วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1364 ช่วยสร้างปาฏิหาริย์ด้วยกัน!

 

ตอนที่  1364  ช่วยสร้างปาฏิหาริย์ด้วยกัน!

“เอาล่ะ, มาคุยธุระกันเถอะ”  หลังจากเหตุการณ์เอะอะวุ่นวายแล้ว เสวี่ยอู๋เสียปรบมือและให้ทุกคนแบ่งปันข้อมูลกันและกันและพูดถึงการเผชิญกับพลังชะตาด้วยกัน

 

“ตอนนนี้เราอย่าเพิ่งออกไปข้างนอกชั่วคราวได้ไหม?  เทพพิทักษ์เขากวงหมิงร่างสูงสี่หมื่นเมตร เทพพิทักษ์ทะเลมรณะร่างสูงหกหมื่นเมตร และยังมีเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ที่อาจจะมีพลังมากกว่า ปีศาจเฒ่าเหล่านี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เราจะสู้ได้ในตอนนี้!  ราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกว่าปีศาจเฒ่าเหล่านี้พลังฝีมือมากเกินไป ถ้าพวกเขาไม่ระมัดระวัง พวกเขาอาจจะถูกทำลายได้  ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องต้องอายกัน

“แค่แขนเดียวก็หมื่นกว่าเมตรแล้ว นั่นเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุด” สาวน้อยมารเคราะห์ฟ้าพูดสนับสนุนนาง แม้ว่าพวกนางมีสถานะส่วนตัวดีมาก พวกนางกระตือรือร้นได้ทุกวัน เถียงกันได้ทุกวัน แต่ครั้งนี้นางเห็นด้วย

“นั่นคือเทพพิทักษ์เขากวงหมิงแดนสวรรค์ ไม่ใช่หัวหน้าใหญ่ที่เราต้องสู้!  เย่ว์หยางอ่อนอกอ่อนใจ

เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปสู้ด้วย

เกรงว่าเทพโบราณที่ชอบหลับนั้นบางทีอาจเป็นเทพจอมราชันย์ แต่เพราะเหตุผลบางอย่างเขาต้องอยู่ดูแลแดนสวรรค์.... เป็นไปไม่ได้ที่สิ่งมีชีวิตโบราณอย่างนี้จะเข้าร่วมต่อสู้ได้ เป็นเพราะมังกรปีศาจพาตัวเขาเข้าไปหาเทพผู้นี้เพื่อเป็นการตรวจสอบ พิสูจน์ได้ว่าต้องมีการเผชิญกับชะตาอย่างมากแน่นอน

มิฉะนั้นมังกรปีศาจคงไม่นำเขาไปหาเทพผู้นี้ด้วยตนเอง!

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นด้วยกับเขา “ใช่, นั่นยังไม่สำคัญ แต่สิ่งที่ข้าห่วงที่สุดก็คือผู้อาวุโสที่ผนึกนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมากกว่า”

เทียนฟาโบกมือ “หลายเรื่องในอดีตซับซ้อนและนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ได้คุยให้เราฟัง  ควรจะมีเหตุผลที่ทำเช่นนี้ ที่สำคัญคือการเข่นฆ่าของนางถึงระดับที่อันตรายมาก ผู้พิทักษ์เขากวงหมิงและปีศาจเฒ่าหลายตนไม่อาจนั่งอยู่เฉยๆ ได้  บางทีการปิดผนึกหลุมดำอาจเป็นการป้องกันแบบหนึ่ง เป็นบททดสอบที่เข้มงวดโดยเจตนา และไม่มีใครรู้ความจริงโดยเฉพาะเจาะจง  ก่อนอื่นลองสมมติว่าเรื่องต่างๆ เป็นไปในเชิงบวกและอย่ามองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป  เรื่องราวของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีละเว้นไว้ชั่วคราวก่อนและนางไม่ต้องการให้เราเข้าไปแทรกแซง เรามาดูเฉพาะการเผชิญหน้ากับชะตาของเราเองและหนุ่มน้อยเย่ว์กันเถอะ”

