ตอนที่ 1391 กบฏหรือไส้ศึก
เย่ว์หยางล้มลงกับพื้น
โลกแกนสมดุลกำลังสั่นสะเทือน พื้นที่ส่วนที่ถูกทำลายค่อยๆ ฟื้นฟูจากแหล่งพลังงานโบราณ โลกแกนสมดุลจะไม่ถูกทำลาย แต่สำหรับเย่ว์หยางและเทียนอี้ที่กำลังประลองชะตาอยู่นั้น นี่คือส่วนหนึ่งของชัยชนะและพ่ายแพ้โดยวัดกันที่พลัง ในขณะนั้นเองเหมือนกับปรากฏพลังที่มองไม่ชัดเจนในโลกแกนสมดุล เหมือนกับว่าแนวโน้มพลังจะตกหลุมพรางกับดักของเทียนอี้ มีแนวโน้มเอียงไปทางเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้มากขึ้น
ผลลัพธ์ที่ไม่ต้องสงสัยนี้ตกเป็นของเทียนอี้แน่นอน
ถ้าเย่ว์ไตตันสามารถต้านทานได้
สามารถพลิกสถานการณ์ได้
นั่นคงเป็นเรื่องแปลก
“โอว, ช่างเป็นการต่อสู้ที่น่าเบื่อเหลือเกิน” เทียนอี้ถอนหายใจเบาๆ และเขาเชี่ยวชาญและคุ้นเคยกับอารมณ์เดียวดาย บางทีอาจมีแค่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้สนับสนุนเย่ว์ไตตันอยู่เบื้องหลังเท่านั้นที่คู่ควรจะสู้กับเขา
“ลุกขึ้น ยืนขึ้นมา....” มังกรปีศาจหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และเย่ว์หยางที่เคยล้มลุกคลุกคลานหลายครั้งจะสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป ครั้งนี้เทียนอี้ใช้พลังความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขา
ภายใต้การเพิ่มขึ้นของกฎสวรรค์จากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หลายแสนกฎ หลังจากดูดซับพลังเทพและพลังฝึกปรือที่เทพพิทักษ์เขากวงหมิงอุทิศให้อย่างไม่เห็นแก่ตัว ภายใต้การแนะนำของเทพปรมาจารย์ฉีหัง และผู้อาวุโสรุ่นก่อน เทียนอี้จึงได้ตระหนักถึงตัวตนเองอย่างสมบูรณ์ พลังเหนือธรรมชาติของเขาถูกยกระดับขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีพลังมากถึงระดับนี้ได้
นี่คือระดับพลังที่โจมตีเต็มที่
อย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลย
ต่อให้เป็นจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่พ่ายแพ้ไปก่อนหน้านั้นก็ยากจะต้านทานได้
เทพปรมาจารย์ฉีหังมองดูผลการต่อสู้อย่างลิงโลดดีใจ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะตาย เขาพยักหน้าเงียบๆ และรู้สึกโล่งใจเป็นพิเศษ
สถานการณ์โดยรวมถูกตัดสินแล้ว
แดนสวรรค์ต้องทุ่มเทความพยายามและเสียสละมากมายเพียงไหน ในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกลับคืนมา
เทพจอมราชันย์ตกอยู่ในแดนสวรรค์อย่างเป็นทางการแล้ว ต้องผ่านมากี่รุ่น ต้องเสียสละทุ่มเทไปกี่รุ่น บัดนี้ตำแหน่งเทพจอมราชันย์จึงได้ตกอยู่กับตำหนักกลางแดนสวรรค์แห่งภูเขากวงหมิง เมล็ดพันธุ์ที่พวกเขาหว่านปลูกด้วยมือตนเองในที่สุดก็เติบโตเป็นไม้ใหญ่ที่สูงตระหง่าน กลายเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่สุดสำหรับทำเสาค้ำฟ้า พวกเขาไม่ได้ทำผิดพลาด เทียนอี้คือผู้มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดของแดนสวรรค์
“อ๊าคคคคค....”
