วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 355 จุดจบเทวทูตสายฟ้า



ตอนที่  355  จุดจบเทวทูตสายฟ้า


แม้ว่าสาวกิเลนจะยังไม่ได้โจมตีเลยแม้แต่น้อย  แต่จิ่วเซียวผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ก็ถูกนางขู่ขวัญจนกลัว
มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมายเกิดขึ้นในศึกวังเทพจักรพรรดิอวี้
ตัวอย่างเช่น นักรบแดนสวรรค์ที่แข็งแกร่งอย่างเทวทูตสายลม, เทวทูตสายฟ้า, หมิงรี่ฮ่าว, หวงซา, ซาฟี่, หนีกั่วและคนอื่นๆ สามารถทำลายผนึกและยังมีร่างหยาบอยู่  นี่แตกต่างจากข้อมูลที่ผู้เฒ่าเต่ามังกรได้ให้พวกเขาไว้ก่อนนั้นสิ้นเชิง   ศัตรูเหล่านี้โผล่ออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้สิ่งที่เย่ว์หยางตั้งใจไว้ตกอยู่ในอันตราย  แม้หลังจากตั้งใจฝึกอย่างแน่วแน่ภายใต้คำแนะนำของเทพธิดากระบี่ฟ้ามาเป็นเวลาหนึ่งเดือนและผ่านสภาวะดับแล้วเกิดก็ตามที เขาก็ยังไม่สามารถลดความห่างชั้นระหว่างเขากับศัตรูได้   สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือช่วงเวลาที่สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ตื่นขึ้นเปลี่ยนไปเพราะการแทรกแซงเข้ามาของเย่ว์หยาง  ยิ่งกว่านั้นผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ทุกคนยังหนีไปได้สำเร็จ  และผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคนนั้นมีพลังความสามารถทำลายกองทัพได้ทั้งกองทัพ
 
