วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 812 การสู้รบที่น่าอัศจรรย์


ตอนที่  812  การสู้รบที่น่าอัศจรรย์
แสงจากพลังระเบิดฉายไปทางซากหักพังของป้อมเป็นครั้งคราว
ทหารต่างขว้างสมบัติดวงดาวไปในการสู้รบ  สมบัติดวงที่พวกเขารักและเก็บสะสมไว้ในวันธรรมดา ต่างระเบิดฉายแสงเจิดจ้าทั้งหมด ใบหน้าเยาว์วัยที่น่ากลัวและคลั่งของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อและน้ำตา  พวกเขาไม่ยินดีเลย

ในอดีต พวกเขาเป็นแค่กองทัพเล็กๆ รับหน้าที่รักษาความปลอดภัย  สมบัติวิญญาณใดๆ ก็เพียงพอจะซื้อพวกเขาได้ทั้งกองทัพ  และเป็นเวลานาน ที่พวกเขายังเป็นถุงขยะที่ต่ำต้อย
ใครยังจะจำพวกเขาได้บ้างว่าพวกเขาเป็นถุงขยะ?  ใครยังจะจำนางแอ่นปีกคู่เซี่ยอวี่อันได้
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ถูกซื้อ นายทหารวัยกลางคนที่อายุค่อนข้างน้อยและไม่มีใครรู้จักกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากธุรกิจในครั้งนั้น
พวกเขาไม่กล้าคาดหวังมากเกินไป  พวกเขาไม่กล้าหวังอะไรมากนัก  ในอดีตพวกเขาเป็นพวกเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย  และเสียเวลาไปหลายปี
หูของเซี่ยอวี่อันไม่สามารถได้ยินเสียงอะไรอื่นนอกจากเสียงระเบิดและการโจมตี ขนาดที่เขาแทบจะหูหนวกอยู่แล้ว  แต่เขาทุ่มสุดชีวิตโบกมือคำรามคำพูดที่แม้แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเป็นการให้กำลังใจทหาร หรือให้กำลังใจตนเอง
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงเขาเอง แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้ยินเสียงของเขาก็ตาม
ภายใต้การระเบิดอย่างต่อเนื่อง และแสงรัศมีฉาย ในฉากภาพที่เงียบและสั่นสะท้าน  เซี่ยอวี่อันที่มองดูเหมือนเป็นบ้ายังคงรู้สึกสงบมาก  กระบวนความคิดของเขาล่องลอย และวันคืนเก่าก่อนผ่านไปอย่างเงียบงัน
 เป็นเรื่องที่น่าเสียใจเล็กน้อย ที่ไม่สามารถกลายเป็นแม่ทัพระดับทองได้’
 นายท่านซื้อเรามาในราคาถูกขนาดนี้  เขาได้กำไรอย่างแท้จริง  ข้าจะไปเทียบกับนายท่านในเรื่องทำธุรกิจได้ยังไง?’
 แต่, ข้าไม่เสียใจแม้แต่น้อย’
……………

