วันเสาร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 7-10 สถานการณ์เลวร้าย




ตอนที่  7-10  สถานการณ์เลวร้าย

 “ตุ้บ!” แต่ละครั้งที่หมีลายม่วงก้าวลงบนพื้นจะทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน  หมีลายม่วงนี้ไล่ตามติดเฉพาะลินลี่ย์เท่านั้น  ไม่ว่าลินลี่ย์วิ่งหนีไปที่ใดหมีลายม่วงก็จะไล่ตามติดตลอด  ขณะที่อุ้งเท้าหน้าขนาดมหึมาของมันพยายามเอื้อมตะปบเขา

 “โกรวววว!
เมื่อได้ยินเสียงคำรามที่คุ้นเคยของมังกรเหล่านั้น  ลินลี่ย์อดแหงนหน้ามองบนท้องฟ้าไม่ได้  สิ่งที่เขาเห็นทำให้จิตใจเขาตึงเครียด
บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยร่างมังกรขนาดมหึมานับไม่ถ้วน   ว่ากันในเรื่องจำนวน ในวันนี้ที่นี่มีจำนวนมากกว่าเมื่อครั้งที่เขาเห็นที่หุบเขาสายหมอก  นอกจากนี้ภายในฝูงมังกรเหล่านั้น ยังมีมังกรเงินและมังกรดำอีกด้วย มังกรทั้งสองนั้นเป็นอสูรเวทประเภทมังกรระดับเก้า!
 “ไม่นะ!
ด้วยการกระโจนอย่างฉับพลัน ลินลี่ย์หลบหลีกการโจมตีจากหมีลายม่วงได้อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งเข้าหาเคลย์  “ไม่ว่ายังไง ครั้งนี้ข้าต้องฆ่าเคลย์ให้ได้”
 “เอาคืนมา, เอาแหวนคืนมา!  หน้าผากของเคลย์เต็มไปด้วยเหงื่อ  แต่เขาไม่กล้าบุกไปด้วยตัวเอง
 “กรรรรร!
 “กรรรร!
มังกรนับสิบๆ ตัวโฉบลงมาจากท้องฟ้า มังกรไฟก็พ่นไฟออกจากปาก  เปลวเพลิงที่พ่นออกมาจากมังกรดำเป็นสีดำเช่นกัน ขณะที่มังกรเงินพ่นลมหายใจออกมาเป็นเพลิงสีเงินขาว  เห็นได้ชัดว่าในแง่ของระดับความร้อน เปลวเพลิงของมังกรดำและเพลิงเงินของมังกรเงินร้อนกว่าเพลิงมังกรของมังกรไฟมาก
 “ซี่....  ซี่....”
อุณหภูมิพื้นที่โดยรอบเริ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว  ขณะที่สายเปลวเพลิงมังกรนับสิบพ่นลงมา
 “ฝ่าบาท, ถ้าเราไม่ไปตอนนี้ เราจะต้องตายแน่นอน! ถ้าเราตาย, สมบัติก็ไม่มีประโยชน์ต่อเรา!  ทั่วทั้งร่างของไกเซอร์มีปราณยุทธสีแดงคลุมรอบ  เขาตะโกนใส่เคลย์อย่างน่ากลัวจนเคลย์สะดุ้ง
 “เคลย์!
เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวของลินลี่ย์ในร่างแปลงมังกรกำลังตะโกนและพุ่งมาทางเขาเหมือนลูกธนู
 “ไป ไป ไปกันเถอะ”  ทันใดนั้นเคลย์ตะโกนร้องอย่างโกรธเกรี้ยว  การตัดสินใจของเคลย์ครั้งนี้สร้างความเจ็บปวดใจให้เขา  แต่เขาก็เข้าใจดีว่า ถ้าเขาตายอยู่ที่นี่ ทุกอย่างจะสูญสลาย  นอกจากนี้องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองยังมีการ์ดเครดิตเวทอยู่กับตัว เมื่อรวมกันแล้วก็มีมูลค่าพันล้านเหรียญทอง
พันล้านเหรียญทองก็เพียงพอให้ราชตระกูลฟื้นฟูและสร้างความรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่ได้อีกแน่
 “บึ้ม!  ดาบยักษ์ของไกเซอร์ใช้ป้องกันการโจมตีของลินลี่ย์ได้อีกครั้ง
 “ไกเซอร์, ปล่อยให้ข้าฆ่าเคลย์ซะ  ไม่ว่าท่านต้องการทองมากแค่ไหน ข้าจะให้ท่าน”  ลินลี่ย์โกรธปนกังวลเช่นกัน
ไกเซอร์ส่ายหน้า
 “กรรรร!
พอถึงตอนนี้ จู่ๆ มังกรดำก็โฉบลงมาและพยายามใช้กรงเล็บของมันจับลินลี่ย์  มังกรดำมีระดับสติปัญญาที่สูง เมื่อเห็นว่าหมีลายม่วงไล่ติดตามพยายามฆ่าลินลี่ย์อย่างไม่ลดละ มันมั่นใจว่าต้องมีสาเหตุให้หมีไล่ตาม  ดังนั้น เป้าหมายแรกของมันก็คือลินลี่ย์
 “ข้าอีกแล้วเหรอ?” ลินลี่ย์ฉากหลบด้านข้าง
ที่ผ่านมาตอนที่เขาสู้กับไกเซอร์ หมีลายม่วงตัวนั้นก็ตัดสินใจไล่ตามเขาแทนที่จะเป็นไกเซอร์  และตอนนี้ เรื่องอย่างเดิมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง  มังกรดำระดับเก้ายังไล่กวดลินลี่ย์ที่กำลังหนีอีกด้วย
 “เฮ้อ..”  ไกเซอร์ไม่สนใจลินลี่ย์อีกต่อไป ขณะที่เขาเร่งความเร็วหนีในระดับสูงสุด  ทันใดนั้นมังกรยักษ์หลายตัวเริ่มไล่กวดเคลย์กับไกเซอร์  แต่พวกมันส่วนใหญ่ยังคงรุมล้อมโจมตีใส่ลินลี่ย์
หมีลายม่วงเริ่มคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่มันยืนจังก้าสองเท้า
เห็นชัดว่ามันโกรธพวกมังกรที่ขโมยเหยื่อของมัน  แต่หมีลายม่วงไม่กล้าสู้กับพวกมังกรอย่างเปิดเผย  หมีลายม่วงไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะจ่าฝูงมังกรดำที่นำมังกรฝูงนี้มา และมันมีขนาดตัวที่ใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงฝูงมังกรที่เหลือ
 “ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ”
หมีลายม่วงเริ่มเดินออกไปในทิศทางต่างๆ ในระยะห่างออกไป อาคารทุกหลังที่ขวางทางมันถูกทำลายพังยับเยิน
 “เคลย์!  เมื่อเห็นเคลย์และคนของเขาหนีไปไกลทุกที ลินลี่ย์ต้องการจะไล่ตามเขาไปทันที
แต่มังกรยักษ์อีกตัวหนึ่งโฉบลงมาจากท้องฟ้า นี่คือมังกรดำขนาดมหึมา ยาวเกินกว่าร้อยเมตร และขวางถนนข้างหน้าลินลี่ย์ มันพุ่งเข้าหาลินลี่ย์พร้อมกับกางกรงเล็บของมัน  จากนั้นมันพ่นเปลวเพลิงร้อนแรงใส่ลินลี่ย์อีกครั้ง
ทั้งบนพื้นและท้องฟ้ามีแต่มังกร และพวกมันทุกตัวเริ่มโจมตีใส่ลินลี่ย์    เมื่อถูกมังกรมากมายรุมล้อมโจมตี  ลินลี่ย์รู้สึกจนใจ
 “เจ้าพวกบัดซบ!
