วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2565

บทที่ 55 พบอันซินฮุ่ยครั้งแรก

บทที่ 55 พบอันซินฮุ่ยครั้งแรก

เสียงของใครบางคนที่พูดขึ้นมากะทันหันทำให้ซุนม่อและอีกสองคนหันไปมอง

ภายใต้แสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังอัสดงค์ อันซินฮุ่ยยืนอยู่ในป่า ลมกลางคืนพัดมาจากทะเลสาบทำให้มุมเสื้อคลุมของนางพลิ้วไหว

 

เนื่องจากความเหนื่อยล้ามากเกินไปผิวของอันซินฮุ่ยจึงซีดและรูปร่างของนางก็ผอมลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสายตาของนางเฉียบคมเหมือนเคย

ซุนม่อยิ้ม นี่คือรูปลักษณ์ของสตรีที่ประสบความสำเร็จในอาชีพ

ประกายคมชัดในดวงตาของอันซินฮุ่ยวูบวาบและหายไป หลังจากนั้นนัยน์ตากลมโตของนางที่มีเฉดสีขาวและดำก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน นางแสดงความสามารถในการเข้าถึงโดยอัตโนมัติ ทำให้คนที่มองนางรู้สึกประทับใจในตัวนางอย่างมาก

ปฏิกิริยาแรกของลู่จื่อรั่ว เมื่อนางเห็นเยี่ยหลงป๋อคือความกลัวและความเคารพ และตอนนี้เมื่อนางเห็นอันซินฮุ่ยก็เป็นหนึ่งในความเป็นมิตร นางรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนบ้านที่แก่กว่าซึ่งกำลังยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน และถามนางว่าอยากกินขนมสับปะรดด้วยกันไหม!

“มีระดับจริงๆ!”

ซุนม่ออดยกย่องไม่ได้

อันซินฮุ่ยเป็นคนงดงาม และนางไม่จำเป็นต้องมีทักษะการแสดงเพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง ตราบใดที่เธอเป็นแจกันดอกไม้ ผู้ชายหลายคนก็เต็มใจที่จะจ่ายค่าตั๋วและไปดูหนังที่โรงหนัง และพวกเขาก็ลังเลที่จะออกจากโรงเพราะกลัวพลาดฉากใดฉากหนึ่งไปอย่างรวดเร็ว

ท่าทางของนางยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีก ท่าทางแบบนั้นจะทำให้ทุกคนมองข้ามความงามของนางและสังเกตอารมณ์ของนางแทน

พูดง่ายๆ รัศมีของอันซินฮุ่ยนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก

ต้องรู้ว่าเยี่ยหลงป๋อเป็นมหาคุรุ 4 ดาวและรัศมีของเขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน แต่เมื่ออันซินฮุ่ยปรากฏตัว มันก็เหมือนกับเสียงของแขกที่ครอบงำเสียงของเจ้าบ้าน มันทำให้ทุกคนสนใจนางเพียงคนเดียวโดยไม่ได้ตั้งใจ

อันซินฮุ่ยไม่ได้พูดอีกต่อไป นางมองไปที่ซุนม่อ สำรวจคนรักในวัยเยาว์ของนางซึ่งนางไม่ได้พบเจอมาหลายปีแล้ว

เขาสูงกว่ามาก อาจเป็นเพราะเขาเพิ่งเรียนจบ แต่นางก็ยังเห็นใบหน้าที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวอยู่ นิ้วของเขาเรียวและเล็บก็สะอาด เขาสวมชุดคลุมสีฟ้าอ่อนสำหรับครูฝึกสอน และไม่มีรอยยับใดๆ มองดูก็รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ใส่ใจในรายละเอียด

“อาจารย์ใหญ่อัน!”

ซุนม่อพูด ริมฝีปากของเขาขดอย่างแผ่วเบาราวกับแสงรัศมีที่สดใสราวกับแสงแดดเปล่งประกายออกมาในทันที

“อา เขาต้องฝึกยิ้มนี้มา 6 เดือนหรือมากกว่านั้นแน่!”

