ตอนที่ 256 ที่หมายต่อไป กลุ่มดาวหมาป่า!
สถาบันวิทยายุทธอมตะ
กระจกบรอนซ์นับไม่ถ้วนตั้งไว้ในหอขนาดใหญ่
กระจกทุกบานมีขนาดเท่าอ่างล้างหน้าและติดตั้งไว้ส่วนบนของกรอบสูงเท่าคนโตเต็มวัย ทุกๆ กรอบจะมีหมายเลขตั้งแต่หนึ่งถึงหมื่น กระจกทุกบานหันหน้าเข้าหากลางหอ
จนอยู่ในรูปวงกลม
กระจกจำนวนมากมายก่อตัวเป็นหมื่นๆ มิติ
ตรงด้านขวากลาง มีกระจกใบใหญ่สูงสามเมตรฝังอยู่บนโดมในหอโถง
กระจกใบใหญ่นี้คือหนึ่งในสมบัติที่สถาบันวิทยายุทธอมตะครอบครองเรียกกันว่า
กระจกสะท้อนจอมยุทธ
แสงโคมส่องต้องพื้นผิวกระจกสะท้อนจอมยุทธ รัศมีกระจกสว่างไสว ทุกๆ
รัศมีส่องลงกระจกบรอนซ์ที่ล้อมเป็นรูปวงกลมอยู่ห้องโถง จากนั้นจะมีชื่อปรากฏอยู่บนผิวกระจกบรอนซ์
ท่านสามารถเห็นศิษย์ในสถาบันวิทยายุทธอมตะพล่านไปมาอย่างคล่องแคล่วผ่านระหว่างกระจก
เสียงฮือฮาในระหว่างศิษย์สถาบันวิทยายุทธอมตะดังขึ้นและลดลงอย่างต่อเนื่อง มีความปั่นป่วนในหอโถง
หมายเลข 9928 เพชฌฆาตกาเพลิง กัวตงตายแล้ว
หมายเลข 9736 หัวหน้าหน่วยห้านักฆ่า จ้าวกิเลนเสียชีวิต
หมายเลข 9814 ม้าศึก สมาชิกของห้านักฆ่า เสียชีวิต
หมายเลข 9867 ดาบงู หนึ่งในห้ามือสังหาร เสียชีวิต
หมายเลข 9889 จระเข้เฒ่า หนึ่งในห้ามือสังหาร เสียชีวิต
หมายเลข 9903 จิ้งจอกหิมะ หนึ่งในห้ามือสังหาร เสียชีวิต
“โอวพระเจ้า, เกิดอะไรขึ้นกันแน่? กลุ่มห้ามือสังหารตอนนี้ตายหมดแล้วหรือนี่?”
“เป็นไปได้หรือว่ามีการก่อสงคราม?
เกิดสงครามหรือ? ทำไมนักสู้ฝีมือดีหลายคนในทำเนียบสวรรค์วิถีตาย?”
“ไม่, ข้ายังพูดถึงคนที่ตายไม่จบ”
สมาชิกคนหนึ่งโพล่งออกมา “หมายเลข
9854 หุ่นไล่กา มู่จื้อก็ตายแล้ว”
ในช่วงเดือนเดียว เจ็ดนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีตาย
เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อใดกัน?
ทันใดนั้น จู่ๆ สมาชิกคนหนึ่งมองดูกระจกข้างหน้าถึงกับตะลึง “เดี๋ยวก่อน! หมายเลข 9637 ถังเทียน
เจ้าหมอนี่โผล่มาจากไหน...”
ตอนนี้ในห้องโถงเงียบเป็นป่าช้า
ค่ายทหารใหม่
ขุนพลวิญญาณผู้ยืนอยู่ต่อหน้าถังเทียนมีร่างกายบึกบึนเต็มไปด้วยมัดกล้ามและสูงมากกว่าเขาถึงหนึ่งช่วงศีรษะ
ขุนพลวิญญาณที่สูงใหญ่ล่ำสัน
ดูคล้ายกับอาโมรี่ และมีสีหน้าเคร่งเครียด
เขามีทรงผมรูปกะลาครอบที่ดูเหมือนลอยอยู่ในอากาศ ในมือของเขาถือดาบยาวคล้ายกับดาบฟันขาม้า
ถังเทียนปากอ้าค้างกว้างขณะที่เขามองดูขุนพลวิญญาณผู้เหี้ยมหาญด้วยความทึ่ง
จากนั้นเขากล่าว “ถังอี้? จ่าสิบตรีหรือ?”
