วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 352 คลุ้มคลั่งร่างที่ 2



ตอนที่  352  คลุ้มคลั่งร่างที่ 2
นางเซียนหงส์ฟ้าเริ่มร่ายเวทบทพิเศษด้วยเสียงที่แผ่วเบาพอได้ยินเลือนลาง
อย่างไรก็ตาม อำนาจที่แท้จริงของมนตร์ดังก้องขึ้นมาจากหัวใจของนาง
เมื่อนางเซียนหงส์ฟ้าเริ่มสวดบทอัญเชิญเพื่อใช้งานพลังเพลิงชีวิตร้อยเท่า ซึ่งเป็นทักษะที่เพิ่มพลังต่อสู้ให้กับผู้ใช้อย่างมากมาย วิญญาณของทุกคนจะถูกกระตุ้นด้วยสายฟ้า  เสียงของนางยังก้องสะท้อนต่อเนื่อง
 
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลมีสีหน้าซีดเผือดเหมือนคนตาย
เป็นครั้งแรกที่เขาตั้งท่าป้องกัน
เขายกขวางมือในระดับอก ป้องกันตัวเอง
คัมภีร์อัญเชิญปรากฏขึ้นและลอยขึ้นในอากาศพร้อมกับนางเซียนหงส์ฟ้าเจ้านายของมันโดยลอยสูงขึ้นไปหลายสิบเมตร
อักษรรูนผุดออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญนับไม่ถ้วนและลอยวนอยู่รอบมือของนางเซียนหงส์ฟ้าอย่างน่าอัศจรรย์  แต่ละอักษรเริ่มก่อรูปเป็นวงเวทอักษรรูนที่ดูลึกลับ   แต่ละอักษรเริ่มเชื่อมโยงและผสานกันและกัน  เมื่อผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เห็นเช่นนี้หน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที  ตอนนี้เขารู้ดีแล้วว่า ศัตรูของเขาไม่ได้หลอกเขา  นางมีพลังเพลิงชีวิตที่เพิ่มพลังให้นางเป็นร้อยเท่าได้
นี่คือทักษะอัญเชิญที่แม้แต่นักรบแดนสวรรค์ไม่มี
อักษรรูนบางส่วนเริ่มระเบิด
วงเวทอักษรรูนแตกกระจาย
ลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญ ฉายขึ้นไปในท้องฟ้าคลุมร่างของนางเซียนหงส์ฟ้า
บึ้ม!
พลังงานที่นางปล่อยออกมาเหมือนคลื่นสึนามิที่สามารถกลืนกินโลกทั้งโลกได้
เป็นเหมือนกับภูเขาไฟระเบิด  เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั้งบริเวณ
ร่างของนางเซียนหงส์ฟ้าในตอนนี้ผสานรวมกับอสูรพิทักษ์ของนาง
ปีกปีศาจสีม่วงคู่หนึ่งงอกออกมาจากหลังของนาง มีความยาวเกือบสิบเมตร บนปีกทั้งคู่มีอักษรรูนสวรรค์และก่อตัวเป็นรูปวงเวทอักษรรูนสวรรค์ ที่บั้นท้ายที่งดงามของนางเซียนหงส์ฟ้าจะมีหางยาวที่มีหนามงอกออกมาจากก้นของนาง  เขาปีศาจโค้งงอกอยู่บนศีรษะนาง  ดูงดงามไม่เหมือนปีศาจเลยแม้แต่น้อย  ตรงกันข้าม กลับทำให้นางมีเสน่ห์ดึงดูดใจ  กรงเล็บงดงามทั้งสิบซึ่งมีน้ำมันดอกไม้สกัดแต้มอยู่เริ่มงอกยาวขึ้น และกลายเป็นกรงเล็บปีศาจสีม่วง
ขณะเดียวกัน สิ่งเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอีกอย่างก็คือนัยน์ตาดำแต่เดิมของนางเซียนหงส์ฟ้า  นัยน์ตาทั้งสองของนางเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม
ทั้งที่ดวงตาของนางยังปรือตาอยู่ครึ่งหนึ่ง  แต่นางก็ยังดูมีเสน่ห์และงดงามมาก
