วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1367 ข้ามาแล้ว...

 


 

ตอนที่  1367  ข้ามาแล้ว...

ในโลกคัมภีร์


เมื่อเย่ว์หยางลืมตาขึ้น เขาพบว่าเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูเขาอย่างกังวล

“สบายใจได้ ข้ายังไม่ได้เริ่มโดยตรง เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้คงตรวจไม่พบ” เย่ว์หยางรีบปลอบพวกนาง  “นอกจากนี้ ตอนข้าอยู่ในดินแดนฝันของฝ่าบาท แม้แต่เทียนอี้ก็ยังตรวจไม่พบร่องรอยของข้า”

“ความจริงเทียนอี้ไม่ใช่คนที่ข้ากังวลที่สุด”  เสวี่ยอู๋เสียกังวลเล็กน้อย  “ข้าคิดอยู่เสมอว่า ไพ่ในมือของตงฟางไม่ง่ายขนาดนั้น

“ตงฟางเป็นกุญแจสำคัญแน่นอน”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงเห็นด้วย

“น่าเสียดายที่เราไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเขามากนัก เวลากระชั้นเกินไป มิฉะนั้นเราอาจคิดหาวิธีจัดการกับเขาได้”  สาวมารกฎฟ้าส่ายหน้าถอนหายใจเบาๆ  นางคิดว่าพลังของตงฟางไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด แต่กลับคุกคามพวกเขาได้อย่างมากเป็นรองแค่เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้  หากต้องบอกว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในประตูเทพ ฝ่ายเทพทะเลมรณะและจะไม่ทำอะไรเลย นั่นคงเป็นไปไม่ได้”

คำถามก็คือภายใต้เงื่อนไขปัจจุบัน จะขุดเอาตงฟางออกมาจากฝ่ายทะเลมรณะและฆ่าเขาได้อย่างไร?

อู๋เหินมองโลกในแง่ดี นางยิ้มปลอบใจทุกคน “บางทีตงฟางอาจเป็นคนดีก็ได้ เขากำลังใช้งานเทียนอี้”

เย่ว์หยางตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าเมืองโล่วฮัวโบกมือพัลวัล “ไม่ เป็นไปไม่ได้  คนทรยศอย่างตงฟางต้องเป็นคนเลวและร้ายกาจมาก การกระทำของเขาก็เพื่อสร้างความวิบัติให้หอทงเทียน ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างอื่นแน่นอน นิสัยคนอย่างเขาไม่มีทางเป็นคนดีไปได้  เขาเป็นคนทรยศและชั่วร้าย  เหตุผลที่ตงฟางยังคงซ่อนตัวอยู่ก็เพราะว่ายังไม่ถึงเวลา เมื่อเขาเคลื่อนไหว ข้าเกรงว่าจะเป็นการตัดสินขั้นสุดท้าย  เขาต้องใช้เทียนอี้ในแผนการ แต่ในทางกลับกัน เทียนอี้จะไม่ใช้เขาเชียวหรือ?”

ในบรรดาสาวๆ มีเพียงเย่ว์หวี่เท่านั้นที่สนับสนุนความเห็นของอู๋เหิน

อย่างไรก็ตาม พวกนางคิดว่าความเป็นไปได้นี้

ยังไม่น่าเชื่อถือทั้งหมด

แม้ว่าอู๋เหินจะคาดการณ์ในแง่ดี แต่ก็ไม่กล้ายืนยันว่าตงฟางเป็นไส้ศึกให้หอทงเทียน....

“ตงฟางจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญ  แต่การที่ต้องมาสู้กับตงฟางเป็นเรื่องแย่”  เย่ว์หยางคิดว่าตอนนี้เขายังอยู่ในช่วงเตรียมตัว ไม่ควรตีตนไปก่อนไข้กังวลจนเกินไป หากชนะการประลองชะตาได้ สถานะเทพราชันย์ไม่หนีไปไหนอย่างแน่นอน  แต่ถ้าแพ้ในสงครามชะตา จะทำให้เทียนอี้ประสบความสำเร็จ และเขาก็คงมีแต่ความเสียใจ