มังกรฝูงใหญ่รุมล้อม ลินลี่ย์ได้แต่มองดูขณะที่เคลย์ลับหายไปจากสายตาของเขา
 “เจ้านาย, เราต้องหนีกันแล้ว!” ตอนนี้บีบีแทบคลั่งแล้ว
บีบีคล่องแคล่วและตัวเล็กมาก  ทำให้เป็นเรื่องยากมากที่มังกรเหล่านั้นจะโจมตีมันได้  ที่ยิ่งกว่านั้น กรงเล็บที่ร้ายกาจและเขี้ยวที่แหลมคมของบีบีก็ทรงพลังมากเช่นกัน  พลังโจมตีของมันในตอนนี้เพียงพอจะทำอันตรายมังกรได้เช่นกัน  ทำให้มังกรทุกตัวค่อนข้างจะกังวลกับเจ้าตัวเล็กตัวนี้
 “ไป, ไปที่ไหนกันเล่า?”
ไม่ว่าลินลี่ย์จะหนีไปในตำแหน่งไหน ฝูงมังกรก็จะขัดขวางและเข้าโจมตี  เขาไม่ได้กลัวมังกรระดับแปด  แต่มีมังกรระดับเก้ามากกว่าสิบตัว
 “ควั่บ!
ลินลี่ย์ถูกหางมังกรเงินโจมตีใส่อย่างดุร้าย  แต่ลินลี่ย์เพียงแต่พลิกตัวกลางอากาศก่อนที่เขาพยายามหนีอีกครั้ง  แต่กลับไร้ประโยชน์  ในกลางอากาศ มังกรมากมายบินวนและโจมตีใส่อีกครั้ง  ลินลี่ย์อยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่จนเขาอยากจะร้องไห้
 “ควั่บ!” ลินลี่ย์หลบหลีกกรงเล็บที่โจมตีมาอย่างดุร้ายได้อย่างคล่องแคล่ว และยังคงหลบด้วยความเร็วสูงต่อไป
 “เจ้านาย, ข้าจะช่วยเอง!  เมื่อเห็นลินลี่ย์ตกอยู่ในอันตราย บีบีบินเข้ามาหาทันทีและเริ่มกัดขามังกรอย่างดุร้าย กร้วม กร้วม กร้วม!
 “กรรรรร!” มังกรยักษ์แผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
อาศัยความเร็วที่น่าทึ่งของเขา ลินลี่ย์สามารถคลี่คลายการโจมตีของมังกรอีกตัวหนึ่ง  เมื่อใดก็ตามที่เขาพบกับอันตรายที่แท้จริง  บีบีก็จะออกมาช่วย  อันตรายไม่สามารถคุกคามลินลี่ย์ได้ในตอนนี้แล้ว
ในสายตาของพวกมันตัวประหลาดที่ร่างคล้ายมนุษย์นี้จัดการได้ยาก และอสูรเวทประเภทหนูที่มีขนาดเล็กกว่าก็ยังคอยไล่กัดไล่แทะทำให้มันเจ็บปวดมาก
 “กรรรรร!  มังกรดำจ่าฝูงส่งเสียงคำรามอีกครั้ง
มังกรทุกตัวบินขึ้นไปในอากาศทันที  พวกมันตัดสินใจยกเลิกการต่อสู้กับตัวประหลาดร่างมนุษย์ที่จัดการได้ยากนี้  ไม่คุ้มกันเลยกับการทุ่มกำลังมังกรทั้งหมดมาเสียเวลากับตัวประหลาดร่างมนุษย์นี้
ฝูงมังกรบินจากไปในลักษณะนี้
 “พวกมันจากไปแล้วเหรอ?”  ลินลี่ย์ตกใจ
เมื่อครู่ที่ผ่านมา เขารับมือการโจมตีจากมังกรหลายตัวอย่างดุเดือด และเขาต้องหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด  นั่นเป็นประสบการณ์ที่น่าอดสูมาก  เขาคาดไม่ถึงเลยว่าพวกมังกรจะยอมยกเลิกการโจมตีในลักษณะนี้
 “เจ้านาย, ไปกันเดี๋ยวนี้!  บีบีกระตุ้นเตือน
 “แล้วเคลย์ล่ะ”
พอนึกถึงเคลย์ ลินลี่ย์ยังคงอยู่ในร่างมังกรแปลงของเขาและพาบีบีวิ่งผ่านเมืองด้วยความเร็วสูง
