟืน เขาอับอายทันทีรีบดึงเสื้อผ้าออกมาสวมใส่ทันที
ในขณะที่เขารีบใส่กางเกง เขาโน้มตัวไปทางจักรพรรดินีราตรีและถาม “ตาแก่นี่เป็นใคร? ดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่!”
จักรพรรดินีราตรีอยากจะเตะเจ้าเด็กบ้านี่ให้ลอยไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้ายิ่งนัก เพียงแต่ในขณะนี้ศัตรูยังอยู่ต่อหน้า นางได้แต่ดุด่า “เหลวไหล เขาคือราชันย์ไร้ใจ!”
เย่ว์หยางตกใจอีกครั้ง
เขาดึงกางเกงยังไม่เสร็จก็รีบไปซ่อนอยู่หลังจักรพรรดินีราตรี “หัวหน้าใหญ่ที่อันตรายขนาดนี้เอามาไว้ในวังเทียนหลัวได้ยังไง? ฝ่าบาท?”
จักรพรรดิหัวซิ่วรี่เห็นท่าทางรุ่มร่ามของเจ้าเด็กนี่ รู้สึกอยากจะเอารองเท้าขว้างหัวยิ่งนัก
น่าขายหน้านัก!
ถ้ารู้เร็วกว่านี้คงไม่ดึงเขาเข้ามาในดินแดนฝันมิติลวงแน่!
เด็กหนุ่มข้ามโลกรีบนุ่งกางเกงกระชับทันทีและเตรียมพร้อมต่อสู้ “ลงมือสู้กับหัวหน้าใหญ่ เราคุณชายมีวิธีสู้ ดูข้าจะเอาชนะเขาให้ได้ คอยดู!” จักรพรรดินีราตรีอดกุมขมับไม่ได้ แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเจ้าเด็กงี่เง่านี่ ถ้าอยากเอาชนะเขาก็รีบเลย เจ้าคิดว่าราชันย์ไร้ใจสร้างขึ้นจากเต้าหู้หรือ?
“น่าเบื่อ น่ารำคาญ!” ราชันย์ไร้ใจชี้นิ้วทันที
พลังเทพระเบิดประกายแสงออกมาเป็นล้านๆ สาย ทะเลแสงครอบคลุมไปทั้งท้องฟ้าและแผ่นดินทันที
เขาไม่รู้ว่าดินแดนแห่งความฝันหรือวังเทียนหลัวเป็นของจริง จักรพรรดินีราตรีจะต้องถูกกำจัดให้หมด เย่ว์ไตตันและโล่ดวงดาว จักรพรรดิหัวซิ่วรี่ที่อยู่ในอิริยาบถสบายหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยกเว้นชายชราที่นั่งขัดสมาธิอยู่กับที่... ผ่านไปนานในความว่างเปล่าที่แตกเป็นเสี่ยงๆ มีรังสีของเจตจำนงโบราณซึ่งแผ่ออกมาจากปลายที่ห่างไกลทำให้ชายชรารู้สึกได้อย่างชัดเจน
ปากของชายชรากระตุกเล็กน้อยเป็นการเยาะเย้ย “ไม่ต้องให้เทียนอี้ลงมือ เราผู้เฒ่าคนเดียวก็ทำลายหอทงเทียนได้ทั้งหมดไม่ต่างอะไรกับตั๊กแตกที่พยายามหยุดล้อรถ น่าขันนัก!”
ร่างของเขากลายเป็นแสงเทพ
เขาพุ่งไปในช่องมิติว่างที่แตกสลายอย่างรวดเร็วและบินไปข้างหน้าตามทิศทางที่เปิดเผยโดยเจตจำนงโบราณ
ที่นี่ ทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพที่คนระดับบนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์รู้ดี นอกจากผู้พิทักษ์ทางเข้าแล้วสิ่งที่ทำให้ผู้เข้มแข็งแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์รู้สึกลำบากใจก็คือขีดจำกัดโบราณที่อยู่ภายใน หากไม่มีคำแนะนำ ไม่มีใครสามารถส่งข้อมูลสอนการเข้าไปได้ดี มิฉะนั้นผลลัพธ์ของการรอคอยอาจจะเป็นเวลายาวนานหลายหมื่นปีทั้งเวลาก็ถูกจำกัด
ราชันย์ไร้ใจรอคอยมาอย่างยาวนาน เป้าหมายทั้งหมดไม่ใช่การวางแผนของตงฟาง
ในสายตาของขามีเพียงคนเดียว
นั่นคือเทียนอี้
บุรุษอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้!