เมื่อขนตาขยับนางลืมตาขึ้นทันที  ดวงตางดงามของนางแผ่ไอปีศาจเย็นยะเยือก
แม้แต่ลำแสงสีทองก็ไม่สามารถกลบบังพลังงานที่นางเปล่งออกมาได้  วงแหวนแสงสีม่วงเข้ม ม่วงแดงและม่วงอ่อนไล่โทนเป็นสีที่งดงามก่อตัวขึ้นจากวงเวทอักษรรูนสวรรค์และขณะที่แก่นกลางที่ก่อตัวขึ้นนั้นเป็นอักษรรูนโบราณและผสานกันได้อย่างลงตัวสมบูรณ์แบบ อยู่รอบๆ ตัวนางเซียนหงส์ฟ้า
นี่คือสัญลักษณ์พิเศษที่เคยเกิดขึ้นครั้งก่อน เมื่อนางเซียนหงส์ฟ้ายกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 ในครั้งก่อน
อย่างไรก็ตาม  พลังในครั้งนั้นยังไม่แข็งแกร่งและรุนแรงเหมือนในขณะนี้
 “ฮ่าาา.....”
นางเซียนหงส์ฟ้าวางมือลงบนคัมภีร์ทันทีและเปล่งเสียงดังลั่น
วิหารเทพสั่นสะเทือนไปทั้งพื้นที่
ร่างของนางสั่นไหวเล็กน้อย  เหมือนกับว่ากำลังอดทนจัดการกับความเจ็บปวดที่หนักหน่วง
ระดับพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว... ตอนแรกก็เพิ่มขึ้นเพียงสองเท่า  แต่แล้วกลับเพิ่มขึ้นรวดเร็วเป็นห้าเท่า, สิบเท่า.....
เมื่อผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เห็นวิธีที่นางเซียนหงส์ฟ้าเพิ่มพลังอย่างรวดเร็วด้วยพลังเพลิงชีวิตของนาง  เขาทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเย็นวาบเสียวสันหลัง  เขารู้สึกว่านักรบมนุษย์แข็งแกร่งไม่มาก  นอกจากจักรพรรดิอวี้แล้ว  เขาไม่เคยเห็นว่าผู้ใดสามารถสร้างบาดแผลรุนแรงให้กับเขาได้  อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปฏิเสธไม่ได้เลยว่านักรบชาวมนุษย์ดื้อรั้นยืนกรานยิ่งนัก  พวกเขายอมตายและจะต่อสู้จนถึงที่สุดใช้ระเบิดพลีชีพวิญญาณหรือไม่ก็เพลิงชีวิต ยอมเสียสละเพื่อฆ่าศัตรูให้ได้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตัวพวกเขาเอง
จิตวิญญาณที่ยอมเสียสละเช่นนี้แทบไม่เคยเห็นในหมู่นักรบแดนสวรรค์
นอกจากเพื่อตระกูลหรือสมาชิกนิกายตนเองแล้ว  นักสู้แดนสวรรค์ไม่เคยเสียสละตนเองเพื่อคนอื่น
สำหรับพวกมนุษย์ แทบทั้งหมดไม่รู้ว่าพวกเขาสู้ไปเพื่ออะไร  บางครั้งมนุษย์อาจจะเสียสละชีวิตของพวกเขาให้คนแปลกหน้าหรือสหายคนหนึ่งที่เขาไม่สนิทนัก  พวกเขาอาจสู้เพื่อศัตรูที่พวกเขาไม่ชอบก่อนหน้านั้นก็ได้
มนุษย์ช่างเข้าใจยากจริงๆ  ผู้ยิ่งใหญ่ชาวสวรรค์ไม่สามารถเข้าใจพวกเขาได้แม้จะผ่านมาหลายพันปีแล้วก็ตาม
ขณะที่ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลรำพึงเรื่องนี้อยู่  นางเซียนหงส์ฟ้ายังคงเพิ่มพลังอย่างต่อเนื่อง
 “อั้ก!
เลือดของนางเซียนหงส์ฟ้าถูกพ่นจากปากรดลงบนคัมสภีร์อัญเชิญ
ร่างของนางปล่อยเปลวเพลิงม่วง
มีอักษรรูนโบราณผุดขึ้นมาบนศีรษะของนางเซียนหงส์ฟ้า  ขณะที่อักษรรูนโบราณนั้นเปล่าแสง  พลังของนางเซียนหงส์ฟ้าเพิ่มขึ้นพรวดพราด