ปิงตอบ “เจ้าคือเจ้าของค่ายทหารนี้
ดังนั้นขุนพลวิญญาณทั้งหมดที่เกิดในค่ายทหารนี้จึงแซ่ถัง คำว่าจ่าสิบตรีเป็นยศของเขา
ถ้าเขาเพียงแต่กลืนการ์ดไปมากกว่าสามใบ นั่นคงจะดีกว่ามาก”
“ทำไมล่ะ?” ถังเทียนถาม
“ถ้าเขากลืนกินการ์ดมาก
เขาจะเพิ่มยศขึ้นเป็นจ่าสิบเอก
พลังของเขาจะน่ากลัวมากขึ้น”
ปิงอธิบาย “อย่างไรก็ตาม
ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขายังอ่อนอยู่
ตอนนี้เขาเป็นจ่าสิบตรีชั้นทอง”
ปิงประหลาดใจ
“พลังจิตของกรงเล็บภูตพราย ตามที่คาดไว้ เขาคงกล้าหาญอย่างแน่นอน”
“จ่าสิบตรีชั้นทอง?” ถังเทียนถาม
“ใช่แล้ว ถ้าเจ้าสังเกตที่คอของเขา จะมีเครื่องหมายยศตราของกลุ่มดาวกางเขนใต้ซึ่งเป็นสีทอง
เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นจ่าสิบตรีชั้นทอง
พวกเขาแข็งแกร่งกว่าจ่าสิบตรีโดยทั่วไป
ค่ายทหารนี้เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
มีสถานที่มากมายที่ข้าเองก็ยังไม่คุ้นเคย
เจ้าสามารถทดสอบพลังของเขาได้จะได้เห็นว่าเขาน่ากลัวเพียงไหน”
ที่สนามทดสอบ
“เขาแข็งแกร่งทรงพลังแน่!” ถังเทียนมีนัยน์เป็นประกายระยับ
คลื่นพลังจากการกวัดแกว่งอาวุธของเขา ถังอี้ปล่อยพลังออกมาราวกับสายฟ้า พลังของเขาน่ากลัวจริงๆ
“เขาไม่เบาอยู่แล้ว “ปิงพยักหน้า “พลังของเขาน่าจะเท่ากับนักรบระดับแปด แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยฉลาดนัก
แต่พลังจิตของเขาแข็งแกร่งและยังเชี่ยวชาญในวิทยายุทธระดับปรมาจารย์ที่น่ากลัว นี่แหละคือสาเหตุที่เขาเป็นจ่าสิบตรีชั้นทอง”
“ทำไมถึงกลายเป็นวิชาดาบ?” ถังเทียนถาม “เพราะข้าฝึกวิชากรงเล็บนะ”
“เมื่อการ์ดสิบหกใบผสานเข้าด้วยกัน
ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าวิทยายุทธที่เกิดขึ้นจะเป็นยังไง” ปิงอธิบาย “ดังนั้น, มีคนไม่มากนักที่ทำแบบที่เจ้าทำ
เนื่องจากการได้รับการ์ดวิทยายุทธที่เหมาะกับเจ้านั้นมีน้อยมาก เราไม่ได้ขาดแคลนขุนพลวิญญาณ และนั่นน่าจะเป็นข่าวดีสำหรับเจ้า มีถังอี้อยู่ข้างตัวเจ้า ข้าวางใจได้แน่นอน
ได้วิชาดาบระดับปรมาจารย์และอยู่ในระดับแปด เขาแข็งแกร่งมากกว่าเจ้ามากมายนัก นอกจากนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องสงสัยเรื่องความภักดีที่เขามีต่อเจ้าเลย”
“ก็ดีน่ะสิ!”
ถังเทียนพูดอย่างตื่นเต้น
“ไม่ต้องเสียเวลากันแล้ว
เราควรจะเดินทางไปกลุ่มดาวกางเขนใต้กันได้แล้ว” ปิงตะโกน “ปล่อยเมืองสามวิญญาณให้ข้าจัดการเอง”
“แน่นอน!”
