วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 358 เย่ว์หยางน่าเกลียด?


ตอนที่  358  เย่ว์หยางน่าเกลียด?


เย่ว์หยางเคยผ่านสนามพลังของซิวคงในสภาพแรงโน้มถ่วงร้อยเท่าสลับกับสภาพสุญญากาศมาแล้วและเขาก็ทนได้   จึงทำให้เขาแทบไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่อย่างเท้าเข้าหอทงเทียนชั้นหก ซึ่งมีแรงโน้มถ่วงถึงหกเท่า  ความจริงเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้ เย่ว์หยางก็ยังทนต่อสนามพลังแรงโน้มถ่วงยี่สิบเท่าของว่านฉีซิ่วหลิงรองประมุขนิกายบรรพตขจีได้โดยไม่มีปัญหาอะไรมาแล้ว
 
หลังจากจบศึกวังเทพจักรพรรดิอวี้  เย่ว์หยางมีฝีมือรุดหน้าแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของทักษะหรือระดับก็ตาม
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น  พวกเขาจำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัวนานเมื่อแรกย่างเท้าเข้าหอทงเทียนชั้นที่หก
สำหรับเย่ว์หยางแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่เป็นปัญหา
ที่ประตูเทเลพอร์ตของหอทงเทียนชั้นที่หก
มีนักรบอยู่หลายคนเพิ่งจะเทเลพอร์ตมาถึงระดับนี้ต่างคนก็นั่งปรับตัวให้เข้ากับสภาพแรงโน้มถ่วงหกเท่า  มีเพียงคนที่เคยปรับสภาพแรงโน้มถ่วงหกเท่ามาก่อนหรือยอดฝีมือซึ่งเทเลพอร์ตลงมาจากชั้นเจ็ดสามารถย่างเท้าออกไปได้อย่างภาคภูมิใจ  พวกที่เข้ามาใหม่อย่างเย่ว์หยางยังไม่เคยย่างเท้าเข้าในหอทงเทียนมาก่อนยังต้องมองพวกเขาอย่างอิจฉา  ผู้มาใหม่หลายคนจะถูกประเมินสังเกตการณ์อยู่ในผนึกวงเวทขนาดยักษ์  ต่างจากระดับชั้นต่ำๆ ตั้งแต่ชั้นหกเป็นต้นไป วงเวทเทเลพอร์ตจะถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา  ไม่ว่าผู้ใดจะเข้าหรือจะออกจากชั้นที่หก  ทุกคนจำเป็นต้องใช้ทางผ่านทางเดียว  ยิ่งกว่านั้นทางผ่านนี้ ห้ามบินผ่าน
มีแต่ยอดฝีมือชั้นปราณก่อกำเนิดระดับ 6 หรือสูงกว่า ถือว่ามีพลังมากพอได้รบยกเว้นกฎข้อนี้
ดังนั้น ต่อให้เป็นมังกรยักษ์หรือปีศาจจากแดนปีศาจ ทุกตัวทุกตนต้องผ่านไปทางนี้ด้วยการเดินเท่านั้น
เย่ว์หยางสังเกตว่ามีปีศาจอยู่หลายตนที่ตัวสูงหลายเมตรเดินตึงตังอยู่ข้างๆ เขา   พวกมันไม่สนใจว่าจะมีมนุษย์ดำรงอยู่หรือไม่
ที่นี่ การทำร้ายกันระหว่างเผ่าพันธุ์ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด  นักรบมนุษย์ยอมรับว่าแข็งแกร่ง ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเผ่าพันธุ์ใด  ถ้าพวกเขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง  พวกเขาจะได้รับการยอมรับนับถือจากคนอื่นๆ  ตรงกันข้าม ถ้าความสามารถของพวกเขาไม่แข็งแกร่ง  ต่อให้เป็นพวกเอลฟ์ทองซึ่งมีสถานะสูงส่งพวกเขาก็จะโดนดูถูกไม่ต่างอะไรกับพวกปีศาจชั้นต่ำ
สถานะของบุคคลขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง
นี่คือหอทงเทียนชั้นที่หกอย่างแท้จริง
 “ชื่ออะไร?” ที่ทางเข้าประตูเทเลพอร์ตชั้นที่หก คนผู้มาใหม่จะต้องถูกสัมภาษณ์เพื่อลงทะเบียนชื่อ  ในหอทงเทียนชั้นที่หนึ่ง, สองและสาม  พวกเขาจะแสดงอำนาจ พลังเมื่อใดก็ได้ที่พวกเขาอยากแสดง  แต่ที่นี่ ทุกคนถือว่าเป็นคนใหม่  ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟัง ทำอะไรขวางหูขวางตา อาจจะถูกพวกที่มาอยู่ก่อนฆ่าตายก็ได้
 “เย่ว์ไตตัน” เย่ว์หยางก็ยังคงเข้าแถว  ถ้าเขาพอใจ เขาก็แค่อ้างผู้เฒ่าหนานกงหรือพันธมิตรปราณก่อกำเนิด  จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะง่ายยิ่งขึ้น  พวกนักสู้ปราณก่อกำเนิดจะได้รับสิทธิพิเศษ ไม่จำเป็นต้องเข้าแถวลงทะเบียน  ยิ่งกว่านั้นยังจะมีผู้ดูแลมาคอยให้คำแนะนำพวกเขา  เย่ว์หยางต้องการมีประสบการณ์ชีวิตด้วยตนเอง ไม่ต้องการที่จะทำเช่นนั้น
 “ระดับและชั้นฝีมือของเจ้าล่ะ?”  พนักงานลงทะเบียนที่ดูหน้าตาเหมือนกับมนุษย์ต่างดาวถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
 “อ่า...นักสู้ระดับ 6 ชั้นกลาง” เย่ว์หยางไม่ได้โกหก  ตามระดับสถานะในคัมภีร์อัญเชิญของเขา  เขายังเป็นนักสู้ระดับ 6 เขาเพิ่งยกระดับหลังจากเอาชนะในศึกวังเทพจักรพรรดิอวี้ได้  ถ้าเป็นครั้งก่อนนั้น  เขาคงอยู่ที่ชั้นนักสู้ระดับ 5  ถ้าหากเป็นคุณสมบัติเพียงระดับนี้  เขาจะยังไม่มีสิทธิ์เข้าหอทงเทียนชั้นที่หก
 “สุ่ยตงหลิว!” เย่ว์หยางไม่กล้าอ้างจื่อจุน, นามของจื่อจุนโด่งดังยิ่งนัก  มิฉะนั้น พนักงานลงทะเบียนนี้อาจจะหัวใจวายได้  เขาจึงอ้างชื่อของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าแทน ในกรณีที่เพื่อปกป้องข้อมูลเรื่องความแข็งแกร่งและความเป็นส่วนตัวของนักสู้ทุกคน เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนจะไม่ตรวจดูคัมภีร์อัญเชิญหรือทดสอบพลังของพวกเขา  เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลและรักษาผลประโยชน์ของเผ่าพันธุ์ต่างๆ
กระบวนการลงทะเบียน ตามปกติจะใช้แค่สัมภาษณ์ทั่วไป นักรบผู้ลงทะเบียนอาจไม่ตอบในบางคำถามก็ได้
สำหรับการลงทะเบียนนักรบทั่วไป  เพียงแค่นี้ก็พอแล้ว
เนื่องจากพวกเขาไม่จำเป็นต้องปิดบังระดับและความแข็งแกร่งของตน  นักสู้ปราณก่อกำเนิดใช้ทางผ่านพิเศษได้อยู่แล้ว