อันซินฮุ่ยเดา นางควบคุมมันไม่ได้และรู้สึกเหมือนกำลังหัวเราะ แต่สีหน้าของนางไม่เปลี่ยน

เยี่ยหลงป๋อคุ้นเคยกับอันซินฮุ่ยเป็นธรรมดา ดังนั้นคิ้วของเขาจึงเริ่มขมวด

ไม่มีวิธีแก้ปัญหานี้ เมื่อพูดถึงการแย่งชิงคนที่มีความสามารถ มหาคุรุผู้งดงามย่อมได้เปรียบโดยธรรมชาติ นอกจากนี้ อันซินฮุ่ยยังมีชื่อเสียงอย่างมากและมีรัศมีแห่งความรุ่งโรจน์หลายประการ

นอกจากระดับมหาคุรุของนางที่ด้อยกว่าเขาและสถาบันจงโจวได้ตกต่ำและมีคุณสมบัติไม่เพียงพอ อันซินฮุ่ยไม่มีข้อบกพร่องอื่นๆ

“ข้าหวังว่าซุนม่อจะไม่ใช่คนผิวเผินที่ไม่ยอมจากไปเพียงเพราะหญิงงาม”

เยี่ยหลงป๋อพึมพำกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ก้าวออกไปและเริ่มโจมตี “อาจารย์ใหญ่อันเกียจคร้านมาก ทำไมเจ้าไม่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ร่วมกับพวกเราล่ะ”

คำพูดของเยี่ยหลงป๋อฟังดูผ่อนคลาย แต่ถ้าคำตอบของอันซินฮุ่ยนั้นไม่ระมัดระวัง นางคงแสดงภาพลักษณ์เชิงลบที่นางไม่จริงจังกับงานของนาง ต้องรู้ว่าวันนี้ยังคงเป็นงานพบปะนักศึกษา คนที่ยุ่งที่สุดควรเป็นอาจารย์ใหญ่

“ครูของข้ากำลังจะถูกไล่ล่าดึงตัว ข้าต้องมาหยุดยั้งเป็นธรรมดา!”

ถึงกระนั้นอันซินฮุ่ยคร้านเกินกว่าจะเผชิญหน้ากันด้วยคำพูด และนางตรงเข้าประเด็นทันที

เยี่ยหลงป๋อขมวดคิ้ว อันซินฮุ่ยเป็นเหมือนข่าวลือจริงๆ นางไม่ง่ายเลยที่จะรับมือ ไม่น่าแปลกใจที่อาจารย์ใหญ่เฉาแห่งสถาบันว่านเต้าถึงกับต้องจ้างเขา

ตามที่อาจารย์ใหญ่เฉากล่าวไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะอันซินฮุ่ยเข้ารับตำแหน่งสถาบันจงโจว สถาบันแห่งนี้คงถูกถอดออกจากรายชื่อไปนานแล้วเนื่องจากการข่มของเขา และต้องหายสาบสูญไปในประวัติศาสตร์

“ฮ่าฮ่า สถาบันจงโจวตกต่ำไปแล้ว พวกเจ้าอยู่ในอันดับท้ายๆ ของกลุ่มสถาบันชั้น 4  หลังจบการแข่งขันลีกปีนี้ ถ้าพวกเจ้ายังอยู่อันดับท้ายๆ สถาบันของเจ้าจะถูกลบออกจากรายการโดยตรง แทนที่จะปล่อยให้อาจารย์ซุนเสียความสามารถที่นี่ ทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้เขาตามข้าไปที่สถาบันว่านเต้า สร้างสวรรค์และโลกใหม่ที่นั่นล่ะ”

เยี่ยหลงป๋อ ตอบโต้ ในเวลาเดียวกัน เขาก็เหลือบมองซุนม่อ

คำพูดของอันซินฮุ่ยไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่ก็ตาม ได้แสดงความให้เกียรติอย่างสูงต่อซุนม่อและการยอมรับที่นางมีต่อเขา ถ้าเป็นบุรุษคนอื่นที่นี่แทนที่จะเป็นซุนม่อ คนๆ นั้นจะรู้สึกภูมิใจและพอใจเล็กน้อย ท้ายที่สุด เขาได้รับความนับถืออย่างสูงจากอาจารย์ใหญ่คนสวย

อย่างไรก็ตาม เยี่ยหลงป๋อค้นพบว่าสีหน้าของซุนม่อนั้นสงบมากจนราวกับว่าพวกเขาเป็นยัยป้าในโรงอาหารที่ถามเขาว่าเขาต้องการอะไรเป็นอาหารเช้า ไม่มีความแปรปรวนเลย

ริมฝีปากของซุนม่อกระตุก คำพูดของเยี่ยหลงป๋อเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างแท้จริง

“อันดับล่างสุด? ถูกลบออกจากรายการ? ท่านในฐานะมหาคุรุ 4 ดาวและเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแวดวงมหาคุรุ ท่านไม่ต้องการไปสถาบันชั้น '1' หรือหนึ่งในเก้าสถาบันยอดเยี่ยมใช่ไหม? ท่านถูกอาจารย์ใหญ่เฉาดึงตัวมาเพื่อจัดการกับสถาบันจงโจวของข้าไม่ใช่หรือ?”

