ตอนที่ 1390 ลาก่อนศัตรูเก่าของข้า!
“รีบๆ ผนึกเลย เร็วเข้า ไม่อย่างนั้นจะสายเกินไป” ฉงฉีกังวล ทันทีที่ถานไถถูเมี่ยมาถึงเขารีบเข้าไปหาเย่ว์หยาง และรีบร้องเตือนเย่ว์หยางอย่าเอาแต่ดูเรื่องสนุกต่อไป กำลังเสริมของศัตรูยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หากเขาไม่เริ่มผนึกจะไม่รู้ว่าเรื่องจะจบลงเช่นไร
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรก็กังวลเช่นกัน
แต่พวกเขาไม่กล้าตอแยเย่ว์หยาง
ได้แต่กระวนกระวาย
เย่ว์หยางมองลึกลงไปในเส้นทางโบราณขณะที่ยื่นมือกดลงที่ศีรษะฉงฉี
ในนามของเทพจอมราชันย์ในอนาคต พลังเทพสูงสุดไหลเข้าไปในตัวของฉงฉีโคจรอยู่ในร่างของฉงฉีโดยไม่มีการต่อต้านใดๆ และในที่สุดก็กำหนดกฎสวรรค์ผนึกไปที่ข้อจำกัดพันธนาการทั้งหมด ปิดกั้นผลชะตาในอนาคตตามหลักของการผนึก
“อ๊า......”
ฉงฉีร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด
มีโลหิตไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดของเขา รองจากกฎเนรเทศแล้ว เมื่อเขาถูกผนึกสำเร็จแล้ว เขาจะมีการเปลี่ยนแปลงจากศีรษะถึงหางจากอสูรอมตะไปเป็นอสูรร้าย กฎสันติภาพถูกผนึก ชะตาของเขาเปลี่ยนไป พลังที่ซ่อนอยู่ในร่างของเขาปะทุระเบิดออกจากทางด้านศีรษะ
พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ความเศร้าโศกที่ไม่รู้ที่มาลอยออกมาจากโลกมิติเวลา
กฎแห่งสันติภาพถูกผนึก อสูรอมตะเลือดบริสุทธิ์เปลี่ยนไปเป็นสุดยอดอสูรร้ายที่ทรงพลัง และทั่วทั้งโลกแกนสมดุลถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยพลังสังหารแห่งอสูรร้ายอำมหิตที่น่ากลัว และท้องฟ้าทั้งหมดอาบไปด้วยแสงสีโลหิต
โลกเป็นเหมือนขุมนรก ตำแหน่งที่ฉงฉียืน มีสารพัดอาวุธ มีทั้งดาบ ปืน กระบี่ ง้าว เขา เขี้ยว กรงเล็บและเกล็ดผุดขึ้นมาจากพื้นเปลี่ยนเป็นพลังกฎปีศาจของฉงฉี เมื่อไม่ถูกจำกัด พลังจะปล่อยออกมาโดยอัตโนมัติ ขนาดเจ้าของพลังอย่างฉงฉีที่เป็นเจ้าของพลังเองยังไม่อยากเชื่อว่าร่างของเขาเก็บพลังไว้มากมายขนาดนี้
“อ๊า.......” ฉงฉีทะลึ่งพรวดพราด และกระแสพลังปีศาจกวาดไปทั่ว โลกแกนสมดุลสั่นสะเทือน
อย่างไรก็ตามเขาหลั่งน้ำตาโลหิตอย่างคาดไม่ถึง
น้ำตาหยดลงพื้น
เปลี่ยนเป็นบ่อโลหิตที่ลุกไหม้
เสียงเหมือนกับเสียงคร่ำครวญเสียใจยิ่งมียิ่งมากขึ้น เย่ว์หยางที่ดูเหมือนไร้หัวใจยังอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น มีเสียงร่ำไห้มาจากทางด้านสาวๆ
“เจ้างี่เง่านี่ทำจริงๆ ด้วย ข้าเองยังไม่กล้าจัดการให้เขา!” สาวกิเลนปิงหยินปาดน้ำตาที่หางตา นางแค่นเสียงไม่พอใจ นางเองรู้ว่าการผนึกนั้นง่าย แต่คิดจะทำให้ฟื้นคืนเหมือนเดิมได้ นางเกรงว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉงฉีเป็นอสูรกระหายเลือดและแข็งแกร่ง เขาคงต้องก่อบาปกรรมมากมายเพราะพลังยิ่งใหญ่ของเขา และคงไม่มีทางชดใช้ได้ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องการกลับไปอยู่ในสถานะอสูรอมตะ เขาคงเดินตามรอยมังกรปีศาจ
“พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ย บัดนี้ ข้าขอท้าทายเจ้า” ฉงฉีแทบทนท้าทายศัตรูไม่ได้
ครั้งแรกต้องใช้มีด
พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยไม่สนใจเขา
ทำไมถึงไม่ใช่เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้? ฉงฉีเหมือนกับชอบความรุนแรงอยู่แล้ว แต่เขาไม่ใช่คนโง่ แค่ใช้หัวแม่เท้าก็คิดออก สุดยอดหัวหน้าไม่ใช่ผู้ที่เขาท้าทายได้ มันเกินขีดจำกัดของเขา เขาได้แต่ท้าทายถานไถถูเมี่ยซึ่งเป็นขีดจำกัดปัจจุบันของเขา!
“และเราด้วย” จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูร ได้รับการปลดผนึกจากเย่ว์หยาง ไม่มีผนึกอีกต่อไป
ภาพกาทองสามขาและเต่าดำเก้าหัวปรากฏ
หนึ่งซ้าย และหนึ่งขวา
ภาพขยายไปถึงขอบโลกแกนสมดุล
แม้ว่าจะไม่สามารถกลับไปอยู่ในระดับเดียวกับอสูรอมตะด้วยการปลดปล่อยพลังของเย่ว์หยาง หลังจากจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรถูกเนรเทศและผนึกพลังไว้ พลังส่วนหนึ่งของพวกเขาถูกปลดปล่อยออกมาในนามของเทพจอมราชันย์ในอนาคต ซึ่งได้รับการยอมรับและอนุมัติให้กระทำการรบในสนามรบ
พลังเทพที่ร้อนแรงราวกับพระอาทิตย์พันดวงเปล่งรัศมี รังสีแสงดูราวกับกระบี่ที่สาดลงมาจากท้องฟ้า
นี่คือพลังเทพกาทองหลังจากจักรพรรดิทองได้รับการปลดปล่อยพลังและมีพลังเพิ่มขึ้น
ในอีกด้านหนึ่งพลังเทพที่เปล่งออกมาจากร่างของจักรพรรดิอสูรมืดมิดราวกับคุกมืดกลืนความสว่างของท้องฟ้าไปครึ่งหนึ่งอย่างสิ้นเชิง ไฟปีศาจใต้พิภพเก้าชนิดที่สามารถเผาไหม้และกลืนกินได้แม้กระทั่งแสงเทพปรากฏอยู่ในมือของจักรพรรดิอสูร บางครั้งก็กลืนกินรัศมีทองที่จักรพรรดิทองฉายผ่านเข้ามาถึง
“โอว..” ราชามังกรสองหัวกู่อั๋งมองไปที่ฉงฉี จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรทั้งสามคนด้วยความอิจฉา
มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับจากเย่ว์หยาง
ส่วนที่เหลือ แม้แต่ชาวเผ่าอสูรเก้าหัวและอสูรทมิฬก็ไม่ได้รับของขวัญอย่างเดียวกัน ประสาอะไรกับเผ่ามังกรฟ้าที่วางตัวเป็นศัตรูมาก่อน
ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขานี้มีทางเลือกสองทาง ทางแรกคือกู่อั๋งและคนอื่นเลือกที่จะติดตามเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ เจ้านายใหญ่ผู้นี้ดูก็รู้จะต้องชนะอย่างมิต้องสงสัย ในฐานะบริวารของเขา แม้ว่าจะไม่สามารถได้รับผลประโยชน์ที่ดี แต่อย่างน้อยชีวิตที่น่าสงสารยังได้หลักประกัน ถ้าไม่อยากเป็นมดแมลงของเทียนอี้ กู่อั๋งและพวกก็สามารถเลือกติดตามคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะพ่ายแพ้
ถ้าเย่ว์ไตตันสามารถพลิกสถานการณ์ได้ อย่างถ้าพวกเขาเลือกทางสายที่สอง อย่างนั้นจะเป็นปัญหาที่พิเศษ การได้รับผลประโยชน์เป็นเรื่องสำคัญที่สุด พวกเขาอาจได้เข้าไปสัมผัสโลกบูรพาได้
