เล่มที่ 8
เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 50 นัดหมาย
มุมมองที่แม็คเคนซีมีต่อลินลี่ย์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ฮ่าฮ่า...” หลังจากเงียบไปชั่วครู่ แม็คเคนซีหัวเราะลั่น เขาลอยลงมาจากท้องฟ้า ค่อยๆ
เดินเข้าหาลินลี่ย์
อารมณ์ของเขาดูเป็นกันเองและเป็นมิตร
“ลินลี่ย์, จอมเวทอัจฉริยะในตำนาน
เป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของประวัติศาสตร์ แต่ในความเห็นของข้า พรสวรรค์ด้านนักรบของเจ้ายิ่งใหญ่มากกว่าในฐานะจอมเวทเสียอีก ยังอายุน้อยแท้ๆ ก็มีพลังระดับเซียนเสียแล้ว..
นักรบเลือดมังกรนับว่าเป็นสุดยอดนักรบอย่างแท้จริง”
ลินลี่ย์มักภาคภูมิใจกับมรดกของตระกูลของเขาเสมอมา
แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงสภาพที่ตระกูลของเขาถูกทำลายเหลือแต่ตัวเขากับน้องชาย
เขาอดรู้สึกเป็นทุกข์เศร้าใจมิได้
“ท่านแม็คเคนซี่ยังมีธุระอะไรอื่นอีกไหม? ถ้าไม่มีข้าจะขอลากลับเดี๋ยวนี้” ลินลี่ย์กล่าว
แม็คเคนซีรีบกล่าว “สหายลินลี่ย์
นี่คือการพบกันครั้งแรกของเรา
ทำไมเราไม่มาด้วยกันเล่า?
ข้ายังสงสัยเรื่องราวของนักรบเลือดมังกรของเจ้าเหมือนกัน
ถ้ามีเวลาพอข้าอยากจะซ้อมมือทดสอบฝีมือของเจ้าจริงๆ ลินลี่ย์, ที่สำคัญการได้ซ้อมมือกับยอดฝีมือระดับเดียวกันเป็นวิธีดีที่สุดที่นักสู้ระดับเซียนคนหนึ่งจะสามารถก้าวหน้าได้” ขณะที่พูดจบ
แม็คเคนซี่มองลินลี่ย์อย่างมุ่งหวังจริงจัง
ซ้อมมือ?
แม็คเคนซีเป็นเจ้าถิ่นของมณฑลพายัพ
สามารถทำความเข้าใจกับแม็คเคนซีนับเป็นประโยชน์สำหรับเขา นอกจากนี้คีนก็เป็นคนของมณฑลพายัพเช่นกัน นี่ถือว่าเป็นการช่วยคีนอีกทางหนึ่ง
หลังจากคิดสักครู่ลินลี่ย์พยักหน้า “แต่ข้ายังคงบาดเจ็บอยู่ ต่อให้ข้าไปยังที่พักของท่าน
ข้าก็คงไม่สามารถซ้อมมือกับท่านได้
เอาอย่างนี้เป็นไง?
ข้าจะขอกลับบ้านก่อน
แต่หลังจากใช้เวลาระยะหนึ่ง ข้าจะกลับมาเยี่ยมท่าน ใช้เวลาไม่นานนักหรอก ราวๆ
เดือนหนึ่งไม่เกินนั้น”
แม็คเคนซีผงกศีรษะดีใจ “ดีมาก
อย่างนั้นข้าจะรอการมาถึงของเจ้าอยู่ที่ปราสาทตระกูลชาร์ค”
“ข้าจะไปแน่นอน”
ลินลี่ย์ยิ้มและพยักหน้า
หิมะเริ่มตกแล้ว
และเกล็ดหิมะปลิวไปทั่วบริเวณ
แม็คเคนซีและลินลี่ย์นักสู้ระดับเซียนทั้งสองคนต่างคนต่างเหาะไปในทิศทางของตน
ในพื้นที่กว้างใหญ่
เหลืออยู่แต่เพียงบีบีกับลินลี่ย์เท่านั้น
“หิมะในฤดูหนาว” เมื่อเห็นหิมะตกจนสุดสายตา ทันใดนั้นลินลี่ย์หวนนึกถึงพายุหิมะครั้งใหญ่ในฤดูหนาวที่เขายังอายุน้อยและหลงรักอลิซ
ปีต่อมายังคงเป็นวันที่มีพายุหิมะ
ลินลี่ย์กับอลิซเลิกคบกัน
และจากนั้นภายในเทือกเขาอสูรวิเศษ
ในวันที่หิมะตกอีกวันหนึ่ง ลินลี่ย์สามารถเข้าถึงระดับ ‘กำหนด’ ได้
ตอนนี้
พายุหิมะครั้งที่สี่แล้ว คืนนี้ลินลี่ย์บรรลุเป็นนักรบระดับเก้า ด้วยพลังแท้ๆ
ของเขาตอนนี้อยู่ในขอบเขตชั้นเซียนแล้ว
“หิมะ...”
ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นมาก แต่เมื่อเขาก้มหน้ามองดูสารรูปตัวเอง
รอยยิ้มของเขาหายไปทันที
เขารำพึงอย่างประหลาดใจ
“ข้าสนทนากับนักสู้ระดับเซียนอยู่นานด้วยสารรูปอย่างนี้หรือนี่?”
เพราะเขาแปลงร่างและสู้กับพวกเทวทูต เสื้อผ้าของลินลี่ย์และกางเกงจึงขาดรุ่งริ่ง
สารรูปของเขาในตอนนี้ แม้แต่ขอทานก็คงรู้สึกสมเพชเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม
แม็คเคนซีไม่ได้สนใจเกี่ยวกับชุดของเขาเลย
ความจริงเมื่อนักสู้ระดับเซียนหลายคนกระตือรือร้นฝึกฝน บางครั้งพวกเขาก็ฝึกครั้งละเป็นเดือนๆ
จึงเป็นธรรมดาที่ร่างของพวกเขาจะสกปรกอย่างมิน่าเชื่อ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจกับลักษณะภายนอกผิวเผินมากนัก สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือสิ่งที่อยู่ในตัวพวกเขา
ตัวอย่างเช่น
แม้ว่าเสื้อผ้าของลินลี่ย์จะมีสภาพรุ่งริ่งดูไม่ได้
ก็ไม่มีใครกล้ามองดูถูกเขาขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้น
นี่คือสง่าและราศีของคนผู้หนึ่ง
“พี่ใหญ่,
ท่านบอกว่าท่านถึงระดับเซียนแล้วหรือ?
แปลงร่างและให้ข้าชื่นชมความสง่างามของพี่ใหญ่ด้วย” ตาน้อยๆ
ของบีบีจ้องมองลินลี่ย์ขณะที่มันพูดประจบในใจ
ความรู้สึกตื่นเต้นท่วมท้นใจลินลี่ย์
ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย
“ก็ได้” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ
บีบีกระโจนขึ้นไปอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์อีกครั้งหนึ่ง เกล็ดดำเริ่มปกคลุมผิวลินลี่ย์อีกครั้ง
หนามแหลมงอกออกมาจากหน้าผาก เข่าและศอกขณะที่ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองเข้ม
เขามองดูเหมือนกับแต่ก่อน
แต่ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง
“วืดดด”
ลินลี่ย์รู้สึกถึงพลังงานพิเศษที่แฝงของเลือดมังกรที่สูงส่งแฝงอยู่ในสายเลือดเริ่มไหลเวียนเข้าไปในกระดูก
กล้ามเนื้อและแม้แต่เกราะ หนามและหางมังกรของเขา
เกล็ดที่สีดำสนิทแต่เดิมเริ่มเรืองแสงสีน้ำเงิน
“รู้สึกถึงพลังได้เลย”
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกว่าการมองเห็นและการได้ยินของเขาเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นเป็นสิบๆ
เท่าทันที ไม่มีอะไรในระยะหลายกิโลเมตรที่หลบการสังเกตของเขาไปได้
“ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน พลังปราณยุทธก็แข็งแกร่งด้วย”
ลินลี่ย์กำหมัดและอากาศรอบหมัดสั่นสะเทือนทันที
พลังกล้ามเนื้อของเขาในตอนนี้มีพลังมากกว่าแต่ก่อนอย่างห่างไกล
และปริมาณปราณยุทธในร่างก็เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
“ฮ่าฮ่า...”