อันซินฮุ่ยโต้กลับประชดประชัน

“ฮ่าฮ่า อาจารย์ใหญ่อัน  เจ้าประเมินสถาบันจงโจวของเจ้าสูงเกินไปแล้ว”

เยี่ยหลงป๋อหัวเราะลั่น แม้ว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมรับ

“เมื่อพูดถึงการสร้างสวรรค์และโลกใหม่ ข้าจำได้ว่าความปรารถนาสูงสุดของอาจารย์ใหญ่เฉา คือการยกระดับสถาบันว่านเต้า เพิ่มไปเป็นระดับ '1'  ส่วนสถาบันจงโจวของข้า ความปรารถนาสูงสุดของเราคือกลับไปสู่ระดับเก้าสถาบันยิ่งใหญ่”

อันซินฮุ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยความมั่นใจ “มีอะไรเป็นตำนานมากไปกว่าการเป็นผู้นำสถาบันที่ตกต่ำการกลับเข้าสู่อันดับเก้าสถาบันยิ่งใหญ่?”

“น่าทึ่งจริงๆ!”

เยี่ยหลงป๋อยกย่องอย่างเงียบๆ ทักษะการโต้วาทีของอันซินฮุ่ยนั้นยอดเยี่ยมมาก นอกจากนี้เมื่อนางพูด ประเด็นของนางก็ชัดเจนและจัดวางอย่างเหมาะสม นางเปลี่ยนหัวข้ออย่างเป็นธรรมชาติไปยังพื้นที่ที่เป็นประโยชน์สำหรับนาง

“ถ้าซุนม่อสามารถบรรลุจุดนี้ได้ เขาจะทิ้งร่องรอยไว้ในประวัติศาสตร์ของวงการมหาคุรุอย่างที่ยากจะลบเลือนแน่นอน รูปปั้นของเขาจะถูกตั้งตระหง่านในโรงเรียน และเขาจะเป็นที่เคารพนับถือของนักเรียนจากรุ่นสู่รุ่นนับไม่ถ้วน

อันซินฮุ่ยกล่าว

“เป็นความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ข้อกำหนดเบื้องต้นคือต้องทำให้สำเร็จให้ได้!”

เยี่ยหลงป๋อเยาะเย้ย เขาไม่กล้าคิดเรื่องแบบนี้

"โอ้? ท่านกำลังพูดว่าท่านไม่เชื่อในซุนม่อ?”

อันซินฮุ่ยพบช่องโหว่ทันทีและเริ่มโจมตี

“เอ๊ะ!”

เยี่ยหลงป๋อเริ่มคิดเงียบๆ ว่าสิ่งต่างๆ ดูไม่ดี อย่างไรก็ตาม ไม่ง่ายเลยที่เขาจะรับมือ เขาเปลี่ยนหัวข้อ “อาจารย์ซุน ตราบใดที่เจ้าเต็มใจเข้าร่วมกลุ่มของข้า เจ้าจะได้รับทรัพยากรจำนวนมาก ก่อนอื่นมาพูดถึงเงินเดือนกันก่อน ไม่ว่าอาจารย์ใหญ่อันจะเสนอให้เท่าไร ข้าจะให้เป็นสามเท่า”

หลังจากคำพูดของเขาดังขึ้น อันซินฮุ่ยก็รู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นแรง

นับประสาอะไรกับมหาคุรุ สำหรับคนธรรมดาที่ทำงาน เป็นเพราะเหตุผลสองประการ อย่างแรกเกิดจากความฝันและความทะเยอทะยาน อย่างที่สองคือการหารายได้มหาศาล

ตอนนี้เยี่ยหลงป๋อไม่ได้แค่พูดถึงความทะเยอทะยาน แต่เขาเต็มใจที่จะจ่ายเงินจำนวนมากเช่นกัน มันยากมากสำหรับอันซินฮุ่ยที่จะจัดการกับสิ่งนี้!

“สามเท่าของเงินเดือน? ท่านเห็นค่าเขาจริงๆเหรอ?”

อันซินฮุ่ยไม่มีทางเทียบราคาได้ นางยากจนมาก

“ฮ่าฮ่า นั่นเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับคนที่ข้าเยี่ยหลงป๋อนับถืออย่างสูงเขามีค่าจำนวนนี้อย่างแน่นอน ทำไมอาจารย์ใหญ่อันไม่ทำตามบ้างเล่า?”

