ตอนที่ 479 เมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ภายใต้การล้อม
หัวใจของเหยียนไห่สั่นไหวเมื่อเขารู้สึกว่าสนามพลังชั้นแรกหลุดออกมาจากร่างกายของ เย่เฉิน
“นี่เป็นเพียงระดับแรกของสนามพลังหรือนี่?”
เหยียนไห่เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ และเห็นเงาของดวงดาวขนาดใหญ่เก้าดวงที่อยู่ด้านหลังเย่เฉิน เสียงของเขาอดไม่ได้ที่จะมีความประหลาดใจ
“สนามพลังนี้เรียกว่าสนามพลังดวงดาวเหรอ?”
แม้แต่ในทวีปเทียนหยวน ก็ไม่มีใครเข้าใจสนามพลังแบบนี้มาก่อน ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่ในบันทึกโบราณก็ตาม สนามพลังดวงดาวเป็นสนามพลังของวิถีเต๋าหรือไม่?
ระดับแรกของขั้นเหนือธรรมชาติ!
สนามพลังดวงดาว!
เย่เฉินรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของพลังปราณรอบตัวเขา และรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังว่า พลังของเหยียนไห่จะเปิดใช้งานสนามพลังระดับแรกของเขาจริงๆ เมื่อดูสีหน้าของเหยียนไห่ สนามพลังดวงดาวของเขาไม่ควรอ่อนแอเกินไป ในขณะที่ฐานการฝึกปรือของเขาก้าวไปสู่ขั้นเหนือธรรมชาติ เย่เฉินก็รู้สึกได้ว่าสมบัติบนตัวเขาแข็งแกร่งขึ้นและสะท้อนกับจิตวิญญาณของเขาเช่นกัน
ในที่สุดเขาก็มาถึงขั้นเหนือธรรมชาติแล้ว แม้ว่าเขาจะเข้าใจเพียงชั้นแรกของสนามพลัง แต่มันก็ยังคงเป็นการก้าวหน้าที่มั่นคง
“ผู้อาวุโสเหยียนไห่ ข้าขอทราบได้ไหมว่าสนามพลังของข้าเป็นสนามพลังประเภทใด และมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใด"
เย่เฉินอยากรู้ว่าพลังสนามพลังของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน
“สนามพลังของเจ้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน มันควรเป็นกลุ่มดาวหรือวิถีเต๋า”
เหยียนไห่พึมพำกับตัวเอง นี่เป็นคำตอบเดียวที่เขาสามารถมอบให้เย่เฉินได้
แม้แต่ผู้อาวุโสเหยียนไห่ก็ไม่รู้เหรอ? เย่เฉินตกตะลึงเล็กน้อย
“ข้าช่วยเจ้าได้จนถึงจุดนี้เท่านั้น ขั้นที่สองถัดไปจะขึ้นอยู่กับเจ้าที่จะเข้าใจ”
เหยียนไห่หัวเราะ การช่วยเหลือเย่เฉินนั้นขัดต่อความปรารถนาของเจ้าดวงดาวซิงฉวนเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสช่วยข้าได้มากแล้ว ผู้เยาว์คนนี้ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับความช่วยเหลือของท่าน!”
เย่เฉินยกมือขึ้นประสานแล้วพูดด้วยความเคารพ ถ้าไม่ใช่เพราะเหยียนไห่ เขาคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามเดือนในการฝึกฝนจนถึงระดับเหนือธรรมชาติ
เย่เฉินนั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้วิญญาณเพื่อรวบรวมความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับสนามพลังดวงดาว เขามองดูดาวฟ้าทั้งเก้า สนามพลังแรกของสนามพลังดวงดาวเรียกว่าดาวตก เมื่อมันถูกใช้ มันเหมือนกับว่ามีดาวขนาดใหญ่เก้าดวงล้อมรอบมัน และแรงโน้มถ่วงอันทรงพลังสามารถฉีกยอดฝีมือธรรมดาออกจากกัน!
