เล่มที่ 8
เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 51
วอร์ตัน
‘เรดเฟลม’
เมืองหลวงของจักรวรรดิโอเบรียน
ในทั่วทวีปยูลาน บางทีมีแต่เมืองหลวงของจักรวรรดิยูลานจึงจะพอมีขนาดเทียบกับนครเรดเฟลมได้
ชื่อเมือง ‘เรดเฟลม’ เป็นเทพสงครามโอเบรียนเป็นผู้เลือกชื่อนี้เอง
นครหลวงเรดเฟลมมีประชาชนหลายล้านอาศัยอยู่ที่นี่
เนื่องจากเป็นเมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกินห้าพันปี เรดเฟลมมีตระกูลเก่าแก่หลายตระกูล ในสถานที่อย่างนครหลวงเรดเฟลม
แม้แต่ยอดฝีมือระดับเก้าก็ยังถือว่ามีอยู่ทั่วไป
ไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามในนครหลวง
เพราะมีตระกูลที่แข็งแกร่งทรงอำนาจมากมายอยู่ที่นี่
แต่แน่นอนว่า
ผู้มีอำนาจอันดับหนึ่งของนครหลวงเรดเฟลมก็คือวิทยาลัยเทพสงครามอย่างมิต้องสงสัย
แม้แต่ศิษย์ที่ได้รับการสั่งสอนส่วนตัวของเทพสงครามก็แทบไม่ได้ปรากฏหน้า
แม้แต่ศิษย์กิตติมศักดิ์ที่อ่อนแอที่สุดอย่างน้อยก็เป็นนักสู้ระดับแปด ขณะที่ส่วนใหญ่เป็นนักสู้ระดับเก้า จากจุดนี้ทุกคนสามารถบอกได้ว่าวิทยาลัยเทพสงครามทรงพลังอย่างน่าประหลาดขนาดไหน และแน่นอน
ยังมีปรมาจารย์ของวิทยาลัยสงครามอีกด้วย นั่นคือเทพสงครามเอง
ต้องเข้าใจก่อนว่าจักรวรรดิโอเบรียน
ศาสนาอื่นทั้งหมดผิดกฎหมาย
แม้แต่สามัญชนทั่วไปก็ยังสวดภาวนาถึงเทพสงคราม เทพสงครามกลายเป็นเป้าหมายความเชื่อของพวกเขา
จากตรงนี้ ทุกคนบอกได้ถึงความสำคัญของเทพสงครามว่าอยู่ในใจประชาชนทั่วไป
ทางด้านตะวันออกของนครหลวงเรดเฟลมเต็มไปด้วยราชวังและที่อยู่อาศัยชนชั้นสูง
วังหลวงตั้งอยู่ภายในเมืองด้านตะวันออกเช่นกัน
ภายในเรดเฟลมตะวันออกนี้มีถนนสายหนึ่งชื่อ
ถนนโบลเดอร์ในแต่ละด้านของถนนโบลเดอร์จะมีคฤหาสน์ที่ก่อสร้างไว้อย่างประณีต
คฤหาสน์เหล่านี้สร้างตามราชโองการของจักรพรรดิและพระราชทานเป็นรางวัลให้กับเหล่าขุนนางหรือข้าราชการที่กระทำความดีความชอบยิ่งใหญ่แก่จักรวรรดิ
หนึ่งในคฤหาสน์บนถนนโบลเดอร์ก็คือที่พักของดาวรุ่งดวงใหม่ที่สุดของจักรวรรดิ
เคานท์วอร์ตัน
ยามร่างสูงใหญ่สองคนยืนเฝ้าประตูบ้านพักของเขาคนละด้าน
เอวของพวกเขาแข็งแรง และในตอนนี้ภายในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์
มีคนอยู่สี่คน
ทั้งสี่คนกำลังยืน
แต่หนึ่งในนั้นกำลังเดินไปมา พลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
ดูเหมือนเขาอายุเพียง
21-22 ปีเท่านั้น
เขาสวมชุดนักรบเรียบง่ายไม่มีแขนเสื้อเผยให้เห็นมัดกล้าม จมูกของเขาโด่งเป็นสัน คิ้วดำหนา
หน้าเหลี่ยมทำให้เขาดูห้าวหาญและดุร้าย
แต่สิ่งที่น่าประหลาดเกี่ยวกับเขามากที่สุดก็คือร่างกายของเขา
เขามีส่วนสูงถึง 2.2
เมตรอย่างน่าประหลาด มีไหล่หนากว้าง เอวคอดและสองขาแน่นแข็งแรง
“แค่จากลักษณะวอร์ตันดูเหมือนจะประหลาดมากกว่าลินลี่ย์เสียอีก” ฮิลแมนพูดกับตนเอง
เทียบกับวอร์ตัน
ลินลี่ย์ยังสงวนท่าทีและเข้าใจได้มากกว่า
“คุณชายวอร์ตัน
ท่านยังกังวลเรื่ององค์หญิงเจ็ดอีกหรือ?”
