ตอนที่ 530
ระเบิด
อาหลุนและพวกมองดูพื้นที่เต็มไปด้วยศพ
นักสู้จักรกลรุ่นเยาว์เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มึนงงกอปรด้วยความรู้สึกที่เหลือเชื่อ
นี่..คือชัยชนะหรือนี่? นี่คือกองทัพระดับทองหรือ?
พวกเขาเหม่อมองดูสมรภูมิอย่างเงียบงัน บนพื้นเต็มไปด้วยซากศพ
และมีหลุมลึกขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางถึง 3 กิโลเมตร
ไม่มีอะไรชัดเจนไปมากกว่านี้แล้ว ชนะโดยไม่มีข้อกังขาโต้แย้งใดๆ ทั้งนั้น
อย่างนั้น
พลังโจมตีของพวกเขาก็น่ากลัวมากจริงๆ!
นั่นก็คือระดับความแข็งแกร่งของพวกเขา
หลังจากประสบกับความงุนงงเหลือเชื่อแล้ว รอยยิ้มและความมั่นใจในชัยชนะก็ค่อยๆ
ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาพวกเขา
พยัคฆ์ฟ้าลอยตัวอยู่เหนือหลุมยักษ์ซึ่งไม่มีซากศพสมบูรณ์อยู่เลย
มีเหลือแต่เพียงเศษเสื้อผ้าสกปรกที่ดำและมีควันลอยกรุ่น
เมื่อมองลงไปที่หลุมยักษ์ใต้เท้าเขา
ความทรงจำสีเทานับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจของปิง เสียงที่หนักแน่นยังคงได้ยินชัด
“เจ้าหนู, จงจำเอาไว้เสมอว่า
ท้องฟ้าเป็นของชาวเรานักสู้จักรกลเท่านั้น”
“ตราบใดที่เราควบคุมท้องฟ้าได้ เราจะชนะแน่นอน!”
ท่านผู้บัญชาการ....
ท่านเห็นไหม
ข้าสามารถเรียกใช้การควบคุมรังสีพันชุดได้แล้ว
ท่านผู้บัญชาการ, ข้าควบคุมรังสีโจมตีที่กร้าวแกร่งได้แล้ว
เจ้าหนูคนนี้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังแล้ว ท่านผู้บัญชาการ มาดูเถิด...
ปิงคิดถึงลั่วซือ
ในของเขายิ่งรู้สึกปวดร้าวมากขึ้น
เขาฝืนใจตนเองเงยหน้าและไม่ยอมให้น้ำตาร่วง
ลั่วซือ
ท่านเห็นภาพนี้ไหม ข้าจะต้องชนะ
ข้าจะพาท่านไปหาอาซิ่นและเราจะไปพบผู้บัญชาการกัน!
เจ้าหนูจากปีนั้น
กลายเป็นผู้แข็งแกร่งแล้ว
แม้ว่าจะนอนหลับมาถึงหมื่นปี
แต่ไฟในใจข้าไม่เคยมอดลงเลย!
กองทัพของเรายังคงเดินหน้าต่อไป!
