วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอน 557 น้ำยาเยาว์วัย



ตอน  557  น้ำยาเยาว์วัย

เย่ว์หยางเดินเข้ามาหาและค่อยดึงเย่คงออก
เย่คงสั่นไปทั้งตัว

เขาโถมตัวเข้าหาเจ้าอ้วนไห่ที่ดูใกล้จะตายและหยุดเย่ว์หยางพลางอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “รออีกสักชั่วโมงเถอะ  ชั่วโมงนี้สำคัญมาก”
 “เขาหมดสติไปห้านาทีแล้ว  ถ้าเราไม่ทำอะไร ร่างของเขาจะระเบิด”  เย่ว์หยางปฏิเสธเขา
 “รออีกชั่วโมงหนึ่งเถอะ  เขาจะต้องอดทนผ่านไปได้แน่นอน  เขาจะทำได้ เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าอ้วนนี่จะตายกันง่ายๆ แบบนี้?  ลมหายใจของเขาเคยหยุดไปถึงสองสามครั้ง  แต่เขาก็ยังมีชีวิตรอดได้ในที่สุด  ตอนนี้ เขาจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างแน่นอน”  เย่คงขอร้องอย่างน่าสงสารอีกครั้ง หวังว่าเย่ว์หยางจะให้โอกาสเจ้าอ้วนไห่อีกครั้ง  เขาไม่ต้องการให้เจ้าอ้วนไห่ยอมแพ้จริงๆ ชั่วโมงเดียวนี้สำคัญสุดยอด  ไม่สิ ถ้าเพียงแต่เจ้าอ้วนไห่อดทนผ่านไปได้อีกห้าสิบนาที เขาจะมีศักยภาพของนักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่ง  ความแตกต่างระหว่างนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบและนักสู้ปราณฟ้านั้นมีมากเหลือเกิน
ความแตกต่างนี้ไม่ด้อยไปกว่าความแตกต่างระหว่างหอทงเทียนกับแดนสวรรค์
นักรบในหอทงเทียนที่สักวันอาจจะบรรลุถึงปราณก่อกำเนิดระดับสิบ
อย่างไรก็ตาม หลายพันปีที่ผ่านมานี้ คนที่บรรลุถึงระดับปราณฟ้าด้วยพลังตนเองมีแต่เพียงจื้อจุน จักรพรรดินีราตรี จักรพรรดิมังกรและมารสัมฤทธิ์ฟ้า  แม้แต่มารกฎฟ้าก็ยังถึงระดับปราณฟ้าได้ด้วยความช่วยเหลือของเย่ว์หยาง  หอทงเทียนเต็มไปด้วยนักรบและอัจฉริยะแข็งแกร่งนับไม่ถ้วน  ตัวอย่างเช่น จักรพรรดิฟ้า, จักรพรรดิสมุทร, จักรพรรดิใต้พิภพในปัจจุบัน, จอมปีศาจบารุธและผู้เฒ่าหนานกง  พวกเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสูงที่ถ่วงดุลอำนาจกันและกัน  แต่พวกเขายังคงห่างจากระดับปราณฟ้า
เย่คงตบหน้าเจ้าอ้วนไห่อย่างแรงหลายครั้งต่อเนื่อง เผียะ, เผียะ, เผียะ.............
เขาด่าไปตบไป “เจ้าหมูอ้วนงี่เง่า! ตื่นได้แล้ว!  เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเจ้าต้องการสู้กับข้า?  ข้าคงไม่ถึงระดับปราณฟ้าแน่นอน  ถ้าเจ้าเอาแต่หลับตอนนี้ ข้าจะเหยียบย่ำเจ้าไว้ใต้เท้าข้าในอนาคตแน่!  หมูอ้วนงี่เง่า, ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ข้าเหยียบย่ำเจ้า ก็ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้, แล้ว ทนต่อไป, ข้าต้องการให้เจ้าอดทนต่อไป!
เจ้าอ้วนไห่กระตุกเล็กน้อย  เหมือนกับแสดงสัญญาณบางอย่างว่าจะตื่นขึ้น
ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาพากันร้องเรียกชื่อของเขาทุกคน  ทุกคนหวังว่าเจ้าอ้วนไห่จะตื่นขึ้นและอดทนได้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากอยู่ในภาวะกึ่งสลบอยู่สิบนาที ร่างของเจ้าอ้วนไห่ก็สลบไปอีกครั้ง ไม่ว่าเย่คงจะตะโกนหรือตบตีเจ้าอ้วนไห่ยังไงก็ตามก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เจ้าอ้วนไห่อดทนมาถึงขีดจำกัดของตนแล้ว เขาไม่เหลือพลังอีกต่อไปแล้ว
เย่ว์หยางเอาตัวเจ้าอ้วนไห่ออกไปโดยไม่พูดอะไร
เย่คงมองดูอย่างช่วยไม่ได้
เขารู้สึกอ่อนแรงขณะทรุดตัวลงกับพื้น
หลังจากผ่านไปนาน เขาตบพื้นอย่างแรง  “โธ่เว้ย, เขาต้องการแค่อีกครึ่งชั่วโมงเท่านั้น....”
ในท่ามกลางฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย ใบหน้าเลือนรางที่เปื้อนน้ำตาของเย่คงค่อยๆ ปรากฏ  อย่างไรก็ตาม เมื่อเขายืนขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดและจริงจังกำหมัดแน่น “ข้าจะต้องถึงระดับปราณฟ้าได้แน่นอน ก่อนนั้นข้าเป็นแค่คนขี้แพ้ อ่อนแอน่าสมเพช  แต่ตอนนี้ข้าได้รับโอกาสแล้ว ข้าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง, ไม่อย่างแน่นอน”
ถึงตอนนี้ แม้แต่เสวี่ยทันหลางก็ยังมองหน้าเย่คงด้วยสีหน้าที่ต่างไปจากแต่ก่อน
ทั้งนี้เนื่องจากร่างของเย่คงมีราศีของผู้ชนะเปล่งออกมา ร่างที่ผอมสูงของเขาปรากฏเหมือนกับบรรพตศิลาที่มั่นคง
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนมองหน้ากันเองและพยักหน้าให้กัน  เจ้าเมืองโล่วฮัวส่งสัญญาณมือ และเมื่อเย่ปิงเห็นดังนั้น นางพยักหน้าอย่างมีความสุขถือขวดสองใบออกมาจากในบ้าน
ขวดทั้งสองใบนี้เป็นขวดแก้วเหมือนกับที่เย่ว์หยางเพิ่งใช้ไปก่อนหน้านี้  แต่สิ่งที่บรรจุอยู่ข้างในไม่ใช่เลือดของจ้าวอสูรอีกต่อไป
เมื่อเย่ว์ปิงส่งให้เย่คง  เขาทำหน้างงอยู่ชั่วขณะ  “นี่คืออะไร?  ให้ข้าหรือ?”
 “พี่สามใช้ความพยายามมากมายเพื่อปรุงยานี้ ยานี้เรียกกันว่า น้ำยาเยาว์วัย  เย่ว์ปิงพยักหน้ากล่าวด้วยความภูมิใจพลางส่งขวดยาให้เย่คงใบหนึ่ง  จากนั้นนางพูดกับพี่น้องตระกูลหลี่  “อีกใบหนึ่งสำหรับพวกท่าน”
 “น้ำยาเยาว์วัย?”  หลี่ชิวและหลี่เกอสับสนงุนงง
 “พี่สามบอกว่าน้ำยาเยาว์วัยนี้จะช่วยให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพตอนอายุสิบแปดปีชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งวัน  พี่ชายใช้หญ้ากาลเวลา, ดอกดวงดาวและน้ำพุย้อนอายุที่เขาพบจากโลกคัมภีร์ของเฮยหู  เขายังคงเพิ่มส่วนผสมอย่างน้ำค้างทิพย์ ฯลฯ ตอนนี้เขาปรุงได้เพียงสองขวด”  เมื่อเย่ว์ปิงอธิบาย  ทุกคนเข้าใจทันที
ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ!
เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ไม่เคยได้ทำสัญญากับคัมภีร์มาก่อน  นั่นคือความเสียใจใหญ่ในชีวิตของพวกเขาเสมอ
น้ำยาเยาว์วัยนี้จะช่วยให้พวกเขากลับไปอยู่ในสภาพอายุสิบแปดปี  นี่คือของขวัญที่เย่ว์หยางมอบให้เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่