พ่อบ้านแอชลี่ย์ผู้มีจมูกแดงเพราะดื่มไวน์หัวเราะหึหึ วอร์ตันหันมามองเขาอย่างจนใจ “ปู่แอชลี่ย์
ปู่ก็รู้นี่คนพวกนั้นตามติดพันนีน่า”
บุรุษหนุ่มอีกคนในกลุ่มคนทั้งสี่หัวเราะ “คุณชายวอร์ตัน ทำไมคนที่กล้าหาญและตรงไปตรงมาอย่างตัวท่านถึงได้พิรี้พิไรและกระวนกระวายใจได้เล่า
ในเมื่อพูดถึงเรื่องความรัก?
ทำไมท่านไม่ไปกับนาง ไปพบพระราชบิดาของนาง? นั่นง่ายไม่ใช่หรือ?”
“แค่ไปบอกตรงๆ น่ะหรือ?” วอร์ตันเลิกคิ้ว
ฮิลแมนสนับสนุนเช่นกัน “เนเดอร์พูดถูก
เจ้าเป็นนักรบระดับแปดแล้วและเป็นเชื้อสายของตระกูลนักรบเลือดมังกร องค์จักรพรรดิรู้อย่างแน่นอนว่าสำหรับเชื้อสายของตระกูลนักรบเลือดมังกรเมื่อบรรลุระดับแปดก็หมายความว่าเขาสามารถฝึกปราณยุทธเลือดมังกรและมีความสามารถในการแปลงร่างได้”
เท่าที่ฮิลแมนเห็น
สำหรับใครบางคนที่จะถึงระดับแปดโดยไม่ได้ฝึกปราณยุทธย่อมเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ฮิลแมนไม่รู้ว่าตอนนี้ข้างตัวลินลี่ย์ยังมีห้าพี่น้องที่ถึงความเป็นนักรบระดับแปดได้โดยฝึกแต่พลังภายนอกล้วนๆ
“วอร์ตัน ในฐานะนักรบเลือดมังกร
เจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสมคู่ควรกับองค์หญิงเจ็ด
ข้าเชื่อว่าองค์จักรพรรดิจะทรงเห็นด้วย”
พ่อบ้านแอชลีย์หัวเราะขณะกล่าว
“แต่ควรจะจูงมือนางไปด้วย
ข้าคิดว่าอาจจะดีกว่าถ้าเจ้าให้องค์หญิงเจ็ดทูลบอกฝ่าบาทก่อน นั่นน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า”
พ่อบ้านแอชลีย์และฮิลแมนชำเลืองมองกันเอง
จากนั้นทั้งสองก็เริ่มหัวเราะ
ช่วงปีหรือสองปีที่ผ่านมา
ความสัมพันธ์ระหว่างวอร์ตันและองค์หญิงเจ็ดแห่งจักรวรรดิค่อนข้างจะเป็นที่รู้กันทั่วนครหลวง ขุนนางหนุ่มอื่นๆ ที่อยู่ในนครหลวงก็ไม่ยอมแพ้ นอกจากนี้ยังมีอีกสองคนในนั้นที่แข่งขันกันมาก
“ตอนนี้พอแค่นั้นก่อน” วอร์ตันส่ายศีรษะ
เขาเชื่อใจองค์หญิงเจ็ด
องค์หญิงเจ็ดบอกเขามานานแล้วว่านอกจากเขาแล้ว นางจะไม่แต่งงานกับใครอื่น แต่วอร์ตันรู้ว่าการแต่งงานขององค์หญิงของจักรวรรดิ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเฉพาะตัวนางเอง นอกจากนี้ วอร์ตันไม่ต้องการให้องค์เจ็ดผิดหวังและไร้ความสุขเกินไป ถ้าสามารถแต่งงานกับนางได้อย่างเปิดเผย นั่นจะเป็นเรื่องดีที่สุด
“โอว จริงสิ ปู่แอชลี่ย์ มีข่าวคราวพี่ข้าบ้างไหม?” วอร์ตันถาม
พ่อบ้านแอชลี่ย์พยักหน้า
“หอการค้าดอว์สันแจ้งมาว่าพี่ชายของเจ้ายังคงอยู่ในที่ลับและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีข่าวอะไรใหม่”
“พี่ใหญ่ฝึกหนักเหมือนเคย” ในใจของเขา วอร์ตันนับถือยกย่องลินลี่ย์มาก
แบกภาระรับผิดชอบตระกูลนักรบเลือดมังกรหลายอย่าง
เช่นการสืบทอดมรดกตระกูลบรรพบุรุษหรือล้างแค้นให้บิดามารดาที่ตายไป
เป็นลินลี่ย์ที่แบกรับไว้เพียงลำพัง ขณะที่เขาได้แต่รั้งอยู่ที่นี่
ในนครหลวงและฝึกฝนเงียบๆ
แม้จะอยู่ไกลลินลี่ย์ก็ยังคงปกป้องคุ้มลมคุ้มฝนให้เขา
“พี่ใหญ่...”
