วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1388 ลุยหน้าต่อไป!

 

ตอนที่  1388  ลุยหน้าต่อไป!

หลงทาง โดยไม่รู้ตัว?

 

สายตาของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจับจ้องไปที่เด็กสาวชุดเขียวนี้ ไม่มีใครเข้าใจว่าต้องเป็นเด็กสาวแบบไหนถึงพูดได้แบบสบายๆ ในสภาพที่เหตุการณ์ตึงเครียดแบบนี้  นางคิดออกหรือไม่ว่ากำลังจะเกิดเหตุนองเลือดเป็นท้องธาร

“ดูเหมือนว่าน่าประทับใจเล็กน้อย” ถานไถถูเมี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย  เขามักจะรู้สึกว่าเขาคุ้นเคยกับสตรีผู้นี้มากราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

“เจ้าเป็นชาวบูรพาใช่ไหม?” จักรพรรดิอสูรคือราชาแห่งเผ่าอสูร เขาชื่นชมชีวิตที่ยืนยาวนานของเผ่าบูรพาอมตะ ตามตำนานในยุคโบราณบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์อสูรดั้งเดิมเป็นอสูรอมตะ เพราะบาปกรรมบางประการพวกเขาถูกขับออกจากโลกบูรพาและร่อนเร่อยู่ในแดนสวรรค์  ด้วยความทรงพลังมหาศาล ผู้อาศัยดั้งเดิมจำใจต้องยอมรับการมาถึงของพวกเขา ตามลักษณะความเข้มแข็งของพลัง  พวกเขาตั้งรกรากตั้งแต่แดนสวรรค์บน ค่อยๆ แผ่ปกคลุมถึงแดนสวรรค์เขตล่างขยายลามมาถึงหอทงเทียน นี่คือจุดเริ่มต้นของเผ่าพันธุ์อสูรในเขตต่างๆ

กล่าวอีกนัยหนึ่งเผ่าพันธุ์อสูรในปัจจุบันความจริงก็คือลูกหลานของเผ่าอสูรอมตะที่ถูกเนรเทศออกมานั่นเอง เพียงแต่เวลาผ่านไปอย่างยาวนานมาก  เนื่องจากการแต่งงานระหว่างกัน หรือเพราะความชั่วความเลวร้ายบางอย่าง สายเลือดจึงค่อยๆ เจือจางลง รุ่นต่อรุ่นจึงไม่มีพลังที่ดีเท่าคนรุ่นก่อน พอปราศจากพลังของบรรพบุรุษที่ห่างไกล ในที่สุดก็กลายเป็นเผ่าอสูร

เช่นเดียวกับมนุษย์มังกรในหอทงเทียน, เผ่าอสูรและเผ่าภูตบูรพาอื่นต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยโอกาสได้กลับไปเสมอ

เพื่อทำตามเจตจำนงของบรรพบุรุษที่ห่างไกล

สำหรับเจตจำนงต้องการกลับไป มีอยู่ในตัวของอสูรทุกเผ่าพันธุ์

สำหรับความโหยหาที่แฝงอยู่ในสายเลือดมาเป็นเวลานานอาจปะทุขึ้นมาได้ราวกับภูเขาไฟ

ปลุกปลอบตัวเองให้ล้างบาปดั้งเดิมที่บรรพบุรุษก่อไว้ เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากเผ่าพันธุ์อมตะและกลับไปยังโลกบูรพา นี่เป็นสัญชาตญาณของเผ่าอสูรทุกเผ่าพันธุ์ ต่อให้แดนสวรรค์สวยสดงดงามเพียงไหนก็ตาม เผ่าพันธุ์อสูรจะมีอำนาจมีเกียรติยศเพียงไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถปกปิดความว่างเปล่าในจิตใจได้

เพราะ

แดนสวรรค์ไม่ใช่ที่ของเผ่าพันธุ์อสูร

เผ่าพันธุ์อสูรที่อยู่ที่นี่เหมือนกับคนผ่านทางมามากกว่า และถูกบังคับให้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

“โปรดรับการคารวะจากเราเผ่ากาทองสามขาแห่งหุบเขาสุริยันต์ด้วยเถิด”  จักรพรรดิทองรีบขึ้นมาอยู่ข้างหน้าและคำนับเด็กสาวอย่างสุภาพ เผ่ากาทองสามขาคือเผ่าพันธุ์หนึ่งของแดนสวรรค์ที่ถูกเนรเทศมาจากโลกบูรพา เพราะช่วงเวลาไม่ยาวนาน กล่าวคือพวกเขาอยู่ในแดนสวรรค์ยังไม่ถึงสองหมื่นปี  ดังนั้นจึงแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการดำรงชีวิต  เผ่ากาทองสามขาแทบจะไม่มีการแต่งงานกับชาวโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ขังตัวเองอยู่ในที่แบบนี้ ไม่ถามไถ่เรื่องราวของโลกภายนอก  และส่วนใหญ่จะรักษาความบริสุทธิ์ทางสายเลือดไว้ได้