เสียงร้องโหยหวนเศร้าสร้อยดังมาจากส่วนลึกของทะเลมรณะ และพายุพัดกระชากกวาดผ่านทุกคน
ร่างยักษ์ใหญ่มหึมาของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะลอยตัวขึ้นมาจากทะเลมรณะ หน้าของเขาไม่มีร่องรอยดีใจของผู้ชนะ ในทางตรงกันข้ามใบหน้าของเขากลับบิดเบี้ยวน่าเกลียด ดวงตาแฝงไปด้วยแววเศร้าโศกและสิ้นหวัง
เกิดอะไรขึ้น?
ไม่ต้องพูดถึงนักรบตำหนักกลางทั่วไป แม้แต่เทพปรมาจารย์ฉีหังและเทียนอี้ก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น?
ปรากฏว่านักรบในวิหารที่กำลังโห่ร้องดีใจฉลองกับชัยชนะถึงกับเงียบกริบมองดูเทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะ
“อ๊าค...... พวกเจ้ามันโง่ๆ กันทั้งนั้น!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะดูราวกับคนวิกลจริต เขาคำรามตวาดร้องด้วยพลังทั้งหมด ทำให้ทุกคนรวมทั้งปรมาจารย์ฉีหังและเทียนอี้แค่นเสียงด้วยความไม่พอใจ “และเจ้า เทียนอี้ เจ้ามันหยิ่งลำพองผยองเกินไป หมกมุ่นย่ามใจเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเองเกินไป เจ้าย่ามใจละทิ้งความอ่อนน้อมถ่อมตนไปทั้งหมด ให้ตายเถอะ เจ้าได้แต่เต้นอยู่ในมือของคนอื่น ก็ยังลำพองใจภูมิใจในตัวเอง มันน่าคลั่งใจจริงๆ หากเจ้าสงบจิตใจที่เอาแต่หลงตัวเองของเจ้าได้สักเล็กน้อย และมองดูสถานการณ์ทั้งหมด เจ้าคงไม่ทำตัวเฉยเมยแบบนี้”
“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” ปรมาจารย์ฉีหังตกใจ
“เจ้ายังไม่เข้าใจที่ข้าพูดอีกหรือ? นี่เจ้าแก่จนเลอะเลือนไปแล้วหรือ? พวกเจ้าทุกคนมัวแต่โอ๋เอาใจเขา ผลักดันเขา กำจัดอุปสรรคให้เขาทั้งหมด เพราะคิดว่านี่จะเป็นการช่วยเขาได้ แต่พวกเจ้าคิดผิด นี่เป็นการทำร้ายเขาอย่างสิ้นเชิง! พวกเจ้าปูเส้นทางสว่างไสวให้เขา คิดว่าหอทงเทียนคือเส้นทางหลักอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้าควรระมัดระวัง ไม่ควรประมาทต่างหากเล่า!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะตะโกนราวกับคนบ้า
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เทียนอี้ไม่สามารถเข้าใจได้ คุณชายสามตระกูลเย่ว์คู่ต่อสู้ประลองชะตาของเขาพ่ายแพ้ให้ตัวเขาเอง การประลองชะตานี้เขาเป็นฝ่ายชนะ ทุกอย่างได้ผลสรุปแล้ว ยังมีอะไรต้องโกรธ?
“เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ คนที่ควรได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือเจ้า!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะคำรามราวกับฟ้าร้อง “เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้ดีแล้วหรือ? เจ้าปล่อยให้นักรบหอทงเทียนที่อ่อนแอเหมือนมดหลอกลวงปล่อยให้เขาเอาเจ้ามาเล่นไว้บนฝ่ามือและเจ้ายังเพิกเฉย ในฐานะผู้มีคุณสมบัติ แน่นอนว่าการประลองชะตาจะทำให้ได้รับการเลื่อนชั้นเป็นเทพจอมราชันย์ในอนาคตได้ แต่เจ้าก็ยังทำได้ไม่ดีพอ ข้าสงสัยจริงๆ ในสมองของเจ้านอกจากกล้ามเนื้อแล้ว มีอะไรอยู่บ้าง!”
