วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 253 รวยซะอย่าง

ตอนที่  253  รวยซะอย่าง

เมื่อถังเทียนแบกร่างบุรุษประหลาดที่มีหญ้าปกคลุมไปทั้งตัวเดินออกไป หลิ่วย่าจือและท่านจางถึงกับสีหน้าเปลี่ยน และทั้งสองคนตกใจร้องออกมาพร้อมกัน
  
“หุ่นไล่กา!
 “ผู้อาวุโสหุ่นไล่กา!
หน้าของท่านจางมองดูเหมือนคนกำลังจะตาย ริมฝีปากสั่นเทิ้ม เหมือนกับว่าเขาทรมานจากอาการถูกทุบศีรษะ  โลกกลับตาลปัตร เลือดของเขาเดือดและขาอ่อน
เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง?
หลังจากนั้นเป็นเวลานานสายตาของเขาจึงกลับมามั่นคง  อย่างไรก็ตามเขายังคงมองเห็นจุดเงามืด และรู้สึกว่าความตายกำลังมาเยือนอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกทั้งหมดของเขารวมเป็นความคิดเดียว  ข้าทำมันลงไปแล้ว
ข้าทำทุกอย่างพังหมดแล้ว
หุ่นไล่กาคือคนที่องค์การให้การยอมรับมาก และเขามีตำแหน่งที่สูงส่งในองค์การ  ถ้าภารกิจไม่จำเป็นต่อองค์การ ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกหุ่นไล่กา  ภารกิจล้มเหลวสิ้นเชิงและเขารู้สึกเศร้าขณะมองดูพื้นอย่างเศร้าสร้อย เขาเป็นคนติดต่อเรียกหาหุ่นไล่กาเองและเขาต้องรับผิดชอบต่อภารกิจ  เขาต้องรับผิดชอบเรื่องที่เขาเริ่มก่อขึ้นไว้  ก่อนหน้านั้นเขาก็ล้มเหลวในทำนองเดียวกันที่ทำให้ถังเทียนสนิทกับตระกูลม่อ
เขามักมีความภูมิใจอยู่เสมอ และคิดว่าสติปัญญาของเขาอยู่เหนือคนอื่น ใครจะคาดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้...
เมื่อเขาคิดถึงเรื่องการลงโทษที่เขาจะได้รับเมื่อเขากลับไปที่องค์การ เขาสั่นและถูกความกลัวครอบงำ
เมื่อถังเทียนและคนตระกูลม่อเดินเรียงแถวออกมาผ่านผู้ที่ชมดูทั้งในมุมมืดและที่สว่าง  ม่อเว่ยเทียนเห็นผู้คุ้มกันล้มอยู่ที่หน้าประตูทำให้รู้สึกโกรธ  ผู้คุ้มกันที่เขาจ่ายค่าจ้างสูงลิ่วพ่ายแพ้กันหมด สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นเรื่องอัปยศอย่างมาก
ม่อเว่ยเทียนกำหมัดแน่น
ถังเทียนเดินไปที่คานไม้ที่มัดคนของม่อลิ่ว  และกวาดมือออกทุกอย่างก็ร่วงลงมา  พวกเขาเห็นประมุขตระกูลอยู่ที่นั่นด้วย  พวกเขาเป็นแค่อันธพาลเร่ร่อนตามถนน  ตอนนี้หน้าของทุกคนซีดไร้สีเลือด  พวกเขาสั่นเป็นใบไม้และได้แต่ก้มหน้านิ่ง
ม่อเว่ยเทียนเงยหน้าหัวเราะแล้วกล่าว “คุณชายสายฟ้าจะจัดการกับคนพวกนี้ยังไงดี?”
ม่อลิ่วหวาดกลัวอย่างหนัก
 “ไม่ต่อยตีกันก็ไม่รู้จักกัน  ถือว่าพวกเขาไม่รู้เรื่อง ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”  ถังเทียนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
ม่อเว่ยเทียนทำสีหน้าดุดันและกล่าวกับม่อลิ่ว  “เนื่องจากคุณชายสายฟ้าแก้ต่างให้เจ้า เจ้าจึงไม่ต้องตาย ทีนี้ไสหัวไปจากนี่ได้แล้ว”
คนของม่อลิ่วที่ร่อแร่เจียนตายเผ่นหนีไปอย่างน่าสงสาร
เซรีนประหลาดใจเล็กน้อย ที่สำคัญถังเทียนไม่ใช่คนที่ใจกว้างอย่างนั้น แต่ก็ไม่ถึงกับเจ้าคิดเจ้าแค้นมิใช่หรือ?  ในตอนนี้นางเห็นถังเทียนมัดหุ่นไล่กาด้วยด้ายเล็ก เขาพยายามจะแขวนหุ่นไล่กาด้วยสิ่งนั้นหรือนี่?