จักรพรรดิทองกระตือรือร้นที่จะกลับไปยังโลกบูรพามากกว่าจักรพรรดิอสูร

ที่สำคัญคัญเผ่ากาทองสามขาของพวกเขามีความหวังมากกว่า

ในบรรดากลุ่มผู้อาวุโสที่มีอาวุโสสูงสุดและมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดและกลุ่มชาติพันธุ์ในโลกบูรพามีสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและสายเลือดที่มิอาจวิจารณ์กับคนนอกได้

เมื่อเห็นชาวเผ่าอมตะมาถึง จักรพรรดิทองก็ยังยินดีตื่นเต้น แม้ว่าจะเป็นแค่นางฟ้ากิเลนน้อยก็ตาม แต่ถ้าสามารถเป็นสหายที่ดีได้ อนาคตของเผ่ากาทองสามขาอาจเปลี่ยนไปได้ในวันหนึ่ง

“หือ, เจ้าคือคนเผ่ากาทองสามขาอย่างนั้นหรือ?”  เด็กสาวในชุดเขียวก็คือสาวกิเลนปิงหยิน นางชำเลืองมองดูจักรพรรดิทองและส่ายศีรษะน้อยๆ ของนาง “ดูเหมือนบาปที่พวกท่านก่อไว้จะมีไม่น้อย พลังสายเลือดถึงได้ถูกผนึกไว้หนาแน่น!

“เป็นเพราะบรรพบุรุษมีการเข่นฆ่ามากเกินไป จึงได้ทิ้งมรดกปัญหาที่ยุ่งยากไว้”  จักรพรรดิทองย่อมรู้แน่นอนว่าทำไมเผ่ากาทองสามขาของพวกเขาถึงถูกขับออกมา

“ไม่เป็นไร เมื่อทำผิดก็แก้ไขเท่านั้นเอง  ตัวข้าเองทำผิดบ่อยๆ ท่านแม่ก็ยังอภัยให้อยู่เรื่อย”  เด็กสาวกิเลนโบกมือและปลอบโยนจักรพรรดิทองที่กำลังหลั่งน้ำตาม คำพูดของนางทำให้ทุกคนอึดอัด  เด็กน้อยความคิดง่ายๆ เจ้าทำอะไรผิดพลาดหรือ? มารดาเจ้าย่อมยกโทษให้แน่นอน  แต่เผ่ากาทองสามขาจะไปเหมือนกันได้อย่างไร?  แน่นอนว่าการเข่นฆ่ามากเกินไปและถูกเนรเทศ กำจัดคุณสมบัติของอสูรอมตะ นั่นเป็นโทษที่ค่อนข้างเบา  ถ้าดำเนินการอย่างเคร่งครัด อาจจะต้องพิฆาตกำจัดกันทั้งเผ่าพันธุ์

“เข้าใจแล้ว” อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิทองยังจะพูดอะไรได้ในตอนนี้เล่า? ได้แต่พยักหน้า

“พวกท่านไม่ต้องเกรงใจมากมารยาทกับข้านักก็ได้”  สาวกิเลนปิงหยินส่งสัญญาณว่าจักรพรรดิอสูรและจักรพรรดิทองไม่ต้องสุภาพกับนางมากนัก  นางยิ้มและกล่าว “ข้าเข้าใจอารมณ์ของพวกท่าน  อย่าว่าแต่พวกท่านเลย ข้าจากบ้านมาระยะหนึ่งแล้ว คิดถึงท่านแม่และทุกอย่างที่บ้านมาก  ไม่อย่างนั้นตอนนี้ข้าคงไปสู้เพื่อเจ้าตัวร้าย แต่ข้าไม่ถนัดในเรื่องต่อสู้อย่างนี้...”

“เข้าใจแล้ว” พวกเผ่าอสูร มีจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจ เจ้าไม่ถนัดต่อสู้ แต่พวกเราถนัด!

มีโอกาสสู้เพื่อเผ่าพันธุ์เดียวกัน ยังดีกว่าทำอะไรให้คนอื่น

อย่าว่าแต่ศึกนี้พวกเขาเข้าร่วมด้วยความสมัครใจเอง

ถึงจะไม่มีความเกี่ยวข้องในตระกูล เมื่อมีโอกาสเช่นนี้ก็ต้องช่วย

หลังจากได้ฟังเช่นนั้นแล้ว สาวกิเลนปิงหยินเผยเงื่อนไขทันที  “ถ้าได้ชัยในครั้งนี้ ข้าจะช่วยบอกท่านแม่ให้  จะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับโชคของพวกท่าน ข้าไม่รับประกัน เลือดที่ถูกผนึกอยู่ในร่างกายของพวกท่าน ข้าจะหาทางปลดผนึกให้ได้ส่วนหนึ่ง  แน่นอนว่าถ้าหาตัวร้ายพบเจอจะคลี่คลายปัญหาได้แน่นอนมากกว่า”