“เราต้องรอสักพัก ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุด  เจ้าควรออกไปดูก่อน หาทางแทนที่จื้อจุนให้นางเข้ามาก่อน”  เสวี่ยอู๋เสียคิดว่าในช่วงไม่กี่วันมานี้เขาจะกู้วิกฤตหอทงเทียนกลับมาได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะดำเนินแผนการทั้งหมดอย่างไร

“ระวังด้วย อย่าทำอะไรโดยใช้อารมณ์ส่วนตัว ต้องไม่ประมาท”  เย่ว์หวี่รีบกระตุ้นเตือนน้องชาย  นางกลัวที่สุดว่าน้องชายจะบ้าพลังจนลืมทำเรื่องที่ควรทำ

“ไม่ต้องห่วง!  รับรองได้ว่าข้าจะไม่หลงกลไปตามแผนของตงฟางและเทียนอี้แน่นอน” เย่ว์หยางตบอกรับรอง

แต่หลังจากพูดรับรองแบบนี้ได้ไม่นาน

เขาออกมาจากโลกคัมภีร์เข้าโลกแกนสมดุลโลก ก็แทบบ้าทันที

ความโกรธระเบิดขึ้นแรงเป็นแสนเท่า เหตุผลก็ถูกโยนทิ้งไปภายใต้อารมณ์เลือดร้อนเดือดพล่านรุนแรง ตัวเขาแทบจะควบคุมพลังเทพไม่ได้ พลังเทพแทบระเบิดออก

ข้างหน้าเขาในตอนนี้สถานการณ์ในสนามรบดุเดือดเลือดพล่าน จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแบกภูเขาศักดิ์สิทธิ์บนไหล่เดินตรงไปที่ทะเลมรณะทีละก้าว สะพานเชื่อมใต้เท้าเขาไกลสุดขอบฟ้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและพังทลายลงภายใต้เท้าของเขา ฝ่ายตรงข้ามกับจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่มีร่างสูงใหญ่คอยช่วยค้ำและยันไม่ให้จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อเดินหน้าเข้ามา

จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อก้าวไปข้างหน้าต้องใช้ความพยายามร้อยเท่าพันเท่า

บนยอดเขาเทพศักดิ์สิทธิ์ เจี้ยนจางเซิงที่คอยพยุงแบกโดมท้องฟ้าล้มลงกับพื้นแล้ว เขาไม่สามารถแบกรับได้อีกต่อไป เทพธิดาบุปผาผู้พิทักษ์อยู่แต่ก่อนได้เข้าแทนที่เขา  ร่างเทพของนางถูกทำลายก่อนเวลาอันควรและร่างหินศิลาของนางเริ่มแตกสลายมีแต่เพียงรัศมีแห่งจิตวิญญาณและสำนึกเทพสูงสุดของนางที่ช่วยค้ำโดมท้องฟ้าไว้...

เทพมารแห่งค่ายทะเลมรณะกำลังโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

บางคนโจมตีจักรพรรดิไร้เทียมทาน บางคนโจมตีเทพธิดาบุปผาผู้พิทักษ์แห่งภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังโจมตีจื้อจุนที่อยู่บนยอดเขาที่ตอนนี้ทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยเลือด

หากไม่มีจื้อจุน วิญญาณของเทพธิดาบุปผาคงถูกทำลายไปนานแล้ว  แต่จื้อจุนที่ถูกปีศาจเฒ่ามากมายรุมล้อมจากด้านหน้า ต้องใช้ความพยายามไม่ด้อยไปกว่าเทพธิดาบุปผา แต่ยังเบากกว่าจักรพรรดิไร้เทียมทานที่แบกภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์ไว้ทั้งลูก

เขาไม่สามารถถอยหลังได้ เพื่อปกป้องจื้อจุนจากด้านหน้า ตลอดทั้งตัวนางเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด

เย่ว์หยางไม่เคยเห็นนางบาดเจ็บหนักอย่างนี้มาก่อน

ในพริบตา

เขาเจ็บปวดใจจนแทบแหลกสลาย

ปีศาจเฒ่าน่ารังเกียจเหล่านี้ไร้ยางอายอย่างคาดไม่ถึงรุมล้อมทำลายผู้เยาว์ที่ยังไม่มีบัลลังก์เทพที่บริบูรณ์

“มังกร, มังกรปีศาจเล่า!  เย่ว์หยางคำรามลั่นราวกับฟ้าร้อง เขาอยากรู้ว่ามังกรปีศาจที่อ้างตัวเป็นพี่ใหญ่ของเขากำลังทำอะไรอยู่  เขาทนดูให้เกิดภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?