วอร์ตันยังจำได้เมื่อคราวยังเป็นเด็ก
เมื่อนักสู้ชั้นเซียนสองคนกำลังสู้กันนอกเมืองอู่ซัน
ก้อนหินลูกมหึมาร่วงลงมาจากท้องฟ้ามากมาย
พี่ชายของเขาไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองเอาตัวเองปกป้องวอร์ตันไว้
วอร์ตันจำได้ชัดถึงห้วงเวลาอันตรายนั้น...
“หมอบลง!”
ลินลี่ย์ตะโกนบอกวอร์ตันอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่พุ่งมาหาเขาโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง
ลินลี่ย์ใช้ร่างที่อ่อนแอเปราะบางของตนเองบังตัววอร์ตันไว้
หลังจากออกจากบ้านตอนอายุหกปี
วอร์ตันอายุยี่สิบสองปีแล้ว อีกหนึ่งเดือนเขาจะอายุยี่สิบสาม
เกือบสิบเจ็ดปีแล้ว
เขาไม่ได้พบเห็นพี่ชายของเขามาสิบเจ็ดปีแล้ว
“คุณชายวอร์ตันไม่ต้องห่วงมากเกินไป คุณชายลินลี่ย์จะมาพบท่านทันทีที่เขาฝึกฝนสำเร็จระดับหนึ่งเป็นแน่
ที่สำคัญคือเขารู้ว่าท่านอยู่ที่ไหนอยู่แล้ว” พ่อบ้านแอชลี่ย์พูดปลอบโยน
วอร์ตันพยักหน้าจากนั้นหัวเราะให้ตนเอง “เมื่อพี่ใหญ่พบข้า ข้าสงสัยจริงว่าเขายังจะจำข้าได้ไหม”
“เด็กหกขวบก็เปลี่ยนไปมากอยู่นะ ฮ่าฮ่า.. มันก็จริงนะที่พี่ชายท่านอาจจำท่านไม่ได้” ฮิลแมนเริ่มหัวเราะ
เนเดอร์พยักหน้าเช่นกัน
“เมื่อตอนข้าออกจากสหภาพศักดิ์สิทธิ์มาพร้อมกับพ่อ
ตอนแรกข้ายังจำท่านไม่ได้ด้วยซ้ำ
คุณชายวอร์ตัน
ต่อเมื่อหลังจากข้าได้เห็นพ่อบ้านแอชลี่ย์ข้าถึงได้รู้ว่าเด็กตัวโตที่สูงกว่าข้าความจริงก็คือเด็กน้อยที่ข้าเคยรู้จัก”
“เนเดอร์, แสบนักนะเจ้า” วอร์ตันจ้องมองเขา
เนเดอร์คือบุตรของฮิลแมน
เนเดอร์ไม่ค่อยมีพรสวรรค์นักรบมากนัก
แม้เขาจะอายุยี่สิบห้าปีแล้ว เนเดอร์ก็ยังเป็นนักรบระดับสี่ แต่เนเดอร์เป็นคนระมัดระวังรอบคอบมากและทำงานร่วมกับฮิลแมนบิดาของเขา
เขาจะจัดการดูแลงานของยามทั้งหมดในคฤหาสน์
“โอว..สายแล้ว”
วอร์ตันคว้านาฬิกาพกมาดู “ปู่แอชลี่ย์,
ลุงฮิลแมน ข้าไปก่อนนะ”
“เขาต้องไปพบกับองค์หญิงเจ็ดอีกครั้ง” เนเดอร์หัวเราะคิกคักทำหน้าทะเล้นล้อเขา
วอร์ตันหัวเราะอย่างมั่นใจให้เนเดอร์ “เรื่องธรรมดา เจ้าจะอิจฉาทำไมกัน?”