ความเห็นของนางได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ แม้แต่เย่ว์หยางก็รีบยกมือสนับสนุนความเห็นของสาวเทียนฟานี้

เรื่องของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ต้องไปกังวลห่วงนาง

ราชันย์ไร้ใจซึ่งถูกฝ่าบาทกักไว้ในมิติลวงก็สามารถปล่อยวางไว้ได้ชั่วคราว

ตอนนี้ไม่มีใครรวมทั้งเย่ว์หยางที่มีความสามารถเข้าสู่ความฝันเพื่อช่วยนางได้

“ฝ่าบาทจะต้องชนะ นางไม่เคยทำอะไรโดยไม่แน่ใจ”  เย่ว์หวี่พี่สาวผู้นี้เข้าใจคนได้ดี นางเกรงใจคนและกลัวว่าน้องชายจะเสียสมาธิ นางใช้คำพูดปลอบโยนเขา

“ยังมีจักรพรรดินีราตรีคอยช่วยนาง!  มีแต่เพียงเป่าเอ๋อ สาวน้อยที่ไร้ความคิดรู้สึกว่าจักรพรรดินีราตรีคือคนสำคัญที่จะช่วยให้เอาชนะราชันย์ไร้ใจได้  นางไม่ได้บอกทุกคนว่าไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่นางพูดไปหัวเราะไป

“ข้าจะไปช่วยเตรียมจัดผลไม้ให้ สาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ทำคนเดียวจะยุ่งยากเกินไป” เซี่ยอีรีบแยกตัวออกไป

“อย่างไรก็ตามข้าคิดว่าเป็นเช่นนั้น  จักรพรรดินีราตรียังคงร้ายกาจมาก ครั้งล่าสุดนางมอบอสูรศึกดาวเอลฟ์ที่สวยงามและทรงพลังกับข้า นางต้องเอาชนะตาแก่นั่นได้อย่างไม่มีปัญหา  เป่าเอ๋อรู้สึกว่าคำโน้มน้าวของนางยังไม่เพียงพอ แต่เซี่ยอีเดินแยกออกไปแล้ว  ความแข็งแกร่งของจักรพรรดินีราตรีทรงพลังมาก ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว  แต่ถ้าต้องการเอาชนะราชันย์ไร้ใจให้ได้ นั่นเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง ที่สำคัญคือเขามีบัลลังก์เทพเขากวงหมิง นอกจากนี้ทั้งวิญญาณและภูเขากวงหมิงมีความเกี่ยวข้องกันกับปีศาจเฒ่าโบราณ

ตราบเท่าที่ไม่ถูกฆ่าทันที

อย่างนั้นพลังเทพไร้ที่สิ้นสุดแห่งภูเขากวงหมิงจะคอยสนับสนุนราชันย์ไร้ใจภายใต้การนำทางของบัลลังก์เทพภูเขาศักดิ์สิทธิ์

ราชันย์ไร้ใจในดินแดนสวรรค์บนมีฝีมือไล่ตามสุดยอดนักสู้อย่างเทียนอี้ และนั่นคือเหตุผลให้เขาหยิ่งลำพองต่อทั้งโลก น่าเสียดายที่เขาพบกับศัตรูที่น่ากลัวที่สุด ฝ่าบาท ต้องบอกว่าเป็นดาวข่มของเขา

ในดินแดนความฝันของฝ่าบาทไม่มีอะไรทำลายได้  แข็งแกร่งมากจนเทียนอี้ไม่กล้าดูแคลน..  ราชันย์ไร้ใจเผชิญกับกำแพงเหล็กผนังทองแดงแล้วในคราวนี้

และนี่ไม่ได้หมายความว่าเทียนอี้เจตนาใช้วิธียืมดาบฆ่าคน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกของเขาที่หน้าจัตุรัสเวลา