เขาตื้นตันใจจนลืมตัวควบคุมตนเองไม่ได้
และเหินขึ้นท้องฟ้าทันที
อาหลุนกับเสี่ยวอู่ทั้งสองคนสะดุ้งกับการกระทำของใต้เท้าปิง พวกเขาเหม่อมองพยัคฆ์ฟ้าที่ทำเสียงดังอย่างประหลาด ในใจของพวกเขา ใต้เท้าปิงคือผู้ไม่ให้ความสนใจใคร
คนที่ไม่แสดงความห่วงใยออกมาง่ายๆ พยัคฆ์ฟ้าที่งดงามเหมือนกับทั้งร่างของมันเป็นน้ำแข็ง
ดูสงบเยือกเย็นตลอดไปแม้ในการสู้รบ ไม่มีใครมีฝีมือเปรียบเทียบได้
เป็นน้ำแข็งที่เยือกเย็นตลอดไป
พวกเขาไม่เคยเห็นสภาพคลั่งไคล้ตื้นตันของใต้เท้าปิงมาก่อน พยัคฆ์ฟ้าในตอนนี้มองดูน่ากลัวมาก
หลังจากเสียงวี้แหลมหยุดลง
พยัคฆ์ฟ้าก็ก้มหน้า มองดูเด็กหนุ่มเบื้องหลังเขา
เขาตะโกน
“พวกเจ้าทุกคนต้องจำไว้ให้ดี
เราคือจ้าวเวหา! ท้องฟ้าที่ถูกชิงเอาไปเมื่อหมื่นปีที่แล้ว
เราจะเอามันกลับคืนมา”
เด็กหนุ่มทุกคนต่างซาบซึ้งกับคำพูดจับใจของปิงจนพูดไม่ออก
ทุกคนอ้าปากกว้างขณะที่มองดูท้องฟ้า
ร่างแข็งทื่อเหมือนน้ำแข็ง
โลกของพวกเขาถูกปลูกฝังไว้ในใจแล้ว
*****
กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์
หลังจากประกาศแถลงการณ์ของสมาพันธ์ชาวยุทธและข่าวการสนับสนุนของ
15 เซียน บรรยากาศกลายเป็นตึงเครียด สีหน้าของเสี่ยวเอ้อเคร่งขรึม
ลูกปัดข่มพลังลอยอยู่เหนือศีรษะของเสี่ยวเอ้อ
ประกายแสงฉายคลุมร่างของเขา
ในฐานะเป็นหนึ่งในสามเซียนพลังสายเลือดขององค์การวิญญาณมืด
ลูกปัดข่มพลังที่สร้างขึ้นโดยกุ่ยอู๋จะกลายเป็นของธรรมดาได้ยังไง? นอกจากนี้ลูกปัดข่มพลังยังมีความหมายต่อความเป็นอมตะ
มันบรรจุความความรู้ความเข้าใจของกุ่ยอู๋มาทั้งชีวิต เขามีส่วนร่วมพัฒนากฎวิญญาณซึ่งอยู่เหนือความรู้ความเข้าใจในปัจจุบันของเสี่ยวเอ้อมาก
ลูกปัดข่มพลังเหมือนกับว่าตัวของมันเองเป็นจักรวาลแห่งหนึ่ง
หลังจากเสี่ยวเอ้อศึกษาเรียนรู้แล้ว
เขาก็ตระหนักได้ว่าลูกปัดข่มพลังมีความลึกลับมาก ลำแสงที่ฉายออกมาจากลูกปัดข่มพลังเป็นเหมือนหยาดฝนที่สามารถหล่อเลี้ยงสนามพลังวิญญาณของเขาได้อย่างต่อเนื่อง
การหล่อเลี้ยงเช่นนี้ไม่ไวเหมือนกับกระดูกเซียน แต่ก็สามารถช่วยเหลือสนามพลังวิญญาณได้มากกว่ากระดูกเซียน
หลังจากกินกระดูกเซียนของฝูอิงลงไปแล้ว
ค่าพลังวิญญาณของเสี่ยวเอ้อทะลุระดับ 100 จุดจนถึง 102 จุด
และค่าพลังวิญญาณของเขายังคงเพิ่มขึ้นต่อไป
สิ่งที่เขาไม่ได้คาดหมายไว้แต่น้อยเลยก็คือการสร้างสมบัติวิญญาณสามารถช่วยให้ค่าพลังวิญญาณของเขาเติบโตได้เร็วขึ้น
กะโหลกทองลอยอยู่ข้างหน้าเขา ขณะที่เพลิงเย็นขาวปะทุออกมาจากภายในกะโหลกทอง
กะโหลกทองเป็นของระดับเซียนที่เห็นได้ยากแม้แต่ในสมาพันธ์ชาวยุทธและมันถูกเรียกว่ามงกุฏเกียรติยศชาวยุทธ์เป็นอาวุธอย่างหนึ่งสำหรับใช้สร้างสมบัติวิญญาณ นับว่ายังดีที่ฝูอิงไม่ใช้แลกวิชาจิตวิญญาณหรือสมบัติวิญญาณอื่น
แต่ความจริงเขาแลกเปลี่ยนมาเพื่อให้ได้มงกุฎเกียรติยศชาวยุทธ