“พวกเจ้าไม่คิดบ้างหรือ?” ราชามังกรสองหัวกู่อั๋งต้องการปรึกษากับเผ่าอสูรทมิฬ แต่พวกอสูรทมิฬเข้าไปหาเย่ว์หยางกันหมด
“เฮอะ, พวกเจ้าค่อยๆ คิดก็ได้ไม่ต้องกังวล” คนเผ่าอสูรทมิฬแค่นเสียงใส่
“เผ่าทมิฬเรายินดีตายเพื่อจอมราชันย์” ปีศาจหมูป่าและปีศาจหมีดำคุกเข่า
พวกเขาไม่ได้เทิดทูนบูชาเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้
แต่เป็นเย่ว์หยาง
ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน พวกเขาทั้งหมดเป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์อสูร แม้ว่าอาจมีสายเลือดของเผ่าอสูรเบาบางจนไม่ได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิอสูรแห่งแดนสวรรค์บน แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับพวกเขา พวกเขากลับมีความภาคภูมิใจ
ทั้งที่รู้ว่าจะต้องพ่ายแพ้อย่างมิต้องสงสัย ทั้งที่รู้ว่าจะต้องตายในการต่อสู้ แต่พวกเขาก็เลือกทางเลือกนี้ไม่มีความเสียใจ
“เจ้าหมูยังฉลาดกว่าเจ้าด้วยซ้ำ” ร่างเงาสีเขียวแค่นเสียง
“ตายเป็นตาย อย่างนั้นก็สู้กัน!” มังกรสองหัวกู่อั๋งและราชินีว่านกูซูมองหน้ากันเองและวิ่งไปคุกเข่าแทบเท้าเย่ว์หยาง คุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้มีพลังน้อยกว่าเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้มากมาย พวกเขาทิ้งทางเลือกแรกที่เอาชนะได้ก็จะปลอดภัย และเลือกเส้นทางที่สองซึ่งเป็นทางที่เสี่ยงต่อการพ่ายแพ้ มังกรสองหัวคิดว่าเขาต้องบ้าไปแล้ว หรือไม่ก็คงสมองตายแน่ๆ
“พวกเจ้าเลือกทางนี้จริงๆ หรือ?” เทียนอี้สงสัยเล็กน้อย
“ข้ายังจะเลือกใหม่ได้อีกหรือ?” มังกรสองหัวย้อนถามเบาๆ ว่านกูซูผู้เป็นสหายยังรู้สึกอับอาย
“ใช่แล้ว ข้าผู้เป็นเทพจะให้โอกาสเจ้าเลือกใหม่” เรื่องโปรดของเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้คือสู้กับเย่ว์หยางอย่างไร้ขีดจำกัด เพราะคนๆ นี้เป็นศัตรูในชีวิตของเขาและเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการเลื่อนไปเป็นเทพจอมราชันย์ในอนาคตของเขา
“ไม่เหรอ?” มังกรปีศาจตะโกนลั่น “แม้แต่คนหน้าหนาอย่างข้า ก็ยังทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เจ้าไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”
“เงียบไปเลย, เรื่องนี้ควรพิจารณาให้รอบคอบไม่ใช่หรือ?” มังกรสองหัวกระวนกระวาย มิฉะนั้นเขาคงไม่กล้าตะโกนใส่มังกรปีศาจ ต่อให้เขากล้า ก็คงได้แต่ตะโกนใส่โอ่งน้ำ
“เจ้าจะเลือกอะไร?” เทียนอี้มองดูมังกรสองหัว
เผียะ เขาตบหน้าตัวเอง
สิ่งที่เขาต้องการคือตบหน้าด้วยผลของการทรยศนี้
สำหรับเย่ว์หยาง สิ่งที่เขาทำก็คือปล่อยให้เขาจมอยู่กับความสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง และจากนั้นอยู่กับความเจ็บปวดและเสียใจอย่างไร้ขอบเขตเฝ้าดูเขาเลื่อนไปเป็นเทพจอมราชันย์ การประลองชะตาต้องการความสำเร็จ นั่นคือชื่อของเทพจอมราชันย์ในอนาคต มีเจตจำนงและบารมีสูงส่งที่ไม่อาจตอแยและลบหลู่ได้!
