เล่ม 12 เชื้อสายเทพ – ตอนที่ 28 สมบัติผู้วิเศษ
ขณะที่ผู้วิเศษร่วงลงจากท้องฟ้า ไม่ใช่แค่เยลที่รู้สึกตัวเอง
แต่ประธานสมาคมการค้าใหญ่อีกสองแห่งของทวีปยูลาน หอการค้าเกาะหิมะ
และหอการค้าเกียร์ ต่างก็รู้สึกตัวเช่นกัน
พวกเขาทุกคนรู้ถึงเรื่องร้ายแรงที่พวกเขาได้กระทำลงไปในช่วงหกปีที่ผ่านมา
“พ่อมดผู้วิเศษตายแล้ว! ฮ่าฮ่า ในที่สุดเขาก็ตายแล้ว!”
ภายในดินแดนรกร้าง
ร่างสองร่างในชุดเงินหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง
“เป็นเวลากี่ปีแล้ว? ในที่สุดเราก็ได้รับอิสระจากการควบคุมของเจ้าปีศาจนั่น”
บุรุษชุดเงินทั้งสองคนฉีกชุดเงินออกจากร่างพร้อมกันกัน
และชุดที่ฉีกออกกระจายเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วน
“แค่เพียงเห็นชุดสีเงินเหล่านี้ข้ารู้สึกขยะแขยงแล้ว”
บุรุษทั้งสองคนเปลี่ยนชุด
พวกเขาตื่นเต้นจนร่างสั่นเล็กน้อย
ร่างในชุดเงินเดิมนั้น คนหนึ่งเป็นมนุษย์ ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นมนุษย์เสือดำ
“ในที่สุดก็เป็นอิสระ!” ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำตา,
และพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ
หลายปีนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อมดผู้วิเศษ พวกเขาทำเรื่องราวต่างๆ ไปมามายนับไม่ถ้วน ทั้งหมดนั้นพวกเขายังจำได้จนบัดนี้
ถ้าพ่อมดผู้วิเศษยังคงมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะไม่มีทางได้รับอิสรภาพอย่างแน่นอน
“ใครกันที่ฆ่าพ่อมดผู้วิเศษ? เราควรจะไปขอบคุณเขาจริงๆ” มนุษย์เสือดำยังตื่นเต้นจนมิอาจควบคุมตัวเองได้
“อะไรกัน, วิกกิน?
เจ้ายังต้องการจะไปขอบคุณอีกฝ่ายด้วยหรือ?” ยอดฝีมือชาวมนุษย์ล้อเลียน
มนุษย์เสือดำหัวเราะ จากนั้นส่ายศีรษะ “แน่นอนว่าไม่,
พอกันทีกับช่วงเวลายาวนานที่ถูกคนอื่นควบคุม คนที่ฆ่าพ่อมดผู้วิเศษได้ก็ไม่ได้ทำเพื่อเรา แลกช์แมน! เจ้าตั้งใจจะทำอะไรต่อไป?”
“นี่คือบ้านเกิดข้า” ยอดฝีมือชาวมนุษย์เหม่อมองไปไกล
แล้วถอนหายใจยาว “ทวีปยูลาน
เป็นเวลาแปดพันปีแล้วตั้งแต่ข้าไปจากที่นี่
แปดพันปี
ตั้งแต่ข้าได้พบกับพ่อมดผู้วิเศษในพิภพจองจำเกบาโดสและถูกเขาควบคุม พลังของข้าไม่ก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย ข้าตั้งใจจะท่องเที่ยวไปทั่วทวีป
จากนั้นหาที่ดีๆ สำหรับฝึกฝน”
“วิกกิน, เจ้าอยากไปสุสานเทพเจ้าบ้างไหม?” ยอดฝีมือชาวมนุษย์มองดูมนุษย์เสือดำ
“สุสานเทพเจ้า?
ทวีปยูลาน...”
