วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2565

บทที่ 9 ตกใจสุดขีด

 

 

บทที่ 9 ตกใจสุดขีด

ชีเซิ่งเจี่ยตกใจกลัวอย่างหนัก มีสีหน้าระมัดระวัง เขาไม่กล้ากลืนข้าวต้มเข้าปากแม้สักครึ่งคำ

“เจ้ากล้าจะเสี่ยงอีกสักหน่อยไหม?”

 

ซุนม่อไม่พอใจนัก ค่าศักยภาพของชีเซิ่งเจี่ยต่ำมาก และมีเวลาเพียงห้าวันก่อนการทดสอบจะเริ่มขึ้น

ซุนม่อถือว่าเป็นผู้มาใหม่ และสถาบันจงโจวถือได้ว่าเป็นบ้านเกิดของเขา ดังนั้นหลังจากใช้เวลาสองวันในห้องสมุด เขาอ่านข้อมูลของสถาบันจนแทบจะหมดแล้ว

โถงประลองเป็นชมรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสถาบันจงโจว  ทั้งยังมีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองจินหลิง

เพื่อทรงไว้ซึ่งฐานะอันสูงส่งของโถงประลอง ทำให้สมาชิกแต่ละคนในชมรมหวงแหนสถานะของพวกเขา   จึงมีการจำกัดจำนวนสมาชิกไว้ที่ 500 คนเสมอ

ทุกๆ สามเดือนโถงประลองจะจัดการทดสอบเพื่อคัดเตัวสมาชิก  นักเรียนที่ต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกหอโถงนี้สามารถจับสลากเข้าทดสอบและเลือกคู่ต่อสู้ในชมรมได้

หากพวกเขาชนะพวกเขาก็จะได้เข้าสู่โถงประลอง  ถ้าแพ้ก็ต้องรอคอยครั้งต่อไป

ถ้าสมาชิกแพ้พวกเขาจะสูญเสียสถานะสมาชิกโถงประลองทันที  นี่เป็นกฎการแข่งขันที่โหดร้ายที่ทำให้สมาชิกทุกคนของโถงประลองต้องฝึกปรือกันเต็มที่

มีมหาคุรุหนึ่งคนในโถงประลองทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และเขาจะจัดให้มีการบรรยายแนะนำทั่วไปฟรีทุกสัปดาห์ ตราบใดที่สมองไม่เสื่อม ไม่มีใครยอมพลาด

นอกเหนือจากนี้ ถ้าใครเข้าร่วมโถงประลองได้ ชื่อเสียงของพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน แวดวงสังคมของพวกเขาจะขยายขึ้นเช่นกัน และนี่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับอนาคตของพวกเขา

ภายใต้เงื่อนไขที่ดีเช่นนี้  การแข่งขันในการทดสอบแต่ละครั้งจะเข้มข้นมาก  ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิด  ซุนม่อบอกได้เลยว่าชีเซิ่งเจี่ยไม่มีโอกาสเลย

“ผู้ที่เรียกว่ามหาคุรุคือผู้ที่สามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้  เปลี่ยนอีกาเป็นพญาหงส์ เปลี่ยนไม้ผุเป็นเสาหลักเมือง ถ้าไม่อย่างนั้นโลกจะมีมหาคุรุไว้ทำไม?”

ฟังจากระบบบอก เหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วมันก็ถูกเสียด้วย

“เจ้ามีร่างเดิมหรือไม่?  ออกมาหาข้าเลย รับรองว่าข้าจะไม่ตีเจ้าจนตาย”

ซุนม่อหักนิ้ว

“อาจารย์ซุน?”

ชีเซิ่งเจี่ยรวบรวมความกล้าแล้วถาม

“กินข้าวต้มของเจ้าซะก่อน”  ซุนม่อสั่ง

โอ๊วว

ชีเซิ่งเจี่ยหดคอ เขาร้องครางขณะกินข้าวต้ม  แม้ว่าจะร้อนไปหน่อยแต่เขาก็ไม่คายออกมา

“หลังจากเสร็จมื้อเช้าแล้ว มานอนบนแผ่นกระดานต่อ”

ดูเหมือนว่าเขาไม่มีทางยกเลิกภารกิจที่ได้รับ ซุนม่อได้แต่ทำให้ดีที่สุด

“อาจารย์ซุนแสนดีจริงๆ!”