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะอย่างตื่นเต้น
ในเวลาดึก
ลินลี่ย์กำลังบินผ่านพื้นที่รกร้าง
เขาอยู่ในร่างมังกรแปลงเต็มที่มองดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่ลอยอยู่ในอากาศ
บางคราวก็ส่งเสียงหัวเราะดีใจอย่างบ้าคลั่งเป็นระยะๆ
เสียงหัวเราะของเขาก้องไปทั่วฟ้าและดิน
“มิน่าเล่าบาร์เกอร์ถึงได้ตื่นเต้นนักเมื่อเขาถึงระดับเซียน
ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าพลังของข้าจะเพิ่มขึ้นมากจนถึงระดับนี้ได้” ลินลี่ย์ยังคงตื่นเต้นมาก
นักรบเลือดมังกรมีพรสวรรค์ธรรมชาติหลายอย่าง
ทันทีที่พลังของพวกเขาถึงระดับที่แน่นอน พวกเขาสามารถบินได้อย่างเป็นธรรมชาติ นี่เหมือนกับการบินซึ่งอสูรเวทที่บินได้มีความสามารถเช่นนี้ตามธรรมชาติ
มันเป็นความสามารถตามธรรมชาติที่ไม่ต้องการการเรียนรู้และเข้าใจ
“ในเรื่องของความลึกลับและสูงส่ง
สายเลือดของมังกรเกราะหนามยังด้อยกว่าสายเลือดของนักรบเลือดมังกรเรามาก” เมื่อบินสูงขึ้นไป ลินลี่ย์รู้สึกทึ่ง
แต่เดิมที
ลินลี่ย์ดื่มเลือดมังกรไปเป็นปริมาณมากทั้งยังกินผลึกเวทมังกรเกราะหนามลงไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเลือดมังกร(ของตระกูล)
ในสายเลือดของลินลี่ย์ก็ยังสามารถละลายและดูดซึมมันไว้ได้หมด
และตอนนี้เมื่อเข้าสู่ระดับเซียนแล้ว
ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าพลังงานของเลือดมังกรที่เป็นมรดกตกทอดอยู่ในสายเลือดของเขายังคงเปลี่ยนแปลงและเสริมพลังการทำงานในร่างกายของเขาด้วย
“ความเร็วของข้าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า” เพียงแค่คิด
ร่างลินลี่ย์ก็เปลี่ยนสภาพเป็นเลือนรางทันที ขณะที่พุ่งขวางข้ามท้องฟ้า
“สำหรับพลังป้องกัน...” ลินลี่ย์มองดูเกล็ดที่สมบูรณ์และไม่ได้รับความเสียหายอย่างสนใจเป็นพิเศษ
มีชั้นแสงสีฟ้าสลัวๆ
“ถ้าข้ารับพลังการโจมตีจากเทวทูตสี่ปีกอีกครั้ง
อย่างมากก็คงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย”
ลินลี่ย์ยิ้มมุมปาก
ความมั่นใจ!
ความมั่นใจไม่มีใดเปรียบ!
