“ตระกูลนักรบเลือดมังกรหรือ?!”ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนมีปริศนาเต็มหัวไปหมด
ในสายตาของลินลี่ย์ตระกูลของเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าแค่เป็นตระกูลเก่าแก่ที่อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
มันจะเกี่ยวข้องกับนักรบเลือดมังกรในตำนานได้อย่างไร?
“เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?”ร่องรอยความหยิ่งเห็นได้จากใบหน้าของฮ็อก
“ลินลี่ย์! ขึ้นมาตรงนี้และดูป้ายเซ่นวิญญาณนี้ให้ดี
ตอนนี้เจ้าสามารถอ่อนเรื่องราวพวกเขาได้หมดด้านหลังป้ายเซ่นวิญญาณแต่ละป้ายจะมีประวัติของบรรพบุรุษเหล่านั้น
ป้ายเซ่นดวงวิญญาณสามป้ายบนสุดคือนักรบเลือดมังกร!”
ฮ็อกจูงมือลินลี่ย์มา“มาดูสิ”
ฮ็อกนำลินลี่ย์ตรงไปที่ด้านหลังป้ายวิญญาณแล้วอุ้มเขาขึ้น
ฮ็อกพูดว่า “ดูให้ดี หนังสือที่ด้านหลังเหล่านั้น”
ลินลี่ย์เบิกตากว้างและเริ่มอ่าน
คำที่สลักไว้บนป้ายเซ่นวิญญาณแผ่นสูงสุดนั้นสลักไว้ลึกและชัดเจนมากอักษรที่เก่าถึงห้าพันปีบอกเล่าเรื่องราวประหลาด
“บาลุคนักรบเลือดมังกรคนแรกสุดแห่งทวีปยูลาน
ในปี 4560 ก่อนปฏิทินยูลาน
ที่นอกกำแพงเมืองหลินหนานบาลุคได้ต่อสู้กับมังกรดำและเวิร์มน้ำแข็ง
ในที่สุดเขาก็จัดการเวิร์มน้ำแข็งยักษ์และมังกรดำทั้งสองได้
ทำให้เขามีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก ในปี 4579
ตามปฏิทินยูลานที่ชายฝั่งทะเลตอนเหนือของทวีปบาลุคต่อสู้กับจักรพรรดิมังกรน้ำเก้าหัว
ในวันนั้น คลื่นได้เข้าทำลายเมือที่อยู่ใกล้เคียงไม่หยุดหย่อนจนพังทลาย
แต่หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดจบลงเมื่อผ่านไปได้หนึ่งวันหนึ่งคืน
ในที่สุดบาลุคก็จัดการจักรพรรดิมังกรน้ำเก้าหัวได้
บาลุคก่อตั้งตระกูลบาลุคและกลายเป็นผู้นำตระกูลบาลุคคนแรก!”
“ไรอัน
บาลุคคือนักรบเลือดมังกรคนที่สองของทวีปยูลาน ในปี 4690 ของปฏิทินยูลาน
ในเทือกเขาสัตว์วิเศษ
เขาเอาชนะมังกรทองระดับเซียนได้และกลายเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเซียนผู้ขับขี่มังกรทองในปี
4697...”
“ฮาซาร์ด
บาลุคนักรบเลือดมังกรคนที่สามของทวีปยูลาน เกิดในปี 5360 ตามปฏิทินยูลาน
ในการต่อสู้ครั้งแรกสุดของเขา
เขาสู้อย่างดุเดือดกับราชสีห์ตาแดงระดับเซียนในเทือกเขาสัตว์วิเศษจนอาทิตย์ลับฟ้า
เขาเอาชนะราชสีห์ได้และบังคับให้มันหนีไปและนั่นเป็นเหตุให้ฮาซาร์ดมีชื่อเสียงไปทั่วโลก....”
….
ชื่อแล้วชื่อเล่าเรื่องราวของบรรพบุรุษแต่ละคน
ทำให้เลือดในตัวลินลี่ย์สูบฉีดอย่างแรง
ฮ็อกที่อยู่ข้างๆเขาพูดเสียงต่ำว่า
“ตระกูลบาลุคสามชั่วคนแรกเป็นนักรบเลือดมังกรกันทั้งหมด
การได้เป็นนักรบเลือดมังการทำให้อายุขัยเพิ่มขึ้นมาก
นักรบเลือดมังกรรุ่นที่สองไม่ได้แต่งงานหรือมีลูกกระทั่งผ่านไปเจ็ดร้อยปี”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”
ลินลี่ย์ประหลาดใจ “ท่านพ่อ,ทำไมตระกูลของเราถึงไม่มีนักรบเลือดมังกรอีก?”