ภายใต้การต่อสู้ที่วิกฤติเช่นนี้  เย่ว์หยางไม่สามารถควบคุมกระแสการต่อสู้ได้  เขาทำได้แต่เพียงประคองสถานการณ์อย่างดีที่สุด
นอกจากสู้ตายกับพวกเขาแล้ว  เย่ว์หยางเพียงแต่หวังให้พี่น้องหงส์เพลิงและสาวกิเลนช่วยเขาต่อสู้  เย่ว์หยางไม่กลัวการต่อสู้ที่หนักหน่วง  แต่เขากลัวว่าเสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นจะพลอยถูกฆ่า
อย่าว่าแต่เสวี่ยอู๋เสียและคนอื่นผู้ไม่สามารถคืนชีพได้เลย  เย่ว์หยางไม่ยินดีจะให้อสูรพิทักษ์ของเขาอย่างนางพญากระหายเลือดและคนอื่นๆ ที่สามารถฟื้นจากความตายได้ต้องถูกฆ่า
ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขามีแต่เพียงซิวคงและจิ่วเซียว สองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เท่านั้น
ซิวคงถูกทำร้ายบาดเจ็บหนักด้วยพลังอาญาสวรรค์ของนางเซียนหงส์ฟ้าที่เสริมพลังถึงร้อยเท่า และเขาหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว  คนที่เย่ว์หยางกังวลที่สุดก็คือจิ่วเซียวผู้ฉลาดและเยือกเย็น  ยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง.. โชคดีที่สาวกิเลนปรากฏตัวขู่ขวัญเขาจนหนีไป  พอเห็นว่าเขาหนีไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่เห็นสาวกิเลนปรากฏตัว  เย่ว์หยางถอนหายใจโล่งอก  สำหรับเทวทูตสายฟ้าที่ยังคงอยู่ในสภาพวิญญาณ  แม้ว่าเขาจะครอบครองพลังที่แข็งแกร่งและอาวุธแสงสีดำที่จิ่วเซียวมอบให้เขา เย่ว์หยางคงไม่ใส่ใจเขามากเกินไปนัก
ที่สำคัญที่สุด เทียบกับสองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์แล้ว พลังของเทวทูตสายฟ้าผู้สูญเสียกายหยาบไม่มีอะไรให้พูดถึงเลยจริงๆ
 “กรงสายฟ้า...”
เทวทูตสายฟ้าแต่เดิมที่เขาอยู่ในสภาพวิญญาณ ก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก  พลังต่อสู้ของเขาเกือบเป็นศูนย์  อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังแสงสีดำ  ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมากมาย  เขาสามารถเรียกกรงสายฟ้าขนาดยักษ์ได้  เปลี่ยนโถงวิหารที่สามทั้งเป็นคุก กักเย่ว์หยางและคนอื่นไว้
สนามพลังดูดกลืนของเย่ว์หยางยังคงพยายามกินบอลหลุมดำที่เต็มไปด้วยพลังงานซึ่งจิ่วเซียวยิงใส่เขา  ร่างของเขายังคงใช้เพลิงอมฤตรักษาบาดแผล  ดังนั้นเขาไม่สามารถหยุดการกระทำของเทวทูตสายฟ้าได้
บางทีเขาไม่มั่นใจในชัยชนะมากนัก  ดังนั้นเทวทูตสายฟ้าจึงต้องยืมพลังของอาวุธลำแสงดำ และเรียกอสูรปีศาจจากแดนสวรรค์เพิ่มขึ้นอีกสองตัว
พวกมันแตกต่างจากตะขาบยักษ์ที่เทวทูตสายลมเคยเรียก  อสูรปีศาจเหล่านี้มีลักษณะคล้ายมนุษย์
ตัวหนึ่งมีสีแดง  ขณะที่อีกตัวหนึ่งมีสีเขียว
ทั้งสองนั้นมีขนาดมหึมา  ความสูงของพวกมันสูงถึงห้าสิบเมตร
พวกมันมองดูแปลกประหลาด คล้ายๆ กับปีศาจดูดเลือดที่กินมนุษย์
ปากสีแดงเลือดของพวกมันมีน้ำลายหยดเหม็นคละคลุ้ง  เขี้ยวแหลมคมและนัยน์ตาแดงบ่งบอกถึงความกระหายเลือดและเหี้ยมโหดของพวกมัน  หน้าผากของพวกมันถูกประทับตราด้วยคำว่า “ปีศาจ” และร่างของพวกมันแทบจะเปลือย  นอกจากร่างกายส่วนล่างนุ่งเตี่ยวหนังสัตว์ปิดบังไว้