ใครกันจะรู้ว่ามันกลับตกไปอยู่ในมือของถังเทียนได้โดยง่าย
ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมงกุฎเกียรติยศชาวยุทธ์ก็คือมันสามารถแฝงและเพิ่มประสิทธิภาพเพลิงจิตวิญญาณ และมันมักสามารถเพิ่มค่าสนามพลังจิตวิญญาณได้อย่างไม่จำกัด
เพลิงเย็นที่อยู่ภายในมงกุฎเกียรติยศชาวยุทธระดับพลังวิญญาณก็ถึง
50 มากพออยู่แล้ว
เพลิงเย็นในปัจจุบันนี้ขาวบริสุทธิ์เหมือนหิมะ มีเกล็ดหิมะน้ำแข็งจับบรรจบอยู่รอบๆ
เปลวเพลิงเต้นระริกเป็นเงาแสงสว่างดูสง่างาม
ความเย็นถึงขั้วกระดูกค่อยๆ กระจายออกมาตามเปลว
มันรุมล้อมห่อหุ้มสมบัติ
มันบิดตัวด้วยความเร็วที่น่าทึ่งและขัดเกลาสมบัติดวงดาว
ในเวลาอันรวดเร็วสมบัติดวงดาวดูเหมือนหลอมละลายกลายเป็นรูปกลมสมบูรณ์แบบ
เพลิงเย็นขาวดุจหิมะค่อยๆ
ดิ่งและถอยกลับเข้าไปในมงกุฎเกียรติยศชาวยุทธ
บอลโลหะทองขนาดไข่ไก่ลอยอยู่ต่อหน้าเสี่ยวเอ้อ
บอลโลหะทองมีสีค่อนไปทางบรอนซ์
แต่พื้นผิวมีเส้นสายสีเงินซ้อนอยู่นับไม่ถ้วนมองดูงดงามมาก
เสี่ยวเอ้อโบกมือเก็บลูกกลมบรอนซ์ไว้
จากนั้นเขาโยนสมบัติดวงดาวมากกว่าสองชิ้นเข้าไปในเพลิงเย็น
เพลิงเย็นมีค่าพลังวิญญาณ
50 จุดก็นับว่าทรงพลังอยู่แล้ว และสมบัติดวงดาวธรรมดาไม่สามารถต้านทานได้
ความคิดของเสี่ยวเอ้อหยาบและเรียบง่าย
เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามสามารถใช้พลังของสมบัติดวงดาวได้ อย่างนั้นพวกเขาก็สามารถใช้ได้เช่นกัน เนื่องจากสมบัติดวงดาวไม่ได้หมายความว่าจะมีไว้ใช้ป้องกันเพียงอย่างเดียว
เสี่ยวเอ้อเริ่มมีความชำนาญในสมบัติวิญญาณมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากกว่าศัตรู กองกำลังของศัตรูไม่เพียงแต่ไม่มีเซียน แต่ความเข้าใจเรื่องพลังของเขายังต่ำอีกด้วย
ป้อมสมบัติดวงดาวไม่ได้ถือว่าสร้างอย่างเชี่ยวชาญแม้แต่น้อยสำหรับสายตาของเสี่ยวเอ้อ ผู้นำทหารสามารถรวมสมบัติเข้าด้วยกัน
และเพราะคุณภาพและปริมาณที่น่าทึ่งจึงก่อเป็นพลังป้องกันสูงขนาดนั้น
แต่สำหรับเสี่ยวเอ้อ
พลังไม่เพียงแต่รวบรวมจากปริมาณเท่านั้น
เขาเลือกสมบัติดวงดาวสองสามชิ้นมีคุณลักษณะแตกต่างกัน
และจากนั้นก็ใช้เพลิงจิตวิญญาณขจัดพลังที่ขวางอยู่และผสานเข้าด้วยกันแล้วปรับแต่งให้เป็นระเบิด
ซึ่งยังไม่ถือว่าเป็นสมบัติวิญญาณ
แต่ไม่คล้ายกับป้อมสมบัติที่รวบรวมสมบัติต่างๆ
แต่ยังพอนับได้ว่าเป็นสมบัติที่มีพลังสูงระดับปานกลาง
วิชานี้ถูกค้นเจอมาจากเศษความทรงจำของกุ่ยอู๋ เศษเสี้ยวความทรงจำเหล่านี้เข้าใจยากมาก
และส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับฝึกพลังสายเลือด
แต่ก็มีเนื้อหาความรู้อื่นผสมเข้ามามาก
เสี่ยวเอ้อรู้คุณค่าของความทรงจำ ถ้าไม่นับว่าเขาเป็นหนึ่งในสามสุดยอดเซียนสายเลือด