“หลอก?” เทียนอี้ตะลึง
ใครกันที่หลอกเขาได้?
ตอนนี้ปลอดโปร่งโล่งใจแล้ว คุณชายสามตระกูลเย่ว์แม้แต่ทารกก็เหวี่ยงหมัดฆ่าเขาได้ไม่ใช่หรือ?
หรือว่าจะเป็นนางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีที่ต่อสู้กับเทพปรมาจารย์เหนียนหัวและบีบบังคับให้เขากักตัวเองอยู่ที่จัตุรัสเวลา?
เทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะมองดูเทียนอี้ด้วยความโมโหฉุนเฉียว ดวงตาขนาดใหญ่ของเขาแทบมีไฟพวยพุ่ง “เจ้าโง่! นี่เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? คนที่เล่นงานเจ้าราวกับตุ๊กตาในฝ่ามือ ความจริงแล้วก็คือคนทรยศหอทงเทียนที่เจ้าไม่เคยมองเขาด้วยความระแวงอย่างตงฟาง! เจ้าคิดว่าเขาเป็นมดที่น่าสมเพช แต่เจ้างี่เง่าถูกมดเล่นงานแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว นั่นคือเจ้า เจ้าตำหนักสูงสุด นี่คือราคาที่เจ้าจะต้องชดใช้เพราะคิดว่าตนเองเหนือล้ำกว่า”
“ตงฟาง?” เทียนอี้เมื่อได้ยินชื่อนี้เขารู้แย่เล็กน้อย
“ตงฟางทำอะไร?” มังกรปีศาจนับสนเช่นกัน
หือ?
ไม่นะ!
ตงฟางคือผู้ทรยศของหอทงเทียนมาตั้งแต่แรกเริ่มมิใช่หรือ? เทพพิทักษ์ทะเลมรณะจะมาพูดว่าเชิดเทียนอี้อยู่ในฝ่ามือได้อย่างไร?
เสวี่ยอู๋เสียที่นำอี้หนาน เย่ว์ปิงและสาวๆ ซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงปราณจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนชี้แจงด้วยท่าทีมากมารยาท “ผู้อาวุโสตงฟางนั้นเราคิดเสมอมาว่าเป็นคนทรยศต่อหอทงเทียน แต่หลังจากเข้าสู่ทะเลมรณะแล้วและได้รับรู้เจตจำนงของเขาที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกสุดของทะเลมรณะ ในที่สุดเราก็เข้าใจว่าเขาไม่ใช่คนทรยศหอทงเทียนของเรา แต่เขาเต็มใจแบกรับความอับอาย ทำหน้าที่ไส้ศึก”
“อะไรนะ?” เมื่อได้ยินคำอธิบายเช่นนี้ เทียนอี้รู้สึกเหลือเชื่อ
กลับกลายเป็นว่าตงฟางคือไส้ศึกหรือ?
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
แต่เขาคือจอมโฉดชั่วร้ายที่ทำให้หอทงเทียนตกต่ำ เขาวางแผนฆ่านักรบหอทงเทียนไปมากมาย
ก่อนเย่ว์ไตตันจะถือกำเนิด จักรพรรดิอวี้จ้านฟงยอดอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดก็ตายภายใต้แผนการของเขา คนที่มือเปื้อนเลือดนักรบหอทงเทียนเผ่าพันธุ์เดียวกันมากมายจะกลายเป็นไส้ศึกได้หรือ?