เหยียนไห่กวักมือเรียกเหวินเอ๋อและเสี่ยวอี้ให้ออกมาข้างหน้า เขาสอนวิธีการฝึกฝนเหวินเอ๋อและแนะนำเธอในการฝึกฝนของเธอ ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวอี้ก็ฟังจากด้านข้างและได้รับประโยชน์มากมาย
ในตอนเย็นก็ไม่พบเหยียนไห่เลย
ตามที่เหยียนไห่กล่าว เขายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ มันอาจจะเกี่ยวข้องกับอสูรวิญญาณ อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถจัดการได้ เขาเพียงแค่ต้องมีสมาธิกับการฝึกฝนของเขา
ในช่วงเวลาต่อมา เหยียนไห่ก็ปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งคราว
ในช่วงเวลานี้ เย่เฉินได้รับการฝึกฝนอย่างสุดหัวใจ และไม่ย่อหย่อนเลย
เพียงชั่วพริบตาครึ่งเดือนก็ผ่านไป ในที่สุดฐานการฝึกปรือของเย่เฉินก็รวมเข้าด้วยกันในระดับแรกของขั้นเหนือธรรมชาติ และเขาก็เริ่มคุ้นเคยกับการใช้สนามพลังดวงดาวมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเย่เฉินใช้มันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งค้นพบว่าขอบเขตดวงดาวนั้นลึกลับอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าจะมีร่องรอยของความลึกลับของจักรวาล
ทุกครั้งที่เขาค้นพบความลึกลับใหม่ เย่เฉินจะตื่นเต้นอย่างมาก
ในที่สุดเย่เฉินก็สามารถเริ่มฝึกฝนระดับที่สองของพลังนพดาราได้ วิชาที่เหลือยิ่งลึกซึ้งยิ่งขึ้น เย่เฉินสามารถเข้าใจได้เพียงคำต่อคำเท่านั้น วิชานพดารามีเก้าวิชาในการฝึกฝน วิชาการฝึกปรือแต่ละอย่างนั้นค่อนข้างง่ายในการฝึกปรือ แต่การรวมเก้าวิชาเข้าด้วยกันนั้นยากมาก
สมาชิกของตระกูลเย่บางคนได้ฝึกฝนวิชาจักรพรรดิสายฟ้าถึงระดับที่สองหรือสามแล้ว ในขณะที่เย่เฉินเพิ่งเสร็จสิ้นการฝึกฝนในระดับแรก และกำลังเริ่มฝึกฝนระดับที่สอง!
.....
เมื่อเวลาผ่านไป สภาตุลาการก็เริ่มดำเนินการในที่สุด มีข่าวเข้ามาจากผลึกดวงดาวอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา สภาตุลาการได้ระดมกำลังจากผู้ทรงอำนาจระดับเหนือธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง นักรบชั้นเหนือธรรมชาติห้าสิบถึงหกสิบคนมารวมตัวกันในทิศทางของเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ กองกำลังไม่กี่แห่งที่อยู่รอบเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายไปหมดแล้ว นอกเหนือจากนักรบระดับเหนือธรรมชาติจำนวนมากแล้ว สภาตุลาการยังได้ส่งกำลังเสริมของหุ่นมนุษย์จำนวนมากอีกด้วย
หุ่นมนุษย์ทำจากโลหะทั้งหมด มีพวกมันหลายแสนตัว และส่วนใหญ่อยู่ในชั้นจ้าวปีศาจ มีชั้นไร้ขอบเขตมากถึงสามพันตัวและชั้นเหนือธรรมชาตินับร้อย ร่างกายทั้งหมดของพวกเขาทำจากโลหะมีค่าและแข็งแรงมาก แม้ว่าพวกมันจะไม่มีพลังของสนามพลัง แต่พวกมันก็จัดการได้ยากกว่ามนุษย์
หลังจากเห็นภาพบนผลึกดวงดาวแล้ว เย่เฉินก็เข้าใจทันที สภาตุลาการได้วางแผนเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน เขตต้องห้ามถูกใช้เพื่อป้อนวิญญาณมืดเพื่อสร้างหุ่นมนุษย์! สภาตุลาการปกครองทั่วทั้งมหาทวีปบูรพา และเขตต้องห้ามไม่ใช่สถานที่เดียวที่พวกเขาเลี้ยงวิญญาณมืดอย่างแน่นอน!
