ตอนที่ 250
เรียกว่าอาวุธจักรกลวิญญาณ
“ทำไมเจ้าถึงใช้วัสดุที่น่าเกลียดอย่างนั้น?” น้ำเสียงของม่อเหล่งเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
แววโกรธปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา สำหรับเขาแล้วการออกแบบที่โดดเด่นอย่างนี้
จะใช้วัสดุที่น่าเกลียดอย่างนั้นได้ยังไง?
เซรีนอธิบาย
“เมื่อพิจารณาถึงต้นทุนการผลิต ต้นทุนการผลิตของหิมะสายฟ้าอยู่ที่ 4.5
ล้านเหรียญดาว และวัสดุส่วนใหญ่เราใช้ทองดำ
มันมีมูลค่า 2.5 ล้านกับวัสดุอื่นๆ ที่มีมูลค่าประมาณ 2 ล้าน”
เพื่อปกป้องความลับของทองอีกาไว้
เซรีนจึงเปลี่ยนแปลงชื่อและเรียกว่าทองดำ ทำให้หลายๆ คนคาดเดาได้ยาก
“2 ล้านเหรียญดาว?” ม่อเหล่งลูบเคราและทำตาโตทันที
“เจ้าใช้เงินเพียงสองล้านเหรียญดาวสร้างตัวถังอาวุธจักรกลนี่นะ!”
ม่อเว่ยเทียนสนใจเรื่อง
‘ทองดำ’ ที่เซรีนใช้ทันที “ทองดำคืออะไร?”
“คือโลหะที่สามารถใช้แทนหยกวิญญาณได้” เซรีนเตรียมคำตอบไว้พร้อมอยู่แล้ว
“หยกวิญญาณ!” ม่อเหล่งถูกคำพูดของเซรีนดึงดูดความสนใจทันที
นัยน์ตาของเขาเป็นประกายสดใส
“อาวุธจักรกลนี่มีจิตวิญญาณพลังยุทธด้วยหรือ?”
“สายตาท่านดีจริงๆ!” เซรีนยกย่องม่อเหล่งไปหนึ่งประโยค
นางรู้วิธีคุยอย่างถูกคอกับปรมาจารย์ม่อเหล่ง
จึงคุยอย่างตรงไปตรงมาด้วยความมั่นใจ
“ข้ามักคิดอยู่เสมอว่าจะสร้างอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงได้อย่างไร
อาวุธจักรกลในรุ่นปัจจุบันนี้เมื่อเทียบกับยุครุ่งเรืองของสามกองทัพมหาอำนาจ ถือว่าตกต่ำมายาวนาน
อาวุธจักรกลในปัจจุบันของเราเมื่อเทียบกับอาวุธจักรกลในรุ่นยุคกองทัพดาวกางเขนใต้ยังห่างไกลกันมาก เป็นเพราะอะไร?”
คำพูดเหล่านี้แทงใจดำของม่อเหล่ง เขาได้รับยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์วิศวจักรกลและรู้ดีถึงภาวะตกต่ำของอาวุธจักรกลซึ่งเป็นการตกต่ำทั้งวงการ วิศวกรจักรกลทุกคนต่างกู่ร้องตะโกนว่าพวกเขาจะฟื้นฟูวิชาจักรกล
แต่จนกระทั่งบัดนี้พวกเขายังไม่เห็นวี่แววฟื้นฟูของอาวุธจักรกล
นอกจากอาวุธพลังสายเลือดที่น่าเกลียด
“เพราะยุคสมัยต่างกัน ในยุคสามกองทัพมหาอำนาจ
ระบบวิทยายุทธยังคลุมเครือไม่ชัดเจน
ความเข้าใจจิตวิญญาณพลังยุทธยังมีอยู่เพียงผิวเผินจึงต้องยืมพลังของเครื่องจักรกล
นั่นเป็นการเพิ่มพลังให้คนได้หลายเท่า
แต่ปัจจุบันนี้การเติบโตของระบบวิทยายุทธอยู่ในระดับสูง
การศึกษาค้นคว้าจิตวิญญาณพลังยุทธมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกคนฝึกหัดและฝึกฝนก็ยิ่งมีความสามารถมากขึ้น
มีความก้าวหน้ามากขึ้นและดื่มด่ำลึกในเรื่องพลังอำนาจ
แล้ววิศวกรจักรกลอย่างพวกเราเล่า?