“ตกลง”

“สู้ตาย จนกว่าหัวใจข้าจะหยุดเต้น”

จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรตื้นตันใจจนแทบจะร้องไห้

ถ้าสามารถสร้างความดีความชอบได้ พวกเขาก็มีโอกาส หลังจากถอยหลังไปหมื่นก้าว แม้ว่าบาปของรุ่นบรรพบุรุษจะร้ายแรงและเขาไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว อนุชนรุ่นหลังควรมีโอกาสกลับไปยังโลกบูรพาไม่ใช่หรือ?  ทำไมพวกเขาถึงได้พากเพียรอย่างหนักในช่วงหลายปีในชีวิตนี้เล่า? ก็ไม่ใช่เพื่ออนาคตของรุ่นลูกหลานหรือ!

ถานไถถูเมี่ยลอบร่ำร้องในใจ  อสูรอมตะกิเลนออกมาอย่างนี้กำลังของฝ่ายตรงข้ามที่กระจัดกระจายเหมือนเม็ดทรายจะกลายเป็นแผ่นเหล็กที่แข็งแกร่งทันที

เพื่อนำเผ่าพันธุ์กลับไปหารากเหง้า จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรจะต้องกระตือรือร้นต่อสู้แน่นอน

เขาเข้าใจได้ชัดเจนขึ้น

การได้หวนกลับคืน

เป็นสิ่งที่มีความหมายต่อเผ่าพันธุ์บูรพาที่หลงทาง

ก็แค่ต้องให้ทั้งหมดตาย พวกนี้จะต้องเดินหน้าบุกอย่างบ้าคลั่ง....

“บางทีการฆ่าอสูรอมตะเป็นบาปหนักและเป็นการกระทำที่อันตรายในโลกนี้ แต่เราพัศดีคุกโลหิตไม่มีทางเลือก” ถานไถถูเมี่ยยังรู้สึกโชคดีที่อสูรกิเลนนี้ยังเป็นเด็ก ไม่มีอะไรป้องกัน ถ้านางเป็นผู้ใหญ่เต็มวัย อย่างนั้นทุกอย่างคงจบ

“เจ้ากล้าหรือ?” จักรพรรดิทองยืดตัวขึ้นตระหง่านราวกับภูเขาไฟ และแผดเผารัศมีเพลิงที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่ากาทองสามขาทันที

“ไสหัวไป!” ถานไถถูเมี่ยเงื้อมือตบใส่จักรพรรดิทองจนถอยห่างออกไปแสนเมตร

ยังมีข้า!

จักรพรรดิอสูรไม่รู้ว่ามายืนอยู่หน้าถานไถถูเมี่ยตั้งแต่เมื่อไหร่

ร่างของเขามีเพลิงเทพครอบคลุมทั้งหมด แต่ไม่ใช่เพลิงสุริยาที่รุนแรงเป็นเปลวไฟปีศาจที่กลืนกินทุกอย่าง  เปลวไฟปีศาจชนิดนี้ไม่สามารถคาดเดาได้เมื่อถูกใช้ออก ผู้ชมดูจะเหมือนตกไปอยู่ในห้องแช่แข็ง  อากาศเย็นไหลผ่านทำให้หยดน้ำรอบตัวจับตัวเป็นน้ำแข็ง  สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเปลวไฟชนิดนี้สามารถกลืนกินพลังเทพที่อยู่รอบๆ ได้รวมทั้งพลังเทพที่บุกรุกเข้ามาใกล้ จะถูกกลืนกินและย่อยสลายกลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างเงียบๆ

ถานไถถูเมี่ยปล่อยหมัดกระแทกไฟสลาย หมัดต่อยถูกหน้าอกของจักรพรรดิอสูร

กระดูกอกของจักรพรรดิอสูรแตกเป็นหลายชิ้น

โลหิตฉีดพุ่งออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

เหมือนกับน้ำตก

แต่จักรพรรดิอสูรกลับไม่รู้สึกอะไร ร่างของเขาเหมือนภูเขา ดวงตาแดงก่ำของเขา นอกจากความเจ็บปวดแล้วเขายังมีความมั่นใจ

“เจ้าต้องการเอาชนะข้างั้นหรือ?  อย่างน้อยต้องใช้หมัดหนักกว่านั้นพันเท่า ไม่อย่างนั้นล้มข้าไม่ได้ ก่อนที่เจ้าจะล้มข้าได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าผ่านไป”  ความคิดของจักรพรรดิอสูรคือเว้นแต่ข้ามศพเขาไปได้ มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ถานไถถูเมี่ยจะผ่านไปโจมตีสาวกิเลนที่อยู่ข้างหลังได้