แม้ว่าเย่ว์หยางไม่รู้ว่าเย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่จะสามารถทำสัญญากับคัมภีร์หลังจากดื่มน้ำยาเยาว์วัยได้หรือไม่ก็ตาม  แต่นี่คือสิ่งดีที่สุดที่เย่ว์หยางสามารถทำให้พวกเขาได้  ไม่จำเป็นต้องคิดมาก  ทุกคนรู้ว่าหญ้ากาลเวลา, ดอกดวงดาวและน้ำพุย้อนเวลามีค่ามากเพียงไหน  ไม่จำเป็นต้องคาดเดา  ทุกคนรู้ว่าการปรุงน้ำยาเยาว์วัยยากเย็นเพียงไหน  เหตุที่เย่ว์หยางไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนไม่ใช่เพราะเขาไม่ยินดีช่วยเย่คงและคนอื่นๆ  เขาก็แค่ยังไม่พบวิธีปรุงและไม่ต้องการให้ที่สัญญาที่เลื่อนลอย  ไม่ใช่เฉพาะเย่คงเท่านั้น  แต่ทุกคนรู้ว่าเย่ว์หยางเป็นคนเช่นไร  พวกเขาไม่อาจประมวลเป็นคำพูดได้  แต่ทุกคนรู้ว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์นี้คือคนที่คู่ควรให้พวกเขาติดตามและสาบานว่าจะภักดีตลอดไป
 “ใช่แล้ว, นี่คือน้ำยาเยาว์วัย  เขาบอกข้ามาก่อนว่า เขาจะให้ข้า”  เย่คงริมฝีปากสั่นบิดเบี้ยวเล็กน้อย  ความจริงเย่ว์หยางไม่เคยบอกเขาเลยว่าเขาจะปรุงน้ำยาเยาว์วัยให้เขา  แต่เย่คงจำได้ว่าเย่ว์หยางบอกเขาว่าเขาจะช่วยให้เขาทำสัญญากับคัมภีร์ให้ได้ไว้ก่อนแล้ว  เย่คงไม่เคยลืมคำพูดของเย่ว์หยาง  แม้ว่าดูเหมือนเป็นคำพูดที่แสดงความตั้งใจเท่านั้น  แต่คำพูดของเย่ว์หยางมีค่าและมีน้ำหนักดุจทอง!
เย่คงเปิดขวดและดื่มน้ำยาเยาว์วัยทั้งหมด
นัยน์ตาของเขาร้อนผ่าว
เย่คงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย  แต่สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเลย
ของเหลวลึกลับงวดลงอย่างรวดเร็ว ขวดว่างเปล่าเหลือแต่หยาดหยดติดอยู่ภายในขวด  แสงสีรุ้งหลากสีเริ่มกระจายออกจากในขวดที่เคยบรรจุน้ำยาเยาว์วัยมาก่อน
อีกด้านหนึ่ง พี่น้องตระกูลหลี่รับขวดแก้วด้วยมือที่สั่นเทา ผู้พี่มอบขวดน้ำยาให้ผู้น้อง  ขณะที่ผู้น้องส่งคืนให้ผู้พี่  สองที่น้องไม่อาจตัดใจดื่มน้ำยาเยาว์วัยได้  ในที่สุด หลี่ชิวกัดฟันและดื่มลงไปครึ่งขวด จากนั้นส่งน้ำยาอีกครึ่งขวดให้หลี่เกอ  ไม่ว่าสำเร็จหรือล้มเหลว สองพี่น้องจะร่วมเผชิญหน้ากับมัน.. ไม่ว่าน้ำยาครึ่งขวดจะใช้ได้ผลหรือไม่ก็ตาม  สำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขารู้สึกซาบซึ้งที่เย่ว์หยางปรุงน้ำยาเยาว์วัยให้พวกเขาแล้ว
ก่อนนั้นพวกเขาเกือบอดตายอยู่ที่ทางเข้าหอทงเทียน  ตอนนี้นอกจากมีโอกาสได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้ว  พวกเขายังมีโอกาสได้ทำสัญญากับคัมภีร์อีกด้วย
พวกเขายังจะต้องการอะไรอีก?
เย่ว์หยางทำให้พวกเขามามากพอแล้ว
เพียงแค่นี้ทุกคนก็ไม่สามารถตอบแทนเย่ว์หยางได้แล้ว  พวกเขาไม่สามารถช่วยเย่ว์หยางได้  ถ้าพวกเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอจะแบ่งเบาภาระของเย่ว์หยางในทวีปมังกรทะยานได้  เย่ว์หยางก็คงไปฝึกฝนในแดนสวรรค์ไปแล้ว