“ผู้อาวุโสตงฟางเป็นสายลับไส้ศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหอทงเทียนที่อยู่ในแดนสวรรค์ของเรา” เสวี่ยอู๋เสียเปิดเผยความลับสุดยอดของหอทงเทียนที่ไม่มีใครรู้หรือคาดเดามานานนับพันปี “ผู้อาวุโสตงฟางอุทิศทุกอย่างในชีวิตของเขาเพื่อฟื้นฟูหอทงเทียนให้กลับมามีชีวิตและรุ่งเรืองอีกครั้ง โดยยอมแบกรับความอื้อฉาวที่ไม่มีใครสามารถทนรับได้จากทุกการกระทำของเขา จนถึงทุกวันนี้”
“เรื่องนี้ใครจะพิสูจน์ได้?” ปรมาจารย์ฉีหังจิตใจปั่นป่วน แต่เขารีบสงบจิตใจทันทีและถามกลับอย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโสจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ ยังมีผู้อาวุโสจักรพรรดิอวี้จ้านฟง” เสวี่ยอู๋เสียชี้ไปที่ผิวทะเลมรณะ “ในมรดกของผู้อาวุโสตงฟางมีสำนึกเทพที่บรรพบุรุษทั้งสองคือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ และจักรพรรดิอวี้จ้านฟงทิ้งไว้ พวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าทุกอย่างที่ตงฟางกระทำลงไปนั้นเพื่อวางแผนนำไปสู่การประลองชะตาในปัจจุบันนี้”
“อย่างนั้นหรือ? แล้วยังไงต่อ?” เทียนอี้โกรธ
มีแค่ตงฟางเท่านั้นหรือ
ไม่ว่าเขาจะเป็นคนทรยศหรือไส้ศึก แต่เขามีบทบาทในการวางแผนอย่างไร?
เขาสามารถสู้แทนเย่ว์ไตตันได้หรือไม่? เย่ว์ไตตันสามารถยืนขึ้นอีกครั้งและพลิกสถานการณ์จากที่พ่ายแพ้ได้หรือไม่?
ตงฟางเก่งทุกอย่าง แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย ก็แค่มดแมลงที่อ่อนแอ หากต้องการทำลายการประลองชะตา อาศัยเขาน่ะหรือ? ยังไม่มีคุณสมบัติพอ!
“นี่แหละคือท่าน เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ผู้หยิ่งผยอง นี่แหละคือท่าน!” ก่อนที่เสวี่ยอู๋เสียจะพูดต่อ เทพพิทักษ์ทะเลมรณะก็คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “ถ้าเจ้าให้คุณค่ากับคู่ต่อสู้ทุกคน ต่อให้เป็นมดแมลง เจ้าก็ยังไม่ผ่อนคลาย ก็คงไม่ก่อให้เกิดเรื่องตลกน่าขันนี้ได้เลย! อย่างไรก็ตามเพราะความเย่อหยิ่งผยองของเจ้า เจ้าถึงได้ละเลยตงฟางและเจ้ามีอำนาจพลัง ปล่อยให้ตงฟางใช้การเสียสละที่บ้าคลั่งวางแผนเหลี่ยมคู! เจ้าควรทบทวนตัวเอง เทียนอี้ เจ้าควรมีสติรู้ตัวเองได้ดี จะได้ไม่ต้องถูกศัตรูล่อลวงให้สับสนไปโดยไม่รู้ตัว!”
“ข้าเลือกคู่ต่อสู้ผิดหรือ?” เทียนอี้สีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดทันที ขณะที่เขามองไปที่เย่ว์หยางที่ค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย “ท่านหมายความว่าคู่ต่อสู้ประลองชะตาไม่ใช่เย่ว์ไตตัน แต่เป็นนางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีอย่างนั้นหรือ?”
“ผิดแล้ว” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะตวาดลั่น “เจ้ายังค้นไม่เจอหรือ? คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเจ้าคือนาง!”
เทพพิทักษ์ทะเลมรณะยกมือ
และชี้นิ้ว
เป็นสตรีลึกลับผู้ลอยตัวขึ้นมาจากทะเลมรณะและนางสวมชุดที่คลุมถึงหน้า
มีดอกไม้ที่งดงามสามดอกงดงามจนอธิบายไม่ได้หมุนอยู่รอบตัวนางช้าๆ กลิ่นที่ปล่อยออกมาทำให้จิตใจที่ขุ่นเคืองบ้าคลั่งในทะเลมรณะได้รับการชำล้างในทันที วิญญาณแค้นที่คลั่งแค้นอาฆาตล้วนสำนึกผิดทันทีและหายไปทีละดวงๆ
“อะไรนะ?” เทียนอี้มองไปทางสตรีลึกลับนางนี้และพบว่าสตรีผู้นี้ เขาไม่มีข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับนางอยู่เลย นางเป็นใคร?