“เด็กน้อยเจ้าออกมาจนได้ โชคดีที่ยังพอมีเวลาให้ข้าได้รวบรวมซากสังขาร” ในใต้เหวสะพานงูลอยฟ้า ร่างเทพที่แหลกลาญดูแย่ยิ่งกว่าหุ่นไล่การ้องครวญครางอย่างระโหยโรยแรง

เย่ว์หยางตกใจอย่างหนัก มังกรปีศาจผู้แข็งแกร่งอยู่ในสภาพพ่ายแพ้แบบนี้ได้อย่างไร?

มีเทพพิทักษ์ทะเลมรณะสองตนในทะเลมรณะหรือ?

เป็นไปไม่ได้!

มังกรปีศาจที่อยู่ในสภาพอาการหนักส่ายหัวและส่งสัญญาณบอกว่าเย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องออกมาช่วยตัวเขา  “อย่าสิ้นเปลืองพลังงานเลย ข้ารักษาไม่หายแล้ว เจ้าไม่ต้องเปลืองน้ำตาด้วย ตลอดชีวิตของข้าสิ่งที่กลัวที่สุดก็คือปัสสาวะม้า ถ้าเจ้ากล้าร้องไห้ข้าคงตายอย่างไม่มีความสุข”

เย่ว์หยางไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาเข้าไปในโลกคัมภีร์ไม่กี่วัน การต่อสู้กลับกลายเป็นเช่นนี้ “เกิดอะไรขึ้น?”

มังกรปีศาจแค่นเสียงด้วยความโมโห “เรื่องมันยาวเกินกว่าจะเล่า  ข้าขี้เกียจพูด”

จื้อจุนที่บาดเจ็บสาหัสแค่นเสียงโกรธ “คนทรยศตงฟางทำเรื่องงามหน้า ไม่รู้ว่าเขาร้องเรียนที่ไหนบอกว่ามังกรปีศาจได้รับการปล่อยตัวเข้าสู่แดนสวรรค์ก่อเรื่องชั่วร้าย และขอให้มีการลงโทษ เมื่อสามวันก่อนประตูเทพโบราณได้เปิดออก แต่เทพโบราณไม่ได้ปรากฏตัว แต่ค้อนศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ได้ทุบใส่กระดูกสันหลังเจ้าโง่นั่นจนทำให้สนามรบเป็นอย่างนี้ เขาต้องออกจากสนามรบ”

“มันน่าขายหน้า ข้าเป็นพี่ใหญ่แท้ๆ เสียหน้าหมด!  มังกรปีศาจรู้สึกอับอายมาก แต่เดิมทีเขาคิดว่าสามารถคุ้มกันผู้น้องได้ แต่กลับเป็นตัวเขาที่กลายเป็นภาระผู้น้อง

“ทำไมพวกเขาทำชั่วจึงไม่มีใครจัดการ เจ้าทำตามแบบอย่างเหลยฟง อุตส่าห์ทำความดีแท้ๆ แต่กลับถูกลงโทษ หรือว่าจักรวาลนี้ไม่มีความยุติธรรม”  เย่ว์หยางยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห

“เจ้ายังบอกว่าทำเรื่องดี ก็ต้องมีผิดพลาด จะเลือกก็ไม่ถูกแล้วมันจะดีได้ยังไง?”  มังกรปีศาจมองเห็นได้ชัดเจน นั่นเป็นบาปในอดีตของเขา การมาของค้อนลงทัณฑ์สวรรค์เป็นการลงทัณฑ์อย่างเคร่งครัด ยังดีกว่าดึงเทพเพชฌฆาตมาทำหน้าที่ตัดหัวร้อยครั้ง ความเสียใจของเขาเพียงประการเดียวก็คือไม่สามารถเข้าร่วมในการประลองชะตานี้ได้ เขาต้องการช่วยให้ผู้น้องได้ก้าวไปข้างหน้า แต่เขามีพลังไม่เพียงพอ  “ข้ายังไม่ได้ทำสิ่งดีๆ ในชีวิตเลย แต่น่าเสียดายที่มหาเทพไม่ให้โอกาสนี้แก่ข้า”