ขณะที่เขาพูดวอร์ตันหัวเราะแล้วเดินออกจากคฤหาสน์
พ่อบ้านแอชลี่ย์มองดูวอร์ตันเดินออกไป
เขารู้สึกตื่นเต้นมาก
“ตอนที่เรามาถึง
คุณชายวอร์ตันยังเป็นแค่เด็กตัวน้อยคนหนึ่ง
แต่บัดนี้ เขาเติบโตแล้ว ข้าทำงานที่ใต้เท้าฮ็อกมอบหมายให้ข้าสำเร็จแล้ว” เมื่อเขาคิดถึงฮ็อก แอชลี่ย์อดถอนหายใจไม่ได้
“ตระกูลบาลุคซบเซามาหลายปีแล้ว
บัดนี้จะเริ่มฟื้นขึ้นได้ในที่สุด ในอีกสิบปีข้างหน้ามีแนวโน้มว่าทั่วทั้งทวีปยูลานจะเต็มไปด้วยผู้คนกล่าวขวัญถึงนักรบเลือดมังกรในตำนาน” ฮิลแมนพูดอย่างมั่นใจ
วอร์ตันสะพายดาบศึกประหารปรปักษ์ขี่เสือเขี้ยวดาบไปบนถนน เสือเขี้ยวดาบเป็นอสูรเวทระดับแปด
ดังนั้นราศีของพวกมันจึงทำให้อสูรเวทธรรมดาต้องหลีกห่างจากมัน นอกจากนี้
วอร์ตันยังมีรูปร่างที่ใหญ่โตบึกบึน
พวกเขาสร้างภาพที่น่าเกรงขามด้วยกันจึงทำให้ทุกคนที่เห็นเขารู้สึกกลัว
ดังนั้นคนเดินเท้าที่อยู่บนถนนจึงหลีกทางให้เขาทุกคน
“นั่นคือวอร์ตันนักเรียนอัจฉริยะของสถาบันโอเบรียน
ดูสิ เขากำลังขับขี่อสูรเวทระดับแปด”
“เสือเขี้ยวดาบ ช่างดุร้ายจริง! ถ้าข้ามีอสูรเวทเป็นของตัวเอง
นั่นจะดูยิ่งใหญ่เพียงไหน”
หลายๆ
คนบนถนนคุยกันเรื่องวอร์ตัน ขณะที่เขาผ่านไป
ในอดีตเมื่อลินลี่ย์เห็นมังกรลมกรดเป็นครั้งแรก
เขาก็ใฝ่ฝันเช่นกันว่าจะมีอสูรเวทที่แข็งแกร่งอย่างมังกรลมกรดเป็นเพื่อนสักตัว ในสายตาของเด็กๆ หลายคนวอร์ตันนับเป็นแบบอย่างของพวกเขา
เสือเขี้ยวดาบว่องไวมาก
แม้เวลาที่เดินทางไปบนถนน มันก็ยังเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว
“ถึงแล้ว” วอร์ตันเห็นโรงแรมที่โดดเด่นสง่างามอยู่ห่างออกไป นี่คือจุดนัดพบของเขากับองค์หญิงเจ็ด
พนักงานต้อนรับของโรงแรมจำวอร์ตันได้เช่นกันและเปิดประตูต้อนรับให้วอร์ตันเข้าไปทันที
วอร์ตันมีเสือเขี้ยวดาบเดินตามอยู่ด้านหลังของเขาขณะที่เขาเข้าไปในโรงแรม
วอร์ตันมองไปรอบๆ
โรงแรม ในที่สุดก็เห็นคนที่เขาห่วงใยที่สุด
เขาร้องเรียกด้วยความดีใจทันที “นีน่า”
แต่ในทันใดนั้น วอร์ตันต้องขมวดคิ้วทันที
เพราะเขาพบกับคนที่ทำให้เขาหงุดหงิดอีกครั้ง
“วอร์ตัน”
นีน่ามีผมสีทองและใบหน้าที่ขาวซีดของนางยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม
นัยน์ตาเป็นประกายสุกใสไม่มีร่องรอยตำหนิแม้แต่น้อย
นีน่าวิ่งเข้ามาหาวอร์ตันอย่างดีใจ
ขณะที่วอร์ตันสาวเท้ายาวและฉวยมือนีน่า
“คนผู้นั้นกวนใจข้าอีกแล้ว” นีน่ากระซิบบอกวอร์ตัน
วอร์ตันชำเลืองมองบุรุษที่อยู่ห่างออกไป
และพูดเบาๆ “นีน่า อย่าไปสนใจเจ้านั่นเลย”
แต่ในทันทีนั้น บุรุษหนุ่มรูปงามก็เดินเข้ามาหา เขาหัวเราะอย่างใจเย็นพลางกล่าว “วอร์ตัน,
ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับเจ้าที่นี่
ทำไมเจ้ามักจะปรากฏตัวในที่ๆ มีนีน่าอยู่เสมอได้นะ?”