พวกมันถือกระบองเขี้ยวหมาป่าขนาด 30 เมตรสามารถฟาดทำลายเสาในโถงวิหารที่สามด้วยการฟาดเพียงครั้งเดียว
เมื่อใดก็ตามที่พวกมันก้าวเท้า น้ำหนักร่างของพวกมันสามารถทำให้วังเทพจักรพรรดิอวี้สั่นสะเทือนได้ทั้งหลัง
บึ้ม  บึ้ม  บึ้ม
เมื่อพวกมันเดินตรงเข้ามาหาเย่ว์หยางและมนุษย์คนอื่นที่ตัวเล็กกว่ามัน โถงวิหารที่สามสั่นสะเทือนจนไม่อาจควบคุมได้
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คืออสูรปีศาจเขียว-แดงทั้งสองนี้มีสนามพลัง “หนอนกระดูก” และ “หมอกมรณะ”  ห่อหุ้มโถงวิหารที่สามทั้งหมดไว้ในหมอกเขียวที่น่าขยะแขยง  เย่ว์หยางพบว่าผิวของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว
เย่ว์หยางมีนัยน์ตาเป็นประกายขณะที่เขามองดูเทวทูตสายฟ้า
เทวทูตสายฟ้ากำลังถืออาวุธแสงดำรอโอกาสเหมาะเพื่อเข้าโจมตี  ดูเหมือนเขาคงไม่ยอมจากไป เว้นแต่เขาจะตัดแขนขาของเย่ว์หยางได้ทั้งหมด
ทันใดนั้น  เย่ว์หยางถอนหายใจเบาๆ  “ความจริง ข้ายอมรับนะ ด้วยพลังปัจจุบันของข้า ข้าคงไม่สามารถสู้กับสองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ได้  การต่อสู้ครั้งนี้ยากที่สุดและลำบากที่สุดเท่าที่ข้าเคยประสบพบมาในการต่อสู้ทั้งหมด  อย่างไรก็ตาม  ข้าจะจำบทเรียนในวันนี้ตลอดไป  เมื่อเข้าหลบออกไปจากที่นี่ ข้าจะฝึกฝนตนเองอีกครั้งตั้งแต่ต้น เพื่อที่ว่าข้าจะได้กลายเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง  เมื่อข้าพบกับซิวคงและจิ่วเซียวในอนาคต  ข้าจะไม่เป็นอย่างวันนี้แน่นอน...”
 “เจ้านึกหรือว่าเจ้าสามารถหนีไปจากที่นี่ได้จริงๆ?”  เทวทูตสายฟ้าไม่ได้พูด เขาเพียงแต่ส่งคลื่นความคิดออกมาเท่านั้น
 “แม้ว่าจิ่วเซียวจะสามารถหนีไปได้ นั่นก็เป็นความจริง”  ทันใดนั้นเย่ว์หยางยิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์  รอยยิ้มของเขาสร้างความสับสนให้กับเทวทูตสายฟ้า
 “อสูรอมตะ จะไม่เริ่มโจมตีศัตรูของพวกเขาแน่นอน..” เห็นได้ชัดว่าเทวทูตสายฟ้าเข้าใจข้อจำกัดของอสูรอมตะ  การป้องกันของอสูรอมตะจะมีมาต่อเมื่อชีวิตของเจ้านายมันตกอยู่ในความเสี่ยง
 “ข้ามีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง   นางไม่เคยเข้าร่วมในการต่อสู้มาก่อน  ดังนั้นในพวกเจ้าจึงไม่รู้ว่านางยังคงอยู่  ตอนนี้ เจ้าต้องการรู้ไหมว่านางอยู่ไหน?” เย่ว์หยางยังพูดไม่จบเมื่อร่างเล็กบางปรากฏตัวจากภายในห้องเก็บโรง ในมือนางถือคทาเทพจักรพรรดิอวี้  เป็นเย่ว์ปิงนั่นเอง  เมื่อคทาเทพจักรพรรดิอวี้ที่บรรจุปณิธานของจักรพรรดิอวี้ออกมานอกโถงวิหารที่สาม  ก็เปล่งแสงสว่างแพรวพราวไปทั้งโถงวิหารเหมือนกับว่าเป็นเวลากลางวัน
แสงนั้นสว่างเจิดจ้าจนอสูรปีศาจไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ พวกมันคำรามด้วยความกลัวไม่หยุด
พวกมันหลีกเลี่ยงเย่ว์ปิงที่ถือคทาเทพจักรพรรดิอวี้ไว้ด้วยมือทั้งสอง และเดินถอยหลังไปทีละก้าวๆ