 “พี่เย่คง, นี่คือสิ่งที่พี่เสี่ยวซานเตรียมไว้ให้พวกท่าน”  เย่ว์ซวงถือคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดงสามเล่มอย่างอดทน  ครั้งนี้ เย่คงแทบจะขบริมฝีปากแน่น เขาไม่อาจอดกลั้นความรู้สึกได้อีกต่อไป เขาก้มลงกอดเย่ว์ซวงแน่น ในที่สุดเมื่อเย่ว์ซวงส่งคัมภีร์ให้เล่มหนึ่ง เขาหลั่งน้ำตาหยดรดคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดง
เขาจำได้ครั้งแรกเย่ว์หยางเทเลพอร์ตเข้าไปหอทงเทียนได้อย่างไร  เมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก  เย่ว์หยางเหยียบอยู่บนตัวเขา  เฮ้พี่ชาย, ลงไปจากตัวข้าก่อนได้ไหม?
เขาจำได้ถึงครั้งแรกที่เย่ว์หยางเลือกไข่อลเวงให้เขา  ข้าขอเดิมพันในครั้งนี้  คุณชายสาม, ข้า...ข้าเชื่อท่าน!
...วิวัฒนาการทำได้สำเร็จ มันคือ มันคือคิงคองปีศาจชั้นทองแดง!  คุณชายสาม ท่าน ท่านช่วยชีวิตข้าไว้แล้ว
เขาจำได้ถึงวิธีที่เย่ว์หยางพาทุกคนไปแดนอเวจีและสู้กับด้วงจอมพลัง  เป่ยเป่ย..เจ้าคุ้นเคยกับแมลงที่สุด เจ้ารู้ไหมนอกจากอากาศแล้ว ด้วงจอมพลังนี้มีอะไรเป็นจุดอ่อนอีก?
..ข้ารู้  ถ้าท่านจับตูดด้วงจอมพลัง มันจะคลานได้ไวขึ้น
...ลูกพี่ไห่, ทำไมเจ้าถึงไม่ทำเล่า? ไปจับตูดของมัน!
...พวกเจ้าต้องการทำสัญญากับลูกด้วงบ้างหรือเปล่า?  แม้ว่ามันจะไม่ใช่อสูรสำหรับรบ แต่พลังป้องกันของมันสูงสุดยอด  สามารถใช้ตัวมันเป็นโล่ป้องกันได้เป็นอย่างดี  พวกเจ้าต้องการไหม?  ถ้าไม่มีใครต้องการ ข้าจะฆ่ามันซะและเอาแก่นเวทออกมา  เร็วเข้า!  ด้วงจอมพลังนั่นจะกลับมาในไม่ช้า!
ความทรงจำในอดีตหลั่งไหลพรั่งพรูเหมือนสายน้ำไหลบ่า
น้ำตาเขาหลั่งไหลราวกับน้ำพุ
เย่คงแหงนมองฟ้าพลางส่งเสียงกู่ร้องยาวนาน
ในมือของเขา คัมภีร์อัญเชิญที่เขาถืออยู่ค่อยๆ เปล่งแสงเรืองรองเป็นแสงสีทองระเรื่อ  ในมือของเย่คงมีแสงสีทองฉายออกมาและสว่างขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป  ในที่สุดแสงทองเหมือนกับดวงอาทิตย์ฉายเป็นลำแสงจากศีรษะของเย่คงขึ้นสู่อากาศ  เป็นแสงที่สูงราวๆ ร้อยเมตรทำให้คนอื่นที่มองเห็น ไม่ว่าจะเป็นจุนอู๋โหย่วและอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าตะลึงมองปากอ้าค้าง  เย่คงผู้นี้มีศักยภาพที่แข็งแกร่งจริงๆ แม้ว่าเขาจะพลาดโอกาสทำสัญญากับคัมภีร์ แต่ด้วยโอกาสที่เย่ว์หยางมอบให้เขา น้ำยาเยาว์วัย  เจ้าผู้นี้ก็ยังดึงเอาศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่
เย่คงหลับตา
ช่างเหมือนฝันเสียเหลือเกิน  สีหน้าของเขาดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการตื่นขึ้น  ราวกับว่าเขากลัวว่าความฝันนี้จะสูญสลายหายไปและนั่นจะทำให้เขาสูญเสียสิ่งที่เป็นที่รักทุกอย่างเมื่อเขาตื่นขึ้น