“บัดซบ นี่มันใจดำเกินไปแล้ว ข้าต้องร้องเรียน!  เย่ว์หยางแทบกระอักเลือด

“เจ้ารู้จักเบื้องบนด้วยหรือ?”  มังกรปีศาจได้ยินแล้วรู้สึกสะท้านใจ

“เปล่า” เย่ว์หยางพูดอย่างจนใจ

“อย่างนั้นพูดไปก็ป่วยการเปล่าๆ!  มังกรปีศาจตัดบท ไม่มีใครฟ้องร้องเบื้องบนได้ ยิ่งเจ้าไม่มีผู้หนุนหลังที่ดี!

“เลิกพูดเรื่องเหลวไหลได้แล้ว เจ้ามาช่วยจิ๋วซื่อเดี๋ยวนี้เลย!  ในที่สุดจื้อจุนก็ได้พักหายใจได้บ้าง ถ้าเย่ว์หยางไม่ปรากฏตัวและทำให้เทพที่รุมล้อมตกใจหวาดกลัวชั่วคราว นางไม่รู้ว่าจะทนต่อไปได้หรือไม่

“อะไรนะ?” เย่ว์หยางมองดูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์สูงล้านเมตร เขาจะแบกของแบบนี้ได้อย่างไร!

“หรือว่าเจ้าหันไปสู้กับเทพพิทักษ์ทะเลมรณะแทนเล่า”  จื้อจุนให้ทางเลือกเย่ว์หยางแค่สองตัวเลือก

“อย่างนั้นแบกภูเขาก็คงดีกว่า!  เย่ว์หยางไม่เข้าใจว่าแบกภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์หนักหนาแค่ไหน? ต่อให้ต้องย้ายภูเขาก็ต้องรอเคลื่อนไหวช้าๆ หลังจากเอาชนะศัตรูก็ได้ไม่ใช่หรือ?  ตอนนี้เทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะอยู่ตรงหน้าเขา เป็นไปได้อย่างไรที่จะเคลื่อนย้าย  แม้ว่าเทพพิทักษ์ทะเลมรณะจะมีพวกสองร้อยห้าสิบคน แต่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเฉยมองดูเหตุการณ์เช่นนี้

“ไม่มีเวลาแล้ว!  มังกรปีศาจตะโกนด้วยพลังทั้งหมดของเขา  “ชาวโลกแห่งแกนสมดุลโลกรู้มานานตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้วว่าแกนสมดุลโลกจะกลายเป็นเวทีตัดสินชะตา เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าต้องการจะชนะย่อมเป็นไปไม่ได้เลย!  เจ้าสามารถต่อสู้กับกองกำลังอื่นๆ ได้หรือไม่?  หากต้องการชนะ ก็ต้องรู้ไว้ว่าภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์จะช่วยลดระดับการระเหยแห้งของน้ำในทะเลมรณะ นั่นคือสิ่งที่เทพได้อธิบายไว้

“ฮ่าฮ่า  ภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์ช่วยลดระดับหรือ? ทะเลมรณะระเหยหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า!  เทพพิทักษ์ทะเลมรณะแหงนหน้าหัวเราะ “เจ้าคิดว่าเป็นไปได้จริงหรือ?  ข้าผู้เป็นเทพยังคงมีพลังความแข็งแกร่งพอและปล่อยให้จิ๋วซื่อแบกภูเขาเทพ ตอนนี้เขาไม่สามารถถอยหรือวางภูเขาลงได้ และใกล้จะตายเต็มทน ยังกล้าคุยโวถึงสิ่งที่เทพอธิบายไว้หรือ?”