อย่างไรก็ตาม  เมื่อเทวทูตสายฟ้าตะโกนบอกให้พวกมันหยุดและใจเย็น พวกมันค่อยรู้สึกดีขึ้นบ้าง
ทันใดนั้น มีร่างมนุษย์คนหนึ่งปรากฏตัวจากนอกกรงสายฟ้า  เขาตะโกนเตือนเย่ว์หยาง “อสูรทั้งสองนี้คือ จ้าวปีศาจแดงและจ้าวปีศาจเขียว  พวกมันมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก  เจ้าไม่อาจเอาชนะพวกมันได้โดยใช้พลังโจมตีทางกาย เจ้าต้องเอามุกปีศาจที่อยู่ในร่างของพวกมันออกมา  ตามเวลาส่วนใหญ่ มุกปีศาจจะอยู่ที่หัวของพวกมัน แต่บางเวลามันอาจจะอยู่ที่หน้าท้องของพวกมันก็ได้..”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เทวทูตสายฟ้าตะโกนเกรี้ยวกราดใส่เขาราวกับฟ้าร้อง “แองเจิ้ล! เจ้าคนทรยศ!
แม้ว่ามนุษย์วิหคแองเจิ้ลจะกลัวเทวทูตสายฟ้า  แต่เขาก็ยังรู้สึกปลอดภัยเพราะมีเย่ว์หยางอยู่ต่อหน้าเขา
เขารวบรวมความกล้าแล้วตอบว่า “ข้าไม่ได้เป็นคนทรยศ  พวกเจ้าไม่ใช่เจ้านายของข้าตั้งแต่แรกแล้ว  เจ้าไม่ใช่ประมุขนิกายของเรา  พวกเจ้าเป็นแค่พวกทรราชที่บังคับให้พวกเราฟังคำสั่งพวกเจ้าด้วยความกลัวและใช้ความรุนแรง  เราถูกบังคับให้ลงมาจากแดนสวรรค์เพื่อให้สู้กับพวกมนุษย์  การรบกับจักรพรรดิอวี้  ทำให้พี่น้องชายหญิงของข้าต้องบาดเจ็บร้ายแรง  แต่ถึงเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ยังดูถูกพวกเรา  พวกเจ้าไม่เคยยอมรับพวกเราในฐานะสหาย  พวกเจ้าไม่รู้จักพวกเราในฐานะสหาย ความคงอยู่ของพวกเราก็เป็นแค่เหมือนทาส  เมื่อซิวคงและจิ่วเซียวจำเป็นต้องฟื้นฟูตนเองเร่งด่วน  กลุ่มพวกเจ้ากลับให้พี่น้องชายหญิงของพวกเราต้องเสียสละ  สหายของข้ามากมายที่ยังคงหลับใหล  กลับถูกพวกเจ้าดูดพลังชีวิตไปทั้งหมด  หลายคนที่เป็นเหมือนข้าผู้ตื่นขึ้นเร็วกว่าเดิม ไม่สามารถหลบหลีกชะตากรรมที่น่าอนาถ  เพื่อช่วยเหลือสองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ล่วงหน้า  ในหกพันปีมานี้ พวกเจ้าใช้ร่างและอสูรของพวกเราเป็นเหมือนเครื่องบูชายัญ  ดูร่างของข้าสิ ข้ากลายเป็นตัวอะไรไปแล้ว?  เมื่อข้าตื่นขึ้น  ข้ากลายเป็นอสูรผสมไปแล้ว ข้ายังสูญเสียความทรงจำส่วนใหญ่ไปอีกด้วย  ถ้าข้าไม่ฟื้นคืนความทรงจำเนื่องจากช็อคจากการต่อสู้  ข้าอาจยังจะเป็นทาสผู้โง่เขลาของเจ้าต่อไปก็ได้ 
“ข้าไม่กลัวตาย และข้าไม่กลัวที่จะสู้ด้วย  อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ต้องการกลายเป็นเบี้ยที่ใช้แล้วทิ้งแน่นอน  ข้ายังมีความภูมิใจในฐานะนักรบแดนสวรรค์ แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าข้ามาก  เจ้าไม่อาจจะฆ่าศักดิ์ศรีของข้าได้”  ตอนนี้แองเจิ้ลมีพลังแค่ชั้นปราณก่อกำเนิดระดับ 1  ถ้าเทวทูตสายฟ้าไม่แปรสภาพของเขา เพราะต้องการสละตนเองให้ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ เขาก็คงฆ่าแองเจิ้ลในท่าเดียวไปแล้ว
 “ไม่ว่าเจ้าจะมีเหตุผลเช่นใด  ก็ไม่เปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้าหักหลัง”  อาวุธแสงสีดำในมือของเทวทูตสายฟ้ายิงเป็นลำแสงเข้าใส่แองเจิ้ลเหมือนเป็นกระบี่