พวกที่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องก็คือพวกนักรบที่มีความสามารถพิเศษทั้งหมด  พวกเขาไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งมาก  แต่มีทักษะที่พิเศษบางอย่าง  คนพวกนี้ ถ้าความสามารถพิเศษถูกพวกเจตนาไม่ดีรับรู้เข้า  ชีวิตพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตราย  แน่นอน ไม่มีผู้ใดเคยคิดมาก่อนว่าจะมีบุคคลที่ทรงพลังเป็นพิเศษอย่างเย่ว์หยางจะยอมเข้าแถวเพื่อลงทะเบียนพร้อมกับผู้มาใหม่  ไม่มีผู้ใดคาดว่าเขาคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง  คนเกือบทั้งหมดจะเห็นเย่ว์หยางในสภาพใช้ทักษะลวงว่าเป็นนักสู้ระดับ 6 เท่านั้น
 “มีความสามารถพิเศษอะไรบ้างไหม?”  พนักงานสอบถามเย่ว์หยาง ไม่ได้ตั้งใจจะถามลึกถึงความลับของนักรบ แต่ถามวัตถุประสงค์ของภารกิจมากกว่า คำถามนี้นักรบที่ลงทะเบียนจะตอบหรือไม่ก็ได้
 “ความสามารถพิเศษของข้าคือ สร้างหุ่นกล”  เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นคนซื่อ ถามคำตอบคำ
 “สร้างหุ่นกลน่ะหรือ?” พนักงานที่เหมือนมนุษย์ต่างดาวผู้นั้นพยายามนึกอะไรบางอย่างแล้วพยักหน้า “เจ้าบอกว่าเพิ่งมาจากทวีปมังกรทะยาน ข้าจำได้ว่ามีตระกูลเย่ว์อยู่ตระกูลหนึ่ง สามารถสร้างหุ่นกลได้ เจ้าเป็นคนของพวกเขาหรือเปล่า? อสูรหุ่นของเจ้าตัวใดที่แข็งแกร่งที่สุด?”
 “นักรบอินทรี อสูรหุ่นชั้นเงิน”  เย่ว์หยางอ้างเอาผลงานอสูรหุ่นแปลงร่างของภูตอัจฉริยะเย่ว์กงที่เขาได้พบมาในตำหนักหุ่น
 “เจ้ารู้จักวิทยายุทธอะไรบ้างไหม?”  เจ้าพนักงานที่คล้ายมนุษย์ต่างดาวถามอีกครั้ง  “ไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา มีคนชื่อเย่ว์ชิวจากทวีปมังกรทะยาน เขาเป็นยอดฝีมือเชิงต่อสู้  เขามาจากครอบครัวเจ้าหรือเปล่า?”
 “เขาเสียชีวิตระหว่างต่อสู้ ข้าไม่ได้รับสืบทอดวิทยายุทธจากเขา”  เมื่อเย่ว์หยางพูดเช่นนี้  พนักงานผู้นั้นมีสีหน้าแสดงความเห็นใจ  ดูเหมือนเขาไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องที่เย่ว์หยางเชี่ยวชาญในการสร้างหุ่นกลรบเลยแม้แต่น้อย  เขาสนใจแต่เย่ว์ชิวผู้มีวิทยายุทธสูงเยี่ยมมากกว่า
 “หนุ่มน้อย! เจ้าต้องการคำแนะนำจากข้าไหม?”  พนักงานลงทะเบียนถามขึ้นในที่สุด
 “เชิญพูด”  เย่ว์หยางรู้สึกประหลาดใจ  เจ้าผู้นี้ดูไม่เหมือนจะให้คำแนะนำผู้ลงทะเบียนเลยจนกระทั่งตอนนี้