มนุษย์เสือดำหัวเราะเยาะตนเองหยอกล้อ “ในอดีต
ข้าติดตามเจ้านายข้ามาที่ทวีปยูลานและต้องการไปหาสมบัติที่สุสานเทพเจ้า
เพียงแต่ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าปีศาจม่วงก็อยู่ที่นั่นด้วย ตอนนั้นหลายคนถูกสังหาร
ขณะที่คนอื่นถูกจองจำ
ข้าไม่กล้าคาดหวังว่าจะได้เข้าไปทวีปยูลาน”
“ข้าเองเป็นเครื่องมือทำตามคำสั่งคนอื่นมานานพอแล้ว เป็นเหมือนการใช้ชีวิตแบบหุ่นเชิดไร้จิตใจ ข้าต้องการแสวงหาที่สงบใช้ชีวิตเงียบๆ สักระยะ”
มนุษย์เสือดำพูดพลางหัวเราะหยันตนเอง “เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันของทวีปยูลาน เราเซียนระดับสูงเก็บเนื้อเก็บตัวจะดีกว่า”
ยอดฝีมือชาวมนุษย์พยักหน้าเช่นกัน
จากนั้นยอดฝีมือทั้งสองแยกย้ายกันซ่อนตัวอยู่ในทวีปยูลาน
ผู้ที่ไม่เคยถูกเมล็ดวิญญาณควบคุมจะพบว่ายากจะจินตนาการได้ว่าเป็นเหมือนอะไร เมื่อถูกควบคุมโดยเมล็ดวิญญาณ
ผู้นั้นจะต้องภักดีต่อเจ้านายจากส่วนลึกของวิญญาณ คำสั่งของเจ้านายต้องมีความสำคัญอันดับหนึ่ง ภายใต้คำสั่งของเจ้านาย
พวกเขาอาจฆ่าพ่อแม่และฆ่าครอบครัวและสหายของเขาโดยไม่มีทางต่อต้านได้
พวกเขาไม่รู้สึกอะไรเมื่อตอนที่พวกเขาถูกควบคุม
แต่เมื่อพวกเขารู้สึกเป็นตัวของตัวเอง เมื่อพวกเขาจำสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเวลาที่ผ่านมายาวนาน พวกเขามักคลุ้มคลั่งอยู่บ่อยๆ
“อะไร... ข้าทำอะไรลงไป?!” หัวใจของเยลเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน
หลังจากถูกพ่อมดผู้วิเศษควบคุม เยลเริ่มใช้ความโหดร้าย
วิธีการที่กระหายเลือดฆ่าทาสไปมากมายและรวบรวมวิญญาณพวกเขาให้กับพ่อมดผู้วิเศษ ระหว่างกระบวนการนี้มีสมาชิกระดับสูงของตระกูลดอว์สันที่พยายามหยุดยั้งเยล สำหรับพวกที่พยายามห้ามเขา เขาปราบปรามพวกที่เขาสามารถปราบได้
ใช้วิธีการที่กระหายเลือดฆ่าพวกที่เขาปราบไม่ได้
บางคนก็เป็นญาติของเขาในตระกูลดอว์สัน!
การกระทำที่โหดร้ายและกระหายเลือดนี้กับความจริงที่ว่าบุรุษชุดเงินคอยช่วยเยล
ส่งผลให้เยลได้รับอำนาจเด็ดขาดในหอการค้าดอว์สัน
นี่คืออำนาจที่ถูกปลอมแปลงผ่านดาบของเพชฌฆาตกระหายเลือด
“ทุกคน, กลับไปซะ”
เยลพูดกับคนที่รายล้อม
“ท่านประธาน เราควรจัดให้คนดูแลสถานที่นี้หรือไม่?” ชายชราผมขาวที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น
“ไม่ต้อง, ลุงอัลเบิร์ต”
เยลพูดอย่างจริงใจ
อัลเบิร์ตตะลึงทันที
หกปีที่แล้วเยลเปลี่ยนเป็นโหดร้ายและอำมหิต และดำเนินการบริหารหอการค้าดอว์สันอย่างก้าวร้าวและเข้มงวด ตั้งแต่นั้นเยลไม่เคยเรียกเขาว่า ‘ลุงอัลเบิร์ต’ อีก
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ อัลเบิร์ตรู้สึกทำอะไรไม่ถูก และเขาเริ่มคิดถึงกิจการที่ผ่านมา
“ลุงอัลเบิร์ต หกปีที่ผ่านมานี้ ข้าขอโทษจริงๆ” เยลพูดเสียงต่ำ
“ท่านประธาน.... คุณชายเยล” อัลเบิร์ตพยายามฝืนข่มความตื่นเต้นไม่ให้ปรากฏออกมาที่สีหน้า เยลกลับมาแล้ว
เยลเมื่อหกปีก่อนกลับมาแล้ว!