ตอนนี้ พลังของนางใกล้จะถึงระดับยี่สิบเท่า
ยิ่งกว่านั้น ยังคงเพิ่มขึ้นต่อจนเกือบระดับ 30 เท่า
พลังที่เหมือนพายุสลาตันหมุนวนเวียนรอบตัวนางเซียนหงส์ฟ้าเป็นกระแสที่คลุ้มคลั่ง  แม้แต่ลำแสงทองที่ฉายออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญของนางยังบิดเบี้ยวเพราะพลังที่เหมือนพายุสลาตันของนาง  ทันทีที่น่าทำลายสภาวะคอขวดของพลังฝึกปรือที่ติดขัดมาเป็นร้อยปี  เมื่อนางเซียนหงส์ฟ้ายกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 และก้าวเข้าสู่ขอบเขตพลังขั้นใหม่พลังของนางก็อยู่เหนือธรรมดา  แต่หลังจากเข้าสู่สภาวะดับแล้วเกิดใหม่ด้วยพลังเพลิงอมฤทธิ์ของเย่ว์หยาง  นางเซียนหงส์ฟ้ากลับได้รับประโยชน์มากขึ้น  นางลดระดับพลังปราณก่อกำเนิดไปอยู่ในระดับ 9 จากที่อยู่ในระดับ 10  แต่พลังของนางกลับเพิ่มขึ้นแทน เพราะเหมือนกับว่าพลังของนางถูกเพลิงอมฤทธิ์ชำระให้บริสุทธิ์ เป็นเหตุให้พลังพื้นฐานเปลี่ยนแปลงนาง.... เกี่ยวกับทักษะอัญเชิญพลังเพลิงชีวิต ทำให้พลังงานของนางระเบิดออกมาอีกครั้ง
แม้ว่านางยังไปไม่ถึงระดับร้อยเท่า  แต่ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ไม่มีความสงสัยอีกต่อไป
 “เจ้าบ้าไปแล้ว  ข้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเจ้าแต่อย่างใดเลย”  เขาเงยหน้ามองดูนางเซียนหงส์ฟ้าในท้องฟ้าและข่มความกังวลในใจขณะร้องเรียกนาง
 “เจ้าพยายามจะหยุดยั้งข้าหรือ? ก็ลองดูสิ!
นางเซียนหงส์ฟ้ายกมือขึ้น
นางไปปรากฏตัวที่ด้านหลังผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เร็วกว่าสายฟ้าเสียอีก  มือที่ยกค้างกดลงที่หลังของเขา
ฝ่ามือของนางระเบิดพลังออกมา
เป็นครั้งแรกที่ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลเทพถูกทำร้ายจนปลิวกระเด็นบ้าง
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ถอยไปเก้าก้าวยาวๆ ก่อนที่เขายืนหยัดได้มั่นคง
เลือดหยดออกจากมุมปากของเขา แต่ประกายตาของเขายังคงสงบ มือซ้ายที่ถือตรีศูลของเขายังไม่มีการขยับแม้แต่น้อย  แต่เขายกมือขวาขวางที่ปากและปาดเลือดออกเบาๆ  “พลังชีวิตสามสิบเท่าก็พอจะทำร้ายข้าได้หรือนี่? ถ้าเป็นพลังชีวิตร้อยเท่า คงจะอันตรายจริงๆ ข้าไม่ควรจะดูถูกนักรบชาวมนุษย์เลย  ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเสียท่าจักรพรรดิอวี้จนถูกผนึกมานานถึงหกพันปี  และเหลือพลังแค่เพียงหนึ่งในร้อย และในฐานะผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์  ข้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้เลย  ข้าถือว่ามากเกินไป เกินไปจริงๆ... ข้าขอยอมแพ้ได้ไหม?  ความจริงข้าไม่ต้องการสู้กับเจ้า  เจ้าอาจไม่ใส่ใจชีวิตของตัวเอง  แต่เจ้าควรคิดถึงเด็กมนุษย์ผู้นอนอยู่บนพื้น  เขาเป็นความหวังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ใช่หรือ?  ถ้าเราสู้เสี่ยงชีวิตกันจนตาย  แน่นอนว่าเขาเขาอาจเข้ามาช่วยชีวิตเจ้าและอาจจะตายในการต่อสู้ก็ได้ เจ้าต้องการเห็นเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นจริงๆ หรือ?”