“นางได้รับสืบทอดเจตจำนงโบราณของโลกแกนสมดุลในเทพบรรพตและทะเลมรณะ และยังได้รับการยอมรับจากคนรุ่นก่อนอีกนับไม่ถ้วน นางเป็นผู้มีคุณสมบัติอีกคนหนึ่งในการประลองชะตากับเจ้า!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะบอกเทียนอี้ว่าความผิดพลาดของเขานั้นทำให้ผลที่ตามมาร้ายแรงมาก
“เป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นนาง อย่างนั้นเย่ว์ไตตันเล่า?” เทียนอี้ไม่คิดว่าเขามีคู่ต่อสู้สองคน เขาไม่คิดว่าในการประลองชะตาอีกฝ่ายจะมีกันสองคน
“เจ้าหน้าโง่”
ในเส้นทางโบราณมีร่างเงาร่างหนึ่งเคลื่อนตัวเข้ามาช้าๆ
เสียงของนางแหลมยิ่งกว่าคมมีดทะลวงหูของเทียนอี้เสียอีก “ยังไม่เข้าใจอีกหรือ? โง่อย่างเจ้านี้มิน่าเล่าตงฟางถึงหลอกเจ้าด้วยอุบายบัดซบได้ ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าฝึกฝีมือมาแบบโง่ๆ หรือเปล่า ความฉลาดก่อนหน้านี้หายไปไหนหมด? บางทีอาจเป็นเพราะความมั่นใจในพลังที่ยิ่งใหญ่ของตัวเอง สิ่งที่เย้ายวนอย่างตำแหน่งเทพจอมราชันย์ทำให้จิตใจของเจ้าร้อนรุ่มจนลืมเรื่องนี้ไป”
นางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีลอยตัวเข้ามาช้าๆ ตามเส้นทางโบราณ ร่างของนางเต็มไปด้วยบาดแผลเป็นพันๆ และผิวของนางแทบจะไม่สามารถปิดบังกระดูกได้
แต่ดาบศึกในมือของนางเปล่งประกายเย็นยะเยือก
รังสีฆ่าฟันแผ่ขยาย
เมื่อเห็นนางมาถึง ม่านตาของเทียนอี้หดลีบลงเล็กน้อย
เมื่อเย่ว์หยางเห็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเขารีบเข้าไปประคองนางทันที ถ้าไม่รีบเอาใจนางตอนนี้ ครั้งต่อไปอาจไม่มีโอกาสเช่นนั้น
“ปรากฏว่าคู่ต่อสู้การประลองชะตาที่แท้จริงของข้าก็คือนางนั่นเอง!” เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้มองไปทางสตรีลึกลับโดยตรงอีกครั้ง จิตใจที่กระวนกระวายสับสนของเขากลับคืนสู่ความความเยือกเย็นอีกครั้ง “เจ้ามีทักษะความสามารถใดบ้าง? สามารถยืนต่อหน้าข้าแข่งขันชิงตำแหน่งเทพจอมราชันย์กับข้าหรือ? จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ นางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลี จักรพรรดิอวี้จ้านฟง คนเหล่านี้ไม่ต้องพูดถึง แค่คุณชายสามตระกูลเย่ว์ อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ในรอบหมื่นปี ทำไมเจ้าถึงสามารถแทนที่เขาได้และกลายเป็นเทพจอมราชันย์ในอนาคตของหอทงเทียนได้เล่า?”