 “ว่ากันตามระดับความสามารถและความแข็งแกร่งของเจ้า นับว่ายากที่จะเอาชีวิตรอดในหอทงเทียนชั้นหกได้  ในหอทงเทียนชั้นล่างๆ อสูรของเจ้าอาจจะเก่งกล้าคงกระพัน  แต่เจ้าต้องรู้ไว้ว่าในหอทงเทียนชั้นที่หก อสูรที่นี่แข็งแกร่งกว่าที่เจ้าคิดเป็นร้อยเท่า จำนวนของพวกมันก็มากกว่าเป็นร้อยเท่า  อสูรที่ไม่อาจยกระดับได้อย่างอสูรหุ่นหรืออสูรที่มีศักยภาพต่ำเมื่อมาถึงที่นี่ก็เป็นขยะดีๆ นี่เอง  พวกมันไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง อย่าหาว่าข้าพูดตรงๆ เลยนะ ความสามารถสร้างหุ่นกลของเจ้าไม่มีประโยชน์  ถ้าเจ้าต้องการอยู่รอดในหอทงเทียนชั้นหกนานขึ้น  เจ้าต้องมีพลังที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่เพียงวิทยายุทธเท่านั้น แต่ยังต้องมีอสูรคู่หูซึ่งมีศักยภาพสูงอีกด้วย ถ้าวัตถุประสงค์ที่เจ้ามาที่นี่ ไม่ใช่มาฝึกหรือเพื่ออยู่นานๆ หรือพยายามจะใช้ชีวิตในชั้นสูงๆ เพื่อหาประสบการณ์ นั่นก็ไม่เป็นไร พ่อหนุ่ม! ถ้าเจ้าต้องการฝึกตนเองที่นี่เพื่อให้แข็งแกร่งต่อเนื่อง จงเตรียมตัวให้พร้อม เจ้าเข้าใจคำพูดของข้าไหม?” เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนไม่ได้พูดเสียดัง  แต่เขาใช้น้ำเสียงที่จริงจังเตือนเย่ว์หยาง
 “เด็กน้อย! ทำไมเจ้าไม่กลับบ้านเล่า?  กลับไปดูดนมแม่เลยไป, นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับเด็กอ่อนแอเอาแต่ใจตนเองอย่างเจ้ามาวิ่งเล่น”  เสียงแหลมคมชัดที่ดูถูกดังขึ้นด้านหลังเขา
 “...” เย่ว์หยางเหลียวกลับมาดู และพบว่าเสียงเยาะเย้ยเสียดสีที่คาดไม่ถึงนั้นเป็นเสียงของเผ่าคนแคระ  เขาถึงกับพูดไม่ออก
 “ถ้าเจ้าดึงดันจะเข้าหอทงเทียนชั้นหกให้ได้ อย่างนั้นข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าเข้าไปในสถานที่อย่างนี้จะดีกว่า  ให้อยู่ในเขตปลอดภัยดีกว่า”  เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนหยิบแผนที่ออกมาและทำเครื่องหมายวงกลมไว้เป็นสิบๆ แห่ง แสดงให้เห็นพื้นที่มรณะสำหรับนักสู้ระดับ 6 อย่างเย่ว์หยาง
 “ขอบคุณท่าน”  แม้ว่าเขาจะถูกคนอื่นดูแคลน แต่เย่ว์หยางก็ยังขอบคุณเจ้าหน้าที่ลงทะเบียนผู้เปลือกนอกดูเย็นชาแต่จิตใจอบอุ่น
นี่คือวิธีที่เขาแสดงความกรุณาเพื่อปกป้องผู้เยาว์ของเขา
กล่าวโดยทั่วไปแล้ว คนหนุ่มสาวยากจะทำใจรับการปฏิเสธได้ แต่จะถูกแทนที่่ด้วยคำแนะนำ ถึงจะไม่สุภาพแต่ก็ได้ผลดีกว่ามาก
ถ้าเย่ว์หยางไม่ซ่อนความสามารถของเขาไว้  ถ้าความสามารถของเขามีจำกัดแค่เพียงระดับนี้จริงๆ การเข้าหอทงเทียนชั้นที่หก ถือเป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับเขา
เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนนั้น ไม่ได้ปฏิเสธหรือห้ามไม่ให้เขาเข้าไป  แต่เขากับเตือนเย่ว์หยางที่มาจากอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งด้วยคุณธรรมและชี้พื้นที่อันตรายในแผนที่ให้เขา อย่าว่าแต่เผ่าพันธุ์อื่นเลย  แม้แต่มนุษย์เองก็คงไม่ทำเรื่องเช่นนี้โดยไม่จำเป็น