“พอเถอะ,
ทุกคนกลับไปพักกันก่อน”
อัลเบิร์ตบอกคนรอบๆ ด้วยเสียงดัง
เสียงของเขาในตอนนี้ดังที่สุด
ความมั่นใจทั้งหมดที่เขามีในหกปีก่อน
“ผู้คนที่ข้าเป็นหนี้... มากมายจริงๆ”
เยลรู้ว่าในอดีตที่ผ่านมาเขาผิดพลาดไปมากมายขนาดไหน
“และน้องสาม”
เยลมองดูลินลี่ย์ที่ยังคุกเข่ากับพื้นด้วยความทรมาน
ตอนนี้ ลินลี่ย์อยู่ในสภาพที่น่ากลัวมาก
วิญญาณของเขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถ้าจะบอกกันง่ายๆ
ก็คือเมื่อวิญญาณได้รับความทุกข์ทรมานจากพลังโจมตีที่รุนแรง มันอาจสลายพังทลายได้ ในฐานะเทพตนหนึ่ง
วิญญาณลินลี่ย์แข็งแกร่งโดยปกติ
แต่ถึงกระนั้นตอนนี้เขารู้สึกทุกข์ทรมาน
ทั่วทั้งร่างของเขารู้สึกเหมือนกับว่าเปลี้ยไปหมด
ลินลี่ย์ฝืนใจลืมตา
เขามองดูเยล
เมื่อเห็นท่าทางห่วงใยในดวงตาเยล ลินลี่ย์รู้สึกโล่งใจทันที
เขาเสี่ยงชีวิตสู้และในที่สุด เขาก็นำพี่ใหญ่เยลกลับมาได้
“น้องสาม”
เยลคุกเข่าข้างหน้าลินลี่ย์ประคองเขา
“น้องสาม, เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ใจของเยลเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“เยล, ข้าไม่เป็นไร, รอสักครู่ก่อน”
ลินลี่ย์ฝืนพูดคำเหล่านี้ออกมา จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิ
ของเหลวแก่นวิญญาณสีทองภายในแหวนมังกรขนดตอนนี้กลายเป็นหมอกสีทองทะลักเข้าไปในโลกวิญญาณของลินลี่ย์ และขณะที่เป็นเช่นนั้น
วิญญาณของลินลี่ย์ก็ดื่มกินมันทั้งหมดราวกับดื่มน้ำ
ก่อนนี้เมื่อแก่นวิญญาณเหลวสีทองที่พ่อมดผู้วิเศษกลั่นไว้ได้หายไป
ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะลินลี่ย์ใช้แหวนมังกรขนดเก็บเอาไว้ได้
สำหรับพ่อมดผู้วิเศษหลังจากกลั่นของเหลวทองเป็นมุกวิญญาณทอง
จะทำให้แก่นวิญญาณสามารถดูดซับได้ง่าย
แต่สำหรับลินลี่ย์ ในฐานะเจ้าของแหวนมังกรขนด
สามารถดูดซับแก่นวิญญาณในปริมาณมากได้ง่ายกว่า
และวิญญาณรูปกระบี่ของเขาดูดซับวิญญาณอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของวิญญาณรูปกระบี่นั้นมีความสว่างไสวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ขนาดของมันยังเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
“สบายดีจริง”
ลินลี่ย์รู้สึกสบายใจ
ความเจ็บปวดจากอาการสั่นสะท้านวิญญาณหายไปนานแล้ว
ตอนนี้ความรู้สึกว่าวิญญาณเติบโตนี้สร้างความสะดวกสบายมากให้กับลินลี่ย์
เขาไม่จำเป็นต้องเพ่งถึงการดูดซับแก่นวิญญาณทั้งหมด ขณะที่พูดคุยกับคนอื่นหรือทำการฝึกฝน เขาก็สามารถดูดซับแก่นวิญญาณอย่างต่อเนื่องได้
ตอนนี้ลินลี่ย์ลืมตา
“น้องสาม, เจ้า.. รู้สึกยังไงบ้าง?” เยลอยู่ข้างตัวลินลี่ย์ตลอดเวลา ใจของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย
“ข้าไม่เป็นไรแล้ว,
พี่ใหญ่เยล เจ้าคงไม่เอาเหล้าพิษมาให้ข้าดื่มอีกใช่หรือเปล่า?”