เราเอาแต่จะรักษาของเก่าๆ
นึกถึงแต่อดีตอันรุ่งเรืองซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรา
มีแต่ปัจจุบันและอนาคตเท่านั้น ที่เราเปลี่ยนแปลงได้”
ไฟแห่งความคลั่งไคล้ลุกไหม้อยู่ในดวงตาของเซรีนเหมือนเพลิงกำลังสั่นระริก
“ดังนั้นเพื่อยุคสมัยของเรา
อาวุธจักรกลที่เราต้องการควรจะเป็นแบบไหน?
ทุกคนจะพูดกันว่ามันควรจะแข็งแกร่ง แต่อาวุธจักรกลแบบไหนจึงจะนับว่าแข็งแกร่ง?
ความเข้าใจของข้าก็คือ อาวุธจักรกลที่มีปัญญาพอคือเครื่องมือที่ฉลาดจะได้รับการต้อนรับยิ่งขึ้นในฐานะเครื่องมือที่แข็งแกร่ง”
“อาวุธจักรกลไม่ใช่เครื่องมือ!” ม่อเหล่งโต้แย้งอย่างไม่พอใจ
เซรีนไม่ต้องการถกเถียงเรื่องนั้นกับม่อเหล่ง
จึงถามตามตรง “ทำไมน่ะหรือ?
เพราะวิชาต่อสู้ในยุคปัจจุบันแข็งแกร่งมาก ด้วยวิทยายุทธรูปแบบต่างๆ
ทั้งหมด
นั้นสามารถตอบสนองความต้องการของคนได้
ถ้าพลังยังไม่พอ
ก็ยังมีสมบัติดวงดาวอีก
ดังนั้นอาวุธจักรกลของเราจะมีความสำเร็จอะไรได้? ความเข้าใจของข้าก็คือช่วย ช่วยฝึกหัดและฝึกฝน ช่วยต่อสู้ เราสามารถเพิ่มพลังโดยปลดปล่อยปราณแท้
เราสามารถให้นักสู้ใช้วิทยายุทธที่พวกเขาไม่เคยเรียนรู้มาก่อน
แต่ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องได้อาวุธจักรกลที่มีความฉลาดเพียงพอ
ที่คล่องแคล่วเพียงพอ
ถ้าไม่อย่างนั้นในยุคนี้ที่วิทยายุทธเฟื่องฟู อาวุธจักรกลก็ไม่มีที่ว่างให้ยืนหยัด”
เปาะแปะๆๆๆ!
ม่อเว่ยเทียนอดไม่ได้ที่จะปรบมือชื่นชม
“หลังจากผ่านมาหลายปี นั่นคือปาฐกถาที่ลึกซึ้งที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยิน และด้วยอรรถสาระนั้น
เจ้าสมควรได้รับยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์คนหนึ่งแล้ว”
เซรีนไม่มีการถ่อมตัวแต่อย่างใด นางเชิดหน้าที่งดงามอ่อนวัยด้วยท่าทีภูมิใจ
“ข้าเป็นปรมาจารย์คนหนึ่งอยู่แล้ว”
ม่อเว่ยเทียนและม่อเหล่งสั่นสะท้าน
ความหมายในคำพูดเหล่านั้นทำให้ทั้งสองต้องไตร่ตรอง
ม่อเว่ยเทียนกระพริบตา
แต่หัวเราะ “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าสองคนมาที่นี่อย่างเตรียมการไว้ ข้าคิดว่าเหตุที่พวกเจ้ามาที่นี่
คงไม่ได้มาพูดปาฐกถากระมัง”
เซรีนตอบอย่างไม่ปิดบัง “ถูกแล้ว
ข้ามาที่นี่เพื่อขายทองดำให้ตระกูลม่อ”
ม่อเว่ยเทียนผงะ
เขาไม่คิดเลยว่าพวกเขาสองคนจะมาที่นี่เพื่อขายทองดำ เขาพึมพำ “คำบรรยายของแม่นางเซรีนเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ หิมะสายฟ้าก็แข็งแกร่งมาก แต่ตระกูลม่อของเราไม่รู้เคล็ดการสร้างนี้...”