เปลือกตาของเซี่ยอวี่อันสั่นสะท้าน  เขาค่อยๆ ลืมตา แสงอาทิตย์ฉายผ่านมาทางหน้าต่างส่องเต็มหน้าเขา เขารู้สึกอบอุ่น  เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเมื่อชาติที่แล้ว สำหรับช่วงสองสามวันที่ผ่านมา  เขามีความฝันอย่างเดียว  และทุกครั้งที่เขาตื่นขึ้นเขาจะมีความเศร้าอยู่เต็มอก
การสู้รบจบไปนานแล้ว  แต่เขารู้ว่าเป็นการสู้รบที่เขาจะไม่มีวันลืมตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
เขาลุกขึ้นนั่งและสวมรองเท้า มองดูเตียงสนามรอบๆ  คนที่นอนอยู่ล้วนเป็นทหารทั้งนั้น กองพลนางแอ่นได้รับความสูญเสียหนัก ยิ่งกว่านั้นการสู้รบทั้งหมดที่เขาเคยเผชิญมาก่อนนั้น ทหารที่เหลืออยู่น้อยกว่าหนึ่งในห้าจากที่เคยมี และแม้แต่ผู้รอดชีวิตก็ไม่ได้กลับมาอย่างสมบูรณ์ปลอดอันตราย
เซี่ยอวี่อันเดินสำรวจรอบๆ อย่างเงียบงันใบหน้าที่คุ้นเคยนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสงบ การเคลื่อนไหวของเขานุ่มนวลมาก
หลังจากตรวจสอบทุกคนจนกระทั่งทหารคนสุดท้าย เขามองดูรอบๆ เนื่องจากมีเตียงว่างเปล่าหลายเตียง  และใบหน้าที่คุ้นเคยกันทั้งหมดที่ต้องแยกกันตลอดกาล ปรากฏอยู่ในสายตาของเขา
เขาเดินออกมานอกห้องอย่างเงียบงัน
ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใต้แสงแดด  เขาร้องไห้
การสู้รบที่ป้อมพิทักษ์สมุทรสั่นสะท้านไปทั้งโลก
เป็นการสู้รบยิ่งใหญ่พอจะทิ้งร่องรอยไว้ในประวัติศาสตร์สงคราม  ระดับความชอกช้ำสั่นสะท้านไปทั่วดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จนพูดไม่ออก  เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22 ลำ นั่นเป็นแนวรบที่น่ากลัวพอจะทำให้แม่ทัพทหารรู้สึกสิ้นหวัง  มากจนพวกเขาวางอาวุธยอมแพ้
ไม่มีป้อมรบใดจะต้านทานพลังโจมตีของเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22 ลำได้
แต่สัมพันธมิตรใต้สร้างเรื่องอัศจรรย์ได้
การป้องกันของเซี่ยอวี่อันในป้อมพิทักษ์สมุทรคงอยู่ได้ตลอดหกชั่วโมง และทำลายเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ไปถึงครึ่งหนึ่ง ขณะที่โกวเฉิงเวิ่นเต้าคิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือ  จู่ๆ อาเฮ่อปรากฏตัวพร้อมกับกองทัพสมบัติดวงดาวของเขา และเข่นฆ่าทำทางเข้ามา
เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ทันที และตกเป็นเป้าหมายเมื่อพวกเขาเคลื่อนใกล้เข้ามา
เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ทั้งหมดตกอยู่ในเปลวไฟ  และไม่เพียงเท่านั้น เรือรบล้อมโจมตีขนาดกลางทั้งหมดดูเหมือนจะถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน  โกวเฉิงเวิ่นเต้าโกรธจัดจนต้องลงมือด้วยตนเอง  แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือกองกำลังลึกลับนี้ไม่ยอมถอย  แต่กลับอาศัยซากหักพังของเรือล้อมโจมตีสู้กับพวกเขาอย่างดุเดือด
การสู้รบอย่างเข้มข้นเกิดขึ้นในซากหักพัง
กองเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ก็เป็นเหมือนป้อมรบขนาดใหญ่  ขณะที่เรือรบล้อมโจมตีขนาดกลางก็ยังมีขนาดเท่าเนินเขาซึ่งการสู้รบเกิดขึ้นในซากหักพังขนาดใหญ่  กองเรือของโกวเฉิงเวิ่นเต้าไม่สามารถขยับขยายออกไปได้ในสภาพภูมิประเทศที่ซับซ้อน  ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งใช้แนวซากหักพังสำหรับป้องกัน และปล่อยคลื่นโจมตีใส่พวกเขา
สิ่งที่ทำให้โกวเฉิงเวิ่นเต้าแทบกระอักเลือดก็คือในกองทัพนี้  ทุกคนมีสมบัติดวงดาวเช่นกัน
ทหารธรรมดาของทวีปกวงหมิงเพียงแต่รู้ว่าทวีปซางโจวมีสมบัติวิญญาณ  แต่โกวเฉิงเวิ่นเต้ารู้ว่าสมบัติวิญญาณของทวีปซางโจวเป็นสมบัติดวงดาวของสวรรค์วิถี!
กองเรือรบคืบหน้าได้เพียงเล็กน้อย แต่โกวเฉิงเวิ่นเต้ายังไม่เคลื่อนไหว  แม้ว่าการทำลายล้างเรือรบล้อมตีขนาดใหญ่ทั้ง 22 จะทำให้เขาหงุดหงิด  เขาก็ยังได้เปรียบที่จำนวน
โกวเฉิงเวิ่นเต้าสั่งทุกคนให้ลงจากเรือเพื่อสู้รบทันที
สถานการณ์การสู้รบกลับทำให้โกวเฉิงเวิ่นเต้าต้องตกใจอีกครั้ง  ศัตรูสามารถอยู่ในทะเลพลังงานได้อย่างคล่องแคล่ว  เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ทหารของกวงหมิงได้เปรียบที่จำนวนคน  แต่ต้องประสบความสูญเสียบาดเจ็บล้มตายไปมาก
โกวเฉิงเวิ่นเต้าขมวดจนคิ้วแทบชนกัน
เขาตระหนักได้ว่าประเมินสัมพันธมิตรใต้ต่ำเกินไป  การสู้รบที่ถูกลากยาว กลายเป็นการปะทะกัน กลับเป็นเรื่องลำบากอย่างเหลือเชื่อ  และอีกฝ่ายมักจะมีสิ่งที่คาดไม่ถึงทำให้พวกเขาประหลาดใจ  ช่างแตกต่างจากการสู้รบที่เคยมีมาในอดีต  ศัตรูอีกฝ่ายจะมีบางอย่างที่เขากลัว  แต่โกวเฉิงเวิ่นเต้าก็ยังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม  “ข้าตีเจ้าครั้งหนึ่ง  เจ้าตีข้าครั้งหนึ่ง ข้าตีเจ้าสองครั้ง เจ้าก็ตีข้าสองครั้ง” เขาไม่เคยกลัว
เขาเป็นเหมือนดาบที่คมกล้าที่รุกโดยไม่ตั้งรับ  เขาไม่สนใจว่าเขาจะโดนศัตรูฟันไปกี่ครั้ง แต่ไม่มีใครสามารถหยุดดาบของเขาได้
แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง  เขารู้สึกเหมือนว่าเขากำลังสับขวานใส่ปุยนุ่นหรือน้ำ มันเฉื่อยชามาก
เขาเป็นคนบ้าระห่ำ  แต่ก็ยังเป็นคนฉลาด
เขาไม่สะทกสะท้านกับการบาดเจ็บล้มตายในสนามรบ  แต่เขาหรี่ตาและสังเกตดูสนามรบอย่างระมัดระวัง
ศัตรูเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสู้ในทะเลพลังงาน  เห็นได้ชัดว่าพวกเขาผ่านการฝึกฝนพิเศษเพื่อการนี้ ทะเลพลังเป็นที่ๆ เรือรบเป็นเจ้าปกครอง  และไม่มีการปกป้องจากเรือรบ พลังงานกัดกร่อนไม่มีที่สิ้นสุดเพียงพอจะทำลายกองทัพได้ทั้งหมด  แม้แต่โจรสลัดก็ไม่เคยฝึกในทะเลพลังงาน และสู้โดยไม่มีเรือ  เทียบความแข็งแกร่งกับเรือรบแล้วไม่จำเป็นต้องพูดเลย
ใครจะรู้กันว่าพันธมิตรใต้จะมีการฝึกฝนในด้านนี้  เป็นไปได้ว่าพวกเขาได้คาดถึงสถานการณ์ดังกล่าวไว้นานแล้วหรือ?
โกวเฉิงเวิ่นเต้าส่ายศีรษะ  การสู้รบข้างหน้าเขาเป็นแค่อุบัติเหตุ  ถ้าไม่ใช่เพราะซากปรักหักพัง เมื่อเผชิญหน้ากับเรือรบที่น่ากลัว  กองทัพศัตรูจะต้องตายในพริบตา
ไม่มีที่ให้ปิดบังในทะเลพลังงาน ส่วนใหญ่ของทะเลพลังงานเป็นแค่กระแสพลังงานที่ไหลกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด
เรื่องที่ศัตรูมีความเชี่ยวชาญในการใช้สมบัติดวงดาว  โกวเฉิงเวิ่นเต้าไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลก  ประวัติและพื้นฐานของถังเทียนถูกระดับสูงจากทวีปกวงหมิงแจงไว้อย่างละเอียด ความจัดเจนในสมบัติดวงดาวของสัมพันธมิตรใต้เป็นหนึ่งในเรื่องธรรมดาที่สุดอย่างแท้จริง
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือพลังสมบัติดวงดาวในทะเลพลังงาน
พวกมันสามารถคุกคามเรือรบได้!
โกวเฉิงเวิ่นเต้าเห็นกับตาว่าเรือรบสองสามลำถูกทำลาย และเขามีลางสังหรณ์ไม่ดีทันที
เขาไม่รู้ว่ามาถูกเวลาหรือเปล่า และอีกด้านหนึ่งของสนามรบ  อาเฮ่อยังคงนึกถึงสิ่งที่ปิงบอก
 “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการสู้รบมากเกินไป และเพราะว่ารูปแบบการสู้รบของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีชะตาต้องเปลี่ยนไปเพราะสมบัติดวงดาว  อย่าคิดว่าข้าพูดเกินจริงในเรื่องการใช้สมบัติดวงดาว  ในจุดนี้จงเชื่อว่าแม่ทัพผู้นี้ได้ผ่านสงครามที่โหดร้ายและอำมหิตที่สุดในประวัติศาสตร์มาแล้ว  สถานการณ์ในการสู้รบไม่ใช่สิ่งที่คงทนนิรันดร์ แต่กลับจะมีการเปลี่ยน มีตัวแปรที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ทั้งหมด  และสมบัติดวงดาวก็คือตัวแปรนั้น”
 “ในสวรรค์วิถี เพราะความเข้มข้นของพลังงาน  พลังสมบัติดวงดาวจะอ่อนลงมาก  แต่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ด้วยพลังงานเข้มข้นไม่มีขีดคั่นเขตแดน  พลังของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน”
 “เจ้ารู้ไหมว่านั่นหมายถึงอะไร?  หมายความว่ากองทหารติดอาวุธทรงพลังรูปแบบใหม่ได้ปรากฏตัวขึ้น  การปรากฏตัวขึ้นครั้งนี้ มีแนวโน้มเป็นอย่างยิ่งกว่าจะทำลายรูปแบบกองทัพดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบัน  สิ่งที่ข้าหมายถึงนี้ ไม่ใช่ว่ากองทัพจะถูกผลักดันตกเวทีไป  แต่หมายความว่ากองทัพในอนาคตจะมีความคล่องตัวมาก แปรเปลี่ยนได้มาก และมุ่งเน้นความแข็งแกร่งของแต่ละบุคคล”
 “ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครสังเกตเรื่องนี้ยกเว้นข้า  การถ่ายทอดวิทยายุทธและประสบการณ์ที่เจ้ามีจากสวรรค์วิถี  พวกเขาเองก็มีมาตรฐานบางอย่างในกลยุทธสงครามอยู่แล้ว  เมื่อพลังส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นพวกเขาจะสร้างความสามารถในการรบของพวกเขาเองได้อย่างรวดเร็ว”
สถานการณ์ในสมรภูมิเป็นไปตามที่ปิงกล่าวไว้
นอกจากกลุ่มดาวแกะ อีกสี่ตระกูลของห้าตระกูลใหญ่เกาะใต้อยู่ภายใต้บัญชาการของอาเฮ่อ  อาเฮ่อไม่ได้ปกปิดอะไรไว้  ความรู้ที่ลึกซึ้งของเขามาจากการอ่าน  แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฝึกฝนในวิชาเหล่านั้น  แต่เขารู้ทฤษฎีหลายอย่าง  ที่แข็งแกร่งที่สุดยังเป็นกลุ่มดาวคนธนู  เนื่องจากราชินีคือป้าของเขาเอง  เขาถูกมองว่าเป็นไปได้มากที่สุดที่จะมาสืบทอดกลุ่มดาวคนธนู
สี่ตระกูลใหญ่เติบโตในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่อายุน้อย และโดดเด่นในการใช้กลยุทธ, กระบวนทัพ, และการร่วมประสานกลายเป็นสัญชาตญาณของพวกเขา และหลังจากพวกเขาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งเฉพาะตัว  อาเฮ่อประหลาดใจที่พบว่าเขาไม่จำเป็นต้องแนะนำพวกเขา และพวกเขาคิดแนวทางประสานงานได้โดยอัตโนมัติ  ทำให้ปลดปล่อยพลังได้ยิ่งใหญ่
กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ  พวกเขาเริ่มคิดถึงปัญหาเกี่ยวกับกลยุทธของพวกเขาเอง
การฝึกเดินทางระยะไกลในทะเลพลังงานอย่างต่อเนื่องเพิ่มความแข็งแกร่งให้พวกเขาอย่างมากมาย  ขณะที่โจรสลัดที่พวกเขาเผชิญในระหว่างทางยังช่วยให้พวกเขาใช้ฝึกฝนอีกด้วย
ดังนั้นเมื่อการสู้รบเริ่มขึ้น สี่ตระกูลใหญ่เกาะใต้ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
เมื่อทุกคนติดอาวุธอย่างสมบูรณ์ ก็ยิ่งเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้แต่ละคนและมีพลังคุกคามเรือรบได้  และพวกเขายังมีความยืดหยุ่นที่เรือรบไม่มี  และเมื่อทหารร่วมสู้ ในการร่วมประสานงาน ไม่ใช่สู้เดี่ยว พลังพวกเขาอาจระเบิดออกมาได้ทันที
เรือลำแล้วลำเล่าระเบิดไฟลุกท่วม
เมื่อมองจากระยะไกล  สมรภูมิมองดูเหมือนกับมีกองไฟลอยอยู่รอบๆ  มันดูงามสง่ามาก
พื้นที่บริเวณเต็มไปด้วยซากหักพังและเปลวเพลิงที่ไม่เคยมอด  กลายเป็นแดนมรณะ
การสู้รบรุนแรงและสั้นคงอยู่เพียงครึ่งชั่วโมง  แต่ในครึ่งชั่วโมงนี้โกวเฉิงเวิ่นเต้าสูญเสียมากมาย  เขาเสียเรือรบระดับเงินไป 30 ลำ เรือรบระดับบรอนซ์ 123 ลำและกำลังพลที่เสียชีวิต หนึ่งหมื่นห้าพันนาย  มีบางส่วนที่ถูกเผาทั้งเป็นในเรือรบที่ถูกไฟไหม้
แม้ว่าโกวเฉิงเวิ่นเต้าผู้เห็นชีวิตเหมือนผักปลา  เมื่อเห็นรายงาน หางตาของเขากระตุกอย่างช่วยไม่ได้
สิ่งที่ทำให้โกวเฉิงเวิ่นเต้ารู้สึกหม่นหมองก็คือ ไม่ใช่ว่ากองทัพศัตรูถอยหนี  แต่เป็นพวกเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายถอยด้วยความคิดเขาเอง  สิ่งที่ทำให้เขาอยากกระอักเลือดก็คือต้องถอยหนีไปที่ป้อมพิทักษ์สมุทร
มันคือซากหักพัง
แต่ป้อมที่พังทลายก็เหมือนกระดูกที่แข็ง  เซี่ยอวี่อันสร้างป้อมพิทักษ์สมุทรใหม่ผ่านการคิดเป็นอย่างดี รวมทั้งภายในมีการบูรณะตกแต่งใหม่ ทุกอย่างเปลี่ยนไปกลายเป็นคงทนกว่าเดิม  ยกเว้นความจริงที่ว่าชั้นนอกของป้อมรบถูกทำลาย  และตำแหน่งรบของพวกเขาทั้งหมดถูกทำลาย  แต่ส่วนภายในยังคงสมบูรณ์
ถ้ามีเรือล้อมโจมตีขนาดใหญ่มากกว่านี้ อาจจะโค่นพลังป้อมได้ง่าย  แต่เรือรบล้อมโจมตีทั้งหมดถูกทำลาย
โกวเฉิงเวิ่นเต้าตระหนักได้ทันทีว่าเขาอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีทางรุกหรือถอยได้เลย
แต่เขาไม่เคยคาดว่าแรงกระเพื่อมจากการสู้รบเพิ่งเริ่มกระจายออกไป

8 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

สนุกจริงๆ ขอบตุณครับ

Kan กล่าวว่า...

ขนาดแม่ทัพที่ชนะยังต้องร้องไห้ ถ่ายทอดบรรยากาศสงครามได้ดี ขอบคุณคนแต่งคนแปลครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แอบอ่าน กล่าวว่า...

เจ็บหนักเลยละสิ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ มันส์

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

Unknown กล่าวว่า...

ขอบใจมากๆจ้าาาา

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น