ฮ็อกพยักหน้า“เพื่อให้กลายเป็นนักรบเลือดมังกร
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความเข้มข้นและความหนาแน่นของเลือดมังกรที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดของพวกเรา
ความเข้มข้นสูงก็ยิ่งดี หลังผ่านไปหลายชั่วคน
ความเข้มข้นของเลือดมังกรในสายเลือดของพวกเรามีแต่จะเบาบางลง อย่างไรก็ตาม
นั่นยังไม่เป็นที่สรุปเพราะเมื่อเวลาผ่านไป
บางครั้งมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีทายาทคนหนึ่งที่มีเลือดมังกรเข้มข้นก็ได้”
“หลังจากฮาซาร์ด
บาลุคแล้วนักรบเลือดมังกรคนที่สี่ปรากฏต่อเมื่อผ่านไปเกือบพันปี และจากนั้น
หลังจากผ่านไป 1,500
ปีกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ
สิบชั่วคนต่อมานักรบเลือดมังกรคนที่ห้าก็ปรากฏขึ้นในตระกูลของเราจนได้
แต่ในหลายพันปีจากตอนนั้นถึงตอนนี้
ยังไม่มีนักรบเลือดมังกรปรากฏขึ้นเลยแม้แต่คนเดียว”
ฮ็อกส่ายหัวทอดถอนใจ“นักรบเลือดมังกรคนที่ห้าอยู่ในทวีปยูลานราวสองร้อยปี
ก่อนที่เขาจะหายสาบสูญ ในช่วงพันปีหลังจากนั้นตระกูลบาลุคเราก็เริ่มเสื่อมถอยลง”
หลังจากพันปีชื่อเสียงของตระกูลก็สามารถสูญสลายไปได้
“อย่างไรก็ตาม
ตระกูลของเรายังคงมีหวัง บางทีในอนาคต ทายาทของเราคนหนึ่งจะมีเลือดมังกรที่เข้มข้นอยู่ในสายเลือดและมีคุณสมบัติกลายเป็นนักรบเลือดมังกรได้
ถ้าพวกเขาตอบสนองคุณสมบัติหลังจากฝึกไม่กี่สิบปี
พวกเขาก็จะกลายเป็นนักรบเลือดมังกรได้จริงๆ
และในเวลานั้นตระกูลบาลุคจะฟื้นฟูกลับสู้ความรุ่งเรืองอีกครั้ง
เมื่อเราเป็นที่รู้จักในฐานะเป็นนักรบเลือดมังกร!” นัยน์ของฮ็อกเป็นประกาย
“ลินลี่ย์! เจ้าอายุหกขวบครึ่งแล้ว ตามกฎของตระกุลเรา
อายุขนาดเจ้าต้องทดสอบดูว่าเลือดมังกรของเจ้าเข้มข้นพอหรือไม่ มันค่อนข้างจะแม่นยำ
วันนี้ข้าจะทดสอบเจ้า”
ลินลี่ย์ตะลึก“ทดสอบความเข้มข้นของเลือดมังกรในตัวข้าหรือ? ทดสอบข้า?”
ลินลี่ย์เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ที่บิดาเขาเตรียมการทดสอบนี้
การทดสอบนี้จะแสดงว่าเขามีคุณสมบัติพอได้เป็นนักรบเลือดมังกรหรือไม่
“ลินลี่ย์
รออยู่ตรงนี้ ข้าจะไปเอาเข็มทดสอบเลือดมังกร” ฮ็อกตื่นเต้นมากอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เขาเดินออกไปจากหอบรรพบุรุษทันทีเพื่อไปยังห้องส่วนตัวใกล้ๆ
กัน
“นักรบเลือดมังกรเหรอ? ข้าจะเป็นนักรบเลือดมังกรได้หรือ?” ลินลี่ย์คิดฟุ้งซ่าน
พอยืนอยู่ตรงนั้นจิตใจลินลี่ย์สับสนวุ่นวาย
เขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความกลัวควบคู่กันไป เขากลัวว่า
เลือดมังกรในตัวของเขาจะเข้มข้นไม่มากพอ
“ถ้าข้าทดสอบล้มเหลว
ข้าว่าท่านพ่อคงจะผิดหวังมาก” ลินลี่ย์ได้แต่คิดอย่างเดียว
ได้เติบโตมากับบิดาเขาและน้องชาย ลินลี่ย์ไม่ต้องให้บิดาของเขาผิดหวัง
แต่ความเข้มข้นของเลือดมังกรในตัวเขาไม่ใช่สิ่งที่เขาจะตัดสินได้
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งฮ็อกกลับเข้ามาพร้อมกับเข็มยาวยี่สิบเซนติเมตรซึ่งมันบางมากขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องส่วนตัว
“เข็มทดสอบเลือดมังกรหรือ?” ลินลี่ย์เดา
ขณะที่เขามองดูเข็มยาวในมือบิดา
“เอาล่ะ
ลินลี่ย์เข็มนี้แค่แทงผ่านผิวเจ้าเข้าไป มันจะไม่เจ็บอะไรเลย ยื่นมือออกมา”
ฮ็อกยิ้มและลินลี่ย์พยักหน้า พอสูดลมหายใจลึก ลินลี่ย์ก็เหยียดแขนขวาออกไป
แขนเขาสั่นเล็กน้อยแสดงว่าลินลี่ย์กังวลมากจริงๆ
ไม่ใช่แค่ลินลี่ย์เท่านั้น
ว่ากันตามจริง แม้แต่ฮ็อกก็ยังกังวลมาก
“ทนหน่อยนะ”
เขาถือเข็มมังกรโปร่งใสและแทงลงไปในนิ้วนางของลินลี่ย์เบาๆมันแทงเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
ลินลี่ย์เจ็บตรงแผลที่ถูกแทง และเข็มโปร่งใสก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดทันที
มือของฮ็อกสั่นเขายกเข็มทดสอบเลือดมังกรขึ้นตรวจดูอย่างระมัดระวัง
พอเงยหน้าขึ้นลินลี่ย์จ้องดูบิดาของเขา
รู้สึกปั่นป่วนมาก “เลือดมังกรในตัวเราเข้มข้นพอไหม?
