วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 642 ใครช่วยใครกันแน่?


ตอนที่  642  ใครช่วยใครกันแน่?
บุรุษหมวกสูงไม่เชื่อแน่นอนว่าเย่ว์หยางจะรู้จักกับหัวหน้าพวกเขาจริงๆ  อย่าว่าแต่คนพวกนี้อยู่ในหอทงเทียนเท่านั้น  แต่แม้แต่นักรบในแดนสวรรค์ตะวันตกอาจไม่มีใครรู้จักหัวหน้ากลุ่มโจรตัวตลกก็ได้
เหตุผลที่หัวหน้ากลุ่มโจรตัวตลกเคลื่อนไหวอยู่ในแดนสวรรค์ใต้เพื่อสร้างกลุ่มโจรตัวตลกนั้น  ยังเก็บไว้เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่

อย่างไรก็ตาม เขายังคงสงสัยว่าอาจมีคนทรยศในกลุ่มพวกเขา แอบปล่อยความลับของพวกเขาก็ได้
บริวารของราชาเฮยอวี้ จงเหลยถิงเป็นคนที่พวกเขาสงสัย
คนผู้นี้ทำเป็นแกล้งไล่ล่าออกไปจากที่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว
ใครจะรู้กันว่าเขาแอบส่งข้อมูลไปให้ศัตรู?  ราชาเฮยอวี้ตายแล้ว จงเหลยถิงยังจะภักดีอยู่ได้ยังไง?
 “อย่านึกว่าเจ้าจะทำให้เรากลัวได้เพราะแค่มีคนทรยศในกลุ่มเราให้ข้อมูลลับเจ้า  ข้าเสียใจด้วย เรามาจากกลุ่มโจรตัวตลกไม่กลัวอะไรง่ายๆ”  ตอนนี้บุรุษหมวกสูงดูเหมือนจะมองโลกในแง่ดีขึ้น เนื่องจากเขาเห็นว่ามารกฎฟ้าเป็นเพียงคนเดียวที่ถึงระดับปราณฟ้า  ตอนนี้นางใช้พลังกฎฟ้าไปจนหมด  นางแค่พอยืนสู้กับเขาได้  เขามีคู่หูสองคนอยู่ที่นี่ คนหนึ่งคือหัวหน้าไป๋หม่าผู้สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว  อีกคนหนึ่งคือเฮยถู ผู้มีความสามารถใช้พลังงานจากโลก  พวกเขาสามารถฆ่าทุกคนจากวังมารได้ทันที  ถ้าพวกเขาทั้งสามคนรวมพลังกันก็สามารถเอาชนะมารกฎฟ้า  จากนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องกลับไปยังกลุ่มโจรตัวตลกด้วยความอัปยศ
 “ฮ่าฮ่า เจ้าฉลาดจริงๆ ดูเหมือนว่าข้าไม่อาจหลอกคนจากกลุ่มโจรตัวตลกได้”  เย่ว์หยางยักไหล่แกล้งทำเป็นล้มเหลวในการหลอกผู้คน
 “ออกมา อสูรลมโชย!”  บุรุษหมวกสูงแตกต่าง จากนักสู้ปราณฟ้าอีกสองคนที่อายที่จะใช้การจู่โจมสายฟ้าแล่บ  เพราะพวกเขาไม่สามารถเปิดเผยสถานะที่แท้จริงได้เพื่อประโยชน์กับภารกิจลับ  ถ้าไม่ใช่เพราะพันธมิตรเรียกเขาออกมา  พวกเขาไม่ต้องการปรากฏตัว  ขณะที่คนชุดขาววัยกลางคนเหยียดมือออกเรียกอสูรธาตุลม
อสูรนี้แทบจะโปร่งใสและไร้รูปลักษณ์ มันแตกต่างจากอสูรประเภทลมลมธรรมดาอยู่มาก
มันดูคล้ายสนามพลัง  สนามพลังที่อ่อนโยน
ทุกคนที่อยู่รอบๆ รวมทั้งเย่ว์หยางถูกหุ้มห่ออยู่ในร่างอสูรประเภทลมนี้  ขณะเดียวกันพวกเขายังได้รับผลต่อการจำกัดความสามารถของพวกเขาด้วย