ลินลี่ย์พูดพร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำพูดของลินลี่ย์เยลรู้สึกเบาใจ
“น้องสาม, ขอบคุณเจ้ามาก”
ตาของเยลมีน้ำตาคลอเบ้า
ในใจของเขา,
เยลเข้าใจดีถึงความพยายามใช้พิษไหมวิญญาณเพื่อฆ่าลินลี่ย์
พูดตามเหตุผลแล้วเป็นเพราะเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่เขาก็ยังรู้สึกผิด เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นของลินลี่ย์ เขารู้สึกว่า.. น้องสามลินลี่ย์นี้
ไม่ใส่ใจเรื่องนั้นแม้แต่น้อย
“ขอบคุณอะไรกัน?”
ลินลี่ย์พูดพลางลุกขึ้นยืน และเยลก็ยืนขึ้นด้วยเช่นกัน
“ข้าขอโทษด้วย ข้าทำสถานที่ของเจ้าปั่นป่วนขนานใหญ่” ลินลี่ย์มองดูรอบๆ อาคารที่ระเบิดพังจากนั้นหัวเราะให้เยล ตอนนี้ลินลี่ย์มีอารมณ์ดีมาก
การเดินทางครั้งนี้ลินลี่ย์มาสู้พิสูจน์เป็นตายกับเทพ
และเขาเตรียมสู้เสี่ยงชีวิตอยู่แล้ว
โชคดี เขาประสบความสำเร็จ
“ลินลี่ย์, ไม่ต้องขอโทษข้า ข้ารับไม่ได้จริงๆ” เยลพูดอย่างเคร่งขรึม
เยลรู้สึกว่าเขาเป็นหนี้ลินลี่ย์มากเกินไป
“เจ้าไม่อาจตำหนิตนเองเกินไป เป็นเพราะเทพตนหนึ่งควบคุมเจ้าไว้”
ลินลี่ย์ถอนหายใจอย่างตื้นตัน
“พ่อมดผู้วิเศษเป็นเทพหรือ?” เยลค่อนข้างตกใจ แม้ว่าเขาจะถูกพ่อมดผู้วิเศษควบคุม
แต่เยลรู้แต่เพียงว่าพ่อมดผู้วิเศษแข็งแกร่งทรงพลัง และไม่แน่ใจว่าพ่อมดผู้วิเศษนี้เป็นเทพหรือไม่
“ใช่แล้ว
มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเขาได้ยากเย็นขนาดนั้นได้ยังไง?”
ลินลี่ย์รู้สึกว่าเขาค่อนข้างโชคดีเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะม่านป้องกันวิญญาณที่เสียหายนี้
และถ้าไม่ใช่เพราะ...
ลินลี่ย์ก้มหน้าดูแหวนมังกรขนด ในอดีตลินลี่ย์ไม่เคยควบคุมแหวนมังกรขนดจริงๆ
และไม่มีทางที่จะเรียนรู้ว่าภายในนั้นบรรจุอะไรไว้ แต่ตอนนี้
ลินลี่ย์รู้แน่ชัดว่าแหวนบรรจุอะไรไว้ จากนั้นเนื่องจากช่วงเวลาที่อันตราย
เขารู้สึกได้ชัดเจนถึงหนึ่งในสามหยดน้ำสีฟ้าเปล่งรัศมีพลังปกป้องเป็นสีฟ้ารอบๆ
วิญญาณยิ่งสว่างมากขึ้น
“งั้นในอดีต
เมื่อชั้นแสงสีฟ้ารอบวิญญาณข้าสว่างขึ้นมากะทันหัน
ก็คือการกระทำของหยดน้ำสีฟ้าลึกลับนี้นั่นเอง”
ลินลี่ย์ถอนหายใจอย่างมีอารมณ์
“เดี๋ยวก่อน, นั่นไม่ถูก”
ลินลี่ย์ตระหนักรู้อะไรบางอย่างได้ “ตามบันทึกของบรรพบุรุษตระกูลบาลุค
ชั้นแสงสีฟ้าที่คลุมวิญญาณคือสิ่งที่นักรบเลือดมังกรมีเท่านั้น เซียนทั่วไปจะไม่มีสิ่งนี้ ดังนั้นทำไมหยดน้ำสีฟ้าจึงทำให้เกิดแสงสีฟ้าสว่างขึ้นกะทันหันได้เล่า? นอกจากนี้หยดเลือดสีทองหยดนั้น...