“ใช่แล้ว อย่าทระนงตัวเองจนกว่าจะฆ่าเราได้” จักรพรรดิทองกลับมา หน้าอกของเขายุบเช่นกัน แต่ลักษณะท่าทีของเขามั่นคง

“อย่างนั้นก็ฆ่าพวกเจ้าทั้งสองคนก่อน...” ถานไถถูเมี่ยแค่นเสียงเหี้ยมเกรียม

เขาเป็นคนที่เน้นผลงาน แต่ไม่คำนึงถึงวิธีการ

ตราบเท่าที่สามารถฆ่าศัตรูได้

ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม

จะใช้พันหมัด หรือหมื่นหมัดก็ได้ ขอให้บรรลุผลสำเร็จ

เจ้าคิดหรือว่าจะใช้ทัศนคตินี้และความเสียสละนี้จะหยุดข้าได้? น่าขัน!  ในโลกนี้ความแข็งแกร่งคือการรับประกันทุกอย่าง!

ในโลกนี้ มีความแข็งแกร่งย่อมได้รับความเคารพ หากไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ ไม่ว่าจะมีความทะเยอทะยานและความปรารถนาที่ยอดเยี่ยมเพียงใด ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงคำพูดที่ว่างเปล่า เป็นเรื่องตลกเท่านั้น!

“พวกเจ้า หยุดให้กับข้าทุกคน” เด็กหนุ่มผู้ดื้อด้านคำราม ใบหน้าเขาแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น และกายของเขาสั่นสะท้านเหมือนคนไข้ ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน เขาก้าวเดินออกมาหนึ่งก้าว และทรุดตัวที่แทบเท้าปิงหยินด้วยความดีใจ เขาคุกเข่าข้างหนึ่ง มือทั้งสองประสานด้วยท่าทางอ้อนวอน “ข้าขอร้องท่าน ข้าเบื่อเจ้าผีแก่นี่เต็มทน ทำไมท่านถึงไม่สู้ตอบโต้กลับ  ทำไมต้องรักชีวิตและมีน้ำใจต่อผู้อื่นในทุกๆ ที่ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ลักษณะนิสัยของข้าเลย  ข้าเป็นคนหยิ่งผยองและดื้อรั้น เห็นอะไรที่ไม่ถูกใจข้าคงทุบให้ตาย  รีบขับไล่ข้า เนรเทศข้าเลย ข้าไม่ต้องการเป็นอสูรอมตะที่ถูกโซ่ตรวนกฎเกณฑ์ครอบงำ ข้าต้องการเป็นอสูรที่ทำตามที่ใจเรียกร้อง หยุดความชั่วร้าย!

“น่าตกใจ?”  จักรพรรดิอสูรและจักรพรรดิทองเหลือกตา เหมือนกับว่าเขาได้เห็นคนบ้าที่สุดในโลก

“เจ้าคือฉงฉีหรือ?”  ปิงหยินจำเด็กหนุ่มผู้ดื้อด้านได้อย่างยากลำบาก

“ได้โปรดเนรเทศข้าออกไปเร็วๆ ข้าไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไปแล้ว  การต่อสู้นี้มาถึงขั้นนี้ ท่านให้ข้าร่วมได้ไหม?  ข้าไม่อยากเป็นอสูรอมตะอีกต่อไปแล้ว!  ข้าอยากเป็นตัวของตัวเอง ข้าอยากสู้ ข้าต้องการสู้” สีหน้าที่เจ้าเล่ห์ของฉงฉีที่เจ้าเล่ห์ดูจริงจังมาก

“โอว, เด็กวัยรุ่นที่อยู่ในอารมณ์ดื้อด้านใจร้อนนั้นช่างไร้เหตุผลจริงๆ”  เมื่อสาวกิเลนปิงหยินพูดแบบนี้ นางลืมไปว่านางเองก็เป็นเด็กสาวเพิ่งเติบโต

“ช่วยข้าหน่อยเถอะน่า, ข้าอยากสู้จริงๆ!  ฉงฉีเด็กหนุ่มดื้อด้านกระวนกระวาย

“ช่วยก็ได้ แต่ดูเหมือนข้าไม่คุ้นเคยกับเจ้าเลย” ปิงหยินส่ายหัว

“ข้าจะบ้าอยู่แล้ว!  ฉงฉีผู้เจ้าเล่ห์แทบจะบ้า

พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยคงไม่นั่งดูเรื่องนี้เกิดขึ้นเฉยๆ แน่  แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอสูรอมตะถูกเนรเทศ  แต่ความรู้สึกถึงอันตรายในใจของเขากระตุ้นให้เขาลงมือทันที

พลังเทพปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่งน่ากลัวราวกับกระแสน้ำพลุ่งพล่านน่าสะพรึงกลัว  ร่างเทพของเขาเคลื่อนไหวพุ่งเข้าหาสาวกิเลนปิงหยินอย่างเกรี้ยวกราดทันที