เซรีนหัวใจเต้นแรง นางรีบทักท้วง “เจ้าทำแบบนี้มันไม่ดีนะ”
ถังเทียนไม่ได้แม้แต่จะสะดุ้ง  “ข้าทำไม่ดียังไง? เจ้าพยายามจะแสดงมนุษยธรรมหรือ?  เลิกฝันเถอะ ถ้าเขาไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าข้า  มีหรือที่ข้าจะฆ่าเขา!
เซรีนหยุดพูด  นางคิดว่าการฆ่าศัตรูที่น่ากลัวของพวกเขา อีกฝ่ายจะไม่กล้ากลับมาเมื่อต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่  สำหรับถังเทียน.. เขาเป็นคนบ้าที่ไม่เคยปล่อยวางความแค้น
จู่ๆ ถังเทียนหันมาทางม่อเว่ยเทียนและกล่าว  “พวกท่านกลัวหรือเปล่า?”
มีแววกร้าวฉายผ่านนัยน์ตาของม่อเว่ยเทียน  เขาตอบ “กลัว? แค่กลุ่มเพียงกลุ่มเดียวอย่างกลุ่มอาวุธพลังสายเลือดยังจะกล้าท้าทายเราหรือ?  ถ้าเราต้องกล้ำกลืนเรื่องอย่างนี้ คงเป็นการสร้างความอัปยศให้กับบรรพบุรุษเราแน่”
เขาชะงักและมีสีหน้าผ่อนคลาย  “นี่คือโลกใบใหญ่ที่เราอาศัยอยู่ มีคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากมายและทุกคนชอบเหรียญดาว  ข้าได้เตรียมเงินไว้ห้าร้อยล้านเหรียญดาวแล้ว ข้ามั่นใจพอว่าสามารถสร้างความลำบากให้กับเขาแน่”
 “ห้าร้อยล้านเหรียญดาว!” ถังเทียนนัยน์ตาเบิกกว้าง,  เป็นเรื่องปกติของคนรวย
เป็นความจริงที่ว่าตระกูลเก่าแก่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งย้อนหลังไปนาน เมื่อคิดถึงว่าคนผู้หนึ่งใช้เงินยี่สิบห้าล้าน  เมื่อเทียบกับม่อเว่ยเทียนดูเหมือนจะเป็นจำนวนเล็กน้อย  อย่างไรก็ตาม เขาคิดถึงเรื่องที่อู่กวงเคยพูดไว้  เขาบอกว่า “ข้ารู้จักคนผู้หนึ่งมานานแล้ว และระดับความสามารถของเขายากปฏิเสธได้จริงๆ”
ม่อเทียนเว่ยเป็นผู้ที่รอบรู้ เขาเตรียมทุ่มห้าร้อยล้านเหรียญเพื่อรับมือสังหาร  แต่ข้อเสนอแนะของถังเทียนดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีกว่า  เขาไม่กลัวการใช้จ่ายเงิน  แต่เขารู้ว่าเขาจะต้องได้คนน่ากลัวมาอย่างช่วยไม่ได้  ด้วยความช่วยเหลือของถังเทียน  เขาสามารถทำเงินได้อย่างคุ้มค่าและขณะเดียวกันก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาไปด้วย
เบื้องหลังของเขาเป็นที่น่าประหลาดจริงๆ
เขารีบพูดว่า “ถ้าได้ความช่วยเหลือจากเจ้าก็นับว่าเยี่ยม เราเจรจาต่อรองราคากันได้เสมอ”
ถังเทียนกล่าวพร้อมกับกล่าว “ไว้ข้าค่อยขอวันหลัง”
เขายกร่างของหุ่นไล่กามัดกับคานไม้แล้วแบก  หุ่นไล่กาหันหน้าลงพื้นในตอนแรก และไม่มีใครเห็นเขาได้ชัด  ตอนนี้เขาถูกแขวนกลางอากาศทำให้ทุกคนเห็นเขาได้ชัด
มีเสียงร้องประหลาดใจไปทั่วทุกมุม
 “หุ่นไล่กา!
 “นั่นคือหุ่นไล่กามู่จื้อ!
 “นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี!