ดวงตาของชีเซิ่งเจี่ยเปียกชุ่มอีกครั้ง  ในฐานะนักเรียนธรรมดา เขาไม่เคยได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากครูคนใดมาก่อน

ติง! คะแนนความประทับใจจากชีเซิ่งเจี่ย +2

สถานะสัมพันธ์กับชีเซิ่งเจี่ย : เป็นกลาง (20/100)

เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน ซุนม่ออารมณ์ดีขึ้นมาก อย่างน้อยที่สุดเจ้าหมอนี่ยังมีมโนธรรมและรู้วิธีขอบคุณเขา

ชีเซิ่งเจี่ยไม่กล้าปล่อยให้ซุนม่อรอนานเกินไป เขารีบจัดการอาหารเช้าจนเสร็จสิ้นแล้วนอนลงบนแผ่นกระดาน

“อาจารย์ซุน! ท่านคิดว่าท่านี้ใช้ได้หรือยัง?”

แววตาของชีเซิ่งเจี่ยเต็มไปด้วยความกังวลใจ

“ผ่อนคลายร่างกายไว้ ทำไมเจ้าถึงประหม่าเล่า ข้าไม่ใช่คนขายเนื้อ เข้าใจไหม”  ซุนม่อพูดไม่ออก  “ทำไมเจ้าถึงนอนแข็งทื่อแบบนั้น? เจ้าเป็นปลาเค็มตากแห้งหรือ?”

“โอว”

ชีเซิ่งเจี่ยยิ่งประหม่ากว่าเดิม

ซุนม่อไม่อยากถูกจ้องมอง เขาหยิบเสื้อผ้ามาคลุมหัวชีเซิ่งเจี่ย จากนั้นคว้าแขนและเริ่มนวดกรุยเส้นชีพจร

เวลาค่อยๆ ผ่านไป

“รู้สึกยังไงบ้าง”

ขณะที่ซุนม่อนวด เขาจะถามชีเซิ่งเจี่ย เขาสามารถเข้าใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคล็ดนวดแผนโบราณบางส่วนได้จากคำตอบของชีเซิ่งเจี่ย

“มันเจ็บปวดในตอนแรก หลังจากนั้นความเจ็บปวดกลายเป็นคัน!”

ชีเซิ่งเจี่ยขยับเล็กน้อย  “รู้สึกเหมือนมีมดกำลังไต่อยู่บนตัวข้า”

“จากนั้นเล่า?”

ซุนม่อตบแขนชีเซิ่งเจี่ย  “พลิกตัวนอนคว่ำ”

ใครๆ คงอดพูดไม่ได้ว่า เจ้าผู้นี้ฝึกกล้ามเนื้อได้ดีจริงๆ ร่างกายของชีเซิ่งเจี่ยแข็งแรงมาก  ซุนม่อบอกได้เลยว่าชีเซิ่งเจี่ยเดินตามแนวคนเหล็ก

“ร้อน”

ชีเซิ่งเจี่ยพลิกตัว “รู้สึกสบาย”

มือของซุนม่อนวดที่กระดูกคอของชีเซิ่งเจี่ยเบาๆ  หลังจากนั้นเขาเลื่อนมือลงมาที่กระดูกสันหลังส่วนเอว  ซุนม่อใช้กำลังกดลง

“อ๊ากก”

ชีเซิ่งเจี่ยแหกปากร้องด้วยความเจ็บปวดทันที กระดูกสันหลังของเขาโค้งเหมือนคันธนู และตอนนี้เขาดูเหมือนกุ้งสุกก่อนที่ความเจ็บปวดจะจางหายไป พลังปราณจิตโดยรอบก็พุ่งเข้ามาท่วมร่างทันที

“หืมม?”

ซุนม่อรู้สึกงงงวย เนื่องจากเขาเข้าใจวิถีของการฝึกปรือ ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนที่ผู้ฝึกปรือจะทะลวงด่านขึ้นสู่ระดับต่อไป

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น ซุนม่อจึงสังเกตอย่างจริงจัง มือของเขาไม่ได้ห่างจากร่างชีเซิ่งเจี่ย เขาเคลื่อนมือไปที่ส่วนต่างๆ  ในขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงปราณจิตที่โคจรไปตามเส้นชีพจร