ตราบใดที่เขาฆ่าสาวกิเลนตรงนี้ได้คนเดียว เหตุเปลี่ยนแปลงในสนามรบทุกอย่างจะจบลง

จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรยืนปักหลักป้องกันอยู่ข้างหน้าเขา เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะนั่งเฉยดูถานไถถูเมี่ยลงมือ  ไม่ว่าถานไถถูเมี่ยจะโจมตียังไงก็ตาม ถ้าทำให้เป้าหมายบาดเจ็บ พวกเขาคงไม่สามารถแก้ไขได้อย่างแน่นอน  แม้ว่าเขาจะตายที่นี่ ก็จะไม่ปล่อยให้เขาทำร้ายเป้าหมายได้แม้แต่เพียงปลายเส้นขน

จักรพรรดิทองไม่สนใจการโจมตีอย่างสิ้นเชิง ใช้พลังเทพทั้งหมดป้องกันการโจมตีของถานไถถูเมี่ย

จักรพรรดิอสูรช่วยสนับสนุนด้วยพลังเทพที่ไม่เหมือนใคร

พวกเขาไม่เคยร่วมมือกันมาก่อน

แต่

เหมือนกับเป็นบุคคลเดียวกันโดยปริยาย

พลังเทพของทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างไม่น่าเชื่อและมีพลังสูงส่งกว่าพลังเทพธรรมดาอย่างน้อยสิบเท่า  ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถต้านทานการโจมตีสังหารอย่างหนักของพัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยได้

“อะไรกัน?” ถานไถถูเมี่ยไม่อยากเชื่อ  จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรผนึกพลังกันกลับหยุดไม้ตายโจมตีเต็มที่ของเขาได้

“เราทำได้” จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรตื่นเต้น และรู้สึกโกรธ

พวกเขายังต้องสู้เสี่ยงชีวิต

ร่วมมือกันโดยไม่มีความคิดไขว้เขวเพื่อปกป้องใครสักคน กลับประสบผลสำเร็จอย่างแท้จริงเกินกว่าที่พวกเขาคาดหวังไว้มาก  หากเป็นเช่นนั้นก็มีความมั่นใจว่าสามารถป้องกันเป้าหมายได้  จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรมองหน้ากันและพยักหน้าให้กันยืนป้องกันสาวกิเลนปิงหยินแยกซ้ายขวา

ต้องการทำร้ายนาง อย่างนั้นก็ต้องข้ามศพพวกเขาไปก่อน

นี่คือเป้าหมายป้องกันของพวกเขา

เพื่อเผ่าพันธุ์

เพื่อให้ได้กลับไป

เพราะเสียงเรียกร้องของบรรพบุรุษที่ห่างไกล ชีวิตนี้สามารถสละได้ ตราบเท่าที่ทำได้สำเร็จได้รับการยอมรับในการต่อสู้เพื่อให้กำเนิดเทพจอมราชันย์ จากนั้นเผ่าพันธุ์พวกเขาจะได้มีโอกาสกลับไปยังเผ่าพันธุ์บูรพา นี่จะไม่ใช่ฝันที่ไกลเอื้อมอีกต่อไป

“เข้ามาเลย!” ดวงตาของจักรพรรดิทองแสดงความกระตือรือร้น “ข้าจะใช้เลือดล้างบาปที่ก่อไว้ในอดีต”

“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว” จักรพรรดิอสูรยิ้มมุมปาก

เขานึกถึงความหลัง นึกถึงบิดาเขาที่จากไป

ในที่สุดเขาก็เข้าใจชัดเจน

เพราะการเสียสละครั้งนี้ผ่านมาถึงหลายชั่วอายุคนหลายรุ่นคนจากรุ่นต่อรุ่น ต้องทุ่มเทมูลค่าเพียงไหน  การเสียสละเป็นการปกป้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นการกำจัดที่ดีที่สุด แม้กระทั่งเป็นการเริ่มต้นชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง สละตนเองเพื่อคนอื่น เพื่อประโยชน์ของคนในเผ่าพันธุ์และคนรุ่นหลัง การเสียสละอย่างไม่เห็นแก่ตัว การเสียสละหรือการปกป้องแบบนี้คือความหมายที่แท้จริงของชีวิตที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจากรุ่นสู่รุ่น

“จงตายเสียให้หมด!” ถานไถถูเมี่ยโกรธ หมัดพลังเทพที่สามารถทำลายล้างโลกกลายเป็นดวงอาทิตย์นับพันดวงส่องสว่างเต็มท้องฟ้า

บึ้ม บึ้ม บึ้ม

รอยหมัดยุบลึกปรากฏอยู่บนร่างของจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูร

เลือดทะลักออกจากปากและจมูกของพวกเขาราวกับน้ำตก พลังเทพแทบหมด ไฟชีวิตแทบจะมอดดับ

แต่ร่างของพวกเขายังคงยืนหยัดอยู่กับที่อย่างภูมิใจ พวกเขายืนอย่างมั่นคงต่อหน้าสาวกิเลนปิงหยิน อสูรหนอนเก้าหัวและอสูรอื่นรีบวิ่งเข้ามาหาอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาตั้งใจจะช่วยจักรพรรดิอสูร ถานไถถูเมี่ยชี้นิ้วก็โจมตีพวกเขาราวกับใช้ค้อนทุบ พลังสายฟ้าฟาดโจมตีพวกเขาจนล้มลงบาดเจ็บสาหัสมิอาจเคลื่อนไหวได้

“พวกเจ้าต้องการขวางข้าพัศดีหรือ?” ถานไถถูเมี่ยยิ้มเยาะ เขามองไปที่จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรที่ร่างเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บอย่างเหี้ยมเกรียม “จะต่อยได้กี่ครั้งน่ะหรือ? ตอนนี้แม้แต่เด็กทารกก็สามารถฆ่าเจ้าได้อย่างง่ายดาย!

ถึงขีดจำกัดแล้ว

จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรเข้าใจว่าการโจมตีนี้ทำให้ร่างกายของพวกเขาถึงขีดจำกัดแล้ว

แต่ต่อให้ต้องตาย พวกเขาจะไม่มีวันยอมให้ศัตรูผ่านไปได้ก่อนที่พวกเขาจะล้มลงอย่างสิ้นเชิง

หมัดราวกับดวงอาทิตย์

ปรากฏบนท้องฟ้าอีกครั้ง

พลังเทพครอบงำทั้งจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูร

ถานไถถูเมี่ยเดินเข้าหาสาวกิเลนปิงหยินทีละก้าว  จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรดิ้นรนลุกขึ้นจากพื้นด้วยความเจ็บปวด และวิ่งเข้าหาอย่างหมดหวัง แต่พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยเตะพวกเขาบินไปทางซ้ายและขวาตามลำดับ  “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย”

“ใครอีกล่ะ?” ถานไถถูเมี่ยมองลงมาที่สาวกิเลนปิงหญิง  ตรงหน้าเขามีเด็กหนุ่มผู้ดื้อด้านที่กำลังโกรธต่อหน้าเขา  ในสายตาของเขา นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอเหมือนแมลงตัวน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย และเขาก็เมินไม่สนใจ  ฉงฉีที่ดื้อด้านโกรธแทบบ้า แต่เขาทำอะไรไม่ได้  อย่าว่าแต่กฎห้ามเลย ตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถานไถถูเมี่ยพัศดีคุกโลหิตผู้นี้

“ฮ่า......”  จักรพรรดิทองพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะประคองร่างอันหนักอึ้งของเขาและต่อสู้กับถานไถถูเมี่ยต่อไป แต่พลังเทพเหมือนกับภูเขาหนักอึ้ง

จักรพรรดิอสูรผู้อยู่อีกข้างหนึ่งพยายามต่อต้าน แต่แขนของเขาและร่างของเขาค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นทีละน้อย

และกลิ้งไปรอบๆ

อสูรเทพหลายตนกลิ้งกระจัดกระจายไม่สามารถต่อต้านได้

“จงตายให้กับข้าซะ  แดนสวรรค์ไม่ใช่ที่ๆ พวกเจ้าควรมา ที่นี่เป็นของเรา” ถานไถถูเมี่ยเงื้อมือยักษ์ขึ้นเตรียมบดขยี้สาวกิเลนปิงหยินที่อยู่ข้างหน้าให้เป็นผุยผงในวินาทีถัดไป

การฆ่าอสูรอมตะโดยเฉพาะอย่างยิ่งอสูรอมตะที่มีศักดิ์ฐานะสูงเป็นพิเศษ ถือว่าเป็นการกระทำที่บ้าคลั่งอย่างไม่ต้องสงสัย

ในการทำเช่นนั้น อาจจะนำไปสู่สงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ได้ทุกเมื่อ

แต่ถานไถถูเมี่ยไม่ลังเล

ตราบใดที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการขึ้นสู่สถานะเทพจอมราชันย์ ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าจะมาจากไหนก็ช่าง ไม่ว่ามันจะสร้างผลกระทบอะไรก็ตาม เขาต้องกวาดล้างให้หมดสิ้น  สำหรับถานไถถูเมี่ย ต่อให้แดนสวรรค์ทั้งหมดถูกทำลายในวันพรุ่งนี้ ตราบเท่าที่เขาสามารถช่วยให้เทียนอี้เป็นเทพจอมราชันย์ได้ในวันนี้ เขาไม่มีอะไรต้องเสียใจ

“ตาย” มือยักษ์ของถานไถถูเมี่ยทุบลงทันทีราวกับค้อน

“ดุร้ายจริงๆ  ข้าไม่เล่นกับเจ้าหรอก!” สาวกิเลนปิงหยินไม่ลืมแลบลิ้นล้อ

ร่างสีมรกตกระพริบวาบจากนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยขณะที่แรงระเบิดของถานไถถูเมี่ยยังไม่หายดี

ถานไถถูเมี่ยตะลึง

หายไปหรือ?