ห่างจากเย่คงออกไปไม่กี่เมตร  พี่น้องตระกูลหลี่ทำสัญญาของพวกเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาไม่ได้ใช้คัมภีร์สองเล่ม  แต่พวกเขากับยื่นมือไปที่คัมภีร์อัญเชิญเล่มเดียว และทำบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์  คนสองคนทำสัญญากับคัมภีร์เล่มเดียวพร้อมกัน  สิ่งที่ทำให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าปากอ้าตาค้างก็คือพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ทำสำเร็จได้จริงๆ  แม้ว่าลำแสงของพวกเขาจะมิได้สูงไปกว่าเย่คง สูงเพียงยี่สิบสามสิบเมตรก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าผู้ทำสัญญาส่วนใหญ่
ทุกคนอดปรบมือโห่ร้องกับภาพเหตุการณ์นี้ไม่ได้
ขณะที่พี่น้องตระกูลหลี่ทำตามเย่คง ค่อยๆ หมอบคารวะเย่ว์หยางที่อยู่ภายในบ้าน
คัมภีร์อัญเชิญที่ลอยอยู่ต่อหน้าพวกเขาพลิกเปิดไปที่หน้าแรก  แสดงให้เห็นทักษะแฝงเร้นพิเศษของพวกเขา – ปกป้อง
ปกป้อง : เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานทักษะนี้ พวกเขาต้องมีเป้าหมายปกป้องเสียก่อน  ทักษะแฝงเร้นจะช่วยให้ปกป้องคุ้มครองเป้าหมายตามสัดส่วนความรู้สึกภักดีของผู้ใช้ที่มีต่อคนที่เป็นเป้าหมายปกป้อง ยิ่งมีความภักดีมาก ผู้ใช้ก็สามารถปกป้องได้มาก ดังนั้นพลังของพวกเขาจะขยายเพิ่มขึ้นอีก  ปัจจุบัน ระดับของทักษะคือ ระดับหนึ่ง
ด้านล่างทักษะแฝงเร้นมีคำอธิบายเพิ่ม  พวกเขาจะมีอสูรพิทักษ์เรียกว่า อัศวินปกป้อง เป็นอสูรร่างมนุษย์ชั้นทองแดง
หลังจากมองดูคัมภีร์อัญเชิญของพี่น้องตระกูลหลี่เสร็จแล้ว ทุกคนอดมารุมล้อมเย่คงไม่ได้  ทุกคนสงสัยมาก ทักษะแฝงเร้นและอสูรพิทักษ์ของเย่คงจะเป็นแบบไหน?  เย่คงลุกขึ้นแสดงท่าทางกับทุกคน  “โปรดรอข้าสักเดี๋ยว  ข้าจะแสดงให้พวกท่านเห็นเดี๋ยวนี้แหละ”  จากนั้นก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง  เขาคว้าขวดบรรจุเลือดจ้าวอสูรมาดื่มเต็มปาก
เขาเดินเข้าไปในบ้านที่เย่ว์หยางพยายามช่วยเหลือเจ้าอ้วนไห่อยู่
 “เจ้าอ้วน, ข้าก็มีคัมภีร์อัญเชิญเป็นของตัวเองแล้วในตอนนี้  อย่าตายเสียล่ะ, รอให้ข้าผ่านระดับปราณฟ้าเสียก่อน  ข้าจะได้อวดเจ้าได้  พวกเราคือสวะที่มักจะใช้ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ แต่ตราบใดที่เรามีโอกาส เราจะไม่ด้อยกว่าคนอื่น เจ้าต้องเข้าใจไว้ด้วย”  เย่คงพูดกับเจ้าอ้วนไห่ที่ยังคงหมดสติอยู่
แต่ก่อนนั้น ทุกคนเห็นเย่คงค่อยๆ เดินออกมานอกบ้าน
ร่างของเขาแดงดุจเลือด
ผิวในร่างเขาปริออก เหมือนกับว่าเขากำลังจะหลั่งเลือด
พื้นสั่นสะเทือนขณะที่เย่คงก้าวเดินไปแต่ละก้าว  อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ส่งเสียงร้องเหมือนอย่างเจ้าอ้วนไห่ แต่เขากลับเงียบแทน
หลังจากเดินออกไปราวๆ หนึ่งกิโลเมตรแล้ว เขาค่อยๆ นอนลงกับพื้น
หลังจากเรียกคิงคองปีศาจออกมาแล้วผสานร่างกับมัน เขาก็ปล่อยให้ร่างเขาขยายออก และกลายเป็นยักษ์ตนหนึ่ง....”
 