ทำให้เย่ว์หยางสงสัย

“อืม. เราไม่ต้องคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางทีราชันย์ไร้ใจอาจตายในเงื้อมมือของจักรพรรดินีราตรีก็ได้  อย่าลืมทักษะพิเศษของเป่าเอ๋อ สาวน้อยนางนี้ปากไม่ธรรมดา บางทีนางพูดส่งเดชแต่ก็แม่นยำไม่น้อย  ไม่อย่างนั้นนางจะเป็นสาวน้อยนำโชคได้อย่างไร!  เสวี่ยอู๋เสียยิ้มและพูดปกป้องนาง

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ปีศาจเฒ่าคงโชคร้ายเกินไปแน่ๆ!  เจ้าเมืองโล่วฮัวได้ยินแล้วมีความสุข นางยิ้มให้เขาและยักไหล่ตรงๆ เหมือนต้องการหยอกล้อเย่ว์หยาง นางอดยิ้มและอิงอยู่ในอ้อมแขนเย่ว์หยางไม่ได้

“เป็นไปไม่ได้!  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่ายหน้าคัดค้าน  “ปากน้อยๆ ของเป่าเอ๋อมีความสามารถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? นางอาจจะพูดถูกครั้งหรือสองครั้ง ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เรื่องหลักก็คือยกระดับพลังของคุณชายสาม ไม่ต้องแกล้งโง่มองตรงอื่น นี่พูดถึงเจ้า!  เทพพิทักษ์ทะเลมรณะ ยังมีจักรพรรดิไร้เทียมทานคอยสู้กันตัวต่อตัว  แต่เทพพิทักษ์เขากวงหมิง เราจะต้องเผชิญหน้า ถ้าขนาดมังกรปีศาจยังสู้ไม่ได้ เจ้าเคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่น่ากลัวบ้างไหม? มังกรปีศาจจะถูกบังคับให้ชมดูอยู่รอบนอก  เพราะสุดท้ายเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของหอทงเทียนเรา  ถ้าเทียนอี้เปิดการประลองตัดสินชะตา บางทีมังกรปีศาจก็ต้องยืนดูอยู่วงนอกโดยช่วยอะไรไม่ได้”

“นั่นหมายความว่าอาจารย์คนเดียวต้องสู้กับเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงและเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ใช่หรือเปล่า?” หลิวเย่เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางรีบพูด

“ยังมีเรา!  อู๋เหินรีบปลอบนาง

“ใช่, เราจะต้องพยายามอย่างหนักเช่นกัน!  สาวน้อยเย่ว์ปิงรู้ว่านักสู้ระดับเทพไม่สามารถเอาชนะนางได้ แต่นางไม่ยอมแพ้ยังมุ่งมั่นช่วยเหลือพี่ชายจนสุดขีดจำกัดพลังแห่งชีวิต

“ปิงเอ๋อ! ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะคิดหาวิธีที่ดีสักทาง บางทีเราอาจใช้พลังในด้านอื่นได้มากกว่านี้”  เย่ว์หวี่กอดน้องสาว และคำพูดของนางแสดงความปรารถนาของทุกคน

“เจ้ามีคัมภีร์แห่งสัจจะ ทั้งยังได้รับมรดกแห่งเทพธิดาปัญญา ต้องมีสักทางหนึ่งแน่สำหรับเจ้า”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่งงานสำคัญให้เสวี่ยอู๋เสีย

“เราจะทำอะไรกันต่อ ครู่หนึ่งทุกคนล้อมวงเข้ามาใกล้ แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่เว้น

เสวี่ยอู๋เสียไม่พูด

นิ้วของนาง

ชี้ไปทางเทพธิดาเสรีภาพ

อิงหลัวซึ่งได้รับการเลื่อนระดับจากเทวีเสรีภาพเป็นเทพธิดาเสรีภาพ แน่นอนว่าทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง แต่จำเป็นต้องใช้วิธีนั้นหรือไม่?  อิงหลัวเห็นทุกคนให้ความสนใจตนเองและแววตาของพวกนางแตกต่างกันไป  นางอดรู้สึกอับอายไม่ได้ นางใช้มือปิดหน้าและก้มหน้าไม่กล้ามองไปที่ทุกคนอีก ถ้านางไม่หวังว่านางจะสามารถช่วยเย่ว์หยางได้ นางคงหนีไปด้วยความละอาย

เย่ว์หวี่หน้าแดง สถานะของนางคือพี่สาว นี่นางจะทำยังไง...