“ก็เพราะนางคือมารดาของคุณชายสามตระกูลเย่ว์”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากส่วนลึกของเส้นทางโบราณ
อย่างไรก็ตามนางไม่ใช่มาคนเดียว นางอยู่กับแม่สี่ที่เย่ว์หยางกังวลห่วงใยอีกด้วย
ข้างหลังแม่สี่มีเงาร่างที่งดงามซึ่งเย่ว์หยางคิดถึงมานาน แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกับนาง นางเดินตามเงียบๆ เช่นเดียวกับภรรยาที่เพิ่งเดินผ่านประตูวิวาห์ นางคือหมิงเยี่ยกวง หลังจากแยกจากกันที่หุบเขามนุษย์ ในที่สุดก็ได้พบกับสาวน้อยได้ในวันนี้ เมื่อเย่ว์หยางมองไปทางนาง นางทำหน้าล้อเลียน และกระพริบตางดงาม ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกมีความกระตือรือร้น
สำหรับฝ่าบาทผู้มีแสงดาวเปล่งประกายทั่วร่างจนแทบมองเห็นภาพไม่ชัดเจน นางมีความลึกลับยิ่งกว่าจักรพรรดินีราตรี ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงนาง เย่ว์หยางไม่กล้ารับรู้ แน่นอนว่าทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกจากปากฝ่าบาท เย่ว์หยางไม่สนใจสิ่งอื่นทันที เขาทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่สตรีลับลับที่มีดอกไม้สามดอกอยู่รอบตัว
อะไรนะ?
นางคือมารดาของเขาหรือ?
นางยังดูเหมือนอายุน้อย ไม่เหมือนมารดา แต่เหมือนน้องสาวมากกว่า!
“เพียงคนเดียวที่สามารถเข้าไปในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ คนเดียวในรอบหมื่นปีและได้รับการยอมรับจากบรรพบุรุษนับไม่ถ้วนในจัตุรัสเวลา คนแรกที่สื่อสารกับโลกบูรพา ได้รับการยอมรับจากเผ่าพันธุ์บูรพาต่างๆ เป็นคนแรกที่เปิดผนึกบันไดสวรรค์ปล่อยให้พฤกษาโลกปรากฏรับแสงสว่างอีกครั้ง คนแรกที่ผ่านดอกไม้พฤกษาแห่งชีวิต ให้กำเนิดบุตรชายที่มีชีวิตไม่เหมือนใครในโลก เป็นคนแรกที่ใช้สติปัญญาที่ไม่มีใครเทียบ ได้รับตกทอดและทำสัญญากับคัมภีร์เทพเป็นผู้พิทักษ์หอทงเทียน เป็นคนแรกที่ผ่านด่านฝึกฝนทั้งสิบด่านและในเวลาเดียวกันก็ยังอบรมบ่มเพาะบุตรชายของนางให้เป็นโอรสเทพชะตาที่ไม่เหมือนใคร เขาคือเทพจอมราชันย์ในอนาคต... เจ้าคิดว่านางมีคุณสมบัติพอหรือไม่?” แม่สี่ถือหนังสือเล่มใหญ่ในมือ
คัมภีร์เทพเล่มนี้คล้ายกับคัมภีร์เทพดินแดนทดสอบฝีมือของฝีมือ แต่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
สาวกิเลนปิงหยินและเสี่ยวเหวินหลีพวกนางเคยเห็นคัมภีร์เทพนี้ซึ่งได้รับการคุ้มครองโดยกฎสวรรค์ในมิติโบราณอยู่ในชั้นสี่ของหอทงเทียน
เทียนอี้ฟังเรื่องทั้งหมดอย่างโง่งม
มารดาของเย่ว์ไตตันยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินเรื่องของนางเลย?