 “ถ้าเจ้าต้องการฆ่าเขา  ถามความเห็นของข้าก่อนหรือยัง?”  เย่ว์หยางยืนขวางหน้ากระบี่แสงนั้น
เขายื่นมือออกและหยุดกระบี่แสงได้โดยตรง
ว่าถึงเรื่องควบคุมดาบแสง  นอกจากเทพธิดากระบี่ฟ้าและพี่สาวในฝันซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากพลังปราณกระบี่แล้ว ไม่มีผู้ใดเชี่ยวชาญมากไปกว่าเย่ว์หยาง
เทวทูตสายฟ้าพบว่ากระบี่แสงที่เขายิงออกด้วยอาวุธแสงดำนั้นไร้ประโยชน์  ดังนั้นเขารีบสั่งให้จ้าวปีศาจแดงและเขียวจู่โจม  ขณะที่อสูรปีศาจทั้งสองกำลังจะพุ่งใส่เย่ว์หยาง ทันใดนั้นปรากฏกระจกบานหนึ่งขวางอยู่ข้างหน้าเย่ว์หยาง นี่คือภูตกระจกของอี้หนาน   ภูตกระจกของนางสะท้อนแสงที่ส่องมาจากคทาเทพของจักรพรรดิอวี้ส่องใส่หน้าของอสูรปีศาจทั้งสอง
สนามพลังหนอนกระดูกและหมอกมรณะทั้งสองอย่างในร่างของเย่ว์หยางกระเจิดกระเจิงหายไปอย่างรวดเร็วภายใต้แสงสะท้อนของภูตกระจก
เมื่ออาวุธแสงดำในมือของเทวทูตสายฟ้าฟันลงอีกครั้ง  เย่ว์หยางใช้แสงเทพห้าสีออกมาสู้
ได้เวลาที่เย่ว์หยางจะตอบโต้
แสงเขียวของแสงเทพห้าสีปะทะเข้ากับแสงดำของเทวทูตสายฟ้า
ภายใต้การโจมตีคราเดียว  เทวทูตสายฟ้าและแสงดำถูกแรงระเบิดกระเด็นไปเป็นร้อยเมตร  แสงดำริบหรี่มากขึ้น  ขณะที่ร่างวิญญาณของเทวทูตสายฟ้ามีเสียงไฟฟ้าแตกปะทุ  เหมือนกับว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนัก
 “ของข้าคือแสงเทพห้าสี  ส่วนของเจ้าน่ะ ของปลอมชัดๆ  ไม่ว่าจิ่วเซียวจะใจกว้างมากแค่ไหน เขาคงไม่ให้แสงเทพห้าสีกับเจ้าแน่  แสงดำในมือของเจ้าไม่มีอะไรมากไปกว่าสินค้าเลียนแบบ”  เย่ว์หยางปรากฏตัวที่ด้านหลังเทวทูตสายฟ้า กำแสงเทพห้าสีไว้ในหมัดซ้าย  เขาปล่อยหมัดออกไปขณะที่มือขวาสร้างระเบิดดวงดาว  เมื่อเทวทูตสายฟ้าพยายามป้องกันตนเอง เย่ว์หยางโยนระเบิดดวงดาวใส่เขาทันที
 “เหวอ...” เทวทูตสายฟ้าตกตะลึง เขารีบกลายเป็นไฟฟ้าและหลบหนีพลังโจมตีของระเบิดดวงดาว
 “ตาย”
เย่ว์หยางไม่ได้ดันเขา  เขากับนำระเบิดดวงดาวให้พุ่งเป็นวิถีโค้งและระเบิดใส่ศีรษะของจ้าวปีศาจแดง
ระเบิดดวงดาวทำให้ศีรษะของจ้าวปีศาจแดงระเบิดเป็นชิ้นเล็กน้อยไปถึงครึ่งศีรษะ
มันล้มลงกับพื้นเสียงดังสนั่น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แปลกก็คือจ้าวปีศาจแดงที่มีหัวกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่
สมองของมันที่กระจัดกระจายกลับคืนสภาพอย่างรวดเร็ว  ขณะที่ชิ้นเนื้อที่กระจายออกไปนั้นกลับกลายเป็นผงและกลับเข้ามาหาจ้าวปีศาจแดง  มันเข้ามาอุดเหมือนเป็นวัสดุก่อรูปเป็นหัวของจ้าวปีศาจแดงและค่อยๆ กลับคืนสู่ลักษณะดั้งเดิมของมัน กระบวนการเช่นนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที
 “ให้ข้าส่งเจ้ากลับสู่นรกเถอะ”  เย่ว์หยางถือวงจักรล้างโลกในมือแล้วขว้างลงมาจากฟ้า ตัดใส่ร่างจ้าวปีศาจแดงจนขาดเป็นสองท่อน