“ข้ายังสามารถแบกต่อไป ไม่มีใครในโลกหยุดความทะเยอทะยานของข้าจิ๋วซื่อได้  จักรพรรดิไร้เทียมทานก้าวย่างอย่างหนักหน่วง แม้ว่าจะแบกภูเขาไว้บนบ่าและศัตรูอยู่ข้างหน้า  แต่ความแข็งแกร่งของเขายังปรากฏให้เห็นบนใบหน้า  “เย่ว์ไตตัน ตราบใดที่เจ้าจำได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าคือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ แกนสมดุลโลกและทะเลมรณะนี้ก็ควรจบลงที่ข้า!  นี่คือชะตาที่ข้าแบกรับไว้ ไม่ใช่เจ้า ตราบเท่าที่ตัวเจ้าประสบความสำเร็จ แค่นั้นก็พอ!

“เลิกคิดได้เลย ข้าผู้เทพยังมีเวลา แต่จิ๋วซื่อเจ้าจะต้องพ่ายแพ้ตลอดไป!  เทพพิทักษ์ทะเลมรณะไม่ได้มองดูที่เย่ว์หยางเลย

เขากางแขนทั้งหกยันรับมุมภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์ในทิศทางที่จิ๋วซื่อกำลังก้าวไปข้างหน้า

จักรพรรดิไร้เทียมทานตวาดเสียงทุ้ม

พลังเทพระเบิดออก

เขาทุ่มชีวิตต้านรับไม่ให้อีกฝ่ายก้าวเดินได้แม้แต่ครึ่งก้าว....

การประลองพลังแบบนั้นระหว่างจักรพรรดิไร้เทียมทานและเทพพิทักษ์ทะเลมรณะในช่วงสามวันสามคืนนี้ประลองแบบนี้กี่ครั้งแล้ว

ถ้ามองอย่างผิวเผินจักรพรรดิไร้เทียมทานเดินหน้าได้ตลอดไม่มีใครหยุดห้ามได้ แต่เทพพิทักษ์ทะเลมรณะเชื่อว่าชัยชนะสุดท้ายจะต้องเป็นของเขา  เพราะภายใต้อุปสรรคขัดขวางอย่างเขาจิ๋วซื่อจะไม่สามารถเดินไปจนถึงขอบทะเลมรณะได้  ในระหว่างเดินทางช่วงครึ่งทางนี้ ฝ่ายตรงข้ามผู้มีชะตาเช่นนี้ ใช้พลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมากเกินไป ในที่สุดเขาจะต้องพินาศล้มลงกับพื้นในที่สุด

“เย่ว์ไตตัน คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้าผู้เป็นเทพนี้” เย่ว์หยางหันหน้าไปมองและพบว่าเป็นเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงมายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้

“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เย่ว์หยางรู้สึกแปลกใจ เจ้าผู้นี้ออกมาจากเขากวงหมิงและเข้าประตูเทพโบราณได้ด้วยหรือ?

“ประตูแห่งชะตาได้เปิดออกอย่างเป็นทางการแล้ว... “  เทพพิทักษ์เขากวงหมิงมองไปที่มังกรปีศาจและหันกลับมามองเย่ว์หยางอีก “ในเส้นทางโบราณ ข้าผู้เป็นเทพนี้สามารถฆ่าเจ้าผู้มีคุณสมบัติเข้าประลองโชคชะตา  อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีการเผชิญหน้าประลองชะตา  เทียนอี้จะได้รับพลังเทพจอมราชันย์  เราผู้เป็นเทพแอบปล่อยให้เจ้าหนีไปพร้อมกับเจ้าโง่มังกรปีศาจ เจ้าคิดว่าจะหนีพ้นมือเราผู้เป็นเทพได้จริงๆ หรือ?  เส้นทางโบราณของภูกวงหมิงเป็นที่อยู่ของเทพ  แม้ว่าเจ้าจะมีพลังของหอทงเทียนทั้งหมด แต่คิดจะใช้อุบายภายใต้จมูกข้าผู้เป็นเทพ เจ้านึกว่าจะซ่อนพ้นจากสายตาข้าผู้เป็นเทพได้จริงๆ หรือ? 