เผียะ เผียะ เผียะ

ร่างของชีเซิ่งเจี่ยมีเสียงแตกเบาๆ กล้ามเนื้อของเขาเหมือนจะขยายตัวขึ้น ใช้เวลาประมาณสามนาทีกล้ามเนื้อก็กลับคืนสู่สภาพเดิม

พลังปราณจิตที่พลุกพล่านในโกดังเริ่มสงบลง

ตอนนี้ซุนม่อก้าวถอยออกมา และทบทวนในใจถึงกระบวนการนวดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น นี่เป็นนิสัยของเขาทำซ้ำๆ ทบทวนกระบวนการทีละขั้นตอน เขาต้องการเสริมสร้างความทรงจำของเขาและหาจุดที่ดี จุดบกพร่องทั้งหมดที่ควรแก่การจดบันทึก วิธีนี้จะทำให้เขาทำงานได้ดีขึ้นในอนาคต

“ข้า...ข้าบรรลุระดับใหม่หรือนี่?”

ร่างของชีเซิ่งเจี่ยสั่นเทา เขาตกตะลึงขณะจ้องดูมือตนเอง  ความรู้สึกของการมีปราณจิตมากมายอยู่ในกาย..ไม่ผิดพลาดแน่นอน

เขาเคยประสบกับสภาวะมหัศจรรย์แบบนี้มาก่อน เมื่อครึ่งปีที่แล้วเขาก้าวเข้าสู่ระดับ 3 ของขอบเขตการเสริมสภาพกาย

เขามึนงงอยู่ห้านาที แล้วเขาก็นึกถึงซุนม่อได้ เขารีบลุกขึ้น

ชีเซิ่งเจี่ยทำแผ่นกระดานพลิก ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว เขาเดินสองก้าวก็พุ่งไปอยู่ข้างหน้าซุนม่อ และคุกเข่าเสียงดังลั่น

ตึง!

ชีเซิ่งเจี่ยกราบคารวะ เขาใช้แรงมากเกินไปจนดูเหมือนกับทุบพื้น  เขาอยากจะกล่าวขอบคุณสักสองสามคำ แต่เพราะความตื่นเต้นเกินไป ปากของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ในที่สุดเขาก็พูดอะไรไม่ออก

“ทำไมเจ้าถึงคุกเข่าอีก?”

“หรือว่าเจ้ากลายเป็นแมลงเต่าทองไปแล้ว?”

“ไม่..ข้า..ไม่”

หัวของชีเซิ่งเจี่ยเต็มไปด้วยเหงื่อ  เขากลัวว่าซุนม่อจะเกลียดเขา และด้วยเหตุนี้เขาเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ  จนไม่อาจพูดได้อย่างราบรื่น

ในขณะนี้สถานะของซุนม่อในใจของเขาเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ หลังจากนวดไปหนึ่งรอบ ซุนม่อก็ช่วยให้เขาก้าวสู่ระดับสี่ของขอบเขตเสริมพลังร่างกาย มันยอดเยี่ยมมากมายเหลือเกิน

“ไม่ใช่ก็ได้.... ลุกขึ้นเร็วๆ”

ซุนม่อสั่ง  “เก็บของบนพื้นด้วย”

“อืม”

ชีเซิ่งเจี่ยว่านอนสอนง่ายเหมือนลูกแกะที่เชื่องเชื่อถูกหมาป่าจ้องมอง  ตอนนี้เขาตื่นเต้นเหลือจะกล่าวอยากจะตะโกนให้สุดเสียง เมื่อบรรลุถึงระดับที่สี่ โอกาสผ่านทดสอบโถงประลองจะมีมากขึ้น

เมื่อคิดถึงตรงนี้ชีเซิ่งเจี่ยอดสรรเสริญซุนม่อไม่ได้

“อาจารย์ซุน!  ท่านยอดเยี่ยมมากเหลือเกิน!”

ติง!   คะแนนความชื่นชอบจากชีเซิ่งเจี่ย +30

การเชื่อมสายสัมพันธ์  เป็นกลาง (50/100)

ซุนม่อกระดกลิ้น +30 คะแนนโดยตรงหรือนี่? เขาไม่ได้ดูถูกว่าน้อยไป แต่เขาอยากรู้ว่า เขาจะได้รับคะแนนประทับใจมากมายทุกครั้งได้อย่างไร?