ความจริงยอดฝีมือระดับเซียนชาวมนุษย์ส่วนใหญ่จะมีพลังป้องกันที่อ่อนแอมาก
แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูงก็ตาม
ก็ยังมีพลังป้องกันที่ด้อยกว่าอสูรวิเศษชั้นเซียน
แต่สี่สุดยอดนักรบมีพรสวรรค์และอัจฉริยภาพที่ทรงพลังมากยิ่งกว่าอสูรเวทมากมายนัก
นี่คือหนึ่งในเหตุที่เมื่อนักรบเลือดมังกรบรรลุระดับเซียนในร่างมนุษย์
พวกเขาจะมีพลังระดับสูงสุดในร่างแปลงมังกรทันที พวกเขาจะไร้เทียมทาน ทั้งความเข้าใจและรู้แจ้งไม่ทำให้พวกเขาแตกต่างกัน
แม้แค่อาศัยพลังภายนอก พวกเขาก็มีพลังไร้เทียมทานในหมู่ระดับเซียนแล้ว
นี่คือพรสวรรค์ธรรมชาติของพวกเขา
เหมือนกับที่แฮรุอิจฉาบีบีมากมายขนาดไหน
สี่สุดยอดนักรบก็คู่ควรแก่การยกย่องและเป็นที่อิจฉาจากทุกเผ่าพันธุ์ทั่วทวีปยูลาน
“พี่ใหญ่” บีบีกระโจนขึ้นมาในอากาศ
ลินลี่ย์กางแขนรับบีบีในกลางอากาศจากนั้นบีบีกระโดดไปอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์ ลินลี่ย์ในตอนนี้มีเกล็ดดำคลุมไปทั้งตัว
ขณะที่บนไหล่ของเขามีหนูเงาสีดำตัวหนึ่ง
เป็นภาพที่เข้ากันได้ดีจริงๆ
“บีบี
ได้เวลาที่เจ้าจะได้พบกับประสบการณ์การบินของยอดฝีมือชั้นเซียนจริงๆ แล้วนะ”
ลินลี่ย์หัวเราะลั่น จากนั้นทุ่มใช้พลังสูงสุด
ร่างเขาเปลี่ยนเป็นภาพเลือนรางขณะที่เขาพุ่งข้ามท้องฟ้าและหายลับเส้นขอบฟ้าไป
หิมะยังคงตกต่อเนื่องข้ามคืนไม่มีทีท่าว่าหยุด
มีแต่เพียงศพบนพื้นที่เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่ามีการต่อสู้ที่นี่
ความเร็วในการบินเป็นแนวตรงของนักสู้ระดับเซียนนั้นรวดเร็วมาก
ในเวลาชั่วโมงเดียวลินลี่ย์ก็สามารถบินข้ามเส้นทางเกินกว่าพันกิโลเมตร ในช่วงเวลาสั้นๆ
ลินลี่ย์มองเห็นหมู่บ้านยอดเมฆปรากฏอยู่ข้างหน้า
คืนนี้ หมู่บ้านยอดเมฆที่มีหิมะปกคลุมเงียบสงัด
ลินลี่ย์บินตรงไปทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน
และลงพื้นด้วยความเร็วสูงเหมือนดาวตกที่ลานกลางบ้าน
“ใครกัน!”
เสียงคำรามต่ำดังขึ้นขณะที่เงาหลายร่างพุ่งออกมา
ลินลี่ย์บินเร็วมากจนเขาสร้างคลื่นระเบิดเสียงโดยไม่รู้ตัว
เขาตกเป็นที่สนใจของยอดฝีมืออย่างพี่น้องบาร์เกอร์ทันที
แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาคือลินลี่ย์ในร่างมังกรแปลง ทุกคนลอบถอนใจ
“หืม.. ท่านเข้ามาโดยไม่เปิดประตูหรือนี่?” น้องห้าเกทส์พูดด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจ้องมองลินลี่ย์ “ใต้เท้า, เป็นไปได้ยังไงนี่...?”
ลินลี่ย์หัวเราะชำเลืองมองเกทส์
เกทส์เป็นคนที่ฉลาดและความคิดว่องไวที่สุดในห้าพี่น้อง
และเป็นคนแรกที่เข้าใจขั้นตอนของระดับ “กวัดแกว่งของหนักเสมือนของเบา”
ได้เป็นคนแรก
“อา! ระดับเซียน!” ตอนนี้คนอื่นๆ ค่อยเข้าใจเช่นกัน และห้าพี่น้องจ้องมองลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ
“พี่ลีย์กลับมาแล้วหรือ?” เสียงของเจนน์ดังขึ้น
ขณะที่นางวิ่งออกมาเช่นกัน
แต่พอนางเห็นร่างแปลงของลินลี่ย์เท่านั้น
นางกลัวจนเผลอกรีดร้องทันที “ปีศาจ!”