ก่อนการต่อสู้ครั้งนี้ เทียนอี้ได้ทำสัญญากับเทพเหล่าอื่นตกลงที่จะร่วมมือกันในการสำรวจและแบ่งปันผลกำไรจากแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ แต่ละคนจะได้รับสิ่งที่พวกเขาต้องการและแบ่งปันผลกำไร
ถ้าไม่ใช่เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ ราชันย์ไร้ใจไม่เคยสงสัยเลยว่าเขาคนเดียวสามารถทำลายหอทงเทียนทั้งหมดได้ แน่นอนว่าการกระทำเช่นนั้นจะก่อให้เกิดบาปครั้งใหญ่ อาจทำให้นักสู้ยุคโบราณจากหอทงเทียนโกรธและก่อให้เกิดภัยพิบัติที่มิอาจคาดเดาได้ ดังนั้นเขาจะประสานงานร่วมกับตงฟางอย่างใจเย็น ตงฟางจะต้องเป็นคนเสียสละและเผชิญกับหายนะของสงครามครั้งนี้
คิดจริงๆ หรือว่าราชันย์ไร้ใจซึ่งอยู่บนเขากวงหมิงจะปล่อยให้มดตัวน้อยจากหอทงเทียนชั้นต่ำมาท้าทายได้?
น่าขัน!
ด้วยความตั้งใจเคลื่อนไหวของราชันย์ไร้ใจ เขาทอดทิ้งเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ทันที
ในชีวิตของเขา ไม่รู้ว่ามีผู้ท้าทายเขามากมายเพียงไหน และไม่รู้ว่าพบจุดจบไปแล้วเท่าใด ตราบใดที่ผู้แพ้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตนิรันดรเขาไม่จำเป็นต้องจำ สำหรับหอทงเทียนทั้งหมด เขาไม่จำเป็นต้องจดจำ จักรพรรดิอวี้เขาไม่จำเป็นต้องจำ องค์หญิงประกายดาวเขาก็ไม่ต้องจำ ไม่จำเป็นต้องจำแม้แต่อัจฉริยะที่ผิดธรรมดาอย่างเย่ว์ไตตัน ซึ่งหมื่นปีจะมีปรากฏ ไม่มีอะไรน่าจดจำ สิ่งเดียวที่น่าสังเกตก็คือนางพญาผู้พิชิต นางอาจเป็นตัวแปร
แน่นอนว่านางพญาผู้พิชิตนี้อาจเป็นตัวแปร แต่ได้รับการแก้ไขแล้วจากเทียนอี้
นี่คือภารกิจของเขา
“หือ?” เขาผ่านมิติเวลาไปในที่ๆ ไม่รู้จักไปตามเส้นทางโบราณที่อันตรายอย่างยิ่ง ข้ามทางเดินเวลาก้าวละร้อยปี ข้ามพื้นที่ๆ ถูกจำกัด ด้วยเจตจำนงหอทงเทียน โดยเพ่งเล็งไปที่จิตใจของเทียนอี้ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำทางตามเป้าหมายส่วนใหญ่ เขาตรงเข้าสู่จัตุรัสเวลาหลายหมื่นปี แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ราชันย์ไร้ใจมองเห็นคนสองคนที่นั่น
ตรงทางเข้าจัตุรัสเวลา
นั่นไม่ใช่ศูนย์กลางอย่างเป็นทางการ มันเป็นเพียงทางเดินซ้ายขวาและทางขวามีเทพที่ทรงพลังสองคนเผชิญหน้ากันอย่างระมัดระวัง
เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ และนางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลี พวกเขาเข้าสู่สงครามไม่ใช่หรือ? มิน่าเล่า คนที่เทียนอี้กังวลก็คือนางพญาผู้พิชิต นางแข็งแกร่งมากกว่าหมื่นปีก่อนมาก ทำให้ผู้คนไม่สามารถคาดหวังได้สูง