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งก็คือสามารถการสามารถได้สัมผัสลูกปัดข่มพลังนี้ได้นับเป็นนักสู้ที่แทบจะได้สัมผัสความเป็นอมตะว่าทรงพลังมากขนาดไหน
ดังนั้นเศษเสี้ยวความทรงจำในนั้น
จึงเป็นสมบัติประมาณค่ามิได้ทั้งหมด
แม้ว่าเสี่ยวเอ้อจะรู้ว่าเป็นของยิ่งใหญ่มากเพียงไหนและต้องใช้เวลามากถึงจะดูออกได้
เสี่ยวเอ้อใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนโดยไม่หยุดพักสร้างลูกระเบิดออกมาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อระเบิดลูกสุดท้ายถูกสร้างเสร็จ ถึงเทียนก็ยืนขึ้น
ที่ด้านเหนือเมฆ
เซียนทุกคนก็ยืนขึ้นเช่นกัน
เย่โส่วซินมองดูบนท้องฟ้า
หนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านไปในลักษณะนั้นและศัตรูไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด นี่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
แต่กลับตรงกันข้าม
ทำให้แรงกดดันบนตัวของเขาหนักหน่วงยิ่งขึ้น ศัตรูยังไม่ยอมเลิกรา
เพราะในช่วงที่ผ่านมาสองวัน มักจะมีเซียนลาดตระเวนดูรอบๆ ดังนั้นพวกเขาไม่กล้าวางใจ
เย่โส่วซินไม่ได้ตั้งความหวังมากมายเกินไปกับป้อมสมบัติดวงดาวว่าจะสามารถป้องกันการโจมตีของเหล่าเซียนได้ นอกจากนี้ ยังมีเซียนถึง 43 คน เมื่อพวกเขาอยู่รวมด้วยกัน
พวกเขาก็ยังคิดในทางเดียวกัน
ความหวังสุดท้ายของเขาก็คือทนให้ได้อีกวันหนึ่ง
ตราบใดที่เขาสามารถทนได้อีกวันหนึ่ง เซียนจากวิหารเซียนก็จะมาถึงและในเวลานั้น
จะเป็นเวลาตอบโต้ของพวกเขา
ทันใดนั้น
กลุ่มจุดเล็กๆ สีดำบินมาบนท้องฟ้า เย่โส่วซินตัวสั่น พวกเขากำลังจะโจมตี!
เขาโก่งคอตะโกนเสียงดัง “ศัตรูโจมตี! ทุกคน, ตื่นตัวเข้าไว้...”
เสียงทรงพลังดังทำลายความเงียบ
ทหารในป้อมเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นจุดดำกำลังใกล้เข้ามา
ทุกคนลุกขึ้นยืนทันที
ทุกคนรู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาจริงจัง
คนที่อยู่ในท้องฟ้าพุ่งแหวกอากาศส่งเสียงหวีดหวิวเข้ามาใกล้ป้อม
เสี่ยวเอ้อตามมาข้างหลังถังเทียนด้วยความคาดหวัง เขากระตือรือร้นจะทดสอบพลังของระเบิดสมบัติวิญญาณ
ที่เขาทำขึ้นด้วยความตั้งใจของตัวเอง เขากวาดตามองดูป้อมและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ป้อมสมบัติดวงดาวมีพลังสะสมของสมบัติมากมาย
ก็หมายความว่าจะต้องมีจุดตาย
ตราบใดที่เขาหาและทำลายจุดตายนั้นได้
เขาจะก็สามารถทำลายป้อมได้ทั้งหมด
เขามองหาสมบัติชิ้นแล้วชิ้นเล่า จำแนกออกเป็นส่วนต่างๆ ตาของเขาสว่างวูบทันที...
ทันใดนั้น
เสียงของถังเทียนดังลั่นข้างหูเขาทันที
“ทุกคน โยนระเบิดของพวกเจ้าใส่มุมรูปสามเหลี่ยมตรงนั้น!”
เสี่ยวเอ้อสะดุ้ง เขามองดูถังเทียน เหมือนกับถูกผีหลอก
เป็น...เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง!
เขาหามันพบได้ยังไง...