“หุบปากเจ้าเลย ลามอนต์” วอร์ตันหงุดหงิด “จำเอาไว้ ชื่อของนีน่าไม่ใช่ให้เจ้าเรียกได้ตามชอบใจ คำถามที่เจ้าถามข้า ข้าจะย้อนถามเจ้าบ้าง
ทำไมเจ้ามักจะโผล่อยู่ในที่ๆ มีนีน่าอยู่เรื่อย?”
ลามอนต์ชำเลืองมองวอร์ตัน หน้าของเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
แม้ว่าโดยผิวเผิน
เขาจะดูเหมือนไม่ใส่ใจมากนัก
แต่ในใจแล้วลามอนต์ไม่ชอบวอร์ตันผู้นี้
ที่สำคัญคือเป็นวอร์ตันที่แย่งนีน่าไปจากเขา
“โอว, เสือเขี้ยวดาบ”
ลามอนต์มองดูเสือเขี้ยวดาบของวอร์ตัน
เขาหัวเราะและกล่าว “วอร์ตัน, สนใจจะให้พยัคฆ์มัสตีฟตาฟ้าสู้กับเสือเขี้ยวดาบของเจ้าบ้างไหม?
ข้าพนันว่าพยัคฆ์มัสตีฟของข้าชนะได้แน่นอน”
พยัคฆ์มัสตีฟตาฟ้าและเสือเขี้ยวดาบเป็นอสูรเวทระดับแปดทั้งคู่
อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างเรื่องพลังในบรรดาอสูรเวทระดับแปดเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น มัสตีฟขนทองและพยัคฆ์มัสตีฟตาฟ้านับได้ว่าเป็นหนึ่งในยอดอสูรเวทระดับแปด พยัคฆ์มัสตีฟตาฟ้าจะมีอิทธิพลต่ออสูรเวทประเภทเสือได้โดยเฉพาะ
“ไม่สนใจ”
วอร์ตันบอกปัดข้อเสนออย่างไม่สนใจไยดี
เขามองลามอนต์อย่างเย็นชา “ลามอนต์
ถ้าเจ้าต้องการแข่งขันจริงๆ ข้าจะไม่ปฏิเสธซ้อมมือกับเจ้า ในฐานะที่มีอสูรเวทด้วยกัน เอาไหมหือ?”
“แข่งกันระหว่างลูกผู้ชาย?”