“เราผู้เฒ่ามาแล้ว นางพญาผู้พิชิตไม่ได้พบกันมานาน คิดไม่ถึงเลยว่าจะหนีออกมาจากผนึกอมฤตได้ พลังของเจ้าไม่ถดถอย แต่กลับก้าวหน้าไปอีกขั้น!” ราชันย์ไร้ใจเห็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลี สีหน้าท่าทางของเขาไม่ได้ดูถูกคนเหมือนเมื่อก่อน สีหน้าของเขาดูสง่างามขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่เทพชราที่นั่งอยู่บนพื้นอีกต่อไป แต่กลับยืดตัวตรงและเรียกบัลลังก์เทพออกมาอยู่ด้านหลัง บัลลังก์เทพแห่งภูเขากวงหมิงอยู่ด้านหลังของเขาเปล่งรัศมีวนรอบร่างเทพที่สมบูรณ์แบบ
“ไสหัวไป! ปีศาจเฒ่า เจ้าลืมรอยแผลที่สร้างความเจ็บปวดให้เจ้าไปแล้วหรือ?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีอารมณ์ไม่ดี นางเอ่ยปากก็ด่าทอผู้คนทันที
“อาการบาดเจ็บในอดีตมีเราผู้เฒ่าคนเดียวเสียเมื่อไหร่? นางพญาบางคนโดนหมัดตอบโต้ของข้าจนได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกันไม่ใช่หรือ?” ราชันย์ไร้ใจได้ยินคำพูดแล้วอดหัวเราะไม่ได้ ขณะเดียวกันเขาทำความเคารพต่อเทียนอี้เจ้าตำหนักสูงสุดที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา
“สุนัขเฒ่าที่น่ารังเกียจ ลอบทำร้ายด้านหลัง นั่นเป็นนักสู้ประสาอะไร!” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีแค่นเสียง “เจ้าต้องการเข้ามาในจัตุรัสต้องถามดาบของข้าดูก่อน!”
“เป็นพวกเรา!” ราชันย์ไร้ใจแก้คำพูดให้ถูก “ข้า เทียนอี้ และอีกหลายคน...”
“มาคนหนึ่ง ฆ่าหนึ่งคน” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีแสดงความตั้งใจชัดเจน
จำนวนคนไม่เป็นปัญหา
ในเมื่อนางตั้งใจพิชิตแดนสวรรค์ทั้งหมด จำนวนศัตรูไม่ได้อยู่ในความคิดของนาง
ราชันย์ไร้ใจส่ายหน้าพูดอย่างไม่เห็นด้วย “บางครั้งพลังของคนสองคนก็แข็งแกร่งกว่าคนๆ เดียวมาก นั่นเป็นที่มาของคำว่าคนมากกว่าย่อมอุ่นใจของชาวหอทงเทียนเจ้าไม่ใช่หรือ? นางพญาผู้พิชิต! ไม่มีใครสงสัยความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของเจ้า แต่เจ้าไม่รู้ว่าเราได้กำหนดเตรียมการไว้ก่อนเจ้านานแล้ว”
“กำหนดอะไรกัน?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีงง
“เมื่อจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่ออาละวาดอยู่ในแดนสวรรค์ ว่าที่เทพจอมราชันย์แห่งแดนสวรรค์บนได้ให้คนรุ่นก่อนทำการทำนายไว้เทพจอมราชันย์คนต่อไปจะไม่ใช่ลูกหลานทวีปมังกรทะยาน ดังนั้นไม่ว่าเขาจะฝึกฝนหนักอย่างไรก็ตามจิ๋วซื่อมีโชคชะตาที่มิอาจสำเร็จได้ในอนาคต ต้องถูกจองจำอยู่ในเจดีย์ดำอย่างหดหู่และไม่มีทางพบจุดจบที่ดี” ราชันย์ไร้ใจชี้ไปที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลี ดวงตาเทพทอประกาย “อย่างไรก็ตามเจ้าเมื่อเจ้ากล้าประกาศว่าจะพิชิตแดนสวรรค์อย่างหยิ่งผยอง เราให้เจ้าได้ทดสอบอีกครั้ง และผลที่ตามมาจากคำทำนายของเทพโบราณก็กล่าวว่า นั่นไม่ใช่ธิดาปีศาจ.... ผลเห็นได้ชัดเจน เจ้าถูกผนึกอยู่ในหลุมดำ ถ้าไม่ใช่เพราะโชคดีหนีมาได้ เจ้าอาจตายอย่างทรมานไปแล้ว!”