เยี่ยหลงป๋อ ยังคงผลักดัน

นี่คือความมั่นใจของเขา แม้ว่าอันซินฮุ่ยจะเป็นอาจารย์ใหญ่ แม้ว่าสถาบันจงโจวจะไม่มีการต่อสู้และนางเป็นคนเดียวที่รับผิดชอบ แต่นางก็ไม่กล้าที่จะเพิ่มเงินเดือนของซุนม่ออย่างเลินเล่อ ถ้าไม่อย่างนั้น ครูท่านอื่นจะคิดอย่างไร?

เพิ่มเงินเดือน?

ถ้าท่านไม่เพิ่มเงิน ข้าจะไป สำหรับครูเงินเดือนไม่ใช่แค่เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกย่องและให้เกียรติอีกด้วย

“อาจารย์เยี่ย!  ท่านได้พูดไปแล้วว่าตำแหน่งปัจจุบันของท่านคือหัวหน้าอำนวยการ เป็นไปได้อย่างไรที่ท่านมีอำนาจยิ่งใหญ่เช่นนี้?”

อันซินฮุ่ยสงสัย

“ฮ่าฮ่า เจ้าเป็นอาจารย์ใหญ่ เจ้าควรรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่สถาบันจะมีความยืดหยุ่น อย่างไรก็ตาม อาจารย์ใหญ่เฉาได้จัดการผู้ไม่เห็นด้วยแล้ว ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ข้าจะกลายเป็นรองอาจารย์ใหญ่และมีเงินทุนส่วนหนึ่งที่สามารถจัดสรรได้ตามความประสงค์ของข้า”

เยี่ยหลงป๋อมองไปที่อันซินฮุ่ย ขณะที่คิดว่านางยังเด็กเกินไป

อันซินฮุ่ยตกอยู่ในความเงียบ นางรู้สึกกดดันอย่างมาก ถูกแล้ว ถ้าอาจารย์ใหญ่เฉาต้องการที่จะตามดึงมหาคุรุ 4 ดาว เขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลอย่างแน่นอน ถ้าไม่งั้น ทำไมเยี่ยหลงป๋อคนที่มีทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับเขา – เข้าร่วมสถาบันว่านเต้า?

“ว้าว นี่อะไรกัน? พวกเขากำลังแย่งชิงอาจารย์?”

ลู่จื่อรั่วที่กำลังเฝ้าดูอยู่ด้านข้างรู้สึกประหม่ามากจนมือน้อยๆ ของนางดึงเสื้อของนาง ฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ คนหนึ่งเป็นมหาคุรุ 4 ดาว อีกคนเป็นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันจงโจว บุคคลหลักสองคนนี้กำลังแย่งชิงอาจารย์ซุนอยู่เหรอ?”

ลู่จื่อรั่วจ้องไปที่ซุนม่อด้วยดวงตาที่เทิดทูนบูชา

อาจารย์ซุน ท่านยอดเยี่ยมมาก!

ติง!

คะแนนความประทับใจจากลู่จื่อรั่ว +30

คะแนนเชื่อมสัมพันธ์กับลู่จื่อรั่ว มิตรภาพ (173/1,000)

(เฮ้ย อยากเป็นแฟนข้าเหรอ?)

เมื่อได้ยินการแจ้งเตือนของระบบ ซุนม่อก็ยื่นมือออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจและลูบที่หัวของลู่จื่อรั่ว

อา!

ลู่จื่อรั่วเอนศีรษะไปด้านข้างทันที ดวงตาของนางหรี่ลงราวกับนางเป็นแมวเชื่องที่กำลังเพลิดเพลินกับการลูบไล้ของซุนม่อ

“อาจารย์ซุน ปัจจุบันสถาบันจงโจวถูกปิดล้อมด้วยปัญหาภายในและภายนอก จางฮั่นฟูและหวังซู่ไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน ด้วยความสัมพันธ์ของเจ้าในฐานะคู่หมั้นของ อันซินฮุ่ย พวกเขาจะกดขี่เจ้าอย่างแน่นอน แม้ว่าเจ้าจะเต็มไปด้วยพรสวรรค์ อย่าคิดแม้แต่จะแสดงมันออกมา ทำไมไม่เข้าร่วมกลุ่มของข้า? มาสร้างกลุ่มมหาคุรุอันดับหนึ่งภายใต้หล้าด้วยกันเถอ”