แต่น้องชายนางและเทียนอี้มีชะตาต้องเผชิญหน้ากัน

หากต้องล้มเหลวโดยปราศจากความช่วยเหลือเขา  อย่างนั้นเขามิต้องกลายเป็นคนบาปไปตลอดกาลหรือ?  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจเป็นเช่นนี้ได้ มันยุ่งยากเกินไป  ถ้าปล่อยให้คนภายนอกรู้ ก็คงจบกัน ไม่ ไม่อาจปล่อยให้ชื่อเสียงของน้องสามเสียหายได้ อนาคตเทพจอมราชันย์จะเป็นอย่างนั้นไม่ได้!

พี่สาวที่หวังจะช่วยน้องชายนางอย่างเข้มแข็ง แต่รู้สึกถูกตำหนิจากคุณธรรมทางโลก นางไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

อย่างไรก็ตามหากมาถึงช่วงเวลาที่อันตรายและวิกฤตที่สุด

แม้จะเสียสละตนเองนางก็ต้องทำ...

“ต้องการทำแบบนั้นเร็วนักหรือ? ข้ายังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจเลย!  สาวน้อยมารเคราะห์ฟ้ารู้สึกว่านางยังอยากให้เขาเป็นพี่เขยและคอยแบล็กเมล์เอาสมบัติวิเศษ นางจะรู้สึกสบายใจมากกว่า  แต่พี่เทียนฟาของนางชอบให้เขาเป็นแบบนี้  ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่จะลองทำ  ถ้ารู้สึกดีก็สามารถช่วยเขาได้เล็กน้อย สำหรับการเรียกชื่อพี่เขย นางคร้านจะเปลี่ยนคำเรียกหา

“เด็กโง่ เจ้าคิดถึงเรื่องแบบนี้ตลอดทั้งวันหรือ?”  เทียนฟาตีสะโพกนาง “เขาหมายถึงบัลลังก์เทพของนาง”

“นั่นคือบัลลังก์เทพ?”  มารเคราะห์ฟ้าประหลาดใจ นางปรบมือเบาๆ

เผียะๆๆๆ เทียนฟาตีก้นนางเพื่อสาวน้อยรีบลุกขึ้นและรีบหนีออกไป เมื่อหนีออกไปห่าง นางหันหน้ามาทำท่าล้อเลียน นางเคยได้ยินพี่เทียนฟากับเด็กหนุ่มข้ามโลกพูดคุยบางคำเวลามีสัมพันธ์รัก บางคำก็ฟังไม่ได้ แต่นางก็ได้ยินและจำไว้

เทียนฟายกมืออย่างอ่อนใจ “ข้าตามใจนางจนเสียคนแล้ว!

หลังจากความเข้าใจผิดของมารเคราะห์ฟ้า  ทุกคนหายอึดอัดใจ ในที่สุดเย่ว์หยางก็ต้องเลิกแกล้งทำเป็นโง่ต่อไปและรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  “คำถามเกี่ยวกับบัลลังก์เทพนั้นง่ายมาก”  ก่อนที่เขาจะพูดจบ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำหมัดทันที  “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องบัลลังก์เทพเลย แค่ลบเรื่องลามกออกไปจากใจเจ้าทันทีเดี๋ยวนี้”

ทุกคนหัวเราะทันที

เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างจิตใจ เด็กหนุ่มข้ามโลกมีความคิดแปลกประหลาดอยู่ในใจ โชคดีที่ทุกคนสามารถยกเลิกไม่ให้ความสนใจได้ มิฉะนั้นขืนเชื่อมโยงจิตใจทั้งวันทุกคนคงทนไม่ได้