 “ท่านผู้นำชาวสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่, รู้ไหมว่าข้าต้องการจะบอกอะไรท่านมากที่สุด?”  นางเซียนหงส์ฟ้ายังพูดไม่ทันจบขณะที่นางกดมือลงที่หลังศีรษะของเขา
 “อ๊าาา...” ครั้งนี้ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ไม่ได้กระเด็นไปตามแรงผลัก  แต่ร่างของเขาถลาไปข้างหน้า
เพียงแค่เซไปเล็กน้อย เขาทำใจรับกับพลังโจมตีของนางเซียนหงส์ฟ้า
แม้เมื่อถึงในระดับนี้  เขาก็ยังไม่ได้ใช้ตรีศูลเทพในมือ
นางเซียนหงส์ฟ้าไม่ได้กดดันเขาต่อ  นางที่เพิ่มพลังเพลิงชีวิตถึงสามสิบเท่าในฐานะเครื่องสังเวย  ทันใดนั้นนางใช้มือกดลงที่คัมภีร์และเริ่มบริกรรมบทสวด
เย่ว์หยางผู้หลับลึกตื่นขึ้นจากฝันอย่างลึกลับ  แม้ว่าเขาจะยังไม่ลืมตา แต่สีหน้าของเขาแสดงอาการโกรธ
เหมือนกับว่าเขาแสดงความโกรธออกมาจากภายในความฝันอย่างแท้จริง
นางเซียนหงส์ฟ้าค่อยๆกำมือที่กดลงบนคัมภีร์อัญเชิญของนางแน่น
สีหน้าของเย่ว์หยางยิ่งโกรธขึ้นมากกว่าเดิม  เพลิงอมฤตเปล่งออมาจากร่างของเขา เหมือนกับนรกที่เดือดพล่านและภูเขาไฟระเบิด
เย่ว์หยางกราดเกรี้ยวคำรามออกมาเหมือนกับสัตว์ป่า
เสียงของเขาดังเหมือนสายฟ้ากึกก้องไปทั้งวิหารเทพจักรพรรดิอวี้  เมื่อเขาก้าวเดินไปข้างหน้า พื้นใต้เท้าเขาก็ยุบเป็นรอย
โคลนสาดกระเด็นไปทุกที่
เหมือนกับว่าเย่ว์หยางกลายเป็นคนวิกลจริตที่สูญเสียความรู้สึกและเหตุผล เขาพุ่งตรงเข้าใส่ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลอย่างรวดเร็ว
ในทันใดนั้น  เขาระดมหมัดใส่ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เป็นร้อยๆ หมัด  ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย  เขารู้สึกประหลาดใจกับทักษะแฝงเร้นเสน่ห์ของนางเซียนหงส์ฟ้า  เขาอาจเป็นคนที่น่าสนใจ  แต่เจ้าผู้นี้หลับไปแล้ว  ดังนั้นเขาจะถูกสะกดจิตด้วยทักษะแฝงเร้นเสน่ห์ของนางเซียนหงส์ฟ้าได้อย่างไร?  ยิ่งกว่านั้น พลังสะกดจิตแบบนี้ยังแข็งแกร่งกว่าการสะกดจิตด้วยสิ่งประดิษฐ์อีกด้วย
มุกสะกดจิตเป็นเครื่องมือที่กล้าแข็งมาก  นักรบชาวสวรรค์มากมายตายเพราะพลังสะกดจิตนี้
อย่างไรก็ตาม มุกสะกดจิตยังคงมีขีดจำกัด ใช้ได้เพียงครั้งเดียว