ตอนนี้ การต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างมนุษย์และอสูรเวทในเมืองเฟนไลจบลงหมดแล้ว มีคนที่ยังรอดชีวิตอยู่ในเมืองเฟนไลไม่กี่คน และสิ่งมีชีวิตที่ยังอยู่บนท้องถนนก็คืออสูรเวทที่ไล่ล่ามนุษย์ที่ยังมีชีวิต  ลินลี่ย์ในร่างมังกรแปลงเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเกินไป และที่ยิ่งกว่านั้น ความจริงที่ว่าร่างเขาเขามีเกล็ดปกคลุม ทำให้อสูรเวทหลายตัวคิดว่าลินลี่ย์ก็คืออสูรเวทตัวหนึ่งเหมือนกัน
 “ไม่อยู่ที่นี่”
ลินลี่ย์มุ่งหน้าไล่ตามไปในตำแหน่งที่เขาคิดว่าเคลย์คงจะหนีไป  แต่หลังจากหลบออกจากเมืองเฟนไล  เขาก็ยังไม่พบร่องรอยของกลุ่มของเคลย์
นอกเมืองเฟนไล  ฉากภาพที่รกร้าง
แม้จะมีต้นไม้ใหญ่มากมายซึ่งปลูกเรียงรายไปตามถนนจากเมืองเฟนไล แต่ก็แตกกระจุยกระจาย  ศพมนุษย์นับไม่ถ้วนนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนถนนเช่นกัน  เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้พยายามหนีออกจากเมืองเฟนไล  แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกเหล่าอสูรเวทฆ่าตายนอกเมืองเฟนไล
ในชนบทรกร้างนอกเมืองเฟนไล กลุ่มของอสูรเวทกลุ่มเล็กกลุ่มหรือสองกลุ่มสามารถเห็นได้ทั่วทุกแห่ง
 “ข้าสงสัยจริงว่าเคลย์หนีออกไปทางทิศไหน”  ลินลี่ย์จ้องมองดูทางสามแพร่งข้างหน้าเขา  เขารู้สึกจนใจ  เป็นไปได้ที่เคลย์จะหนีออกจากเมืองทางประตูทิศตะวันออกของเมืองเฟนไล  แต่ขณะที่ลินลี่ย์มองดู  นั่นไม่น่าเป็นไปได้ เพราะออกไปทางด้านตะวันออกจะเป็นเทือกเขาสัตว์วิเศษ
ดังนั้น ลินลี่ย์เลือกออกไปทางด้านประตูทิศตะวันตก
แต่แม้ว่าจะออกไปทางประตูทิศตะวันตก  ลินลี่ย์ก็ไม่รู้ว่าเขาควรมุ่งหน้าไปทางทิศไหน  ที่สำคัญคือมีรอยเท้าม้าอยู่ทุกหนแห่ง
 “บางทีเคลย์คงไม่เลือกเส้นทางใดๆ เลยก็ได้ และเดินทางเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร”  ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง  คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มของเคลย์เป็นนักรบระดับเจ็ด  ดังนั้นการตัดผ่านพื้นที่กันดารจึงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร
ลินลี่ย์เข้าใจว่าโอกาสหาตัวเคลย์พบในถิ่นป่ากันดารมีโอกาสน้อยมาก
 “ทางเหนือ, ข้าได้ยินราชาแห่งเทือกเขาอสูรวิเศษกล่าวว่าคนของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ให้หนีไปได้แต่เฉพาะทางทิศเหนือ!  ข้าจะมุ่งไปทางเหนือเช่นกัน  ด้วยคนที่มีชื่อเสียงอย่างเคลย์ ไม่มีทางที่เขาผ่านไปได้โดยไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจ  เมื่อข้าไปถึงทางเหนือ  ข้าจะตามหาตัวเขาอีกครั้ง”  ลินลี่ย์ทำใจ