อีกด้านหนึ่ง จ้าวปีศาจเขียวโกรธจัดที่ทำอะไรไม่ได้  ก่อนที่เย่ว์หยางจะหันกลับมาและใช้วงจักรล้างโลกตัดมันขาดเป็นสองท่อน
ร่างของจ้าวปีศาจแดงและเขียวทั้งสองนั้นที่ถูกตัดขาดครึ่งกำลังมีเนื้อโผล่ออกมาเหมือนถั่วงอกเตรียมเชื่อมร่างเป็นหนึ่งอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปรากฏปีศาจอสรพิษน้อยนัยน์ตากลมโตออกมา
เธอมีดาบน้ำแข็งคู่ในมือ
ในทันใดนั้น เธอแช่แข็งร่างของจ้าวปีศาจแดงและเขียวซึ่งยังขาดกลางอยู่ในก้อนน้ำแข็ง  แน่นอนว่านี่ยังไม่จบ
เมื่อเทวทูตสายฟ้าถาโถมเข้ามาเพื่อช่วยพวกมัน เธอยื่นมือทั้งสองให้เย่ว์หยางแสดงให้เขาเห็นมุกปีศาจแดงและเขียวในมือเธอ
จ้าวปีศาจแดงและเขียวพอสูญเสียมุกปีศาจ ก็เป็นเหมือนมนุษย์ผู้สูญเสียวิญญาณ  แม้ว่ากายหยาบของพวกมันยังไม่ตาย แต่พวกมันก็กลายเป็นภูเขาเนื้อกองหนึ่ง  พวกมันไม่ได้เป็นภัยคุกคามแม้แต่น้อย  สนามพลังหนอนกระดูกและหมอกมรณะล้วนแต่ไร้ประโยชน์ภายใต้แสงจากคทาเทพของจักรพรรดิอวี้
 “แม้ว่าข้าจะไม่สามารถฆ่าเจ้าได้  แต่ข้าสามารถฆ่าสตรีที่เจ้าพามากับเจ้า  มนุษย์! จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธุ์เจ้าก็คือสตรี”  เทวทูตสายฟ้าคลั่งแค้น
เขารู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะเย่ว์หยางได้แน่นอน  เพราะเย่ว์หยางครอบครองแสงเทพห้าสี
เย่ว์ปิงอยู่ภายใต้การปกป้องของคทาเทพจักรพรรดิอวี้  ดังนั้นเทวทูตสายฟ้าไม่สามารถเข้าใกล้นางได้
อี้หนานมีภูตกระจกคอยปกป้องนาง   ภูตกระจกคอยโคจรอยู่รอบร่างของนาง คอยสะท้อนแสงจากคทาเทพจักรพรรดิอวี้ ปล่อยให้นางคอยหันหน้ากระจกไปในทิศต่างๆ นี่ก็เท่ากับมีคทาเทพคอยปกป้องนางอยู่ด้วย  ดังนั้นเทวทูตสายฟ้าไม่กล้าจู่โจมใส่นาง  สำหรับเสี่ยวเหวินหลี เธอเป็นอสูรพิทักษ์ ดังนั้นไม่สามารถฆ่าเธอได้จริงๆ  ในที่สุดเทวทูตสายฟ้าที่คลุ้มคลั่งตัดสินใจลงไปที่โถงวิหารที่สองและฆ่าสตรีมนุษย์ 2-3 คนที่ไม่สามารถชุบชีวิตได้ในอนาคต  แค่นี้ก็จะทำให้เย่ว์หยางคลุ้มคลั่ง  นั่นคือวิธีจัดการกับจักรพรรดิอวี้และนักรบที่ติดตามเขาในครั้งก่อนนั้น
เมื่อมนุษย์คนหนึ่งเห็นสตรีของพวกเขาตาย  พวกเขาก็จะตกอยู่ในความสิ้นหวัง  พวกเขาอาจฆ่าตัวเองตายหลังจากชนะศึกก็ได้
นี่คือพฤติกรรมเกินเลยที่เทวทูตสายฟ้าผู้มาจากแดนสวรรค์เข้าใจเอง
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่านักรบชาวมนุษย์มีจุดอ่อนที่ร้ายแรงเช่นนี้
 “เจ้าต้องการฆ่าข้าใช่ไหม? เจ้าไม่จำเป็นต้องไปที่โถงวิหารที่สองก็ได้  ข้าอยู่ที่นี่แล้ว..”  เสวี่ยอู๋เสียถือหนังสือแนบตัวขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีตัวเปื้อนเลือดปรากฏตัวอยู่ด้านหลังนาง ในมือนางยังถือดาบเทพจักรพรรดิอวี้  ที่ด้านหลังพวกนางเป็นเจ้าเมืองโล่วฮัวและเย่ว์หวี่ที่ดูหน้าซีดและอ่อนเพลียเล็กน้อยเดินตามมา
เมดูซ่าศิลา, เงือกวายุ, นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งคอยคุ้มกันพวกนางทั้งซ้ายขวา