อสูรประเภทลมนี้เรียกกันว่า อสูรลมโชย มีพลังจำกัดต่างจากสนามพลัง  ขณะที่ภายในร่างของมัน คนผู้หนึ่งยังสามารถบินได้  แต่ความเร็วในการบินของพวกเขาจะได้รับผลอย่างมาก  นอกจากนี้ ยังต้องใช้พลังงานมากมายในการบิน
ตรงกันข้าม บุรุษวัยกลางคนที่สวมชุดขาวจะไม่ได้รับผลในร่างอสูรธาตุลมนี้  และสามารถไปมาได้คล่องแคล่วเหมือนปลาที่อยู่ในน้ำ
นอกจากเขาแล้ว บุรุษหมวกสูงและชายชราชุดดำก็มีความเร็วเพิ่มขึ้นอีกมาก
ในทางตรงกันข้าม กลุ่มของเย่ว์หยางดูเหมือนจะได้รับผลอย่างมาก
สถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาแน่นอน
บุรุษวัยกลางคนชุดขาวไม่เพียงแต่เรียกอสูรลมโชยออกมาเท่านั้น  เขายังคงเรียกม้าเพลิงแดนสวรรค์ และอสูรฝันร้ายไฟนรก
แม้ว่าม้าเพลิงแดนสวรรค์และอสูรฝันร้ายไฟนรกทั้งสองจะไม่ใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่ระดับของพวกมันก็สูงมาก  พลังของพวกมันใกล้เคียงกับนักสู้ปราณฟ้า  เกือบจะเท่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบในหอทงเทียน  งานหลักของพวกมันไม่ใช่การโจมตี  แต่ป้องกันศัตรูหลบหนี ด้วยความเร็วจัดของพวกมัน เมื่อใครบางคนในฝ่ายของเย่ว์หยางชนะการสู้รบ พวกเขาจะไม่ได้ออกไปจากพื้นที่อสูรลมโชย  ด้วยม้าเพลิงแดนสวรรค์และอสูรฝันร้ายไฟนรกป้องกันพวกเขาไว้  พวกเขาจะตายอย่างมิต้องสงสัย
 “หนอนทราย, แมงมุมปีศาจ,  กิ้งก่าเขาศิลา, งูหางกระดิ่งปีศาจ”  บุรุษชุดดำเรียกอสูรออกมาเพิ่ม  พลังของพวกมันเทียบเท่ากับบุรุษวัยกลางคนชุดขาว
แมงมุมปีศาจมีพลังปราณฟ้าระดับหนึ่ง
ร่างใหญ่ของมันยาวมากกว่ายี่สิบเมตร  ถ้ามังกรยักษ์เห็นมันอาจจะกลัวจนต้องหนี
ชายชราชุดดำใช้ขาทั้งสองกระทืบพื้น  พลังของเขาถูกส่งลงไปที่พื้น พลังของพื้นที่ปรักหักพังถูกเขาซึมซาบเข้ามา และเปลี่ยนพื้นรอบๆ ตัวเขาเป็นทราย  หลังจากนั้นไม่กี่วินาที มันขยายออกไปสิบเมตรรอบตัวเขา  หลังจากนั้นหนึ่งนาทีก็ขยายออกไปร้อยเมตรจนถึงเย่ว์หยางและคนอื่น
อสูรของคนผู้นี้ดูเหมือนจะเก่งกาจในการต่อสู้ในพื้นที่ทราย
ในทางกลับกัน ม้าเพลิงแดนสวรรค์และอสูรฝันร้ายไฟนรกบินขึ้นอากาศทันที เหมือนกับว่าพวกมันไม่ต้องการแตะต้องทราย...
 “ฆ่า!  บุรุษหมวกสูงรู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรจะพูดกับเย่ว์หยาง  นักสู้ปราณฟ้ากำลังจะสู้กับนักสู้ปราณดิน  นอกจากนี้ นักสู้ปราณฟ้ามีอสูรที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ยังต้องสงสัยในชัยชนะของพวกเขาอีกหรือ?
 “จะให้พวกมันฆ่าน่ะหรือ!” เย่ว์หยางโบกมืออย่างไม่ยี่หระ