สิ่งที่ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ประหลาดใจก็คือว่านางเซียนหงส์ฟ้าผู้กำลังใช้เพลิงชีวิตสามารถกระตุ้นเพลิงชีวิตของคู่หูนางได้  แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าพลังชนิดนี้มาจากที่ใด  แต่ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ก็ตระหนักได้เรื่องหนึ่งแล้วว่าความสามารถของศัตรูของเขาแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดไว้  แม้ว่าเขาจะเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์  แต่เขาก็ไม่รู้ทักษะอัญเชิญที่สามารถเพิ่มพลังของสหายได้ถึงสิบเท่า
ที่สำคัญที่สุด  ทักษะเพลิงชีวิตนี้ไม่ได้ทำอันตรายร่างกายของสหายของนางแม้แต่น้อย
 “อันตราย!
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ถือตรีศูลรู้สึกถึงความรู้สึกอันตรายที่คาดไม่ถึงบางอย่าง  ยิ่งกว่านั้น มันยังกล้าแข็งยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
เย่ว์หยางที่ถูกดันถอยหลังในตอนนี้ มีพลังเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
นางเซียนหงส์ฟ้าโยนบอลสีม่วงเข้าไปในร่างของเขา
ร่างของเย่ว์หยางเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นจ้าวปีศาจทันที
แน่นอนว่า นั่นเป็นเพียงภาพลวงตา ไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของเขา  เย่ว์หยางอยู่ในเพลิงอมฤตและในสภาวะที่บ้าคลั่ง เขาขยับมือและสร้างเป็นรูปหงส์เพลิง  เขาเตรียมตัวขี่หงส์เพลิงล้างผลาญตัวนี้และฆ่าผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์
ใบหน้าที่สงบของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ก็เปลี่ยนไปได้ในที่สุด
เขาไม่อาจยืนอยู่จุดเดิมได้อีกต่อไป และทะยานขึ้นไปในท้องฟ้าทันที
เขาควงตรีศูลในมืออย่างต่อเนื่อง
คลื่นแสงสีขาวที่ดูเหมือนสายฟ้าแล่บแปลบปลาบข้ามฟ้าตรงเข้าที่ศีรษะเย่ว์หยางโจมตีเขาและหงส์เพลิงของเขา
ขณะเดียวกัน นางเซียนหงส์ฟ้าก็ตามเขามาทัน
มือของนางกดใส่หลังของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ นางใช้พลังฝ่ามือของนาง
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์หลบได้อย่างรวดเร็ว
นางเซียนหงส์ฟ้าไล่กวดเขาไม่ลดละ  เงาของนางเป็นแนวพาดยาวขวางท้องฟ้า  เหมือนกับว่านางมักเกาะติดอยู่ที่หลังของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์และพยายามจะล้มเขาลงให้ได้  มือขวาของนางเซียนหงส์ฟ้ากระแทกพื้นดังบึ้ม  ในอีกด้านหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์สามารถหลบได้ในวินาทีสุดท้าย ถึงกับเหงื่อตกด้วยความหวาดหวั่น
อันตรายนัก  ถ้าเขาช้าไปเพียงนิดเดียว
 “ทาสของข้า จงออกมา”  ในที่สุดผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ก็ใช้ตรีศูลทำการอัญเชิญ
แสงสว่างสีขาวส่องวาบจากท้องฟ้าลงมาบนพื้น