“?” ดูเหมือนเย่ว์ปิงจะเข้าใจความหมายของทุกคน เพราะหมาป่าเจ้าเล่ห์นั้นคือพี่ชายที่แสนดีของนาง และเขาปกปิดจากน้องสาวไว้เป็นอย่างดี  ดังนั้นนางจึงแทบไม่รู้สึกถึงความคิดลามกในใจพี่ชายนาง  แม้ว่าจะอยู่ด้วยกัน แต่นางแทบจะไม่ได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เป็นอันตราย เทียบกับเย่ว์หวี่นางค่อนข้างรู้สึกเจ็บปวด

“เดิมทีคือบัลลังก์เทพ..”  หลิวเย่รู้สึกอาย และในขณะเดียวกันนางถอนหายใจโล่งอก นางรู้สึกผิดหวังลึกๆ ในใจ แต่นางรู้สึกกลัว จึงรีบข่มไว้อย่างรวดเร็ว

เย่ว์หยางช่วยต่อร่างให้เทพธิดาเสรีภาพและสร้างบัลลังก์เทพไปด้วย

ทุกคนรู้สึกถึงกระบวนการนี้และเขาไม่จำเป็นต้องพูดมากกว่านี้เพื่อทำความเข้าใจ แต่ทำไมเสวี่ยอู๋เสียถึงระบุว่ากุญแจความก้าวหน้าก็คือบัลลังก์เทพ?

นางต้องการให้เย่ว์หยางช่วยให้ทุกคนได้บัลลังก์เทพหรือ?  ถ้าเป็นเช่นนั้นจะไม่ใช้เวลามากเกินไปหรือ?  สี่วันหลังจากช่วงเวลาสิบวันที่ตงฟางกำหนดไว้จะสายเกินไปหรือเปล่า?

เสวี่ยอู๋เสียจับมือเขาเขย่าบอกเขาว่าไม่ใช่อย่างนั้น

เมื่อเย่ว์หยางนั่งลงฟังอย่างจริงจัง เสวี่ยอู๋เสียยิ้มเล็กน้อย  “หากยังมีบัลลังก์เทพสองหลังอยู่ข้างหลัง ดังนั้นบัลลังก์เทพนิรันดร์ย่อมเป็นรากฐานที่เย่ว์หยางเชี่ยวชาญในตอนนี้  เราไม่ต้องคิดถึงบัลลังเทพอีกสองหลังที่จะตามมาในตอนนี้ก่อน  อาจกล่าวได้ว่านั่นยังไม่ใช่สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้   ทำไมข้าถึงพูดอย่างนั้น?  อนาคตของเย่ว์หยางไม่ใช่อยู่ที่บัลลังก์เทพ แต่เป็นเทพจอมราชันย์ ทั้งเป็นเทพจอมราชันย์ที่เหนือธรรมดา  ส่วนระดับเราจะถูกจำกัดอยู่ที่บัลลังก์เทพมาโดยตลอด  หากเราเปลี่ยนแปลงความคิดสักเล็กน้อย เราก็ไม่จำเป็นต้องช่วยให้เขาได้บัลลังก์เทพแต่อย่างใด  แต่บนพื้นฐานของบัลลังก์เทพ ณ จุดเริ่มต้นบัลลังก์เทพนิรันดร์นี้ สำหรับเขานี่เป็นความสำเร็จระดับร่างเทพอมตะ  นี่ก็นับว่าดีแล้ว!

เย่ว์หยางตัวแข็ง  นี่หมายความว่าอะไร?

สาวหิมะตั้งใจจะบอกว่าบัลลังก์เทพนิรันดร์เป็นแค่บัลลังก์เทพที่ใช้ชั่วคราวเท่านั้น ยังมีที่ดีกว่านี้ในอนาคตอีกหรือ?