 “ใครจะยอมให้เจ้าพล่ามจนจบ..”  บุรุษวัยกลางคนชุดขาวไม่รอให้เย่ว์หยางพูดจบ  เนื่องจากเขามาปรากฏตัวด้านหลังเย่ว์หยาง เขาปล่อยหมัดอย่างรุนแรง ต้องการจะทำลายกระดูกสันหลังของเย่ว์หยางให้แตกเป็นชิ้นๆ  เขามักจะรำคาญคนที่ดีแต่พูดแต่ไม่มีฝีมือ สำหรับคนเหล่านี้  เขามีโทษประการเดียวนั่นคือทำลายกระดูกสันหลังในหมัดเดียว  จากนั้นมองดูเขาดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นเหมือนงูกำลังตายอย่างเสียใจ  ขณะเดียวกัน ชราชุดดำก็ว่องไวเช่นกัน เข้ามาอยู่ด้านหลังมารแค้นฟ้า เนื่องจากเขาเห็นว่านอกจากมารกฎฟ้า แล้ว นี่คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนจากวังมาร
บุรุษหมวกสูงก็เริ่มโจมตี  เขาใช้การยักย้ายร่างมาปรากฏที่ด้านหลังมารกฎฟ้า
เขาเพียงแต่ลองหยั่งความลึกของน้ำตามปกติ
นางเซียนหงส์ฟ้าไม่สนใจเขากลับเปลี่ยนให้นางพญาซัคคิวบัสป้องกันนาง และใช้หางปีศาจที่แหลมคมเหมือนหอกโจมตีโต้ตอบ
มารแค้นฟ้า มารฟ้าพิบัติ, มารอาญาฟ้า, มารฟ้าพิโรธและคนอื่นๆ ไม่สนใจรุมล้อมโจมตีชายชราชุดดำ  ตรงกันข้าม พวกเขากลับทำเหมือนว่าไม่เห็นเขาและวิ่งตรงไปที่หนอนทราย แมงมุมปีศาจ กิ้งก่าเขาศิลาและงูหางกระดิ่งปีศาจ
อีกด้านหนึ่ง เย่ว์ปิงสั่งให้พญาไม้ไตตันโจมตีด้วยเช่นกัน
มังกรทองสามหัวของไห่อิงอู่หลบเลี่ยงศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกนั้นแมงมุมปีศาจ และตัดสินใจบินขึ้นไปในอากาศสู้กับอสูรฝันร้ายไฟนรกแทน
แม้ว่าระดับของมันยังสูงไม่พอ  แต่มันเป็นลูกของจ้าวมังกรทองสามหัว  ถ้าไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้ มันก็ยังสามารถทนได้เป็นเวลานาน
เย่ว์หวี่ไม่ขยับเข้าโจมตี
นางยังใช้บอลวารีรักษาให้แพนด้าน้อยหนิวหนิวที่พักอยู่ในอ้อมแขนเย่ว์หยาง  หลังจากต่อสู้อาบเลือด แพนด้าน้อยหนิวหนิวได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้  สาวขี้เมามีพลังใจเพิ่มมากขึ้นเมื่อเห็นเย่ว์หยางมาถึง หลังจากนางถูกกิ้งก่าเขาศิลาขวิดจนกระเด็น  นางไม่สนใจและดื่มเหล้าดีกรีแรงต่อหน้าเย่ว์หยาง ใช้เหล้าแรงกระตุ้นพลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่ในร่างนางให้ทำงาน ... เมื่อเข้าสู่สภาพเมาและโกรธ  พลังต่อสู้ของนางจะเปลี่ยนไป  นางยังไม่ได้รับอิทธิพลจากอสูรลมโชยในการต่อสู้
 “เฮ้, ไสหัวไป!  สาวขี้เมาจับหางของกิ้งก่าเขาศิลาและหมุนควงร่างใหญ่ของมันไปรอบๆ
ร่างของมันถูกหมุนเหวี่ยงอยู่สองสามรอบ และจากนั้นเหวี่ยงออกไปหลายร้อยเมตร
บึ้ม!