เมื่อมองเห็นซากศพกระจุยกระจายอยู่รอบตัวของเขา ลินลี่ย์ได้แต่ทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้
 “อ๊ะ, เมืองอู่ซาน”
ทันใดนั้นลินลี่ย์นึกถึงบ้านเกิดของตนเอง  เมืองน้อยอู่ซานอยู่ห่างจากเมืองเฟนไลไม่ถึงร้อยกิโลเมตร สภาพเมืองอู่ซานในตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง?  ลินลี่ย์ไม่สนใจยังคงอยู่ในร่างมังกรแปลง ขณะที่เขาวิ่งไปเมืองอู่ซานด้วยความเร็วสูงเหลือเชื่อ
แม้ว่าลินลี่ย์จะเดินทางด้วยระดับความเร็วสูงสุดหลังจากอยู่ในร่างมังกรแปลง เขาสามารถเดินทางเร็วถึงสองร้อยหรือสามร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ง่ายๆ เหมือนกับนักรบระดับเก้า
ต้นไม้ข้างทางผ่านหายไปอย่างรวดเร็ว และมีฝุ่นฟุ้งกระจายไปทุกที่
 “นั่นอะไร..” กลุ่มอัศวินที่กำลังหนีจู่ๆ เห็นตัวประหลาดร่างคล้ายมนุษย์พุ่งเข้าจากตำแหน่งด้านหลังพวกเขา  เขาได้แต่ตกใจอย่างช่วยไม่ได้  แต่ลินลี่ย์เพียงแต่ผ่านเขาไปเหมือนสายลม มุ่งหน้าสู่เมืองน้อยอู่ซาน  นี่คือความเร็วของนักรบระดับเก้า  ภายในยี่สิบนาที ลินลี่ย์ก็เข้ามาใกล้พอจะเห็นบ้านเกิดของเขา
เมืองอู่ซาน
นี่คือเมืองน้อยที่เงียบสงบมาก  ในอดีตชีวิตของประชาชนที่นี่อยู่กันสุขสงบมาก
แต่ตอนนี้...
ซากศพ ศพที่ไม่สมบูรณ์เกลื่อนกล่นอยู่ทุกแห่ง  เห็นได้ชัดว่าซากศพเหล่านั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าได้รับความเดือดร้อนจากอสูรเวท
 “นี่.. นี่...” ลินลี่ย์เดินเข้าไปตามถนนใหญ่เมืองอู่ซาน  เขาจ้องมองซากศพที่ถูกทึ้งกระจุยกระจายอยู่ตามถนนและซอกซอย มีทั้งคนแก่ คนหนุ่ม ผู้หญิงและเด็ก เมื่อเห็นเช่นนี้ ลินลี่ย์รู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
ลินลี่ย์รู้จักคนตายเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่
ทันใดนั้นลินลี่ย์เห็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่งในที่ไม่ไกลออกไปกอดทารกไว้ในอ้อมแขน ร่างของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเลือดและทารกนั้นถูกกัดจนตายเช่นกัน
 “ออ.. ออร์สัน” ลินลี่ย์อยากจะร้องไห้  แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกกมา
ออร์สันแก่กว่าเขาปีเดียว  เมื่อลินลี่ย์เริ่มฝึกความแข็งแรงของร่างกายครั้งแรกที่ลานฝึกฝีมือข้างเมืองอู่ซาน  พวกเขาทั้งสองคนถูกจัดอยู่ในกลุ่มเด็กอายุ 6-8 ขวบ  ออร์สันคือเด็กชายที่ยืนอยู่ด้านขวาของลินลี่ย์ตอนที่เขาเข้าแถว  ทั้งสองปฏิบัติตามกติกาอย่างดี  ลินลี่ย์รู้ว่าเมื่อสองปีที่แล้ว  ออร์สันได้แต่งงานหลังจากถึงวัยผู้ใหญ่ ทารกที่ตายมีแนวโน้มว่าคงเป็นลูกของออร์สัน
 “ควาก, ควาก” ในที่ไม่ห่างนัก หมาป่าวายุกำลังกัดแทะซากศพ
 “อา!” ลินลี่ย์จ้องมองพวกมันด้วยความโกรธ  จากนั้นบินตรงเข้าหาพวกมันราวกับสายฟ้า  เขาไม่ได้ใช้เทพกระบี่เลือดม่วง ใช้แต่เพียงสองมือฟาดใส่ศีรษะพวกมันจากนั้นฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆ
ในชั่วพริบตาอสูรเวทหลายสิบตัวที่ยังคงเหลืออยู่ในเมืองอู่ซานก็ถูกสังหารหมดสิ้น
พอเห็นซากศพอสูรเวทรอบๆ ตัวเขารวมทั้งซากศพมนุษย์ ลินลี่ย์สลายร่างมังกรแปลงหัวเราะอย่างเจ็บช้ำ จากนั้นเขาคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรง
ทุกคนตายหมด
 “หึ หึ..” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะในลำคอ  แต่นัยน์ตาเขาเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า
 “เมื่ออสูรเวทบุกโจมตีเมืองและข้าหลบหนีมาจากโบสถ์เจิดจรัสได้  ข้ายินดีพอใจกับตัวเองมาก แต่...” น้ำตาของลินลี่ย์เริ่มหลั่งไหล  ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจความหายที่แท้จริงในเบื้องหลังคำพูดที่ราชาแห่งเทือกเขาอสูรวิเศษพูด
 “ข้าจะเป็นมนุษย์ที่สมเพชไปได้ยังไง?  มนุษย์ไม่มีอะไรมากไปกว่าอาหารของเราเหล่าอสูรวิเศษ!
 “อาหาร  อาหาร”
หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เมืองน้อยอู่ซาน  บ้านเกิดของเขา ชาวบ้านที่คุ้นเคยเหล่านี้
ตายหมดแล้ว
เมื่อเขาออกจากบ้านเกิด  ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกสงบอยู่เสมอ  เพราะเขารู้อยู่เสมอว่าบ้านเกิดของเขายังอยู่ที่นั่น  แต่บัดนี้.... บ้านเกิดของเขาล่มสลายไปแล้ว  ทุกคนตายหมด
 “มันคือภัยพิบัติ” เสียงของเดลิน โคเวิร์ทดังก้องออกมา  “ไม่ใช่แค่บ้านเกิดของเจ้าเท่านั้น  แต่สหภาพศักดิ์สิทธิ์เกือบครึ่งอาณาจักรกลายเป็นแหล่งที่อยู่ของอสูรเวทไปแล้ว  คนพวกนั้น.. ไม่มีอะไรต่างไปจากอาหาร”
ลินลี่ย์จ้องมองรอบตัวอย่างเงียบงัน  เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้คนนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ติดอยู่ในภัยพิบัติร้ายแรง  นี่ควรจะเป็นวันรื่นเริงกับการฉลองศักราชยูลาน 10,000 ปี สำหรับชาวสหภาพศักดิ์สิทธิ์และชาวสหพันธรัฐมืด  แต่กลับกลายเป็นวันแห่งหายนะไปได้

1 ความคิดเห็น:

ชัชวาล กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น