ทำไมบิดาถึงจ้องดูเข็มเลือดมังกรนานนักเล่า?” ลินลี่ย์รู้สึกสังหรณ์ไม่ดี
“เฮ้อ...”
ถอนหายใจเสร็จฮ็อกวางเข็มตรวจเลือดมังกรไว้ข้างหนึ่ง
ได้ยินเสียงบิดาถอนหายใจลินลี่ย์ที่กำลังกังวลใจก็รู้ว่าความเข้มข้นของเลือดมังกรในตัวเขายังไม่ถึงระดับ
น้ำตาเขาเริ่มไหลออกมา
“ลินลี่ย์, เจ้าร้องไห้ทำไม? อย่าร้องเลย,เป็นเด็กดีนะลูก, อย่าร้องเลย”
ฮ็อกกอดลินลี่ย์ทันที พอเห็นลินลี่ย์ร้องไห้ ฮ็อกรู้สึกไม่สบายใจ ที่สำคัญคือ
ลินลี่ย์ยังแค่หกขวบครึ่ง เขายังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง
“ข้าจะไม่ร้อง, ท่านพ่อ, ข้าจะไม่ร้อง”
ลินลี่ย์สูดลมหายใจสองครั้ง จากนั้นบังคับให้ตนเองใจเย็น “ท่านพ่อ! ข้าเสียใจ ข้าทำให้ท่านผิดหวัง”
พอได้ยินคำพูดของลินลี่ย์
ฮ็อกรู้สึกอบอุ่นใจ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่กอดลินลี่ย์ “ลินลี่ย์!อย่ารู้สึกแย่นักเลย
ข้าไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงนัก
เกินกว่าพันปีและผ่านมาหลายสิบรุ่นไม่มีผู้ใดกลายเป็นนักรบเลือดมังกรได้
ไม่สำคัญหรอกที่เจ้าทดสอบไม่ผ่าน พ่อไม่ตำหนิเจ้า”
พอรู้สึกอบอุ่นจากอ้อมอกบิดา
ลินลี่ย์ค่อยคลายตัวจากอ้อมกอดบิดา
พอถึงตอนนี้หนูน้อยวอร์ตันวัยสองขวบหลับอยู่ในอ้อมอกปู่แอชลี่ย์นานแล้ว
“ลินลี่ย์! มาถึงตอนนี้
ตระกูลบาลุคมีแค่เจ้าข้าและน้องชายของเจ้า ข้าไม่กล้าฝันเกินตัว ข้าไม่เคยกล้าฝันที่จะกลายเป็นนักรบเลือดมังกร”
ฮ็อกหัวเราะเยาะตัวเอง การเป็นนักรบเลือดมังการจะเป็นเรื่องง่ายไปได้อย่างไร?
ลินลี่ย์เงยหน้ามองบิดาของเขา
ความจริงนานๆครั้งลินลี่ย์ถึงจะบิดาของเขาพูดกับเขาด้วยท่าทีแบบนั้น
ปกติบิดาของเขามักจะเข้มงวดกวดขันมาก
พอมองดูแถวป้ายเซ่นดวงวิญญาณ
นัยน์ตาฮ็อกเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
“เป้าหมายที่แท้จริงของข้าคือเอาสมบัติตระกูลบาลุคกลับคืนมาและส่งต่อให้ทายาทรุ่นหลังต่อไป”
“สมบัติประจำตระกูลเราหรือ? มันคืออะไร? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?”