“ข้าไม่ใช่ตัวเลือกของเทพจอมราชันย์ แล้วคนอื่นไม่ใช่หรือ?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีสีหน้าไม่เปลี่ยน
“ถ้าเจ้าต้องการพูดถึงอัจฉริยะในรอบหมื่นปีที่ชื่อว่าเย่ว์ไตตัน อย่างนั้นข้าเสียใจด้วยเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ได้เจ้าคอยช่วยหนุนหลังเขา เขาเป็นได้เพียงเศษขยะ อารมณ์และรูปแบบการต่อสู้ของเขายังสู้จักรพรรดิอวี้ที่พ่ายแพ้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เจ้าเด็กขี้เรื้อนแห่งดินแดนชั้นต่ำ บุรุษที่สำคัญตัวผิดอาละวาดแบบนี้ เจ้ากล้าสนับสนุนให้ท้าทายตำแหน่งเทพจอมราชันย์หรือ? ช่างน่าขันจริงๆ!” ราชันย์ไร้ใจหัวเราะ เขาหัวเราะดังเหมือนสายฟ้าคำราม เสียงของเขาเยือกเย็นราวกับมีด “ท่านเทพชราลึกลับพยายามใช้คำทำนายขั้นสุดท้ายเป็นครั้งที่สามตำแหน่งเทพจอมราชันย์ ไม่ได้ตกอยู่กับคนหอทงเทียน!”
“แม้ว่าจะไม่ใช่คนหอทงเทียน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ภูเขากวงหมิงของเจ้า” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีพอได้ยินคำนั้น นางตัวสั่นเล็กน้อย แม้ว่านางจะปรับอารมณ์ได้ในทันที แต่เทียนอี้และราชันย์ไร้ใจก็ตรวจพบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ราชันย์ไร้ใจแหงนหน้าหัวเราะยาว “ใครจะเป็นเทพจอมราชันย์ นั่นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่าหอทงเทียนของเจ้าจะต้องพ่ายแพ้!”
“คิดว่าเราจะยอมแพ้หรือ?” ในประกายตาของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง ราชันย์ไร้ใจ รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง “เงื่อนไขเพียงเงื่อนไขเดียว ง่ายมาก ข้าจะย่ำภูเขากวงหมิงให้ราบเป็นหน้ากลอง หลายคนเปลี่ยนคุกจองจำเทพ แต่ในแดนสวรรค์บนไม่มีการคัดค้าน เราค้นพบความหวังที่แท้จริง คำทำนายของเทพชรา แสดงให้เห็นถึงเจตจำนงโบราณได้หรือไม่ เรื่องตลกคือเขามักจะสับสน เจ้าถือคำพูดของเขามาเป็นอารมณ์ คำพูดของเขากลายเป็นความจริงที่ลิขิตโศกนาฏกรรม ไสหัวออกไปจากหอทงเทียนเดี๋ยวนี้ และอย่ากลับมาที่นี่อีก หรือมิฉะนั้นก็เลือกตายที่นี่....”