ถังเทียนพยักหน้ากระตือรือร้น
ถังเทียนพบว่าเขาไม่จำเป็นต้องซื้อการ์ดวิชาพิเศษระดับทองม่วงแล้ว
มีผู้พำนักที่อยู่กลุ่มสมาพันธ์ชาวยุทธที่กำลังขายอยู่ พวกเขายอมรับเหรียญดาวด้วยเช่นกัน ถังเทียนซื้อการ์ดวิชาสองใบ
วิชาหนึ่งเป็นวิชาโล่อากาศโจมตี
อีกวิชาหนึ่ง ลมพราง
ทั้งสองวิชานี้เป็นการ์ดวิชาระดับม่วงทอง ถังเทียนจ่ายไปห้าร้อยล้านเหรียญ
การ์ดวิทยายุทธทั้งสองเป็นเพียงวิทยายุทธเสริม
วิทยายุทธประเภทโล่ปกติจะใช้เป็นวิทยายุทธเสริมเนื่องจากมีแต่เพียงคนจากกลุ่มดาวโล่ใช้ฝึกฝนกัน ส่วนวิชาลมพราง จะมีผลต่อการช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมลมหายใจและได้ผลลับที่ดีมาก
แต่สิ้นเปลืองพลังปราณมาก
ปกติไม่แนะนำให้นักสู้ที่ต่ำกว่าระดับหกใช้ สำหรับผู้ที่ใช้ฝึกฝนเพิ่มระดับ
จะสามารถใช้เรียนรู้วิทยายุทธได้ดีขึ้นและมีความหลากหลายมากขึ้น
ห้าร้อยล้านเหรียญสำหรับการ์ดวิชาม่วงทองไม่ถือว่าถูกอย่างแน่นอน แต่สำหรับถังเทียน
การ์ดสองใบนี้เหมาะสมกับเขา
เขากวัดแกว่งโล่ตะลุยเลือดซึ่งเป็นอาวุธสังหารขนาดใหญ่ แต่กลับไม่รู้เรื่องวิชายุทธในการใช้โล่
วิชาโล่อากาศโจมตีน่าจะช่วยเขาได้ในเรื่องนั้น
วิชาลมพรางก็ยังเป็นสิ่งที่ถังเทียนต้องการ
คนขายปฏิบัติต่อถังเทียนเหมือนกับเป็นเทพเจ้าโชคลาภ
เนื่องจากเขายินดีจ่ายเงินห้าร้อยล้านซื้อการ์ดวิทยายุทธสองใบ เขาถูกมองว่าร่ำรวยเกินมาตรฐาน ถังเทียนยังคงซื้อหินดวงดาวกองหนึ่ง ถังเทียนยังตั้งใจจะซื้อสมบัติระดับทอง แต่ไม่ทันได้ดูราคา
พอเขาเห็นราคาของสมบัติชั้นทอง ราคาของมันเตือนถังเทียนว่าเขายังถือว่ายากจนอยู่แม้ว่าเขาจะมีโชคลาภก็ตาม
ดังนั้น เขาจึงตามหาคนที่จนกว่าเขา “พี่อู่, ข้ามีแนวคิดทำธุรกิจดีๆจะเสนอ
ท่านสนใจหรือเปล่า?”
เมื่ออู่กวงได้ยินว่ามีโอกาสทำธุรกิจ เขาโพล่งออกมาอย่างตื่นเต้น “ได้เลย ได้เลย ธุรกิจของน้องถัง ก็คือธุรกิจของข้าด้วย! นั่นไม่มีอะไรน่าสงสัย”
ถังเทียนอธิบาย “ไม่, นี่ไม่ใช่ธุรกิจของข้า
เป็นธุรกิจของตระกูลม่อจากเมืองม่อเฉิง
อีกกลุ่มหนึ่งก็คือกลุ่มอาวุธพลังสายเลือด
ตระกูลม่อยินดีจ่ายให้ห้าร้อยล้านเพื่อเอาชนะกลุ่มอาวุธพลังสายเลือด
ข้าเพิ่งจะสู้กับกลุ่มอาวุธพลังสายเลือดและฆ่าสมาชิกคนหนึ่งของพวกเขาไป
ชื่อว่าหุ่นไล่กา
“หุ่นไล่กา!” อู่กวงตกตะลึง “เขาคือนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี! เจ้าน่าจะทำด้วยตนเอง
เมื่อสองสามวันก่อนเจ้าก็ฆ่านักสู้สวรรค์วิถีไปแล้ว