ลินลี่ย์ถามอย่างสงสัย
ฮ็อกพูดด้วยความภูมิใจ“สมบัติประจำตระกูลเราก็คือ
ดาบพิฆาต
นี่เป็นอาวุธที่ถูกใช้โดยผู้นำตระกูลบาลุคคนแรกสุดเป็นดาบของนักรบเลือดมังกรคนแรกของทวีปยูลาน
เนื่องจากทายาทของท่านอกตัญญู หกร้อยปีที่แล้ว
เพราะความยากจนลูกหลานที่ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยได้ขายอาวุธของบรรพบุรุษเราเพื่อต้องการเงิน”
ขณะที่เขาพูด
ฮ็อกเต็มไปด้วยความโกรธจัดจนร่างกายสั่น
พอเขาส่ายหน้าอย่างจนใจ
เขาพูดว่า “หลังจากนั้นทายาทรุ่นหลังทุกรุ่นพยายามเอาดาบพิฆาตกลับคืนมา
แต่หกร้อยปีแห่งความพยายาม ไม่มีใครทำได้สำเร็จ
ที่สำคัญเมื่อตอนที่เขาขายดาบพิฆาตไป มันมีราคา180,000 เหรียญทอง 180,000 เหรียญทอง เราไม่สามารถรวบรวมเงินได้ขนาดนั้น ถึงรวบรวมมาได้
เจ้าของปัจจุบันก็ไม่ยอมขายให้เรา”
ตระกูลเก่าแก่ของนักรบเลือดมังกรขายสมบัติประจำตระกูลตนออกไปจริงๆ
นี่เป็นเรื่องน่าอายอย่างหนึ่ง
เรื่องน่าอายของตระกูลนักรบเลือดมังกรที่เก่าแก่
ทายาททุกรุ่นพยายามหาหนทางในการนำดาบพิฆาตกลับมา
แต่หกร้อยปีแห่งความพยายาม ไม่เคยทำได้สำเร็จ
ในฐานะที่เป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันฮ็อกมีความต้องการนี้มาโดยตลอด
แต่ปัญหาทางการเงินของตระกูลอยู่ในสถานการณ์ลำบาก 180,000 เหรียญทอง?แม้ว่าพวกเขาจะขายคฤหาสน์และสมบัติทั้งหมด
พวกเขาไม่อาจจะรวบรวมเงินได้มากขนาดนั้น
สมบัติตระกูลหายไปนี่คือเรื่องน่าอับอายที่ยังค้างคาใจของฮ็อก
เขารู้สึกอับอายและทำอะไรไม่ได้และสามารถเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษได้
พอเห็นสีหน้าของบิดาของเขา
ลินลี่ย์ปลอบเขาว่า “ท่านพ่อ!อย่าลำบากใจเลย! ข้าสัญญาว่า
สักวันข้าจะเอาสมบัติประจำตระกูลกลับมายังคฤหาสน์เราให้ได้”
“เจ้าน่ะหรือ?” ฮ็อกหัวเราะเบาๆ
ดวงตาเต็มไปด้วยความรัก เขาลูบผมลินลี่ย์
ฮ็อกพูดในใจว่า“ลินลี่ย์
เจ้ารู้ไหม คำพูดที่เจ้าเพิ่งพูดออกมานี้ หลายปีก่อนนั้น
ข้าก็ได้พูดกับท่านปู่เจ้าเหมือนกัน”หกร้อยปีที่พยายาม มีแต่ความล้มเหลว
มันจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ อย่างไร? ที่สำคัญ คนที่ได้ดาบพิฆาต ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา
ทำไมพวกเขาถึงจะต้องยินดีขายด้วยเล่า
แม้ว่าพวกเขายินดีจะขาย
ตระกูลบาลุคที่เสื่อมโทรมจะมีปัญญาซื้อคืนมาได้อย่างไร?
“ท่านพ่อ, ท่านไม่เชื่อข้าหรือ?”พอเงยหน้าขึ้น ลินลี่ย์มองดูบิดาอย่างสงสัย
“ข้าเชื่อเจ้า, ข้าเชื่อเจ้า” ฮ็อกหัวเราะ
บิดาและบุตรกอดกันแนบแน่น
ในยุคนี้เหลือสมาชิกตระกูลเลือดมังกรอยู่เพียงสามคนเท่านั้นเมื่อไรตระกูลที่เสื่อมถอยนี้จะกลับคืนสู่ความรุ่งเรืองและมีเกียรติเล่า? ในตอนนี้ขณะอิงอยู่ในอ้อมอกบิดา
ลินลี่ย์กำหมัดแน่น...
4 ความคิดเห็น:
ขอบคุณคับ
แปลได้ดีมากค่ะ🌸😊
อ่านกี่ทีก็สนุก🌸😊
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น