….

คนที่ชมดูอยู่ในสภาพสับสน  นักสู้ที่มีชื่อในทำเนียบสวรรค์วิถีตายจริงๆ!   ข่าวยังไม่ลงตัว  นักสู้สายจักรกลเป็นกลุ่มวงการเล็กๆ  แต่นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี อยู่ในวงการที่ทรงอิทธิพล  พวกเขาทุกคนมีสถานะและได้รับการชื่นชม
ความตายของนักสู้สวรรค์วิถีเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาจริงๆ
ทุกคนจ้องดูอย่างมึนงง  และอยู่ในสภาพสับสนกันหมด
เมื่อเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นในเมืองม่อเฉิง ถือเป็นเรื่องใหญ่ และส่งผลกระทบมากมาย
ใครฆ่าหุ่นไล่กามู่จื้อ?
สำหรับพวกที่เพิ่งหายสับสน  พวกเขามีความคิดอย่างหนึ่ง  ใครก็ตามที่ฆ่านักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีได้ก็ต้องน่ากลัวเช่นกัน
ทุกคนให้ความสนใจถังเทียน
เป็นไปได้หรือว่า เด็กอายุสิบหก สิบเจ็ดปีผู้นี้จะเป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี?
นั่น... เหลือเชื่อเกินไปแล้ว
เมื่อคิดดูอีกที  หิมะสายฟ้าได้ทำลายสถิติก่อนหน้านี้ จากนั้นทุกคนจึงได้ตระหนักว่า ใช่แล้ว ถ้าเขาไม่ใช่นักสู้สวรรค์วิถี แล้วเขาจะได้ผลการทดสอบเช่นนั้นได้อย่างไร?
ตรงกันข้าม ท่านจางมีท่าทางพ่ายแพ้กลับตะลึงมองภาพถังเทียนแบกศพหุ่นไล่กา
ม่อเว่ยเทียนยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่พยายามห้ามปรามอะไร เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ร่วมมือกับใครก็ตามที่ทำงานล้มเหลว เขาสูญเสียนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีและยังสร้างความขุ่นเคืองให้อีกฝ่าย เขาได้สร้างศัตรูให้องค์การ  เขาอยู่ในองค์การแต่กลับสร้างเรื่องอัปยศต่อหน้าทุกคน..
ท่านจางรู้สึกเจ็บแปลบปลาบในอก เขากระอักโลหิตและล้มลงหมดสติ
หลิ่วย่าจือร้องด้วยความประหลาดใจ  “ท่านจาง,  ท่านจาง”
เขาเขย่าตัวท่านจาง  อย่างไรก็ตามเขายิ่งตกใจหนักเมื่อพบว่าท่านจางตายเสียแล้ว
ตระกูลม่อต้อนรับถังเทียนและเซรีนอย่างเป็นทางการที่สุด  ทั่วทั้งตระกูลพอรู้ว่าถังเทียนเป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี ก็ยิ่งเพิ่มความเคารพและยำเกรงเขา
ทันทีที่เซรีนก้าวเข้าไปในบ้านตระกูลม่อ  นางรีบเดินไปดูอาวุธจักรกลของพวกเขา  ม่อเว่ยเทียนพาถังเทียนเดินชมรอบๆ บ้าน  อาวุธจักรกลไม่ได้มีมาตรฐานที่สูงนัก  แต่พวกเขาสร้างออกมาได้ดีมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถังเทียนสนใจก็คือสนามฝึกฝน
ศิษย์ตระกูลม่อหลายคนได้รับการฝึกฝนวิธีใช้อาวุธจักรกลและมีเครื่องมือที่ทันสมัยที่ถังเทียนเห็นแล้วยังทึ่ง
ม่อเว่ยเทียนเห็นถังเทียนให้ความสนใจในการฝึกฝนนักสู้สายจักรกล และคิดถึงเคล็ดการต่อสู้ของถังเทียน  เขาถาม  “วิธีการใช้อาวุธจักรกลในการต่อสู้ของเจ้าน่าสนใจ ขอถามได้ไหมเจ้าเรียนมาจากไหน?”