ทำไมข้ารู้สึกว่าสัญชาตญาณนักฆ่าของเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้ามาก”
ถังเทียนตอบ “ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้
เป็นเพราะหุ่นไล่กาต้องการหาเรื่องกับข้าเอง”
“แล้วกลุ่มอาวุธพลังสายเลือดได้นักสู้ระดับสวรรค์วิถีอย่างนั้นมาช่วยได้ยังไง?” อู่กวงถามเคร่งเครียด
“ข้าคิดว่าพวกเขาคงถูกส่งมาจากองค์การวิญญาณมืด พวกเขาคิดค้นอาวุธจักรกลรูปแบบใหม่ซึ่งลุงปิงบอกว่าทรงพลังมาก” ถังเทียนตอบ
“ไม่ใช่ธรรมดาแล้วที่ปิงบอกว่ามันทรงพลัง” อู่กวงเห็นด้วย “ข้าจะตรวจสอบเบื้องหลังพวกเขาดู ไม่ต้องห่วงน้องถัง
เลือดร้ายระหว่างกลุ่มและเจ้าก็ถือเป็นธุรกิจของข้าด้วย! อย่างไรก็ตาม
เนื่องจากเป็นตระกูลม่อให้ค่าจ้าง อย่างนั้นข้าไม่ต้องเกรงใจเรื่องราคาแล้ว”
“พวกเขาเป็นคนท้องถิ่น” ถังเทียนพยักหน้าเห็นด้วย
อู่กวงหัวเราะ “ข้าจะรับมือที่เหลือเอง แล้วข้าจะส่งคนไปคุยกับตระกูลม่อ”
“นั่นเยี่ยมเลย!” ถังเทียนยิ้ม เขาเพียงแต่รับผิดชอบติดต่อตระกูลม่อกับอู่กวง
ที่เหลือขึ้นอยู่กับพวกเขาตัดสินใจดำเนินการต่อไป
หลังจากกลับมาที่หมู่บ้านตระกูลเซี่ย
ถังเทียนใจดีมอบเงินให้หลิงซิ่วและอาเฮ่อคนละสองร้อยล้าน
“นี่คือรายได้จากการขายทองอีกา
ถือว่าเป็นรางวัลที่พวกเจ้าทำงานกันอย่างหนัก” ถังเทียนบอกพวกเขา
และด้วยน้ำเสียงกึ่งบังคับแกมหยิ่ง เขาพูดต่อ “ถ้าเจ้าต้องการการ์ดวิทยายุทธหรือสมบัติดวงดาว
ให้บอกข้าได้ไม่ต้องเกรงใจ”
หลิงซิ่วส่ายหัว “ข้าไม่สนใจวิทยายุทธอื่นรวมทั้งสมบัติดวงดาวด้วย
อาเฮ่อตอบ “ข้าต้องการแค่ใช้วิทยายุทธสำนักกระเรียนสร้างชื่อเสียง แต่ข้าไม่จำเป็นต้องมีสมบัติดวงดาวใดๆเลย”
อาเฮ่อกวัดแกว่งกระบี่กระเรียนซึ่งเป็นสมบัติชั้นทอง
อาเฮ่อไม่อาจปลดปล่อยพลังเต็มที่ของกระบี่กระเรียน นั่นคือสาเหตุที่เขาไม่ต้องการให้ความสนใจสมบัติดวงดาวอื่นๆ
“มีแต่คนดีทั้งนั้น” เขาถือเงินเป็นพันล้านนอนหลับทุกวัน
เงินไม่กี่ร้อยล้านเหรียญดาวจะทำอะไรเขาได้?
ถังเทียนผิดหวังเมื่อเขาเห็นสองคนไม่ค่อยมีปฏิกิริยาอะไรหลังจากได้รับเงิน เขาคาดหวังจะได้เห็นบางอย่างเพิ่มขึ้น
“เฮ้, เจ้าช่างเป็นขุนพลวิญญาณที่ทรงพลังนัก” อาเฮ่อยิ้มขณะที่ชำเลืองมองถังอี้
หลิงซิ่วมองดูถังอี้ถือดาบฟันขาม้าที่มีขนาดเท่าบานประตู เขามีกลิ่นอายที่น่ากลัว จากนั้นหลิงซิ่วกล่าว “ถังเทียน, ทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้ถังอี้กับข้าได้ซ้อมมือกันเล่า?”