ด้วยหน่วยเสริมกำลังมนุษย์ พวกเขาสามารถกวาดล้างไปทั่วทั้งทวีปบูรพาได้!
ยิ่งไปกว่านั้น สภาตุลาการยังคงระดมกำลังอย่างต่อเนื่อง!
เมืองแห่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เป็นเมืองอันงดงามที่ปรากฏอยู่ในเมฆดำมืดโดยมีฟ้าแลบแวบวาบบนก้อนเมฆเป็นครั้งคราว
ครึ่งเดือนที่ผ่านมาปี้เมี่ยได้ออกคำสั่งเรียกกองกำลังทั้งหมด ยอดฝีมือหลายคนจากทุกกองกำลังหลั่งไหลเข้ามาในเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่ยากลำบากเพื่อปกป้องเมือง อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับกำลังเสริมของหุ่นมนุษย์จำนวนมาก แม้ว่าจะมียอดฝีมือมากมาย แต่กองกำลังทั้งหมดก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
มันสมเหตุสมผลที่จะบอกว่าหุ่นพวกนั้นทำจากโลหะและกลัวการโจมตีด้วยสายฟ้ามากที่สุด อย่างไรก็ตาม สภาตุลาการได้ส่งหุ่นมนุษย์จำนวนมากมาที่นี่ พวกเขาต้องมีวิธีที่จะทำลายการโจมตีด้วยสายฟ้านี้ให้ได้!
เมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จะสามารถต้านทานการโจมตีของสภาตุลาการได้หรือไม่?
เมื่อเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ล่มสลาย จะไม่มีใครในมหาทวีปบูรพาสามารถต่อต้านสภาตุลาการได้!
พวกเขาบางคนยังคงหวังว่าจะเกิดความบังเอิญและต้องการขอลี้ภัยกับสภาตุลาการ แต่พวกเขาล้มเลิกความคิดนั้นเมื่อเห็นสภาตุลาการเรียกร้องให้ผู้ลี้ภัยหลายสิบล้านคนเป็นอาหารเลี้ยงอสูรวิญญาณนอกเมือง วันหนึ่ง เมื่อสภาตุลาการไม่ต้องการพวกเขาอีกต่อไป พวกเขาจะถูกไล่ล่าจนตายเหมือนหมู
สภาตุลาการนั้นโหดร้ายและกระหายเลือดมากกว่าที่คิดไว้มาก!
นักรบต่างๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรวมพลังต่อสู้กับศัตรูร่วมกันและต่อสู้กับสภาตุลาการในเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์!
แน่นอนว่าสภาตุลาการรู้ดีว่าตราบใดที่พวกเขาพิชิตเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ จะไม่มีใครในทวีปบูรพาทั้งหมดที่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้ พวกเขาระดมกำลังทหารทั้งหมดมาประจำการอยู่นอกเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาพร้อมที่จะเริ่มสงครามขนาดใหญ่และตัดสินผลลัพธ์ด้วยการรบเพียงครั้งเดียว
.....
เทือกเขาเหลียนหวิน
“น้องเย่เฉิน เจ้าจะไปที่เมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรือ?”