รีเบ็คกาและลีนาซึ่งแบ่งห้องพักร่วมกับนางรีบปลอบนาง
“เจนน์ นั่นเป็นพี่ลินลี่ย์
นั่นคือร่างแปลงนักรบเลือดมังกรของเขา”
รีเบ็คกาหัวเราะ
ลินลี่ย์คืนกลับเป็นร่างมนุษย์ตามปกติ
เจนน์ที่เพิ่งตกใจกลัวจ้องมองการแปลงร่างอย่างโง่งม
จากนั้นมองรีเบ็คกา “นักรบเลือดมังกร? นักรบเลือดมังกรคืออะไร?”
“ฮ่าฮ่า นักรบเลือดมังกรคือหนึ่งในสี่สุดยอดนักรบ เราห้าพี่น้องก็เป็นสุดยอดนักรบเหมือนกัน เราคือนักรบอมตะ!” เกทส์พูดด้วยความภูมิใจ
เจนน์มองดูกลุ่มคนรอบๆ
เมื่อนางมาถึงที่นี่คืนนี้พร้อมกับแฮรุ
นางถูกพาไปพักกับรีเบ็คกาและลีนาชั่วคราว แต่เมื่อรีเบ็คกาและลีนากำลังแนะนำทุกคนให้นางรู้จัก พวกนางได้แค่พาไปแนะนำซาสเลอร์เท่านั้น
เจนน์ยังไม่ทันตื่นตะลึงเสร็จเมื่อทราบว่าซาสเลอร์เป็นพ่อมดจอมเวทมาก่อน ทันใดนั้น คำว่านักรบเลือดมังกรนี้
และนักรบอมตะเหล่านี้กลับผุดขึ้นมาซ้ำซ้อนอีก
“นี่.. พวกท่านทุกคนคือ...”
จิตใจของเจนน์สับสนไปหมด
“เจนน์
กลับไปพักเสียก่อนเถอะ”
ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขาพูด
บาร์เกอร์และน้องๆ
ของเขาตะลึงกับการบรรลุระดับใหม่ของลินลี่ย์
อังเก้พี่คนรองอดหัวเราะไม่ได้ “ใต้เท้า ท่านบรรลุระดับใหม่ด้วยความเร็วขนาดนี้, พี่บาร์เกอร์ก็เพิ่งถึงระดับเซียนเช่นกัน แต่ก็ยังไม่ใช่คู่มือของท่าน ตอนนี้...ความแตกต่างระหว่างเรายิ่งห่างกันไกล”
“ถ้าเขาไม่แข็งแกร่งทรงพลัง
เขาจะเป็นใต้เท้าของเราและนำเราต่อต้านล้างแค้นกับศาสนจักรเจิดจรัสได้ยังไง?” เกทส์พูดอย่างหยิ่งยโส
“พวกเจ้าทุกคนก็ใกล้จะถึงพลังระดับเซียนแล้ว” หน้าของซาสเลอร์มีรอยยิ้ม “โชคดีที่ตาแก่ผู้นี้ก็ได้เค้าข้อมูลเชิงลึกบางอย่างในที่สุด ข้าเชื่อว่าภายในเวลาสิบปี ข้าน่าจะบรรลุถึงระดับเซียนได้”
สิบปี?
ซาสเลอร์อายุเกินแปดร้อยปีแล้ว สำหรับเขาสิบปีนับว่าเป็นเวลาที่สั้น
“ปรมาจารย์พ่อมดจอมเวท? นั่นคือเป็นความคิดที่น่ากลัวเหลือเชื่อ” ลินลี่ย์นัยน์ตาเป็นประกาย “ถึงเวลานั้นท่านก็สามารถเรียกภูตผีระดับเซียนได้ และนำกองทัพภูตผีได้อีกเป็นล้าน!”
พ่อมดจอมเวทระดับเก้าก็นับว่าน่ากลัวมากพอแล้ว
แต่ปรมาจารย์พ่อมดจอมเวทยิ่งน่ากลัวพอๆ
กับจักรวรรดิหนึ่งเลยทีเดียว
“ฮ่าฮ่า ทุกคนต่างก็เพิ่มความแข็งแกร่งกันทั้งนั้น
ดูซิว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะกล้าส่งคนมาอีกหรือไม่?