“ทั้งหมดอยู่ในแผนแล้ว”  ตงฟางปรากฏตัวครั้งแรก เขาโค้งคำนับให้จักรพรรดิไร้เทียมทาน จากนั้นยิ้มให้เย่ว์หยาง  “ผู้ที่คู่ควรบัลลังก์แท้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นผู้อาวุโสจิ๋วซื่อ  จากนั้นขอเพียงเขาตาย เพียงแค่นั้นการประลองชะตาของคนรุ่นต่อไปจึงจะเกิดขึ้นได้ แค่เพียงเขาตายเท่านั้น หอทงเทียนจะพินาศลง และจะพินาศไปตลอดกาล  เย่ว์ไตตัน  เจ้าเองก็ไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อเจ้าเป็นรองอยู่บ้าง”

“ฉลาดสมกับเป็นตงฟางจริงๆ”  เย่ว์หยางปรบมือชื่นชม แต่เสียงของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง  “อย่างนั้นก็ต้องกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้งบ้างใช่ไหม?”

“ไม่” ตงฟางส่ายหัว  “การเล่นหมากรุกจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว   ตอนนี้เจ้าอยากจะเล่น ก็คงเล่นไม่ได้... เพื่อชัยชนะครั้งสุดท้าย ข้าตัดสินใจตาย  สำหรับเกมนี้ ถ้าไม่มีคู่ต่อกรด้วยและเจ้าจะเล่นกับใคร?  เจ้าพลาดไปหนึ่งก้าว ตอนนี้ต้องการจะถอยกลับ ต้องการจะตั้งหมากใหม่ แต่เวลาไม่เพียงพอเสียแล้ว ข้าจะไม่ให้โอกาสนี้กับเจ้า เย่ว์ไตตัน เจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ เรื่องนี้ข้าไม่สงสัยเลย แต่ถ้าพูดถึงเรื่องเล่นหมากรุก นี่คือความร้ายกาจของข้า ตงฟาง”

ตงฟางลอยขึ้นไปในอากาศ

และค่อยๆ ลอยไปในทิศทางของทะเลมรณะ ชุดคลุมของเขากระพืออยู่ในอากาศ คนเล่าสง่างามจนมิอาจพรรณนาได้ แต่สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมราวกับว่าเขาคือผู้พลีชีพที่คลั่งไคล้ที่สุดในโลก เพื่ออุดมคติของเขา เขาไม่ลังเลที่จะเสียสละชีวิตตนเอง

“ลาก่อน บ้านเกิดที่ให้กำเนิดข้าและเลี้ยงข้าจนได้ดี  ลาก่อนหอทงเทียน ลาขาดตลอดกาล”

“ตงฟางเป็นเพียงเศษธุลีเล็กๆ ในโลก แต่ข้าก็มาที่นี่แล้วและกลายเป็นดาวตกที่สว่างเจิดจ้าแจ่มจรัส แม้ว่ายากจะสว่างได้ชั่วนิรันดร์ แต่มันก็คือแสงรัศมีของข้า...”

“ไม่มีเวลาของข้าตงฟางอีกต่อไปแล้ว  แต่อย่างน้อยข้าก็ยังแสดงให้เห็นว่าข้าตงฟางมาถึงแล้ว...”

เหมือนกับดาวหางที่พุ่งผ่านจักรวาล

ตงฟางขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของท้องฟ้าก็ร่วงตกลงมา

ทั้งร่างมีเปลวเพลิงลุกโชติช่วงและส่องแสงสว่างบนพื้นผิวทะเลมรณะที่น่ากลัว จากนั้นค่อยสลัวลงๆ หรี่ลงและจมหายไปในส่วนลึกของทะเลมรณะ...

**** **** ****

6 ความคิดเห็น:

BJ กล่าวว่า...

อ่านชื่อตอนแล้ว​ เหมือนรู้ว่าคนอ่านรอ

CHANTANA กล่าวว่า...

55555ตบมัน

Nasee กล่าวว่า...

กำลังมันน

oBABYVOXo กล่าวว่า...

อ่าว มันไปตายแล้วพี่เย่จะทำยังไงทีนี้

Pcha กล่าวว่า...

ยังไงเนี่ย

INNOVATOR กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

แสดงความคิดเห็น