ความจริงที่ว่าพวกนางมาถึงได้ พิสูจน์ได้ว่าตะขาบยักษ์แดนสวรรค์ถูกฆ่าไปแล้ว
สิ่งที่ทำเทวทูตสายฟ้าตกตะลึงหนักไม่ใช่ความจริงเรื่องว่า เวทพายุโหยหวนที่คอยขัดขวางพวกนางใช้ไม่ได้ผล ไม่ใช่เรื่องที่บริวารของเขาและตะขาบแดนสวรรค์ถูกสังหาร  ไม่ใช่เรื่องที่มุกของตะขาบแดนสวรรค์ที่นาคาสายฟ้าและอสรพิษน้ำแข็งกำลังถืออยู่ในมือ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจกลัวก็คือหนังสือโบราณที่เสวี่ยอู๋เสียถืออยู่
หนังสือโบราณนั้นเป็นอาวุธระดับเงิน
ถ้าเป็นเมื่อไม่นานนี้ เทวทูตสายฟ้าคงไม่ยอมชำเลืองมองอาวุธระดับเงินแน่  แม้แต่อาวุธระดับทองก็ยังไม่สามารถทำร้ายเขาผู้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 ได้  อย่างไรก็ตาม เขาเหลืออยู่แต่กายละเอียดในตอนนี้ มีความรู้สึกที่แย่กับหนังสือโบราณนั้น  แม้ว่าจะเป็นเพียงอาวุธระดับเงิน  แต่เป็นอาวุธสายวิญญาณ  สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งประดิษฐ์พิเศษที่สามารถกลืนกินพลังงานประเภทสายฟ้าได้  บังเอิญว่ามันเป็นดาวข่มของเขา
เสวี่ยอู๋เสียเปิดหนังสือออก  และภูตสตรีที่ดูเหมือนกับนางปรากฏตัว
ภูตนั้นปกคลุมไปด้วยไอเย็นทั้งตัว  แต่ยังมีกระแสไฟฟ้าสถิตย์อยู่ในมือของนาง
พอเผชิญหน้ากับเทวทูตสายฟ้าผู้ตัวใหญ่กว่านางมาก  ภูตหญิงพุ่งเข้าหาอย่างกล้าหาญ ไม่แสดงท่าทีว่ากลัวแม้แต่น้อย นางดูเหมือนกับว่าต้องการจะกินเทวทูตสายฟ้าผู้แข็งแกร่งกว่านางเป็นพันเท่า
 “ไม่!” เทวทูตสายฟ้ารู้สึกถึงความกลัวอย่างหนึ่งจากสัมผัสที่หกของเขาในฐานะที่เป็นนักรบ  เขาพยายามจะหนี  อย่างไรก็ตาม ข้างหลังเขา เย่ว์หยางและเสี่ยวเหวินหลีปรากฏตัวพร้อมกันใช้โซ่ล่องหนขวางไม่ให้เขาเคลื่อนไหวได้   เพลิงอมฤต, วงจักรล้างโลกและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์พุ่งใส่ร่างของเทวทูตสายฟ้าพร้อมกัน  อย่างไรก็ตาม คนที่ใช้พลังได้ทรงประสิทธิภาพสูงสุดก็คือหญิงงามอู๋เหิน นางนำผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ออกมาจากห้องเก็บโลงแก้วแล้วใช้กระแทกใส่ศีรษะของเทวทูตสายฟ้า

************

11 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

...นำผนึกออกมาแล้วเอามาไว้ใช้ทุบหัวสินะ

NabelrA กล่าวว่า...

มากันเป็นครอบครัวเลย

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ สนุกมากเลย

Pert กล่าวว่า...

เอ่อเป็นการลาสที่..........สุดๆ

zOrGod กล่าวว่า...

แห่กันมาทั้งปาร์ตี้

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณ

งำงำ มีดบิน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ได้ทีเทคทีมเลยฮ่าๆ

ปารมี กล่าวว่า...

สนุกมาก ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ครอบครัวหรรษา

Nopanser Kung กล่าวว่า...

โอ้...เย่ว์ปิงใช้พลังคทาเทพได้ด้วย? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน *0*

Unknown กล่าวว่า...

เรื่องนี้ผมเบื่อผู้หญิงสุดๆ

แสดงความคิดเห็น