ถ้าพวกมันบังอาจส่งมา
เราจะฆ่ามัน
ถ้าพวกมันส่งมาสิบ
เราจะฆ่าทั้งสิบ
จากนั้นเราจะให้ซาสเลอร์สร้างทาสภูตผีจากศพพวกมันและใช้พวกมันตอบโต้” ขณะที่เกทส์พูด เขาก็ยิ่งตื่นเต้นกับความคิดของเขา
ทุกคนมีความสุขมาก ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้น
ก็หมายความว่าพวกเขายิ่งมีคุณสมบัติพอจะต่อสู้ท้าทายกับศาสนจักรเจิดจรัสได้โดยตรง
ลินลี่ย์มีความสุขมากเช่นกัน
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นหิมะโปรยลงมา
จากนั้นลินลี่ย์หันไปมองทุกคน “เอาล่ะ,
คืนนี้จะมีพายุหิมะ
ทุกคนควรจะเข้าไปในห้องโถงใหญ่กัน
ถ้าหากเราต้องการจะคุยกัน”
“ได้เลย! คืนนี้
ไม่เมาไม่เลิกรา”
แม้แต่บาร์เกอร์ที่หนักแน่นน่าเชื่อถือก็ยังคำรามลั่นอย่างมีความสุข
งานเลี้ยงดำเนินไปครึ่งคืน
ความจริงไม่ว่าพวกเขาจะสามารถสู้กับศาสนจักรเจิดจรัสได้หรือไม่
ขึ้นอยู่กับพลังของพวกเขา เหตุผลที่ลินลี่ย์เป็นผู้นำของพวกเขาเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขานั่นเอง
เวลาผ่านไป
ในพริบตาเดียวผ่านไปสามวันแล้ว
เจนน์เข้าใจภูมิหลังของทุกคนเต็มที่และนางค่อยๆ
ยอมรับทุกอย่าง ตอนนี้เจนน์เข้าใจจริงๆ ว่าคนเหล่านี้ เป็นผู้ปกครองเมืองไม่มีผลอะไร
ความจริง ไม่ใช่แค่เมืองปกครอง แม้แต่ตระกูลชาร์คที่มีอำนาจ ปกครองมณฑลพายัพก็สร้างความลำบากให้กับกลุ่มของลินลี่ย์ไม่ได้
พวกเขาเพียงแต่มองตระกูลชาร์คในระดับเสมอกันและนั่นเป็นเพราะความคงอยู่ของแม็คเคนซี่
“บาร์เกอร์, น้องๆ
ของเขาและพี่ลินลี่ย์ฝึกหนักกันทุกคน”
รีเบ็คกา ลีนาและเจนน์สาวงามทั้งสามจับกลุ่มคุยกันเองขณะถือกระเช้าเข้าคฤหาสน์
แต่ขณะที่พวกนางเดินเข้ามาในลาน ทันใดนั้นพวกนางเห็น...
หนูเงาบีบีลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ
เมื่อเห็นเจนน์และคนอื่นๆ
เขาหลิ่วตาให้ทั้งสามนางขณะลอยตัวเข้าไปหา บีบีเอ่ยปากและพูดด้วยภาษามนุษย์ชัดเจน
“ว้าว.. สามสาวงาม สวัสดี คุณสุภาพสตรีทั้งหลาย!”
19 ความคิดเห็น:
มาแว้วๆ
เข้าสู่โหมดเซียน ก็คุยกันรู้เรื่องแล้วสินะ
เอาแล้ว
บีบีโกงสุดกินกับนอนก้อเก่งได้
FC BB 555+
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคับ
เซียนอีกรายย
ขอบคุณครับ ชอบมากเรื่องนี้
Thank You
ขำบีบี 555
51 ไมยังไม่มาอ่าาาาาา
ขอบคุณคะ
ว้าว 😮😮 บีบีเข้าสู่ระดับเซียนแล้วใช่ไหม??
ขอบคุณค่ะสนุกมาก
ขอบคุณค่ะสนุกมาก
ขอบคุณคร๊าบบบบบ
ขอบคุณมากนะคับ
บีบีอย่างเท่
แสดงความคิดเห็น