เซรีนกล่าวต่ออย่างไม่เห็นแก่ตัว “แน่นอน
เราเตรียมแบบพิมพ์เขียวหิมะสายฟ้ามาขายให้ตระกูลม่อด้วยเช่นกัน”
ทั้งม่อเว่ยเทียนและม่อเหล่งถึงกับสั่น ขณะที่ทั้งสองมองหน้ากันเอง
ม่อเว่ยเทียนเข้าใจภาษาสายตาของม่อเหล่งทันทีว่า อย่าลังเล เหมาให้หมด”
แต่ม่อเว่ยเทียนเป็นนักธุรกิจตัวยง
เขาไม่แสดงอารมณ์แต่อย่างใด
“แน่นอนว่าเราย่อมต้องการพิมพ์เขียวหิมะสายฟ้า...”
เซรีนตัดบทคำพูดของม่อเทียนทันที “ในมือของเรามีทองดำมูลค่าห้าพันล้าน
และสำหรับแบบของหิมะสายฟ้า เราจะไม่หยุดอยู่แค่ตระกูลของท่าน
เรายังวางแผนขายให้ตระกูลจาง, เผ่าบรอนซ์ เมืองหมอกเหล็กแห่งกลุ่มดาวเตาหลอมด้วย และยังมีตระกูลอื่นอีก”
ม่อเว่ยเทียนตาเหลือก ตระกูลจางคือตระกูลของจางจื่อม่อและตระกูลอื่นๆ
มีชื่อเสียงอำนาจทางด้านวิชาจักรกล
“เรามาที่ตระกูลม่อก่อน
เพราะเรามีความจริงใจต่อท่าน
ถ้าท่านเพิ่มต้นทุนการผลิตหิมะสายฟ้าเป็นหกล้านเหรียญดาว อย่างนั้นพลังรบของหิมะสายฟ้าก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
แบบพิมพ์เขียวของหิมะสายฟ้าออกแบบไว้อย่างสมบูรณ์เพื่อให้นักสู้ระดับหกใช้งานได้
ด้วยทองดำที่เรามีอยู่ ท่านสามารถสร้างหิมะสายฟ้าได้ถึงหนึ่งพันชุด”
หิมะสายฟ้าหนึ่งพันชุด
จำนวนขนาดนั้นทำให้ม่อเว่ยเทียนและม่อเหล่งสูดลมหายใจหนาวเหน็บ
ม่อเว่ยเทียนยืนยันและกล่าวโดยไม่ลังเลทันที “ทองดำมูลค่าห้าพันล้านเหรียญดาว เราต้องการทั้งหมด”
ถังเทียนกับเซรีนมองหน้ากัน
ทั้งสองดีใจแทบบ้า
“สำหรับแบบพิมพ์เขียวหิมะสายฟ้า ข้าขอที่ราคา
200 ล้าน!” ม่อเว่ยเทียนกล่าวเด็ดขาด
เซรีนตะลึง นางต้องการเพียงสิบล้านเหรียญดาวสำหรับพิมพ์เขียวหิมะสายฟ้า แม้ว่าแผนของนางจะโดดเด่น
แต่เส้นทางจิตวิญญาณพลังยุทธยังคงเป็นเรื่องที่ใหม่มาก แต่ตราบใดที่อาวุธจักรกลของนางเข้าสู้ตลาด จะมีการลอกเลียนแบบปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับปรมาจารย์วิศวกรจักรกล เคล็ดขั้นต่ำเหล่านั้น
ก็แค่เป็นคู่แข่งเล็กน้อยเท่านั้น
“แต่ข้ามีข้อขอร้องเรื่องหนึ่ง!” ม่อเว่ยเทียนพูดขึ้นตามตรง “ข้าต้องการเวลาหนึ่งปี! ภายในหนึ่งปี
เจ้าจะต้องไม่ขายของนี้ไม่ว่าในแง่มุมใดให้กับกลุ่มพลังอื่น”
เซรีนและถังเทียนตระหนักได้ทันที
ม่อเว่ยเทียนกำลังคิดจะฮุบทุกอย่างในช่วงเวลาหนึ่ง
อย่าดูแคลนช่วงระยะเวลาหนึ่งปี
ม่อเหล่งผู้เป็นปรมาจารย์วิศวจักรกลในตระกูลม่อ ถ้าเขามีวิชาจักรกลของเซรีนอยู่แล้ว พวกเขาสามารถปล่อยอาวุธจักรกลชนิดใหม่ในนามยี่ห้อของตนเองได้ 200 ล้านซื้อเวลาหนึ่งปี แม้แต่เซรีนเอง
นางก็ต้องยอมรับนับถือความละเอียดถี่ถ้วนของม่อเว่ยเทียน
“ตกลง!” เซรีนเห็นด้วย
5.2 พันล้านเหรียญ!