ตงฟาง ไม่สิ ผู้อาวุโสมากมายในหอทงเทียน... ในที่สุดเทียนอี้ก็เข้าใจว่าตงฟางจงใจทำให้เกิดสถานการณ์วุ่นวายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขา ความจริงแล้วกลับเป็นการลอบปกป้องมารดาเย่ว์ไตตันเต็มรูปแบบเพื่อให้นางได้มีโอกาสเติบโตขึ้น
ตั้งแต่เริ่มต้นการต่อสู้ ตงฟางมักจะมุ่งเป้าไปที่อัจฉริยะอย่างคุณชายสามตระกูลเย่ว์
เขาใช้ประโยชน์จากจุดนี้
หลอกทุกคนได้สำเร็จ
“จำคำทำนายของเทพชราลึกลับได้ไหม?” เฟ่ยเหวินแค่นเสียงเยาะเย้ย “เทพจอมราชันย์คนต่อไปจะไม่ใช่บุรุษจากทวีปมังกรทะยานหรือสตรีจากเผ่าปีศาจแดนนรก เจ้ามีความสุขมากที่นี่ไม่ใช่เป็นจักรพรรดิไร้เทียนทานจิ๋วซื่อ ไม่ใช่ข้าเฟ่ยเหวินหลี ไม่ใช่จักรพรรดิอวี้จ้านฟง แต่เจ้าคาดไม่ถึงเลยว่าเทพชราลึกลับจะหมายถึงสตรีจากบันไดสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้มีอยู่ที่เจ้าเพิกเฉย”
“ไม่, คำทำนายของเทพชราลึกลับกล่าวว่า “ไม่ได้มาจากหอทงเทียน” ปรมาจารย์ฉีหังยังหลอกตัวเอง นี่เป็นไปไม่ได้ เทพผู้นั้นกับเขาเป็นสหายกันมาเกือบแสนปีแล้ว และในเวลานั้นเขาไม่ได้หลอกลวง แต่เป็นการเสี่ยงทาย
“ประโยคสุดท้ายหมายความว่าอย่างไร?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีหัวเราะ “เจ้าจะไม่มีทางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเจ้าจะไม่มีทางรู้ว่าทำไมถึงมีผู้มีคุณสมบัติประลองชะตาถึงสองคน อย่างไรก็ตามในฐานะผู้แพ้เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้ เจ้าเพียงแค่รักษาความมั่นใจที่งี่เง่าและความเสียใจสิ้นหวังจากนั้นก็ตายไปซะ ข้าเฟ่ยเหวินหลีไม่สามารถบรรลุสถานะเทพจอมราชันย์ แต่เจ้าก็ไม่สามารถทำได้แน่! เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถบรรลุพลังเทพจอมราชันย์ได้ด้วยพลังหรือ? น่าขันจริงๆ ใครเล่าไม่ทุ่มเท? ใครเล่าไม่เสียสละ และใครกันแน่ที่ไม่สำนึกตัว? สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงพื้นฐานการบรรลุพลังเทพจอมราชันย์อย่างแท้จริง ต้องเอาชนะตนเองและควบคุมโชคชะตาได้... เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะบอกศัตรูได้ และเจ้ายังคงแข่งขันท้าทายเพื่อตำแหน่งเทพจอมราชันย์ เจ้าไม่กลัวเป็นตัวตลกให้หัวเราะเยาะหรือ?”
“สมดุลแห่งชะตา ประลองชะตา ตอนนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการไปแล้ว” มารดาผู้ลึกลับของเขาเอ่ยปากพร้อมกับเปล่งรัศมีทันที
กฎสวรรค์ประจำโลกแกนสมดุล
กระจายออกทันที
และกลั่นตัวบริสุทธิ์ขึ้นเป็นพันๆ เท่า กลายเป็นตาชั่งชะตาที่มองไม่เห็นแต่เกิดจากพลังกฎสวรรค์อย่างแท้จริง
อีกด้านหนึ่งของตาชั่งชะตาคือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ อีกด้านหนึ่งเป็นมารดาผู้ลึกลับและเย่ว์หยางที่รีบเข้ามาเพื่อทักทายแม่สี่
“บัดซบ” ถ้าเทียนอี้ยังไม่รู้ว่าเขาเข้าใจเป้าหมายผิด เขาก็คงเป็นคนงี่เง่า เขาโกรธมากแต่ก็มีความมั่นใจเพียงพอ เพราะจากการเปรียบเทียบความแข็งแกร่งแล้ว เขาเชื่อว่าเขาเหนือกว่าสตรีลึกลับฝ่ายตรงข้ามมาก และมีความมั่นใจว่า เขาจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ชัยชนะในที่สุด “การประลองชะตาที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว แล้วยังไงเล่า? ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า ในการสู้กันครั้งนี้ ผู้ชนะสุดท้ายก็ยังเป็นข้าอยู่ดี!”