มังกรสองหัวกลับมาที่ใจกลางของโลกแกนสมดุล
นั่งคอตก
ท่าทางเหมือนชั่งใจในการต่อสู้ระหว่างโลกและสวรรค์
ราชินีว่านกูซูในฐานะสหายอดเอามือปิดหน้าไม่ได้ นางไม่สามารถทนดูการกระทำที่น่าอับอายนี้ได้
“ก็ได้ ข้าตัดสินใจเลือกแล้ว” มังกรสองหัวกู่อั๋งกำหมัดแน่น ในที่สุดเขาก็ทำใจได้เลือกเส้นทางในอนาคต
“ดีมาก บอกทุกคนให้ชัด ว่าเจ้าเลือกทางไหน เจ้าบอกทุกคน ว่าอะไรคือทางเลือกที่ถูก” เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ยิ้ม เขามีความมั่นใจมาก ตั้งแต่เริ่มต้นมังกรสองหัวเริ่มเปลี่ยนใจ เขารู้ว่าเจ้ามดแมลงน้อยตัวนี้คงจะไม่เลือกคุณชายสามตระกูลเย่ว์
“เจ้าคนทรยศ!” มังกรปีศาจสบถลั่นด้วยความโกรธ “อย่าตกมาอยู่ในเงื้อมมือข้าก็แล้วกัน มิฉะนั้นข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”
“.......” จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรมองดูมังกรสองหัวด้วยความเกลียดชัง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ถานไถถูเมี่ยหัวเราะลั่น
“ข้า....” ราชามังกรสองหัวเสียงสั่น ท่ามกลางสายตาที่งงงวยของราชินีว่านกูซู เขาตะโกนขึ้น “ทางเลือกของข้าและเป็นทางเลือกสุดท้ายก็คือ คุณชายสามตระกูลเย่ว์!”
“อะไรนะ?” นักรบตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังดูเรื่องสนุกตาค้าง
“ข้าได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?” มังกรปีศาจสะดุ้งเช่นกัน
“ว่าไงนะ?” ราชินีว่านกูซูไม่อยากเชื่อสหายผู้นี้ ได้แต่มองอย่างงุนงง
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?” เทียนอี้ไม่ได้โกรธ แต่มีสีหน้าเรียบเฉย แต่หลังจากมองดูเย่ว์หยาง เขาถามประโยคนี้ด้วยท่าทางสบายๆ
“เพราะ เพราะ เพราะ..ข้า ... ข้าต้องการสู้กับพวกท่าน” มังกรสองหัวเสียงสั่น ภายใต้พลังกดดันของเทียนอี้ เขาตะโกนออกมา “ข้าต้องพึ่งพาคุณชายสามตระกูลเย่ว์ แต่เดิมเขาเป็นศัตรูของข้า ถ้าย้อนไปถึงเรื่องอดีต เขาจะไม่คิดบัญชีเก่ากับข้า เนื่องจากข้าเลือกข้างเขา ข้าจึงต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาประทับใจ และแสดงทัศนคติความภักดีต่อเขา”
เทียนอี้ยืนเงียบไปช่วงเวลาสั้นๆ
และพยักหน้าอีกครั้ง “คาดไม่ถึงจริงๆ ข้าไม่คิดมาก่อน เจ้าผู้เป็นเหมือนมดจะเล่นเล่ห์เหลี่ยมได้ เจ้าอาจจะใช้เดิมพันมากไปหน่อยก็ได้”
เหงื่อของมังกรสองหัวไหลออกมาจากหน้าผากราวกับน้ำ มือเท้าของเขาสั่น แต่เสียงของเขาเริ่มกลับมาเป็นปกติ “ข้าไม่พนันด้วย อยู่ฝ่ายท่าน ในที่สุดก็ตายอยู่ดี แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ข้าขอเลือกจะเป็นวีรบุรุษดีกว่า แม้ว่าจะเป็นได้แค่ชั่วคราวก็ตาม!”