“เมื่อคำแนะนำของเจ้าสร้างความประทับใจ เช่นความสนิทสนม ความประทับใจ ความรู้สึกเทิดทูน ฯลฯ เจ้าจะได้รับคะแนนความประทับใจได้

“ยิ่งเป้าหมายมีอารมณ์พลุกพล่านมากเท่าใด  คะแนนความประทับใจก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น”

“ยกตัวอย่างชีเซิ่งเจี่ย ตอนนี้ด้วยความก้าวหน้าของเขาทำให้เขารู้สึกถึงความหวังว่าจะผ่านทดสอบในโถงประลอง  ถ้าเขาผ่านได้จริงๆ ชีวิตของเขาจะดีขึ้นทันตา นี่คือเหตุผลที่เขาสร้างคะแนนประทับใจได้มากมาย”

หากเสียงของระบบมีอารมณ์ร่วมมากกว่านี้สักหน่อย มันจะเหมือนพี่เลี้ยงที่มีความเอื้ออาทร

“ดังนั้นกรณีนี้ ยิ่งพวกเขารู้สึกว่าคำแนะนำของข้ามีความสำคัญต่อพวกเขามากเท่าใด ก็ยิ่งดีสำหรับข้ามากเท่านั้น ดังนั้นข้าต้องพยายามแนะนำผู้อื่นให้มากขึ้น เพื่อให้ได้คะแนนประทับใจที่ดีใช่ไหม?”

“ถูกต้อง!”

ระบบหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเสริมอีกบรรทัดหนึ่งว่า “ด้วยมุมมองสติปัญญาของเจ้า ข้าเห็นว่าเป็นไปได้มากที่ระบบมหาคุรุจะตัดสินใจเลือกเจ้าอย่างถูกต้องในที่สุด”

“นี่พูดพล่ามมากเกินไปหรือเปล่า?”

ซุนม่ออยากจะเหลือกตา

“ข้าขอกลับคำ  เจ้าปากเสียเกินไป”

หลังจากระบบพูดจบ มันก็เงียบเสียง

“รู้สึกยังไงบ้าง?”

ซุนม่อชำเลืองมองชีเซิ่งเจี่ย  เขาไม่ได้รู้สึกภูมิใจตัวเอง ทั้งนี้เป็นเพราะชีเซิ่งเจี่ยได้ฝึกฝนจนอยู่ในจุดสุดยอดของระดับ 3 ก่อนหน้านี้แล้ว  เขาแค่ขาดแรงกระตุ้นเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าสู่ขอบเขตระดับ 4 ได้  ก็แค่ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ และเขาเหนื่อยล้าเกินไปจนทำให้ร่างกายอ่อนแอลง นี่คือเหตุผลที่ทำให้ชีเซิ่งเจี่ยไม่สามารถบรรลุระดับใหม่ได้ แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม

เคล็ดนวดแผนโบราณของซุนม่อกรุยเส้นชีพจรโคจรพลังปราณของเขา ทำให้ปราณจิตของเขาไหลเวียนโคจรได้ราบรื่น นี่ถือว่าเป็นแรงกระตุ้นในความก้าวหน้าของชีเซิ่งเจี่ย

“ข้ารู้สึก...ยอดเยี่ยมมาก!”

ชีเซิ่งเจี่ยชนหมัดเข้าหากัน เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าหาคนมาเป็นคู่มือฝึกซ้อมในตอนนี้

“กลับไปแล้วพักผ่อนซะ  อย่ามัวแต่คิดเรื่องฝึกปรือ”

ซุนม่อออกคำสั่ง

“หา?”

ชีเซิ่งเจี่ยประหลาดใจ ตอนแรกเขาอยากปฏิเสธ แต่เมื่อคิดถึงความก้าวหน้าครั้งใหญ่ที่ซุนม่อช่วยเขา เขาหุบปากทันทีและพยักหน้าหนักแน่น “ข้าจะกลับไปนอนเดี๋ยวนี้”

“ในช่วงสองสามวันนี้ เจ้าสามารถกลับมาที่นี่ได้ตอนหลังเลิกเรียน

เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จและรับรางวัล ซุนม่อได้แต่ทุ่มเท

“อาจารย์ซุน! ท่านยินดีจะชี้แนะข้าหรือเปล่า?”