ราชสีห์ทงเทียนถามอย่างกังวล เย่เฉินได้บอกเขาเกี่ยวกับสภาตุลาการแล้ว สถานการณ์ในทวีปนี้อันตรายอย่างยิ่ง หากเย่เฉินรีบไปที่เมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ในเวลานี้ ชีวิตของเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา
“ใช่ ข้าหวังว่าท่านราชสีห์จะดูแลวิหารดวงดาวได้ หากเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์พ่ายแพ้ จะไม่มีไข่ที่สมบูรณ์หลังจากที่รังถูกพลิกคว่ำ วิหารดวงดาวก็จะถูกทำลายไปด้วย”
เย่เฉินพูด แววตาของเขาบ่งบอกถึงความมุ่งมั่น
“น้องเย่เฉิน เจ้าอยากพากลุ่มคนไปด้วยไหม?”
ราชสีห์ทงเทียนเห็นว่าเย่เฉินได้ตัดสินใจแล้ว และเข้าใจว่าเขามีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงไม่พยายามโน้มน้าวเขาอีกต่อไป
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ให้พวกเขาเฝ้าอยู่ในวิหารดวงดาว ข้าจะทิ้งปลาหมึกน้อยไว้ที่วิหารดวงดาว หากมีศัตรู ให้ปลาหมึกน้อยแจ้งให้ข้าทราบทันที ข้าจะรีบกลับภายในเจ็ดวัน”
เย่เฉินกล่าว หลังจากก้าวไปสู่ขั้นเหนือธรรมชาติ ท่าร่างสายฟ้าของเย่เฉินมีความก้าวหน้าอีกครั้ง หลังจากรวมพลังของสนามพลังดวงดาวแล้ว เขาสามารถเดินทางได้หลายร้อยลี้ในทันที ซึ่งเร็วกว่าผู้ยิ่งใหญ่ชั้นเหนือธรรมชาติระดับแรกทั่วไปหลายเท่า
"เข้าใจแล้ว"
ราชสีห์ทงเทียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขาไม่แข็งแกร่งพอและไม่สามารถเข้าร่วมในการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ของเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์กับเย่เฉินได้ อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ราชสีห์ทงเทียนอยู่ที่นี่หนึ่งวัน เขาจะเฝ้ารักษาวิหารดวงดาวได้เป็นเวลาหนึ่งวัน!
เย่เฉินมองไปที่ราชสีห์ทงเทียนและพยักหน้า เขามอบความไว้วางใจในการดูแลวิหารดวงดาวและตระกูลพวกเขาให้กับราชสีห์ทงเทียน!
หลังจากจัดเตรียมในวิหารดวงดาวแล้ว เย่เฉินก็กล่าวอำลาตระกูลเย่ เมื่อตระกูลเย่รู้ว่าเย่เฉินกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองสายฟ้าอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยเผ่าอสูรสายฟ้าในการสู้รบ พวกเขาก็หลั่งน้ำตาแห่งความโศกเศร้า พวกเขารู้ว่าการเดินทางนี้จะอันตรายมาก
หลังจากบอกลาแล้ว เย่เฉินก็พาอาหลีไปด้วยและออกเดินทาง
ผลึกดวงดาวกะพริบ และข่าวจากเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ก็เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการต่อสู้บ่อยครั้งในป่ารอบเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ในบางครั้ง ปี้เมี่ยจะส่งยอดฝีมือชั้นไร้ขอบเขตหนึ่งหรือสองคนจากเผ่าอสูรสายฟ้าหรือกองกำลังอื่นๆ เพื่อต่อสู้กับยอดฝีมือชั้นไร้ขอบเขตจากสภาตุลาการ ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ
ยอดฝีมือชั้นเหนือธรรมชาติทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจโดยปริยายที่จะไม่เคลื่อนไหว การต่อสู้ยังไม่เริ่ม และพวกเขาก็เพียงทดสอบกันเท่านั้น