“ดีมาก เจ้าเด็กน้อย ข้าชื่นชมเจ้า!” มังกรปีศาจหัวเราะจนจมูกพะเยิบพะยาบ
สำหรับเทียนอี้ นี่ไม่เพียงแต่เป็นการตบหน้าเขา แต่ยังทำให้มังกรปีศาจมีความสุข
หากไม่ใช่เพราะเคลื่อนที่ไม่ได้
เขาจะเข้าไปกอดมังกรสองหัวสักครั้ง!
จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรหายโกรธ แม้แต่ฉงฉีที่มองเขาอย่างดูถูกดูแคลนก็ยังยกนิ้วให้ อย่างไม่เคยทำมาก่อน คนฝ่ายเทียนอี้แสดงความเกลียดชังทันที พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยในขณะนี้มองดูมังกรสองหัวเหมือนคนตายคนหนึ่ง
มองกลับมาที่ด้านของเย่ว์หยาง มังกรสองหัวรู้สึกอึดอัดกลัวจนกางเกงเปียกชุ่ม
นั่นคือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้!
ทำเหมือนตบหน้าเขาอย่างนี้
คิดว่าเขาไม่กลัวแม้แต่น้อยหรือ? ไร้สาระ
ในส่วนลึกของเส้นทางโบราณ มีเงาร่างเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงมาถึงในที่สุด
คนที่มาถึงเป็นยอดนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งแทบจะทัดเทียมเทพพิทักษ์เขากวงหมิงก่อนหน้านี้ คนหนึ่งมาจากตำหนักแสงเจิดจรัสแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ คนหนึ่งเป็นสหายของอาจารย์ของเทียนอี้ ปรมาจารย์เหนียนหัว ปรมาจารย์เสินเติ้ง อีกคนหนึ่งคือปรมาจารย์ฉีหัง สามปรมาจารย์เฒ่ารายล้อมนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
ปรมาจารย์ฉีหังมีอีกชื่อว่าเทียนฉี
เขามีสัมพันธ์ที่ดีกับเทียนอี้
นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าปรมาจารย์ฉีหังจะมีสัมพันธ์ใดกับเทียนอี้ก็ตาม แต่ทุกคนไม่มีความสงสัยบทบาทของเขาที่มีในประวัติชีวิตเทียนอี้ที่ผ่านมา
เทียนฉีมีพลังเทพและพลังกฎสวรรค์ในเส้นเดินทางที่ทรงพลังมากกว่าเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิง
เขาคืออัจฉริยะผู้จุดประกายนำเทียนอี้เข้าสู่เส้นทางเทพเจ้า
แม้จะไม่เป็นที่รู้จักของโลกภายนอก
แต่ปรมาจารย์ฉีหังก็เป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างมิต้องสงสัย
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสใกล้จะตาย แต่เขารีบเร่งมาตามเส้นทางโบราณหวังจะใช้พลังเทพของเขาเลื่อนระดับให้ลูกศิษย์ของเขา เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้
“อาจารย์” ในฐานะอาจารย์ เทียนอี้ไม่เคยแสดงมารยาทสุภาพกับปรมาจารย์ฉีหังเพราะเทพพิทักษ์เขากวงหมิง แม้ว่าจะเคารพนับถือเหมือนกัน แต่มีเพียงคนเดียวที่ทำให้เทียนอี้เชื่อฟังก็คือปรมาจารย์ฉีหังคนที่ให้เขาอาบแสงศักดิ์สิทธิ์
“เจ้าต้องจบการประลองชะตาให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้” ประโยคแรกของอาจารย์ฉีหังทำให้เทียนอี้รู้สึกหนักใจ “การต่อสู้ที่จัตุรัสเวลาจบลงแล้ว ปรมาจารย์เสิ่นเติ้งตายแล้ว ปรมาจารย์เหนียนหัวตัดสินใจกักขังตนเองที่จัตุรัสเป็นเวลาหมื่นปี นางพญาอสรพิษเฟ่ยเหวินหลีแม้ว่านางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ด้วยความตั้งใจของนาง นางคงจะกัดฟันและเข้ามาช่วยที่นี่ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ เจ้าต้องจบการประลองชะตานี้ให้เร็วเท่าที่ทำได้ ก่อนที่เฟ่ยเหวินหลีจะมาถึง...”