“เจ้าสอนวิธีการไสหัวออกไปให้ข้าได้ไหม?” ราชันย์ไร้ใจแสดงให้เห็นว่าตัวของเขาไม่รู้วิธีไสหัวออกไป
แน่นอนว่าเป็นการแสดงความลำพองทางวาจาเท่านั้น
ความรู้สึกภายในที่แท้จริง
ระมัดระวังเป็นพิเศษ
นางพญาผู้พิชิตเมื่อหมื่นปีที่แล้วก็ดุร้ายพอตัวอยู่แล้ว ตอนนี้นางทำลายผนึกออกมาได้ นางพญาอสรพิษมีพลังก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดและยากจะยั่วยุได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้อยู่ใกล้ๆ ราชันย์ไร้ใจคงไม่กล้าทำหน้าระรื่นอวดความเข้มแข็งต่อหน้าสตรีผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัวเป็นแน่
นางพญาเฟ่ยเหวินหลียังไม่เริ่มทำอะไรเลยเมื่อนางได้ยินเสียงหมัดระดมต่อยเตะจากเด็กหนุ่มอันธพาลที่ส่งเสียงไล่หลังราชันย์ไร้ใจ “เราคุณชายเต็มใจจะทำหน้าที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนเจ้าเอง เรื่องแบบนี้ข้ายินดีทำอยู่แล้ว จะบอกอะไรให้ ข้าไม่ได้สอนเจ้าไว้หรือ ตั้งแต่เกิดมาในโลกนี้ อย่าทำตัวต่ำต้อยเกินไป”
“ป้าบ!”
จากนั้นราชันย์ไร้ใจรู้สึกตัวว่าถูกเตะก้นอย่างรุนแรง
แม้ว่าจะไม่ถึงกับล้มคะมำ แต่เขาก็อายเช่นกัน เจ้าผู้นี้น่าเกลียดยิ่งนัก
นอกจากนี้ยังอยู่ต่อหน้านางพญาเฟ่ยเหวินหลีศัตรูเก่า ราชันย์ไร้ใจถึงกับควบคุมความโกรธไม่อยู่ “ใคร? มันเป็นใคร?”
ทันทีที่เขาหันกลับมามองก็พบกับรอยยิ้มสดใสราวกับพระอาทิตย์ฉายแสงของเด็กหนุ่มอารมณ์ดีที่กำลังแทะน่องไก่อย่างสบายอารมณ์ “ข้าไม่ใช่อาจารย์เจ้า! อาจารย์เจ้าไม่สอนเรื่องแบบนี้ วางใจได้ ข้าจะสอนเจ้าเอง รับรองได้ว่าหลังจากนั้นเจ้าไม่ต้องเดินไปตลอดชีวิต! นอกจากนี้ทักษะแฝงเร้นเต่าแก่ในกระดองของเจ้า ถ้าหากไม่เรียนรู้อะไรบ้างก็คงสูญเปล่า!”
“เจ้ายังไม่ตายหรือ?” ราชันย์ไร้ใจรู้ตัวได้ทันที “นี่คือความฝันหรือ?”
“ที่นี่คือจัตุรัสเวลา....” จักรพรรดินีราตรีปรากฏตัวข้างหน้าเย่ว์หยางทำให้เขาเลิกก่อกวน จากนั้นอธิบายให้ราชันย์ไร้ใจฟังอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “น่าเสียดายที่แยกออกจากความฝัน!”
ที่ด้านตรงกันข้ามราชันย์ไร้ใจนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ยังคงเผชิญหน้ากัน
ระยะห่างไม่กี่ฟุตแทบจะสัมผัสกันได้
แต่ในทันใดนั้นราชันย์ไร้ใจมีความรู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะใช้พลังอย่างไรก็ตามก็ไม่สามารถไปอยู่ที่ข้างเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ได้ เพราะมีความฝันคั่นอยู่ในระหว่างนั้น หากเขาไม่ได้ฆ่าเจ้าของความฝัน ค้นหาที่มาของความฝันแล้วทำลายความฝันเขาไม่มีทางเคลื่อนย้ายออกจากโลกความฝันนี้ไปโลกอื่นได้
เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ยืนเอามือไพล่หลังท่าทางหยิ่งผยองเย็นชา เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของราชันย์ไร้ใจ เขาไม่รู้สึกถึงโดยสิ้นเชิง
ในสายตาของเขา สหายร่วมทางจะมีจุดลงเอยอย่างไรไม่สำคัญเลย
สิ่งที่สำคัญกว่าคือ
คู่ต่อสู้เป็นคนแบบไหน
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีมองดูเย่ว์หยาง มองดูจักรพรรดินีราตรีราวกับว่าพบข้อมูลความเกี่ยวพันของทั้งสองอย่างคลุมเครือ “ฝันของเจ้า ข้าได้กลิ่นอะไรสักอย่าง!”