เมื่อเห็นสายตาตั้งคำถามของเย่ว์หยางและความสับสนของทุกคน เสวี่ยอู๋เสียยิ้ม  ความจริงแล้วสามสาวเทวทูตพี่น้องออกมา ข้าก็เข้าใจได้นิดหน่อย  แน่นอนว่าพวกนางเป็นคนแรกที่ให้ความรู้แก่เย่ว์หยางและเป็นคนแรกที่ช่วยให้เขาได้บัลลังก์เทพสำเร็จ  พวกนางสอนเย่ว์หยางว่าความนิรันดร์คืออะไรและมีเพียงความนิรันดร์เท่านั้นที่เป็นรากฐานและเป็นพื้นฐานสำหรับความสำเร็จต่อยอดในอนาคตทั้งหมด นั่นคือเหตุผลที่บัลลังก์เทพของเย่ว์หยางเป็นบัลลังก์เทพนิรันดร์ที่เขาได้สร้างไว้  สิ่งที่เขาสร้างขึ้นไม่เพียงแต่เป็นดินแดนปัจจุบัน และสิ่งเล็กน้อยแค่นี้ แต่เขาต้องก้าวหน้าขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้นอีกด้วย  ตัวอย่างเช่นโลกคัมภีร์ในปัจจุบัน เติบโตมาพร้อมกันกับเขา ตอนนี้การเติบโตของเย่ว์หยางยังคงดำเนินต่อไป ไม่จำกัดอยู่ที่แค่บัลลังก์เทพแน่นอน สำหรับคัมภีร์เทพเล่มอื่น ข้าไม่สามารถพูดได้มากเกินไป ในขณะนี้ข้าพูดได้ว่าเย่ว์หยางจะมีชะตาของเขาแน่นอน และเขาจะต้องเลื่อนระดับพลังสูงขึ้นไปอีกแน่นอน....  ก่อนจะควบคุมชะตาได้อย่างสมบูรณ์ ข้าไม่คิดว่าบัลลังก์เทพที่สามของเย่ว์หยางจะมีวิวัฒนาการหรือมีความต้องการวิวัฒนาการในระดับสูงขึ้นไป  เมื่อวันหนึ่งเย่ว์หยางด้วยการสนับสนุนของบัลลังก์เทพนิรันดร์ได้สร้างโลกใหม่ของตัวเองและควบคุมชะตากรรมของตนเองอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะพุ่งเป้าไปที่บัลลังก์เทพที่สามด้วยการสนับสนุนของเรา”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ฟังแล้ว นางสูดหายใจลึกดวงตาเปล่งประกายปัญญา  “เข้าใจแล้ว เราจะทำอะไรให้เขาได้โดยอาศัยบัลลังก์เทพนิรันดร์ ข้าหมายถึงวิธีช่วยให้เขาสร้างร่างอมตะที่สามารถเอาชนะเทียนอี้ในการเผชิญกับชะตากรรม?”

“จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย” เสวี่ยอู๋เสียส่งคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝนให้เย่ว์หยางและกล่าวพลางยิ้ม  “ใช้คัมภีร์เทพ และร่างเทพศักดิ์สิทธิ์จะเหมือนน้ำที่หลั่งใหล”