19 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

aloha777 กล่าวว่า...

สุ้เขาเย่คง นายต้องทำได้
ปราณฟ้าทีใครๆก็ได้แต่แหงนหน้ามอง จะมาอยุ่ในร่างของคนไร้ค่าที่เคยเกือบอดตาย สะใจพิลึก
ทั่วหอทงเทียนมีไม่ถึง5หัว แต่ละคนอายุก็นับพันปีมีชื่อเสียงก้องโลกกันทั้งนั้น หึหึ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chaidet076 กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
chaidet076 กล่าวว่า...

ขอบคุณมาก อินฝุดๆๆ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะคับ ค้างมากๆๆๆๆ

Unknown กล่าวว่า...

สุดยอดเย่คงลุยโลด

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Armataz กล่าวว่า...

เย่คง กับพี่น้องตระกูลหลี่ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญแล้วเรียกอสูรอัญเชิญมาผสานร่างได้ยังไงนะครับ นานมาก ลืมไปแล้ว >^<

Nopanser Kung กล่าวว่า...

โอ้...เย่ว์หยางในสายตาพวกเย่คงและพี่น้องหลี่นี่คงเปรียบดั่งพระเจ้าของตนเลยสินะ
ชาบูๆๆ ท่านเย่ว์หยาง

Sky กล่าวว่า...

เจ๋ง....สุดๆ! นี่ถึงกะกลับไปอ่านตอนพบกันครั้งแรกอีกรอบ เย่ว์หยางเจ๋งจริงๆ ต้นแบบความดีงามต่างๆ / เย่คงตอนนี้เท่ห์มากเลย สองพี่น้องหลี่ก็ทำเอาอึ้ง ดีใจจริงๆที่พวกนายมีคัมภีร์แล้ว ต่อจากนี้จะไม่ถูกทิ้งอยู่ข้างหลังแล้ว และจะมีชีวิตอีกยาวนานเช่นกัน ตอนนี้เป็นตอนที่ซึ้งมากอีกตอน 😄 ขอให้เย่คงขึ้นถึงชั้นฟ้าจริงๆนะ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Lucky กล่าวว่า...

ซึ้งมากกกกกกกก

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น