คลื่นอัดกระแทกที่ปล่อยออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนทานได้  เทียบกับพลังที่นางเซียนหงส์ฟ้าปล่อยออกเมื่อนางใช้พลังไฟชีวิต คลื่นกระแทกนี้รุนแรงมากกว่าหลายเท่า
ดูเหมือนว่าผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ยังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงแม้แต่น้อยจนกระทั่งบัดนี้
อีกด้านหนึ่ง นางเซียนหงส์ฟ้าใช้เสน่ห์ครั้งที่สองกับเย่ว์หยางทำให้เขาเปลี่ยนแปลงร่างครั้งที่สอง
ในประวัติศาสตร์ทวีปมังกรทะยาน นักค้นคว้าหรือปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ทำการศึกษาสภาวะคลุ้มคลั่ง และส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะคลุ้มคลั่งครั้งที่สอง  พวกเขาใช้เวลาค้นคว้าทั้งชีวิต  อย่างไรก็ตาม ผลที่พวกเขาได้รับช่างน้อยนิด  ข้อสรุปของพวกเขาก็คือการเปลี่ยนร่างของมนุษย์ในสภาวะคลุ้มคลั่งครั้งที่สองมีอยู่แต่ในทฤษฎีเท่านั้น  แต่ไม่มีผู้ใดเคยพิสูจน์ได้  ในพันปีมานี้  มีแต่นางเซียนหงส์ฟ้าที่สามารถประสบความสำเร็จในการใช้การเปลี่ยนร่างในสภาวะคลุ้มคลั่งครั้งสองที่ไม่มีเหตุผลนี้ได้
เย่ว์หยางถูกส่งเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งเป็นครั้งที่สอง ถึงกับบ้าไปโดยสิ้นเชิง
พอเห็นการแปลงร่างในสภาวะคลุ้มคลั่งครั้งที่สอง ตาผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์แทบจะถลนออกจากเบ้า  สีหน้าของเขาแสดงอาการตกใจ ปรากฏแววเหลือเชื่อ
นี่คือทักษะลับสูงสุดของแดนสวรรค์  มีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เชี่ยวชาญทักษะนี้ นักรบในทวีปมังกรทะยานไปเรียนรู้ทักษะนี้ได้อย่างไร?

************

14 ความคิดเห็น:

ohmmanee กล่าวว่า...

กำลังลุ้นเลยค่ะ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

สนุกมาก

QuadElement กล่าวว่า...

กำลังมันเลย ขอบคุณครับ

Art กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

งำงำ มีดบิน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นางเซียนจะรอดไหม

Unknown กล่าวว่า...

เยว่หยางออกจะเมพ เเต่ทำไมต้องคลั่งทุกครั่งด้วยนี่

Unknown กล่าวว่า...

พี่เย่ตื่นมาตบะแตกไหมนิ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

ทุ่มเทจริงๆ แต่แบบนี้คงมีผลกระทบใหญ่แน่ๆ นางเซียนคงบาดเจ็บสาหัส
ส่วนเย่ว์หยางอารมณ์หื่นคงถึงขั้นสาหัสโดนทักษะแฝงเร้นเสน่ห์เข้าไปขนาดนั้น เอาล่ะเหวยยยยยยยยยยย

Unknown กล่าวว่า...

รอตอนต่อไป นะ. ติดตามเสมอ

Unknown กล่าวว่า...

ตามมาแล้วหาบ้านไหม่ตะนานหลงบ้าน5555+

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ตามมาจากเด็กดีจ้า

แสดงความคิดเห็น