สำหรับถังเทียนและเซรีน
นั่นคือจำนวนเงินมหาศาลเพียงพอใช้ซื้อดาวห่างไกลได้
ถังเทียนกับเซรีนพูดไม่ออกเกี่ยวกับเงินทุนที่เข้มแข็งของตระกูลม่อ 5.2
พันล้านเหรียญดาว จำนวนเงินมหาศาลที่จ่ายได้อย่างไม่กระพริบตา
ตามข้อตกลงนี้
ไม่ว่าจะเป็นถังเทียนและเซรีนหรือม่อเว่ยเทียนและม่อเหล่งต่างก็ยิ้มอย่างมีความสุขด้วยกันทุกฝ่าย
ม่อเว่ยเทียนสามารถบอกได้ว่าเซรีนและถังเทียนไม่มีแผนจะขายในปริมาณมาก
เมื่อทั้งสองคนยื่นข้อเสนอขายทองดำ ม่อเหล่งเดินวนดูหิมะสายฟ้า
เขาก็ลุ่มหลงหิมะสายฟ้าทันที
ตอนนี้พอได้รู้ว่าหิมะสายฟ้ามีจิตวิญญาณพลังยุทธ เขาสามารถมองเห็นคุณค่าได้ทันที ในใจเขา
เขาอดประหลาดใจไม่ได้
เซรีนเองยังสงบใจเย็นทั้งที่นางเป็นระดับปรมาจารย์ เขาไม่เชื่อในตอนแรก แต่ตอนนี้ เขาไม่สงสัยต่อไปแล้ว
“พวกเจ้าไม่ได้ตั้งใจจะทำธุรกิจในการสร้างอาวุธจักรกลบ้างหรือ?” ม่อเว่ยเทียนเหลือบมองเซรีน ถ้าพวกเขาต้องการทำธุรกิจผลิตอาวุธจักรกลขาย
พวกเขาคงไม่ขายทองดำแน่นอน
เซรีนส่ายศีรษะ “เราไม่สนใจจะทำธุรกิจอะไร”
ม่อเว่ยเทียนไม่ถามอะไรต่อ ปรมาจารย์วิศวจักรกลจำนวนมาก
มีนิสัยชอบค้นคว้าพัฒนา และไม่สนใจในเรื่องโลกธุรกิจ
เขาตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“อาวุธจักรกลรูปแบบใหม่นี้ต่างจากอาวุธจักรกลรูปแบบเก่าอย่างสิ้นเชิง
ทำไมถึงไม่ตั้งชื่อใหม่เล่า?”
เซรีนคิดอยู่ชั่วขณะและกล่าว
“ทำไมเราไม่เรียกว่า อาวุธจักรกลวิญญาณเล่า”
“อาวุธจักรกลวิญญาณ.. อาวุธจักรกลวิญญาณ...”
ม่อเหล่งทวนชื่อ แล้วผงกศีรษะเห็นด้วย
“นั่นเป็นชื่อที่เหมาะดี”
ม่อเว่ยเทียนปรบมือ
“ดีแล้ว! อาวุธจักรกลวิญญาณ! นั่นเป็นชื่อที่ดี!”