กิ้งก่าเขาศิลาถูกฝังลงไปในพื้นครึ่งหนึ่ง  ถ้าไม่ใช่เพราะหนังของมันหนา  มันคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บหนักได้  แต่พลังแบบป่าเถื่อนที่สาวขี้เมาแสดงออกมาทำให้หนุ่มๆ จากวังมารจ้องมองอย่างตกตะลึง คิดว่าแม้แต่ก่อนที่นางจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด  นางก็มีพลังแบบนี้อยู่แล้ว ถ้านางยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด  นางจะแข็งแกร่งมากขึ้นขนาดไหน?
ในสภาพที่นางเมามาย สาวขี้เมาสามารถเอาชนะนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั่วไปได้ทุกคน... โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากฝึกกับเย่ว์หยาง ฝีมือต่อสู้ของสาวขี้เมาก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว  นางพบว่ายากจะแสดงศักยภาพแบบนี้ได้  เมื่อนางอยู่ในสภาพไม่เมา  เมื่อนางเมา นางพบว่านางควบคุมพลังของนางได้ง่าย  นี่คือเหตุผลที่เย่ว์หยางฝึกให้นางเป็นพิเศษ
บุรุษวัยกลางคนชุดขาวโจมตีใส่เย่ว์หยาง  ขณะที่ฝ่ามือของเขาจะสัมผัสที่หลังของเย่ว์หยาง มีดที่คมกริบฉีกมิติโจมตีใส่เขา
และคลื่นเสียงหวีดกับความเร็วที่เหนือกว่าเขาที่เป็นที่รู้กันดีว่าไวที่สุดในกลุ่มโจรตัวตลก
เป็นอาหง นางถือดาบจันทร์เสี้ยวอยู่ในมือ
ความได้เปรียบที่แข็งแกร่งที่สุดของนางก็คือความเร็วของนาง
 “วีดดดดด..” นางพญากระหายเลือดกรีดเสียงแหลมร้อง  เสียงกรีดแหลมของนางทำให้หัวหน้าไป๋หม่ารู้สึกเหมือนกับว่าสมองของเขากำลังถูกผึ้งนับพันตัวต่อยใส่  รอบๆ สั่นสะท้าน มันคล้ายกับมีค้อนสิบด้ามหวดใส่ ทำให้เขาสมองว่างเปล่า  เมื่อเขากลับได้ความรู้สึก  เขาพบว่าดาบที่คมและเย็นยะเยือกฟันใส่ด้านหน้าเขาเป็นสิบครั้ง
หัวหน้าไป๋หม่าพยายามรับท่าฟันขณะที่หนีออกมาอย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกว่าเขาตกเข้าไปในกับดักพวกเขา
คู่ต่อสู้ใจเย็นและมั่นคง  ดังนั้นต้องมีแผนการที่น่ากลัวอยู่เป็นแน่  เขาคิด
ขณะที่ความคิดผุดขึ้นมา ร่างของเขาก็ถอยมามากกว่าร้อยเมตรด้วยความเร็วของเขา  สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือเขาชนเข้ากับอีกคนหนึ่ง เป็นคนที่เขาต้องการฆ่า คนช่างพูดที่ไม่ได้เป็นนักสู้ปราณฟ้าเขามาถึงตรงนี้ได้ยังไง?   เขาเร็วกว่าเขาได้ยังไงในเมื่อเขาพยายามหลบหนีหมัดสังหารได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?  ภาพจริงหรือภาพลวงตา? บุรุษวัยกลางคนชุดขาวไม่สามารถคิดได้ตอนนี้  เนื่องจากปีศาจอสรพิษน้อยปรากฏออกมาใช้ดาบน้ำแข็งคู่โจมตีเขา
ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบแช่แข็งของดาบคู่น้ำแข็งหรือพลังพันธนาการ  หัวหน้าไป๋หม่าก็ไม่สามารถตอบสนองได้รวดเร็ว