นี่เป็นไปได้อย่างไร?

เห็นได้ชัดว่าเขาใช้สำนึกเทพกักนางไว้แล้ว นางหลบรอดสายตาเขาไปได้อย่างไร?

และที่ยิ่งน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นก็คือฉงฉีที่ไม่สามารถยกมือขึ้นป้องกันได้ ไม่สามารถหยุดได้แม้แต่ปลายนิ้วของถานไถถูเมี่ยก็หายไปด้วย

เมื่อหันหน้ากลับไปมองดูอีกครั้ง เขาพบว่าเงาสีเขียวมรกตปรากฏตัวอยู่บนแท่นที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล มือน้อยๆ ของนางมีแสงแพรวพราวนุ่มนวลพุ่งออกมาราวกับสายรุ้งเป็นพันสาย ในแสงรุ้งที่งดงามยอดเยี่ยมนี้ จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่กับพื้น เผ่าอสูรเก้าหัว มังกรสองหัวและพวกเผ่ามังกรฟ้าอื่นๆ  พวกจางไห่และนักสู้ระดับเทพจากแดนสวรรค์บน รวมทั้งฉงฉี ทุกคนถูกย่อส่วนอย่างรวดเร็ว...

ไม่ว่าจะมีขนาดร่างเดิมเท่าใดก็ตาม ทั้งหมดถูกย่อส่วนจนเหลือเท่าเมล็ดถั่ว

และลอยมาตามแสงสีรุ้ง

ทุกคนลอยเข้ามาอยู่ในมือของสาวกิเลนปิงหยิน

นางกำมือจากนั้นก้มศีรษะและกระโจนไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญไม่ว่าอะไรจะขวางอยู่ข้างหน้าก็ตาม นางขวิดทะลุผ่านกฎสวรรค์ต้องห้ามของเจ้าตำหนักสูงสุด ผ่านแรงกดดันพลังเทพของถานไถถูเมี่ยได้อย่างง่ายดาย และทะลวงกำแพงมิติวิ่งหายไปในเส้นทางเดินโบราณอันกว้างใหญ่ทันที

เสียงบ่นพึมพำดังลอยลมทำให้คนที่ไม่รู้อะไรหัวร่อมิออกร่ำไห้มิได้  “ที่นี่ที่ไหน? ดูเหมือนจะหลงอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไร ข้าจะหาทางตะลุยไปจนได้!

ถานไถถูเมี่ยนิ่งอึ้งราวกับรูปสลักหิน และเขาคิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงเหลือเชื่ออย่างนี้

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกของเขา

เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งไม่ใช่ทุกอย่าง

โลกแกนสมดุล การต่อสู้ระหว่างเย่ว์หยางและเทียนอี้ยังคงดำเนินต่อไป

เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ในตอนนี้มีความมั่นใจในตนเองเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนักรบจากตำหนักกลางพาเย่คงและพวกเจ้าอ้วนไห่มาถึง เขามีรอยยิ้มลึกลับ

“ไม่ต้องห่วงเรา เราใช้ชีวิตมาคุ้มค่าแล้ว  พวกเรามาได้ถึงระดับนี้ถือว่าคุ้มเกินคุ้ม!  เย่คงที่ร่างกายบอบช้ำเหนื่อยล้าไม่มีพลังที่จะต่อสู้  แต่ปณิธานของเขายังคงแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก เขาเลือกที่จะตาย  หากต้องการใช้พวกเขาเพื่อคุกคามเย่ว์หยาง  เขาไม่มีทางเห็นด้วย  สำหรับคนไร้บ้านที่สิ้นหวังเกือบอดตายที่หอทงเทียนชั้นที่หนึ่งได้มีโอกาสได้ต่อสู้ แค่นี้ก็นับว่ายอดเยี่ยมเพียงพอแล้ว

ไม่มีอะไรต้องเสียใจในชีวิต!