ลามอนต์หัวเราะ
จากนั้นไม่พูดอะไรต่อไป
ลามอนต์เป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงคราม และเขาเป็นนักรบระดับเก้าแล้ว
เขาย่อมมีดีพอให้หยิ่งแน่นอน
แต่ตอนนี้เกือบทั้งหมดของตระกูลเก่าแก่ในเมืองหลวงรู้ว่าวอร์ตันมาจากตระกูลบาลุค
ซึ่งก็คือตระกูลนักรบเลือดมังกรและวอร์ตันสามารถใช้ปราณยุทธได้
เชื้อสายของตระกูลนักรบเลือดมังกรที่สามารถใช้ปราณยุทธได้ย่อมสามารถแปลงเป็นมังกรได้เช่นกัน
ลามอนต์รู้ดีว่าแม้ลักษณะของวอร์ตันที่ปรากฏจะเป็นเพียงนักรบระดับแปดคนหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเขาใช้ดาบศึกประหารปรปักษ์ที่มีความพิเศษเฉพาะตัวโจมตี
เขาสามารถสู้ได้เสมอกับนักรบระดับเก้า
แต่ทันทีที่วอร์ตันแปลงกาย
ลามอนต์ไม่ใช่คู่ต่อสู้แม้แต่น้อย
“ไปกันเถอะ”
เขาลูบศีรษะของพยัคฆ์มัสตีฟตาฟ้าของเขาอย่างนุ่มนวล ลามอนต์หัวเราะเบาๆ
และจากนั้นลามอนต์จากไปพร้อมกับอสูรเวทของเขาในลักษณะนั้น
นีน่ากับวอร์ตันตรงไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสองของโรงแรม ขณะที่บ่าวหญิงของนีน่ารออยู่นอกห้อง
“คนตัวโต
บอกข้ามาเราควรจะทำยังไงกับลามอนต์ผู้นั้น? เขาน่ารำคาญมาก” นีน่าคลอเคลียอยู่ในอ้อมแขนวอร์ตันถามเสียงนุ่ม
“คนตัวโต” นี่คือคำที่นีน่าใช้เรียกวอร์ตันเมื่อพบกันครั้งแรก เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพบกันเป็นส่วนตัว นีน่าจะใช้คำนี้เรียกเขา
“เป็นความผิดของเจ้าเองที่เสน่ห์แรงนะนีน่า” วอร์ตันยิ้มขณะแตะจมูกนีน่า “ความจริงข้าไม่ค่อยห่วงเรื่องลามอนต์เท่าใดนัก
คนที่ข้ากังวลก็คือเคย์ลัน”
“พี่เคย์ลัน?” นีน่าพูดอย่างจำนน “ข้าเพียงคิดกับเขาเหมือนกับเป็นพี่ชาย แต่เขา...เฮ้อ..”
เคย์ลันอายุ 23 ปี
แต่เป็นจอมเวทระดับเจ็ดแล้ว
มีนักรบระดับเจ็ดที่มีอายุยี่สิบสามปีอยู่น้อยคนนัก แต่นักเวทระดับเจ็ดอายุยี่สิบสามปียิ่งมีน้อยกว่า นอกจากนี้ เคย์ลันยังบรรลุเป็นจอมเวทระดับเจ็ดเมื่ออายุยี่สิบเอ็ดปี
ถ้าลินลี่ย์ไม่สลักงานประติมากรรม
‘ตื่นจากฝัน’ ก็มีแนวโน้มว่าอาจทำให้เขาต้องใช้เวลาจนอายุยี่สิบปีจึงจะถึงระดับเจ็ดได้
ในนครหลวง
เคย์ลันนับได้ว่าเป็นจอมเวทอัจฉริยะ
เขาเป็นสหายกับนีน่ามาตั้งแต่เด็ก และที่สำคัญคือ
บิดาของเคย์ลันเป็นมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของจักรวรรดิ เป็นผู้ทรงอำนาจมาก
เคย์ลันเองก็เป็นคนดีคนหนึ่งเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าเขาแทบเป็นลูกผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ
17 ความคิดเห็น:
มาแว้วๆๆๆๆๆๆ
สุดๆ กว่าจะมาเหอะๆ
อ่านมาหลายตอนละ ตอนนี้มัรูปซะด้วยยยย
เด๋วเจอ ลีย์ อสูรเวทย์ หรือจอมเวทย์ระดับเจ็ด ก้อกระเจิงงงง
รอฉัยรอเธออยู่
ขอบคุรครับที่แปลให้อ่าน
โอ้รูปประกอบ อยากให้มีเหมือนเย่หยางบ้างแหะ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคับ
อยู่ดี ๆ มาเดินเรื่องฝั่งน้องเฉยเลย
ขอบคุณคะ
วอร์ตันในรูปดูตัสเล็กกว่าที่จินตนาการไว้ 555
อยากให้ลินลี่มาหาน้องไวๆแว้ววว
ขอบคุณคร๊าบบบบบ
ขอบคุนคับ
เหนน้องหวานกันแล้ว คิดถึง ฉากหวานของพระเอกแต่ก่อนเสียใจจบไวไป เฮ้อรอลุ้นละลายใจพระเอก
ต้องมีคนเสียสละเฉียดตายไหมถึงละลายน้ำแข็งในใจ55
สุดครับมสุดครับมีรูปด้วย
แสดงความคิดเห็น