เขาสังเกตว่าเขาแข็งค้างอยู่กลางอากาศแล้ว...
เจ้าบุรุษช่างพูดยังคงอุ้มเด็กหญิงแพนด้าน้อยโดยไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรต่อเขา  เพียงแต่ยิ้มเยาะเย้ยให้กับเขา
จากท้องฟ้า สายฟ้าฟาดใส่ศีรษะของหัวหน้าไป๋หม่า  แม้ว่าพลังยังห่างจากสายฟ้าของมารกฎฟ้า  แต่รับพลังสายฟ้าไปแบบนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีนัก  หัวหน้าไป๋หม่ารู้สึกว่าทรงผมที่สง่างามของเขาเปลี่ยนสภาพเป็นรังนก
 “ไสหัวไป!  เมื่อหัวหน้าไป๋หม่ารู้สึกตัว  เขาพยายามหนีอีกครั้ง
ระหว่างถูกโจมตีขนาบจากเสี่ยวเหวินหลีและอาหง  หัวหน้าไป๋หม่าสามารถหลบหนีจากการโจมตีได้ มันลึกลับมากและอันตรายมาก  เมื่อเขากระตุ้นพลังพิเศษของเขา  เขามั่นใจว่า เขาสามรรถหลบหนีจากนักสู้ปราณฟ้าระดับสามได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ  วิชาม้าขาวหลีกลี้นี้ เป็นวิชาท่าร่างที่เขารู้จัก และยังเป็นความหมายของชื่อเขาด้วย
หลังจากหลบออกมาอย่างน้อยร้อยเมตรและเตรียมปาดเหงื่อ  เขากลับถูกอีกคนล้มเขาได้อย่างคาดไม่ถึง  เป็นเย่ว์หยางอีกครั้งนั่นเอง
หัวหน้าไป๋หม่าในตอนนี้ตกใจกับสถานการณ์อันตรายนี้มาก  เขาสงสัยว่าเย่ว์หยางเป็นใครกันแน่  ไวกว่าเขาได้ยังไงทั้งที่เขาใช้วิชาหลีกลี้?
ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเขาได้  เมดูซาตนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ด้านข้างเขาและยิงธนูดอกหนึ่ง ธนูเข้าเป้าที่น่องของเขาก่อนที่เขาจะหลบหนีได้ครั้ง  ขณะที่ความเร็วของเขาตกลง แส้อาญาสายหนึ่งหวดลงที่หลังของหัวหน้าไป๋หม่าอย่างหนัก
นางเงือกวายุและเย่ว์หวี่สร้างมังกรน้ำแทบจะพร้อมกันยิงใส่ร่างของหัวหน้าไป๋หม่า
พลังโจมตีอย่างนี้ไม่มีผลต่อนักสู้ปราณฟ้า
แต่สำหรับปีศาจอสรพิษน้ำแข็ง มังกรน้ำทั้งสองคือเครื่องจักรฆ่าอย่างดีของนาง.... นางไวกว่านาคาสายฟ้าและมาได้ไกลกว่า นางกระโจนฟันไปที่มังกรน้ำที่กักไป๋หม่าเอาไว้ด้วยร่างน้ำแข็งจากมังกรน้ำ
มีปรากฏการณ์อย่างหนึ่งในท้องฟ้า
มังกรน้ำทั้งสองตัวเปลี่ยนไปน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว สร้างรูปร่างเหมือนสะพานโค้งอ้าปากงับไป๋หม่ากักเขาไว้ในน้ำแข็ง
ไป๋หม่าไม่อาจทนเจ็บปวดได้อีกต่อไปและกระแทกมังกรที่กลายเป็นน้ำแข็งแตกกระจาย
เขาไม่ต้องการสู้อีกต่อไป  นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่แท้จริง  มันเป็นแค่การทรมาน!  เขายังไม่ได้แสดงพลังได้ถึงหนึ่งในสิบของเขา แต่เขาก็โดนเล่นงานสะบักสะบอมและโดยไม่รู้สึกอะไร   การต่อสู้นี้กดดันเกินไป... หัวหน้าไป๋หม่าตัดสินใจเปลี่ยนคู่ต่อสู้  เขาไปไล่ล่าคนจากวังมารแทนและปล่อยให้เฮยถูฆ่าเจ้าเด็กนี่