เจ้าอ้วนไห่ใบหน้าถูกต่อยบวมปูดผิดรูปยังมีอารมณ์หัวเราะได้

แม้ว่าการหัวเราะของเขาจะน่าเกลียดกว่าร้องไห้ก็ตาม เขาก็ยังหัวเราะเหมือนคนโง่

เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวไม่พูดสักคำ เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในสนามรบที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่า แต่เป็นคฤหาสน์ที่เงียบสงบ พวกเขามองดูเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ด้วยความสนใจ  ภายใต้กฎสวรรค์ของตำหนักภายใต้สีเขียวราวกับมีต้นไม้กลิ่นหอมสวยงาม

เมื่อเห็นว่านักรบหอทงเทียนถูกจับ เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองหน้ากันเองและพยักหน้าให้กันอย่างจริงจัง

ฮึ่ม

ตอนนี้จะเริ่มการสู้รบกันแล้ว

กำแพงปราณก่อตัวขึ้นยืดขยายไปทางทะเลมรณะโดยไม่รู้ตัว

สุ่ยอู๋เหินเป็นคนแรกที่บินไปข้างหน้า ทุกครั้งที่นางก้าวเดินหน้ากำแพงปราณจะเพิ่มขึ้นทีละจุดและขยายออกไปหนึ่งเมตร ที่อยู่ด้านหลังของนางอย่างใกล้ชิดคือเย่ว์หวี่  นางพาภูตทะเลไปที่ทะเลมรณะ เมื่อนางก้าวมาถึงชายขอบทะเลมรณะ ทะเลคำรามราวกับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว และมีคลื่นทะเลสูงเป็นพันเมตรซัดเข้าหา

“จงเปิดทาง นี่คือเจตจำนงของจักรพรรดิสมุทร” ไห่หลานที่เป็นจักรพรรดินีสมุทรชูมือผลักดันคลื่นที่กราดเกรี้ยว คลื่นยักษ์แห่งทะเลมรณะที่ทำลายโลกได้ยอมเปิดเส้นทางกว้างให้นางอย่างไม่อาจขัดขึ้นได้

“ครืน ครืน ครืน....” ทะเลมรณะคำราม

คลื่นขนาดภูเขาม้วนตัวขึ้นและลง และดูเหมือนจะทับโถมลงมาได้ทุกเมื่อ มันต้องการจะกลืนกินพวกนางที่บังอาจมายั่วยุมัน

แต่ไม่ว่ามันจะโกรธเกรี้ยวกราดเพียงไหนก็ไม่สามารถหยุดพวกนางมิให้เดินหน้าได้  พลังกฎที่มากเกินกว่าสติปัญญาของมัน กำลังขยายพื้นที่จากแพงปราณออกไปเกิดเป็นเส้นทางเดินยาวเข้าไปในนั้น  วิญญาณต้องคำสาปจากทะเลมรณะกำลังส่งเสียงหวีดหวิวหมุนตัว และพุ่งออกมาจากช่องกลางจากทะเลมรณะ เหมือนกระแสน้ำที่ส่งเสียงร้องและคำสาปที่น่ากลัวที่สุด เหยียดแขนเตรียมพร้อมผ่านกำแพงผนึก

หลิวเย่เดินลงมาจากกวางทะลุมิติ

เหยียดมือออก

นางอยู่ใกล้กำแพงปราณ

ในพริบตาความกระจ่างใสบนกำแพงปราณเพิ่มขึ้นหลายพันเท่า และเพิ่มกฎที่ไม่อาจปนเปื้อนหรือทำลายได้

พลังบริสุทธิ์นี้สว่างและสะอาดกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์  วิญญาณต้องสาปของทะเลมรณะเหล่านี้พอพบเห็นก็ส่งเสียงกรีดร้องน่ากลัวกระจายไปทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาหลีกเลี่ยงการกระทบกับกำแพงปราณในขณะส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ในกฎสวรรค์ชำระมลทิน ร่างของพวกเขาระเหยเหมือนกับไอน้ำความเจ็บปวดแพร่กระจายอย่างไม่มีอะไรเทียบ....

ทั้งหมดตายไปและร่างละลายจนไม่เหลืออะไร

ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

“การสู้รบเริ่มในบัดนี้แล้ว ลุยกันเถอะ พี่น้อง!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกดาบเทพพยัคฆราชชี้ไปที่ทะเลมรณะ

“ใช่แล้ว  เราจะสู้ด้วยกัน!

เพื่อชัยชนะ

จุ้ยมาวอี้และราชันย์ปีศาจใต้วิ่งอย่างรวดเร็ว แพนดาน้อยหนิวหนิวหันกลับไปมองเย่ว์หยางที่ตกเป็นเป้าหมายเทียนอี้ เธอกัดฟันกำหมัด มองไปทางมารดาและเดินหน้าอย่างมั่นคง

เย่คงและเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ สับสน เกิดอะไรขึ้น?

เพิ่งเริ่ม?

หมายความว่ายังไง?

การต่อสู้นี้ยังดำเนินต่อไปได้อีกหรือ?

**** *** ****

4 ความคิดเห็น:

blakaros กล่าวว่า...

ปิงหยิน OP ขนาดไหนกันเนี่ย

หวังปี้เจ้า กล่าวว่า...

ขอบคุณค้าบ

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

CHANTANA กล่าวว่า...

ใครเอ้ย

แสดงความคิดเห็น