“เจ้ามั่นใจจริงๆ นะ” มารดาผู้ลึกลับของเย่ว์หยางยิ้ม “แต่เจ้าไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ข้าได้ ถ้าข้าจะสู้กับเจ้า ดูเหมือนจะเป็นการรังแกเกินไปบ้าง แต่ในเมื่อเจ้ายืนยันจะสู้ ข้าจะให้โอกาส”
“......” เทียนอี้ไม่เชื่ออย่างแน่นอน เขารู้สึกว่านี่เป็นแผนการของศัตรู
ต้องการทำให้เขาตกใจกลัวหรือ?
ไม่มีทาง
ข้าคือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ ข้าจะต้องชนะและกลายเป็นเทพจอมราชันย์ในอนาคตแน่นอน!
แม่สี่ยังยืนอยู่ตรงนั้น นางพยักหน้าให้ก่อนยิ้มให้เย่ว์หยาง นางถือคัมภีร์เทพเข้าไปในสนามรบอย่างสบายๆ “ท่านพี่, ข้านำคัมภีร์เทพมาให้ท่านแล้ว”
“อาเซียง กฎแห่งเทพดั้งเดิมข้าบอกแล้วว่าข้าส่งให้เจ้า ข้ามีคัมภีร์อัญเชิญเป็นของตัวเองแล้ว และในตำหนักทองลับของแดนสวรรค์ตะวันตก ข้าได้ทำสัญญากับกฎสวรรค์ดั้งเดิมอีกครั้งแล้ว” มารดาผู้ลึกลับไม่ใส่ใจที่จะแสดงว่าคัมภีร์เทพนี้เป็นของนาง
“เอื๊อก”
ไม่เพียงแต่มังกรปีศาจเท่านั้นที่แทบกระอักโลหิตในที่นั้น
แม้แต่จักรพรรดินีราตรีหรือนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็แทบทนไม่ได้
บ้าจริงๆ ทั้งแม่ทั้งลูกผิดปกติมนุษย์! แค่ลูกชายนางก็มีอย่างน้อยสามคัมภีร์ แต่ละเล่มก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกเล่มหนึ่ง ส่วนมารดายังสาวนี้ก็ผิดธรรมดาพอกัน นางมีคัมภีร์เทพอย่างน้อยสองเล่ม แต่ละเล่มทุกคนได้แต่ฝัน นี่นับว่าผิดปกติมากไปหรือไม่?
**** *** ****
10 ความคิดเห็น:
ทายถูกนะฮับ ตงฟางคือสายลับของหอทงเทียน🤭🤭🤭🤭🤭
เทพทั้งตระกูล
ก็ว่าอยู่วิธีและการกระทำของตงฟางมันแปลกเกินไป
ถ้าบอกว่าจริงๆแล้ว ตงฟางคือพ่อ นี้ช็อกเลยนะ
จากที่อ่านตอนนี้ ผมเดาเอาได้เลยว่าไอ้เย่ว์หยางนี่คือสิ่งที่นางสร้างจากในโลกที่ไร้ที่สิ้นสุด แบบเดียวกันกับที่เย่ว์หยางสร้างสาวตัวน้อยในโลกนั้น....😱
555อย่างเจ๋ง
ตงฟางนี่ยิ่งกว่าใครเลย ทุ่มเทกว่าทุกคนจริงๆ
สฺดยอด
แหม่งๆ แต่แรกแล้วว่าตงฟางคือยอมร้ายเพื่ออนาคตหอทงเทียน
หอทงเทียน...ไม่สิ้นคนดี
แสดงความคิดเห็น