“พระเจ้า จะต้องใช้เวลานานเท่าใด!  เย่ว์หยางตกใจ

“บางทีต้องใช้เวลาวันหนึ่ง หรืออาจใช้เวลาหมื่นปี ถ้าเจ้าสามารถระลึกถึงภูมิปัญญาที่เจ้าสร้างขึ้นในมิติไร้ที่สิ้นสุด  คัมภีร์เทพโลกฝึกฝนจะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและจะอยู่ในความควบคุมของเจ้าโดยสิ้นเชิง  ถ้าเจ้าไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขนั้นได้สำเร็จ อย่าว่าแต่หมื่นปี แสนปีเลย ต่อให้เป็นล้านปีก็คงไม่พอ” เสวี่ยอู๋เสียใช้มือทั้งสองประคองใบหน้าเย่ว์หยางและจ้องมองเขาด้วยสายตาจริงจังอย่างยิ่ง  “ฟังให้ดี! เทพบุตรที่ดีที่สุดในหัวใจข้า   ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า เพราะเจ้าเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งไม่เคยปรากฏมีมาก่อนในช่วงหมื่นปี เจ้าโดดเด่นกว่าเมื่อเทียบกับจักรพรรดิอวี้จ้านฟงและนางพญาเฟ่ยเหวินหลี จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ  ไม่มีใครปฏิเสธเจ้าได้ เจ้าคืออัจฉริยะไร้เทียมทาน เจ้ายังคงต้องเลือกเส้นทางโชคชะตาของเจ้า... ภารกิจนี้เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนในโลกจะทำสำเร็จ มีเพียงแต่เจ้าเท่านั้นที่ทำได้ เราจะสนับสนุนเจ้าและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือเจ้า ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้เรากลายเป็นม่ายอยู่อย่างสิ้นหวัง เจ้าต้องลงมือทำตอนนี้  หากเจ้าลังเลสักนิด เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้จะชิงขึ้นหน้าเจ้า เหนือกว่าเจ้า เราเริ่มต้นกันช้า แต่ตราบใดที่เราทำงานกันอย่างหนัก เรายังมีโอกาส... เพื่อเรา โปรดเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่า”

“ข้ารู้ว่ามันยาก แต่เราเชื่อมั่นว่าเจ้าสร้างปาฏิหาริย์ได้ และเราจะอยู่ช่วยเจ้าสร้างปาฏิหาริย์นี้กับเจ้า...”  เสวี่ยอู๋เสียจูบเย่ว์หยางเบาๆ เป็นการส่งความจริงใจของนางให้เขาทั้งหมด

“เสี่ยวซาน ข้า และพวกเราสนับสนุนเจ้า!” เย่ว์หวี่หลั่งน้ำตาและกอดน้องชายที่รักจากด้านหลัง

“มาสร้างปาฏิหาริย์ด้วยกันเถอะ...”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกดไหล่เย่ว์หยาง ทุกคนยืนขึ้นและยื่นมือออกมา  แม้ว่าพวกนางจะไม่รู้ว่าทำอย่างไร แต่จิตใจของพวกนางทุกคนทุ่มเทเพื่อเขาไม่ว่าจะต้องเสียสละอะไรก็ตาม พวกนางทุกคนหวังว่าพวกนางสามารถช่วยให้เขาเดินทางในเส้นทางชีวิตต่อไปได้

ต้องช่วยให้เขาประสบความสำเร็จ ช่วยให้เขาควบคุมคัมภีร์เทพได้และสำเร็จร่างอมตะ

ทุกคนหลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้น

น้ำตาบางหยดรดลงบนไหล่เย่ว์หยาง บางหยดรดลงบนคัมภีร์เทพดินแดนฝึกฝนในแขนของเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงหัวใจที่ระอุกรุ่นของเขา หัวใจของเขาพลุกพล่านราวกับเผชิญคลื่นสึนามิ และเขาไม่สามารถควบคุมความตื่นเต้นได้  เขาอยากตะโกนขึ้นฟ้าและระบายอารมณ์ที่เขามิสามารถระงับได้ ทันใดนั้นในส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขา มีเสียงดังไพเราะเหมือนเสียงธรรมชาติดังออกมา เสียงไพเราะเกินบรรยาย จิตใจของเย่ว์หยางสะท้านราวกับว่าทะลุกำแพงขวางกั้นบางอย่าง

ความสว่างไม่รู้จบขยายออกมา!

เพลิงอมฤตลุกพรึ่บจากเท้าของเย่ว์หยางอาบทุกคนไว้ในภายใน...

**** **** ****

8 ความคิดเห็น:

Badly กล่าวว่า...

ร่างคอสโม่ มาแล้วครับ555

CHANTANA กล่าวว่า...

เทพยัง😉😉😉😉

หวังปี้เจ้า กล่าวว่า...

ขอบคุณค้าบ

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

เพลิงอาบร่างแล้วจะอัพแร้งเหรอ

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Poo กล่าวว่า...

นี่แหละต้นกำเนิดไซย่า

Lucky กล่าวว่า...

เผาเสื้อผ้าอีกแล้ว

แสดงความคิดเห็น