ขณะเมื่อเขาจะหลบหนี  เขาก็ชนเข้ากับอีกคนหนึ่ง
เป็นเย่ว์หยางอีกแล้ว
หัวไป๋หม่ารู้สึกขมขื่นใจจนต้องปาดน้ำตาทันที  “เจ้าจะปล่อยให้ข้าสู้ดีๆ ไม่ได้หรือไง?  ข้าได้รับการสนับสนุนจากอสูรลมโชยและวิชาหลีกลี้ก็แล้ว  ข้ายังไวไม่เท่าเจ้าที่อุ้มเด็กหญิงแพนด้าไว้ด้วยหรือ?  นี่จะบังคับให้ข้าผูกคอตายใช่ไหม?”
 “เฮยถู มาเปลี่ยนคู่ต่อสู้กัน”  หัวหน้าไป๋หม่าพยายามอย่างหนักที่จะกลั้นน้ำตา  ใช้เสียงแหบแห้งตะโกนเรียกสหาย
 “เราผู้เฒ่าอยู่ด้านนี้ยังไม่ว่าง  มานี่ มาช่วยข้าให้พ้นจากความลำบากก่อนเร็ว...”
อีกด้านหนึ่งของสนามรบมีเสียงร้องเจ็บปวดขอความช่วยเหลือ
หัวหน้าไป๋หม่าตะลึง  เขาพบว่าคู่หูของเขาเฮยถูที่สามารถดูดซับพลังจากพื้นปฐพีได้โดยตรงในตอนนี้ถูกโซ่ล่ามเทพของโคเงารัดเอาไว้ และถูกทุบตีตั้งแต่หัวจนจรดเท้า ไม่สามารถตอบโต้ได้  เขาตกใจกลัว หลังจากนั้นจึงพูด  "ความสามารถของเจ้าในการสร้างทรายเล่า  เจ้าไม่สามารถดำดินได้หรือ?”
เฮยถูดูเหมือนจะโกรธหนักยิ่งขึ้น  “หลบบ้าอะไรกัน,  นังโคเงานี่มีหัวใจธรณีสารและกักพลังของข้าได้  รีบมาช่วยข้าเร็ว!
ไป๋หม่ารู้สึกเจ็บปวดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น  เข้าต้องการขอความช่วยเหลือแต่สหายของเขากลับถูกซ้อมถูกทุบตี!
อีกครั้งที่เขาเห็นว่าเย่ว์หยางเย้ยหยันมาที่พวกเขา  จากนั้นเขาตระหนักว่านางพญากระหายเลือดหง  เมดูซ่าศิลา  นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งค่อยๆ ตีวงล้อมเขา  เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเม้มริมฝีปาก  จากนั้นหันไปหาเฮยถูกล่าว  “ข้าคิดว่าข้าต้องการเวลาเพิ่มอีกนิด ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่ยอมปล่อยข้าไปง่ายๆ....”

15 ความคิดเห็น:

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ulomzx กล่าวว่า...

สู้ด้วยน้ำตา

MAXNY กล่าวว่า...

สนุกสนานกันไป

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะคับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แอบอ่าน กล่าวว่า...

ปล่อยให้เด็กๆฝึกต่อสู้ไปไม่ต้องทำอะไรละ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

myuu กล่าวว่า...

ตลกอะ ขนาดสมกับชื่อกลุ่มโจรตัวตลก ตลกจริงๆ มาให้เขาซ้อม!!!

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

windwolf กล่าวว่า...

เสร็จโจร

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น