เย่เฉินไม่ได้บอกถานไถหลิงว่าเขากำลังจะไปที่เมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ สภาตุลาการได้เตรียมการมาในครั้งนี้ ประมุขทั้งสามอาจปรากฏตัวขึ้นด้วยซ้ำ ยอดฝีมือระดับสูงของทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้อย่างแน่นอน การเดินทางของถานไถหลิงไปยังเมืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นั้นเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่น่ากลัว เย่เฉินไม่ต้องการลากถานไถหลิงเข้ามาในเรื่องนี้
ถานไถหลิงจะปลอดภัยกว่าในดินแดนของเผ่าปีศาจทะเลฟ้าน้ำแข็ง แม้ว่าประมุขทั้งสามของสภาตุลาการจะมีพลังมาก แต่พวกเขาสามารถใช้พลังได้น้อยกว่าหนึ่งในสิบของพลังในทะเลเท่านั้น มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรกับถานไถหลิงได้
ภูเขาและแม่น้ำโดยรอบยังคงผ่านไป ร่างทิพย์ของเย่เฉินกวาดไปทั่วบริเวณ เมื่อใดก็ตามที่เขาพบอสูรวิญญาณระดับจ้าวปีศาจ เขาจะฆ่ามันทั้งหมดและเก็บศพของอสูรวิญญาณนั้นไว้ในพื้นที่ป้องกันแขน
ขณะนี้มีอสูรวิญญาณระดับจ้าวปีศาจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีหลายร้อยตัวภายในรัศมีหมื่นกิโลเมตร สิ่งนี้ทำให้เย่เฉินกังวลมากยิ่งขึ้น ขนาดของกระแสอสูรวิญญาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สภาตุลาการยังคงดื้อรั้นอยู่ในเส้นทางที่ผิด!
หลังจากสังหารอสูรวิญญาณระดับจ้าวปีศาจแล้ว เย่เฉินก็จะตรวจสอบจิตใจของพวกมันศพของอสูรวิญญาณส่วนใหญ่มีเหรียญทองเงาโบราณ เหรียญทองเงาโบราณสิบล้านเหรียญสามารถซื้อสิทธิ์ไปยังทวีปเทียนหยวนได้ เย่เฉินเก็บเหรียญทองเงาโบราณทั้งหมดไว้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะรวบรวมสิบล้าน แต่เขาก็ยังต้องลอง!
คราวนี้ โชคของเย่เฉินค่อนข้างดี นอกเหนือจากเหรียญทองเงาโบราณแล้ว เขายังได้รับวิชาลับอีก 5 รายการจากแผ่นหยก หลังจากหยดเลือดลงบนวิชาลับแผ่นหยก ในที่สุดเย่เฉินก็เปิดวิชาลับแผ่นหยกได้อีกครั้ง
เขาเข้าสู่พื้นที่ลึกลับนั้นอีกครั้ง และภาพของวิชาลับต่างๆ ก็ฉายแววผ่านความว่างเปล่า
“เจ้าหนุ่ม ครั้งนี้เจ้าอยากเรียนรู้วิชาลับอะไร?”
เสียงของชายชราดังขึ้นอีกครั้ง
เย่เฉินดูวิชาลับทีละวิชา ในหมู่วิชาเหล่านั้น วิชาลับแห่งดวงดาว รังสีสังหารฟ้าอันล้ำลึกที่เขาเคยเห็นมาก่อนได้ล่อลวงเขา อย่างไรก็ตาม หลังจากคิดอยู่สักพัก เขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำ ตอนนี้เย่เฉินมีวิธีการโจมตีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมีดบินปราณฟ้า ระฆังปราบมาร หม้อต้มสนั่นฟ้า หรือดาบหมาป่าปีศาจคลั่ง ทั้งหมดนี้สามารถใช้พลังโจมตีได้เป็นจำนวนมาก
การฝึกรังสีสังหารฟ้าอันลึกซึ้งควรจะมีประสิทธิภาพมากในการต่อสู้กับนักรบธรรมดา อย่างไรก็ตาม อาจจะไม่เพียงพอที่จะจัดการกับสุนัขเฒ่าทั้งสามจากสภาตุลาการ
วิชาลับแบบไหนที่สามารถนำมาใช้เป็นไพ่ตายในการจัดการกับสุนัขเฒ่าทั้งสามตัวนี้ได้?
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น