เยี่ยหลงป๋อเหยียดมือขวาออก เขามองซุนม่อด้วยสายตาที่จริงใจ

อันซินฮุ่ยทำได้เพียงเงียบ คำพูดของเยี่ยหลงป๋อเป็นความจริงทั้งหมด เขายังพิจารณาแง่มุมของ 'ความทะเยอทะยาน' และ 'เงินเดือน' ของซุนม่อด้วย นี่เป็นข้อเสนอที่จริงใจอย่างยิ่ง

ถ้าเป็นครูคนอื่นๆ พวกเขาอาจจะรู้สึกขอบคุณมากจนกระทั่งขอบคุณเขาทั้งน้ำตา พูดคำขอบคุณมากมายราวกับต้องการสละชีวิตให้ก็ยังได้

อย่างไรก็ตามอันซินฮุ่ยเป็นคนที่มีจิตใจสะอาดและบริสุทธิ์ นางจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้อย่างไร? นางไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาของนางมองไปทางซุนม่อ

มีความหวัง ความกังวลใจ และร่องรอยของความสงสารอยู่ในนั้น การจ้องมองนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นความปรารถนาที่จะให้บุรุษทุกคนปกป้อง

“โอ้! อันซินฮุ่ย เจ้าใช้ท่านี้จริงๆ!”

เยี่ยหลงป๋อโกรธมากจนแทบจะกระอักเลือดออกมา อย่างไรก็ตาม เขายังคงไว้ซึ่งความสง่างามของมหาคุรุ เขาไม่อาจโต้เถียงกับผู้หญิงเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ใช่ไหม? ไม่ว่าในกรณีใด แม้ว่าเขาต้องการจะโต้แย้ง แต่เขาก็ไม่มีทางแก้ไขได้ เขาไม่สามารถใช้การจ้องมองแบบเดียวกันมองซุนม่อได้

เฮ้ เขาโกรธมากจริงๆ ถ้าเขารู้ว่าเขาจะวิ่งไปเข้าทางอันซินฮุ่ย วันนี้เขาจะดึงครูที่งดงามสองสามคนมาช่วยเขาด้วย มีครูที่เป็นหญิงงามมากมาย เขาไม่เชื่อว่าชายหนุ่มที่แข็งแรงอย่างซุนม่อจะทนต่อข้อเสนอเย้ายวนของเขาได้

ลู่จื่อรั่วรู้สึกประหม่ามากขึ้น ไม่ว่าอาจารย์ของนางจะไปไหน นางก็จะตามเขาไปตลอดทางอย่างแน่นอน

ซุนม่อเหลือบมองที่มือของเยี่ยหลงป๋อ หลังจากนั้นเขาเหวี่ยงมือแล้วกระแทกพื้นก่อนจะเริ่มปรบมือ

“พี่เยี่ย! ข้าขอขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน อย่างไรก็ตาม ข้ามีข้อบกพร่อง เมื่อใดก็ตามที่ข้าประสบความสูญเสีย ข้าต้องได้รับทุนคืนจากที่นั่นอย่างแน่นอน มีคนมากมายที่นี่ที่เรียกข้าว่าไอ้หนุ่มข้าวนุ่ม ถ้าท่านเป็นข้า ท่านจะจัดการกับมันอย่างไร”

ซุนม่อยิ้มขณะที่เขาถาม

“เจ้าจะจัดการกับมันอย่างไร?”

เยี่ยหลงป๋อถามกลับ

“ข้าจะยึดชามข้าวของพวกเขาทั้งหมดอย่างแน่นอน และทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่มีข้าวกิน!” ซุนม่อยิ้ม สายตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจขณะที่เขามองไปที่ เยี่ยหลงป๋อข้ารู้สึกเสียใจต่อพี่เยี่ยที่ชื่นชมและเมตตาข้า”

ซุนม่อขอโทษอย่างจริงใจ นี่เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงความให้เกียรติอย่างสูงที่ เยี่ยหลงป๋อมีต่อเขา ทำให้เขานึกถึงครูใหญ่คนเก่าของเขาในโลกที่แล้วซึ่งเห็นคุณค่าของตัวเขาเองและเลือกจ้างเขา ช่วยปัดเป่าความกดดัน ปล่อยให้เขาเป็นครูผู้ดูแล และปล่อยให้เขาแสดงสติปัญญาเต็มที่

“อย่าว่าแต่นี่เป็นเพียงโอกาส สำหรับบางคนพวกเขาคงไม่มีโอกาสเช่นนั้นไปตลอดชีวิต”

บันทึก:

 

การเป็นแจกัน = แค่ต้องสวยไม่ต้องทำอะไร

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น