“ก็ได้” เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ได้ยินว่าปรมาจารย์เสิ่นเติ้งตายแล้ว เขากำหมัดแน่นอย่างควบคุมตอนเองไม่ได้
อย่างไรก็ตามเขาปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
ภายในครึ่งวินาที
เขาฟื้นฟูเจตจำนงสูงสุดที่ไม่หวั่นไหวดุจภูผา
เขาชำเลืองมองดูปรมาจารย์ฉีหังที่ปฏิเสธรับพลังเทพเพื่อฟื้นฟูร่าง เขาพยักหน้าและหันหน้าไปทางเย่ว์หยางคู่ต่อสู้ฝ่ายตรงข้าม “ควรจะจบเรื่องตลกๆ นี้อย่างเป็นทางการได้แล้ว”
ไพ่ในมือของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ยังไม่เปิดเผยออกมา และด้วยพลังในปัจจุบันของเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะพลิกสถานการณ์
การรบครั้งนี้จะต้องปรากฎผลชนะ
มังกรปีศาจที่ล้มอยู่กับพื้น เย่เมิ่งและราชันย์ไร้ใจยังไม่ปรากฏผลต่อสู้แตกหัก นางพญาอสรพิษเฟ่ยเหวินหลีได้รับผลกระทบจากการต่อสู้แตกหักที่จัตุรัสเวลาสายเกินกว่าจะมาได้ทัน และอสูรอมตะเด็กที่ยังอ่อนแอเหมือนมดแมลง มดแมลงเพียงไม่กี่ตัวนี้จะพลิกสถานการณ์ได้หรือ นั่นเป็นเรื่องตลกมาก! การประลองชะตาครั้งนี้ หลังจากต่อสู้และมีการเสียสละอย่างมากมาย ในที่สุดก็ได้ผลตอบแทนในอนาคตคืนมาเสียที
สถานะเทพจอมราชันย์กำลังรอตัวเขาในอนาคต
“ทุกท่านที่เสียสละโปรดพักผ่อนอย่างสงบ เทียนอี้จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้กำมือแน่น ดวงตาของเขาแสดงให้เห็นถึงพลังที่เหนือกว่าที่มองเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ราวกับว่าเป็นดวงตาที่ใกล้ระดับเทพจอมราชันย์
“.....” เย่ว์หยางไม่กล้าประมาท จ้องมองศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดในชีวิต
“ลาก่อนศัตรูเก่าของข้า” เทียนอี้พูดจบ ก็ปรากฏตัวที่หน้าเย่ว์หยางทันที
หมัดของเขา
กระแทกใส่ที่ตำแหน่งหัวใจของเย่ว์หยาง
ขณะนั้นพลังเทพที่สามารถทำลายโลกแกนสมดุลได้ทั้งหมดถูกกลั่นควบรวมอยู่ในหมัดเดียว กลายเป็นพลังสังหารที่ไม่มีใครหยุดได้ต่อยเข้าที่อกของเย่ว์หยาง
**** *** ****
*** ผนึกที่เย่ว์หยางใช้กับฉงฉี เป็นการผนึกกฎสวรรค์ที่ใช้ควบคุมพลังของฉงฉีให้อ่อนกำลังลง
ทำให้ฉงฉีใช้พลังได้มากขึ้น
7 ความคิดเห็น:
ตายมัยละ
ขอบคุณครับ
เดี๋ยวก็รู้
มีใครมาช่วยทันไหมเนี่ย
ลุ้นๆๆ
ระวังเจอนกสองตัว จะเอาไอ้หยางตายต้องโดน คู่นั้นก่อน
ตอน 1386 หายไปครับ
แสดงความคิดเห็น