ทันใดนั้น
มีเสียงดังขึ้นที่นอกประตู ทำให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน
ถังเทียนมาปรากฏตัวข้างเซรีนและผลักนางไปอยู่ด้านหลังของเขาเพื่อปกป้องนาง
แอ๊ดดดด
ประตูโกดังเปิดออก ในท่ามกลางแสงจัดที่ฉายเข้ามา ร่างๆ หนึ่งค่อยๆ
เดินมาหาพวกเขา
สีหน้าของม่อเว่ยเทียนดูไม่ดี ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างนอกถูกจ้างมาด้วยราคาแพง
แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาถูกคนๆ เดียวที่ไม่รู้ระดับพลังเอาชนะได้
แต่เมื่อเห็นลักษณะคนที่เข้ามา
ถังเทียนตกใจ
คนผู้นี้ตลอดทั้งตัวมีหญ้าปกคลุมทั้งตัวหนาแน่น
เผยให้เห็นแต่ดวงตาอำมหิตเท่านั้น
“หุ่นไล่กา มู่จื้อ!”
ม่อเว่ยเทียนตกใจ หน้าของเขาแตกตื่น สีหน้าขาวซีดทันที
“ประมุขตระกูลม่อสายตาดี” เสียงแหลมเล็กดังออกมาจากในหญ้า หญ้าหนาแน่นปกคลุมตัวเขาหมดจนดูเหมือนกับผม
“สบายใจได้ ข้าจะไม่ฆ่าท่านหรอก”
นัยน์ตาเขียวของหุ่นไล่กามองดูถังเทียนและเซรีนและพูดตามปกติ
“ข้าต้องการฆ่าสองคนนั้น”
ม่อเว่ยเทียนตะลึง แต่เขาฉลาดและคาดเดาได้ทันที “เจ้ามาจากกลุ่มอาวุธสายเลือดหรือ?”
“รู้มากเกินไปก็ไม่ดีนะ ประมุขตระกูล” หุ่นไล่กาเตือนเขาช้าๆ
“นี่คือเมืองม่อเฉิง! เจ้ากล้าดียังไงมาฆ่าอาคันตุกะของข้าต่อหน้าข้า! วิเศษ
นี่คือวิธีทำงานของกลุ่มอาวุธสายเลือดหรือ?”
ม่อเว่ยเทียนเสียงเข้ม
“ถูกแล้ว
นี่คือวิธีทำงานของกลุ่มอาวุธพลังสายเลือด”
หุ่นไล่กาไม่ได้รำคาญขณะที่หญ้าหนากระพือตามสายลม
สีหน้าของม่อเว่ยเทียนเปลี่ยน
หุ่นไล่กาจงใจปล่อยเขา นี่คือการเชือดไก่ให้ลิงดู
“เขาดูแปลกมาก!”
ขณะที่ม่อเว่ยเทียนกำลังเค้นสมองคิดหาวิธีปกป้องคนทั้งสอง
ถังเทียนพูดออกมาโดยไม่คิดทำให้เขาตะลึง
เจ้าบ้านี่ในเวลาอย่างนี้ ยังกล้ายั่วศัตรูอีกหรือ...
“หุ่นไล่กามู่จื้อ ทำเนียบสวรรค์วิถี 9856
หรือว่า 9853 กันแน่? ถังเทียนลูบหน้าผาก
หน้าของเขายังดูสับสน
“หืม?”
หุ่นไล่กาตะลึง เท้าที่ก้าวหยุดอยู่กับที่
คู่ต่อสู้รู้จักเขา
หุ่นไล่กาเงยหน้ามองดูถังเทียนที่ยังดูมีหน้างุนงง
แต่ไม่มีวี่แววกลัวเลย
ม่านตาของเขาขยายตัวทันใด
ในทันใดนั้นเอง ถังเทียนหัวเราะลั่น จนเห็นฟันขาวและพูดโดยไม่ต้องคิด
“หลังจากเอาชนะเจ้าได้ อันดับของข้าอาจเพิ่มขึ้นก็ได้
*********************
7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ แต่ค้าง อะ
แหม มองข้ามไปตอนชนะแล้ว๕๕๕. ขอบคุณครับ
ลงจากหุ่นแล้วไปตบมันเลยย
ขอบคุณครับ เป็นกำลังให้กับผู้แปลทุกๆท่านครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น