สายตาของชีเซิ่งเจี่ยเป็นประกาย  เขาตื่นเต้นจนส่งเสียงหอบ

ซุนม่อโบกมือ และชีเซิ่งเจี่ยก็จากมาอย่างรู้กัน ก่อนเขาจากไปเขาปิดประตูโกดังอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าถ้าเขาเคลื่อนไหวเอะอะเกินไปจะทำให้อาจารย์ซุนตกใจได้

เมื่อเขากลับไปถึงหอพัก แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตาม ชีเซิ่งเจี่ยก็รีบเข้านอนเพื่อจะได้ข่มตาหลับได้ ตอนนี้เขาปฏิบัติตามคำพูดของซุนม่ออย่างเคร่งครัดราวกับรับปฏิบัติตามราชโองการ

....

“เฮ้อ, น่าสงสารชีเซิ่งเจี่ย ข้าเกรงว่าเขาจะลาออกจากสถาบัน”

หวังฮ่าวถอนหายใจ

“มันอาจเป็นคำพูดขัดหู แต่ด้วยฝีมือของชีเซิ่งเจี่ย เขาคงไม่สามารถเข้าโถงประลองได้อยู่ดี  ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาของสถาบันเขาใช้เงินไปค่อนข้างมาก แต่ไม่ได้มีความก้าวหน้ามากนัก  ไม่เพียงแต่พ่อของเขา  ข้าเองก็ยังรู้สึกว่าเป็นการดีกว่าที่เขาควรลาออกจากสถาบันแล้วหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระการเงินของครอบครัว”

โจวชี่ไม่ได้มีเจตนาเลวร้าย แต่เขารู้สึกว่าชีเซิ่งเจี่ยเสียเวลาอย่างแท้จริง หากปราศจากคำแนะนำของมหาคุรุ แม้ว่าชีเซิ่งเจี่ยจะฝึกปรือโดยไม่กินไม่นอน เขาก็จะไม่ได้รับผลดีอันใด

บอกตามตรง สถานที่อย่างสถาบันจงโจวไม่ได้ขาดแคลนนักเรียนผู้พากเพียรฝึกปรืออย่างหนัก สิ่งที่พวกเขาขาดคือการชี้แนะของมหาคุรุ

เมื่อทั้งสองกลับไปที่หอพักและเห็นชีเซิ่งเจี่ยนอนอยู่บนเตียงนี้ พวกเขาส่ายหน้า  ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของชีเซิ่งเจี่ยจะไม่ดีขึ้น ทั้งสองคนไม่รู้จะปลอบโยนเขาอย่างไร  แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเขาหัวเราะ

“เสร็จสิ้นแล้ว”

หวังฮ่าวโบกมือ “เขาบ้าไปแล้ว”

“เซิ่งเจี่ย! มีโอกาสมากมายในชีวิต  อย่ายึดติดกับปัจจุบันมากจนเกินไป..”

โจวชี่ปลอบโยน แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เขาก็ถูกขัดจังหวะ

“ข้าทะลวงสู่ระดับใหม่ได้แล้ว”

ชีเซิ่งเจี่ย แบ่งปันความสุขกับสหายสองคนของเขา

หา?

ทั้งสองคนตกตะลึง โจวชี่เดินเข้ามาด้านหน้าวางมือที่หน้าผากของชีเซิ่งเจี่ย “เจ้าเป็นไข้หรือเปล่า?”

“ไม่”

ชีเซิ่งเจี่ยดึงมือโจวชี่ออก “ข้ากำลังบอกเจ้าว่าอาจารย์ซุนยอดเยี่ยมจริงๆ  เขาไม่เพียงแต่รักษาข้าให้หายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ข้าบรรลุระดับใหม่ด้วยเช่นกัน”

“อาจารย์ซุนไหน?”  โจวชี่ถาม

“ข้าพูดถึงซุนม่อ อาจารย์ซุน”

น้ำเสียงของชีเซิ่งเจี่ยเต็มไปด้วยความชื่นชม

“ซุนม่อ!  ครูฝึกสอนใช่ไหม?”

โจวชี่รู้สึกประทับใจกับชื่อนี้  ที่สำคัญเรื่องของซุนม่อถือเป็นประเด็นร้อนในหมู่นักเรียน

“แน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้เอ่ยชื่อผิด  ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นคนหุง ‘ข้าวนุ่ม’ ที่ไม่สามารถเป็นครูผู้ช่วยได้ด้วยซ้ำและถูกเตะโด่งไปอยู่แผนกรับส่งพัสดุแทน”

หวังฮ่าวรู้สึกงง

 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น