ถังเทียนพยักหน้าตอบ  “เป็นลุงคนหนึ่งสอนข้า”
ม่อเว่ยเทียนตอบโดยไม่เสียบุคลิก  “ดูเหมือนว่าลุงท่านนี้จะมีความสามารถสูงส่งสินะ ถึงได้สามารถอบรมเจ้าจนได้เป็นนักสู้สวรรค์วิถี”
ถังเทียนตอบอย่างไม่ลังล “เขาน่าจะเป็นนักสู้สายจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้แล้ว”
พูดถึงเรื่องการใช้อาวุธจักรกล  ถังเทียนไม่เคยเห็นใครดีกว่าปิง  ยิ่งกว่านั้นในยุคนี้ซึ่งอาวุธจักรกลพัฒนาไปมาก และการเป็นระดับหัวหน้าในกองทัพดาวกางเขนใต้  เขานับว่าแข็งแกร่งในยุคนี้นับว่าเหมาะสมแล้ว
ความคิดของถังเทียนนั้นเรียบง่าย
ม่อเว่ยเทียนลิงโลดอยู่ในใจ  เขาตกใจกับคำตอบของถังเทียน
นักสู้สายจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้!
ถ้าไม่ใช่เพราะถังเทียนพูด เขาคงให้คนตบสั่งสอนแน่ ใครจะบ้าพออ้างว่าเป็นนักสู้สายจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคนี้? อย่างไรก็ตาม ถังเทียนที่เป็นคนกล่าว พูดได้ไม่ลังเลใจสักนิด และนี่ก็พิสูจน์ได้ถึงสิ่งที่เขาคิดไว้จริงๆ
เขาไม่อาจค้นพบได้ว่า นักสู้สายจักรกลแบบไหนถึงได้ห้าวหาญมากขนาดนั้น?
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้สงสัยสิ่งที่ถังเทียนพูด เขารู้ว่าถังเทียนเป็นคนยังไง  ถังเทียนเป็นคนที่ซื่อตรง พูดไม่เกินจริง
ทันใดนั้น ม่อเว่ยเทียนมีความคิดอย่างหนึ่ง เขากระแอม และคำนับถังเทียน “ข้ามีบางเรื่องอยากจะขอร้องท่าน”
ถังเทียนตกใจกับพฤติกรรมของม่อเว่ยเทียน  “มีเรื่องอะไรหรือ?”
ม่อเว่ยเทียนกล่าว “ตระกูลม่อสามารถได้รับทักษะของเซรีน  ดังนั้นมาตรฐานอาวุธจักรกลก็จะสูงตามขึ้นไปด้วย  อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีอาวุธที่ดีที่สุด แต่ก็ต้องการคนควบคุมมัน ศิษย์ในตระกูลเรายังควบคุมันไม่ได้  ข้าอยากจะขอลุงที่ท่านพูดถึง ช่วยแบ่งปันความรู้ให้ศิษย์สำนักเราด้วย”
 “เอ่อ..”  ถังเทียนลังเล
ม่อเว่ยเทียนรีบกล่าว  “โปรดมั่นใจเถอะว่า เรายินดีจ่ายด้วยราคาที่เหมาะสมกับเขา ร้อยล้านเหรียญต่อคนเป็นยังไง?”
เขารู้ว่าถังเทียนกำลังอารมณ์ดีมาก จะทำให้เขาตื่นเต้น เหรียญดาวเป็นสิ่งสำคัญ
ถังเทียนชะงักและเขามีความคิดอย่างหนึ่ง ตระกูลม่อร่ำรวยขนาดไหนกันแน่? เขามีเงินสำรองมากมายเหลือเฟืออย่างนั้นหรือ?
 “ศิษย์สองคน” ม่อเว่ยเทียนกล่าวต่อ  “ถ้าท่านปรมาจารย์สามารถสอนได้มากกว่านั้น ก็นับว่ายอดเยี่ยม”
ถังเทียนต้องใช้พลังใจทั้งหมดหักห้ามใจไม่ให้รับปากเขา  เขากลืนน้ำลาย และกล่าวอย่างยากเย็น “เอ่อ.. ข้าต้องขอไปคุยกับลุงข้าก่อน”
 “ไม่มีปัญหา โปรดพูดส่งเสริมข้าด้วย”  ม่อเว่ยเทียนพูดต่อ  “ถ้าปรมาจารย์ท่านนั้นไม่พอใจกับราคา  โปรดบอกข้าได้ตามความรู้สึก ไม่ต้องเกรงใจ”
เมื่อเห็นทัศนคติที่ม่อเว่ยเทียนเปิดโอกาสให้ได้เปรียบ  ถังเทียนอดคิดไม่ว่า ดูเหมือนว่าเขาคงเห็นโลกมาน้อย  พวกคนรวยมีพฤติกรรมแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า?
 

3 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น