แน่นอนว่าเย่ว์หยางไม่ได้ขอบคุณเขาโดยตรง แม้จะไม่ได้ขอบคุณโดยตรง แต่ก็อดยกย่องในทัศนคติของเขาไม่ได้
เผ่าคนแคระที่เข้าแถวอยู่ด้านหลังเขายังพูดเยาะเย้ยไม่หยุดปาก
พวกที่เข้าแถวรอส่งเสียงหัวเราะครืน
มีเพียงนักรบเผ่าปีศาจคล้ายมนุษย์ผู้รอลงทะเบียนคนหนึ่ง ขมวดคิ้วขณะที่เขาสังเกตเย่ว์หยางจากด้านหลัง
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง  แต่ไม่สามารถหาปัญหาพบ  เด็กมนุษย์นี้เป็นเหมือนที่คนแคระพูดจริงๆ หรือ ที่บอกว่าเป็นเด็กมนุษย์อ่อนแอ เอาแต่ใจตนเอง? ผิดล่ะ  ถ้าให้เขาต้องเลือกศัตรูสักคน เขาจะเลือกสู้กับคนเผ่าแคระสองคนแทนที่จะสู้เด็กมนุษย์ผู้นี้ สัมผัสรู้ของเขาบอกเขาว่ามีบางอย่างผิดปกติ  แต่เขาไม่สามารถค้นหาความผิดปกติได้
คนที่ถูกเยาะหยันแล้วยังสงบเย็นอยู่ได้เป็นคนอ่อนแอจริงๆ หรือ?
ถ้าเป็นตัวเขาเอง จะทำเป็นไม่สนใจได้ไหม?
นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย บุรุษผู้นี้ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ เขาต้องซ่อนความแข็งแกร่งอย่างใดอย่างหนึ่งเอาไว้แน่  แต่เพื่อความปลอดภัย จึงไม่พูดออกมา
ในใจของตัวประหลาดร่างมนุษย์นี้คิดว่าเย่ว์หยางคือศัตรูที่ทรงพลัง เขาคิดไม่ถึงหรอกว่ามนุษย์หนุ่มน้อยผู้นี้จะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด  มีพลังน่ากลัวสามารถฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 มาแล้ว
 “กำลังมองหาโล่ชีวิตปกป้องในแดนโชกเลือด”
 “ยินดีฝึกฝนให้ท่าน 10 วันต่อผลปัญญาหนึ่งผล, 1 เดือนต่อผลปัญญาสองผล
 “อุปกรณ์ขายถูก สภาพ 90% เกราะหนังมังกรใหม่และดาบแสงต้านทรายดำ รับซื้อกิ่งพฤกษาชีวิตและชุดแห่งความตาย”
 “ข่าวดีสำหรับผู้มาใหม่!  ขายคู่มือเอาตัวรอดในหอเทียนเล่มละ 1 พันเหรียญทอง  ของแถมพิเศษ..ท่านจะได้รับแผนที่สัตว์อสูร..ฟรี!
 “ยาเม็ดบำบัดอาการบาดเจ็บรุนแรง ขวดละหนึ่งร้อยเหรียญทอง มีจำกัดเพียงเก้าขวด ใครมาก่อนได้ก่อน  นอกจากนี้ยังมีเหลืองบุษราคัมขายอีกด้วย”
เย่ว์หยางตื่นเต้นทันทีที่เดินผ่านออกมาจากประตูเทเลพอร์ต  แค่เขาดึงถุงน้ำออกมาเตรียมดื่มแก้กระหาย  ทันใดนั้นเขาได้ยินฝูงคนตะโกนอยู่เบื้องนอกลานใหญ่ข้างหน้า  เขาถึงกับพ่นน้ำที่ดื่มออกมา และไอสำลักน้ำอย่างรุนแรง
นี่ช่างน่าตกใจจริงๆ
นี่มันเกมออนไลน์ในต่างโลกชัดๆ  แตกต่างกันอย่างเดียวคือไม่มีการแฮคหรือสลับบัญชี