เขาหลงลืมเรื่องสมบัติวิญญาณไปอย่างสิ้นเชิง ป้อมสมบัติผสมผสานกันได้กลมกลืนดี เสี่ยวเอ้อเองยังไม่สามารถหาพบได้ แต่เจ้าเด็กโง่นั่นไวกว่าเขาอยู่หนึ่งก้าวจริงๆ
เจ้าเด็กนี่...
ความสามารถในการสู้รบก้าวหน้าไปถึงระดับใดกัน?
“ท่านเจ้ากลุ่มดาว
เราควรจะทดสอบสักชิ้นสองชิ้นก่อนดีไหม?”
มอนตาตะโกนทันที
เขาเป็นคนมีความรู้คนหนึ่ง
ถังเทียนไม่รู้ค่าของลูกบอลสีบรอนซ์ในมือเขา แต่เขารู้
ลูกบอลสีบรอนซ์เต็มไปด้วยพลังงานที่เคลื่อนไหว
วิชาวิญญาณสองอย่างตัดกันจึงจะเข้าถึงความสมดุลได้
หลังจากคิดว่าเขาต้องโยนของดีๆ
ออกไป มอนตารู้สึกเจ็บปวดใจ
“ไม่ได้! โยนทุกอย่างออกไปพร้อมกัน!”
ถังเทียนส่ายศีรษะอย่างไม่ลังเล
“ถ้าไม่สามารถทำลายมันได้
เราจะคิดหาวิธีอื่น!”
ทุกคนรู้สึกเจ็บปวดใจ
แต่เนื่องจากถังเทียนสั่งว่าต้องโยนพร้อมกัน
พวกเขาก็ต้องโยน
ไม่มีใครทันสังเกตว่าเสี่ยวเอ้อกางร่มอยู่ด้านหลังถังเทียน
เขาเป็นผู้เดียวที่รู้สึกตกใจอย่างรุนแรงที่สุด
เขากล้ายืนยันได้ว่าถังเทียนไม่รู้กลยุทธ์การรบใดๆ ทั้งนั้น แต่...เสี่ยวเอ้อเข้าใจ เขารู้ว่าการโจมตีเมือง ระเบิดครั้งใหญ่จะสร้างพลังล้างผลาญที่รุนแรงและมีประสิทธิภาพมาก
ใช่แล้ว,
เจ้าเด็กนี่คาดเดาอย่างป่าเถื่อนจริงๆ....
ทุกคนถือระเบิดสองลูกในมือซึ่งเป็นผลงานสร้างของเสี่ยวเอ้อตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน ทันใดนั้น ป้อมเกิดแสงสว่างแพรวพราวขึ้น
ทหารทุกคนรู้ว่าพวกเขาอยู่ในระหว่างความเป็นความตาย และถ่ายเทพลังปราณแท้เข้าไปในสมบัติดวงดาวอย่างบ้าคลั่ง
ทั่วทั้งฐานที่มั่นปลดปล่อยพลังงานที่ผันผวนแปลกประหลาด ม่านพลังงานหนาแน่นครอบคลุมออกมาไกลกว่าเดิม
ขณะที่ป้อมมองดูเหมือนใกล้ชิดมาก ถังเทียนตวาดลั่น “ฆ่า!”
เซียนทุกคนโยนระเบิดออกไปอย่างไม่ลังเล
ลูกกลมบรอนซ์เกือบร้อยลูกถูกโยนลงมาด้วยวิชาต่างๆ
และมันบินโค้งมาจากตำแหน่งต่าง
ลูกบอลกลมเหล่านั้นเหมือนกับฝูงแตนกระหายเลือด
ต่างส่งเสียงหวีดหวิวตรงเข้ามาตรงเป้าสามเหลี่ยมของป้อมที่เล็งเอาไว้
6 ความคิดเห็น:
วันนี้ตบกองพล พรุ่งนี้ตบเซียนอีก15คน ช่วงนี้รับทรัพย์รัวๆเลยวุ้ย
ละลายไปอีกกองพลนึง แถมซากก็ไม่เหลือแน่ๆ
เหมือนเครื่องบินทิ้งระเบิดเลยนี้สิสงคราม
ค้างขอรับ
ไม่อยากนึกภาพ โยนระเบิดใส่ห้องปิด มันจะอัดแรงขนาดไหนน้อ.... RIP แสงอรุณ
ขอบคุนคับ
แสดงความคิดเห็น