“อย่านะ? นั่นไม่ใช่ข้า เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ไปก่อเรื่องยุ่งมา และเข้ามาอยู่ใกล้ข้าต่างหากเล่า!” จักรพรรดินีราตรีเมื่อได้ยินเช่นนั้นรู้สึกอาย นางรีบปฏิเสธทันทีว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
“มีความฝันเป็นเรื่องปกติ ฝันต่อไปเถอะนี่เป็นเรื่องดี!” เย่ว์หยางหมายถึงว่าความฝันเรื่องแปลกและผิดปกติ แต่ความฝันในฤดูใบไม้ผลิก็เป็นเพียงความฝันหนึ่ง การได้สนทนากับเทพธิดาเสรีภาพ นั่นไม่ใช่ความฝัน เป็นเรื่องช่วยไม่ได้
“ยังจะพล่ามต่ออีกหรือ?” จักรพรรดินีราตรีดึงหูเย่ว์หยางลากเขาออกมา
นางกับเย่ว์หยางแยกออกไป
ฉากภาพนางพญาเฟ่ยเหวินหลี เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้เริ่มจางลงและค่อยหายไปและทั้งโลกกลับมาอยู่ที่ลานวังเทียนหลัว ทหารองครักษ์ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่หน้าประตู นางกำนัลเดินออกมาจากภายในประตูวัง เมื่อนางพบเห็นราชันย์ไร้ใจ นางแสดงความเคารพอย่างสุภาพ แต่เมื่อเห็นเย่ว์หยางนางเชิดจมูกแค่นเสียง ‘คนลามก’ เพราะนางถูกคุณชายสามตระกูลเย่ว์เย้าหยอกสองสามครั้งจึงรู้สึกหงุดหงิดในใจ... เย่ว์หยางไม่กังวลแม้แต่น้อย แต่แกล้งทำเป็นมองซ้ายมองขวาเหมือนกับมองหาคนลามกอื่น ท่าทางตลกนี้ไม่ทำให้จักรพรรดินีราตรียิ้มแม้แต่น้อย
ตอนนี้ราชันย์ไร้ใจมีสีหน้าดูจริงจัง
เขาเริ่มตระหนักได้ว่าจักรพรรดิผู้พิทักษ์แดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่ใช่ผู้ที่ศัตรูจะใช้พลังเอาชนะได้
“ความนิรันดรคือรากฐานของทุกอย่าง” เสียงนุ่มอ่อนโยนทำให้เย่ว์หยางมีการรู้แจ้งใหม่ “ถ้าสิ่งใดๆ ในโลกไม่มีคุณสมบัติของความเป็นนิรันดร ก็เหมือนกับปราสาททราย พอคลื่นซัดสาดก็ไม่เหลืออะไร ดังนั้นพลัง ของวิเศษ อสูรศึก และบัลลังก์เทพจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ที่สำคัญมากกว่าคือเจ้าจะสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นสภาพนิรันดรในชีวิตของเจ้าอย่างไร? จะให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร เข้าใจไหม?”
“อืม.. ในที่สุดตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว บัลลังก์เทพแรกของข้าก็คือ อะไรก็ได้...”
เย่ว์หยางจนถึงตอนนี้ ค่อยตระหนักอย่างแท้จริงว่าเกิดอะไรขึ้น
ความสับสนก่อนหน้านี้
ถูกกวาดออกไป
**** **** ****
5 ความคิดเห็น:
จะเทพแล้ว
ก็ไม่ใช่คนของหอทงเทียนจริงๆนั่นแหละ ก็พี่เย่ซ์เราข้ามโลกมานี่
ไม่ต้องอายหรอก เดี๋ยวก็เสร็จพี่เย่เหมือนคนอื่นนั่นแหละ
ขอบคุนคับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น