ทวีปมังกรทะยาน เมื่อเทียบกับหอทงเทียนชั้นหก ไม่อาจเรียกว่าเป็นทวีปได้เลย เป็นได้แค่สถานที่เล็กๆ  ปรากฏอยู่บนแผนที่มีขนาดเล็กกว่าฝ่ามือทารกเสียอีก  ถ้าไม่ใช่เพราะหนึ่งในโลกหล้าจื่อจุนมีพลังมากเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาเผ่าพันธุ์ต่างๆ  ชนต่างเผ่าพันธุ์เหล่านี้อาจจะไม่ตระหนักถึงสถานที่เล็กๆ อย่างทวีปมังกรทะยานก็ได้  อย่าว่าแต่ทวีปมังกรทะยานเลย  แม้แต่แดนอเวจีซึ่งใหญ่กว่าทวีปมังกรทะยานเป็นสิบๆ เท่า กลับเป็นที่ใหญ่พอๆ กับนิ้วมือเดียวเมื่อเทียบกับแผนที่ในชั้นที่แปดและที่เก้า
ในทวีปมังกรทะยาน มีนักสู้ระดับ 6 เพียงไม่กี่คน  อย่างไรก็ตาม ที่นี่ พวกนักสู้ระดับ 6 มีอยู่โดยทั่วไป แต่ละคนก็ล้วนแต่เข้มแข็ง
นักสู้ระดับ 5 ? พวกนั้นอาจมีปะปนอยู่บ้าง!
สำหรับนักสู้ระดับ 4 พวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้รับใช้ด้วยซ้ำ
หลังจากมองหาอยู่นาน ในที่สุดเย่ว์หยางก็พบนักสู้ระดับ 4 เพียงไม่กี่คนและนักสู้ระดับ 5 ไม่กี่สิบคนปะปนอยู่ในกลุ่มคนนับร้อย  นักสู้ระดับ 6 มีเกือบพันคน  ทุกคนที่ไม่ได้รับการยกเว้น ก็จะเป็นผู้รับใช้นักสู้เผ่าต่างๆ
“เฮ้,เจ้าน่ะ เด็กมนุษย์ที่น่าเกลียดตรงนั้น มานี่หน่อยเถอะ” จู่ๆ ก็มีเสียงน่ารักตะโกนมาทางเย่ว์หยาง
 “ดูน่าเกลียดเหรอ?”  นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางได้ยินคนพูดว่ารูปลักษณ์ของเขาน่าเกลียด
 “ทำไมเจ้าถึงพูดมากนักเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะเรายังขาดคนหนึ่งคน เราจะไม่ยอมขอให้เจ้ามาร่วมกับเราแน่  เรากำลังเร่งรีบ  ฉะนั้นเลิกจ้องข้าเหมือนคนโง่ได้แล้ว  ไปกันเถอะ เร็วเข้า”   มีอีกเสียงหยาบห้วนๆ ดังขึ้นข้างหลังเขา
เมื่อเย่ว์หยางหันไปดู ทันใดนั้นเขาก็โดดผางด้วยความตกใจ หัวใจเขาแทบกระดอนออกจากปาก
พระเจ้าช่วย


13 ความคิดเห็น:

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

เจออะไรน้อ

Art กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

werty950 กล่าวว่า...

โอย... ทำไมช่วงนี้ แต่ล่ะตอนมันขาดๆเกินแบบนี้ มาทำให้อยากอ่านตอนต่อไปอยู่เรื่อย แบบนี้วันละตอนจะไม่พอน่ะสิ / ขอบคุณที่แปลมาให้อ่านครับ

NabelrA กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณ

งำงำ มีดบิน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

เจอสาวสวยแน่เลย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เจอไรว่า 5555 ขี้ตกใจเนอะเอ็ง

Unknown กล่าวว่า...

อะไรกันน๊า

Nopanser Kung กล่าวว่า...

โอ้....ปิดบังตนเป็นคนอ่อนแอรึ ฮิฮิฮิ ไม่เลว ~ แล้วจะรอช่วงเวลาโชว์เทพให้คน อึ้ง! ทึ่ง! เงิบ! นะ

8lek8 กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

Tonza1001 กล่าวว่า...

พระเอกตกใจอะไร?

แสดงความคิดเห็น