“เจ้าแน่ใจนะ? พลังของถังอี้น่ากลัวนะ!” ถังเทียนกล่าว
“ข้ากลัวว่าเขาจะไม่แข็งแกร่งเหมือนที่เจ้าโม้เอาไว้มากกว่า”
หลิงซิ่วเลียริมฝีปากยินดี
“ไม่มีปัญหา! ถังอี้, เจ้าสั่งสอนเขาให้รู้หน่อยว่าเจ้าน่ากลัวแค่ไหน” ถังเทียนยิ้ม
ทันใดนั้นถังอี้ก้าวออกมาข้างหน้าและควงดาบยาว
เมื่อถังอี้ชักดาบ สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป อาเฮ่อตะลึงเหลือเชื่อ “วิชาระดับปรมาจารย์”
ดาบของถังอี้ดูมีลักษณะธรรมดาเปล่งประกายแสงออกมาเล็กน้อย
แค่เพียงคลื่นของดาบของเขา หอกทะเลจุดในท้องฟ้าก็หายไปหมด
รังสีที่ห้าวหาญและกดดันเริ่มครอบคลุมอากาศรอบตัวพวกเขา
ภายในวิชาดาบนั้น ถังอี้สามารถกลั้นลมหายใจได้อย่างสบายๆ
นี่ต้องเป็นวิชาดาบระดับปรมาจารย์อย่างมิต้องสงสัย
วิชาดาบของถังอี้สามารถอธิบายได้ด้วยคำสองคำคือ – หนักหน่วงและ อำมหิต
มันคือดาบที่กดดันและอำมหิตอย่างแท้จริง
หลิงซิ่วถูกครอบงำโดยสิ้นเชิง
วิชาหอกของเขาปกติจะข่มขวัญอย่างไม่มีเหตุผล แต่เขากลับพบกับพลังที่ข่มขวัญมากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นวิทยายุทธระดับใดหรือแข็งแกร่งเพียงไหน แต่ถังอี้ดีกว่าเขาแน่
ทำให้เขารู้สึกถูกกดดันอยู่ตลอด
เซี่ยชิงตกตะลึง
ถังเทียนไม่อยู่เพียงสองสามวัน
พอมาตอนนี้เขากลับได้ขุนพลวิญญาณที่น่ากลัวขนาดนั้น เขาไปได้ขุนพลวิญญาณมาจากไหน?
เซี่ยชิงไม่เคยเห็นขุนพลวิญญาณที่มีวิทยายุทธระดับปรมาจารย์มาก่อน แม้ว่าเซี่ยชิงเพิ่งรับมรดกเป็นกระบี่ลับในปัจจุบัน
แต่ฝีมือของเขายังคงห่างไกลจากความสำเร็จที่ถังอี้มี
เซี่ยชิง, เจ้าต้องฝึกฝนให้หนักยิ่งขึ้น!
เซี่ยชิงกำหมัดแน่น
นั่นคือเหตุผลที่เขาปฏิเสธคำชักชวนจากถังเทียน
เขารู้ว่าโลกภายนอกเต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจ แต่เขารู้สึกว่าเขาไม่ฉลาดเท่ากับคนอื่นๆ
ในกลุ่ม และเขายังคงก้าวหน้าได้ช้ามาก
เขารู้ว่าเขาต้องพยายามให้มากยิ่งกว่าคนอื่น
หลิงซิ่วพ่ายแพ้เป็นเรื่องที่ไม่น่าประหลาดใจนัก
ในที่สุดถังเทียนก็อำลาเซี่ยชิง
“ตอนนี้เราจะเดินทางต่อไป! เราจะต้องผ่านกลุ่มดาวหมาป่า ถ้าพวกเจ้ามีปัญหาอะไร
ปิงยังจะอยู่ที่เมืองสามวิญญาณ” ถังเทียนโบกมือลาเซี่ยชิง
เซี่ยชิงมองดูถังเทียนและพวกพ้องของเขา
เขารู้สึกลังเลที่จะแยกจากกัน
ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากถังเทียนและสหายของเขา นอกจากเซี่ยชิงจะไม่ได้รับกระบี่ลับแล้ว หมู่บ้านก็อาจจะอยู่รอดไม่ได้
เขาตะโกนบอกถังเทียน “ถังเทียน! รอให้ข้าชำนาญวิชากระบี่ลับเสียก่อน จากนั้นข้าค่อยตามหาพวกเจ้า!”
ถังเทียนยิ้มกว้างและโบกมือให้เขาอย่างอารมณ์ดี ขณะที่ยานเงินลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า
เซี่ยชิงมองดูยานเงินที่กำลังหายไปในอากาศช้าๆ อย่างงงงวย เขาได้แต่บอกตนเองภายในใจ
ถังเทียน ข้ายังไม่สามารถช่วยพวกเจ้าได้ ตอนนี้ฝีมือข้ายังด้อยอยู่ แต่ในอนาคตหลังจากข้าเชี่ยวชาญวิชากระบี่มากขึ้น ข้าจะช่วยพวกเจ้าทุกคนได้แน่ๆ
ถังเทียน นี่คือคำสาบานของข้า!
4 ความคิดเห็น:
มีความสุข และผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้อ่าน
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น