ทำไมจึงทำให้นักรบเลือดมังกรมีการพัฒนาการรูปร่าง?”
ลินลี่ย์มองดูแหวนมังกรขนด และลวดลายที่สลักอยู่ภายใน
“หรือว่าเจ้าของแหวนมังกรขนดก่อนหน้านั้นจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับนักรบเลือดมังกร?”
ลินลี่ย์ถูกบังคับให้ตั้งสมมติฐานเช่นนี้
ที่สำคัญ เหตุการณ์บังเอิญมากเกินไป
“ลินลี่ย์,
เจ้ากำลังคิดเรื่องอะไร?”
เยลเห็นว่าลินลี่ย์ชะงักไปกะทันหัน จึงอดถามไม่ได้
“ไม่มีอะไร”
ลินลี่ย์ไม่คิดเรื่องนั้นอีกต่อไป
“น้องสาม ข้าจะต้องฉลองให้เจ้า” เยลหัวเราะ
“ฉลองให้ข้า เรื่องอะไร?”
ลินลี่ย์หัวเราะ
เยลจ้องมองเขา “น้องสาม ครั้งนี้เจ้าฆ่ายอดฝีมือระดับเทพได้ ข้าคาดว่าเจ้าเข้าถึงระดับเทพไปแล้ว น้องสาม... ระดับเทพเชียวนะ!
ดูเหมือนว่าเป็นระยะที่ห่างไกลขนาดนั้น เป็นระดับที่น่ายกย่องเทิดทูน น้องสาม
เมื่อเรายังอายุเยาว์ก็ยังทำเรื่องไร้สาระด้วยกัน
ข้าไม่เคยคิดจริงๆ เลยว่าสหายของข้าจะกลายเป็นเทพตนหนึ่งได้”
เทพ!
การเปลี่ยนจากมนุษย์กลายเป็นเทพได้นั้นเป็นการเปลี่ยนระดับสถานะความคงอยู่
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใด จะเป็นอสูรเวท มนุษย์
สิ่งมีชีวิตแบบโลหะ อสูรพฤกษาหรือเผ่าพันธุ์เฉพาะแบบ
ที่มีปัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง
เมื่อเข้าถึงระดับเทพ
พวกเขาจะมีร่างเทพและประกายศักดิ์สิทธิ์
พวกเขาจะมีสถานะทั่วไปว่า เทพ!
ลินลี่ย์กลายเป็นเทพตนหนึ่ง!
ในทวีปยูลาน ในสังคมมนุษย์
บุคคลระดับสูงที่สุดก็คือเทพสงครามและมหาพรต
แต่ตอนนี้ มีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ก็คือลินลี่ย์!
“ฮ่าฮ่า..” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะเช่นกัน “ในอดีต ใครจะคาดคิดว่าจะเป็นไปได้เล่า? อา..
ข้าเกือบลืมเรื่องสำคัญบางอย่างไป”
ทันใดนั้นลินลี่ย์หันไปมองห่อของดำบนพื้น ตอนนี้เป็นเวลาดึกแล้ว และไม่มีอะไรบนพื้นที่เห็นได้ชัด
“น้องสาม เจ้ามองหาอะไร?”
เยลค่อนข้างประหลาดใจ
“สมบัติที่พ่อมดผู้วิเศษทิ้งไว้” ลินลี่ย์เพียงแต่เก็บประกายศักดิ์สิทธิ์ได้เท่านั้น แต่ลืมเก็บของสำคัญสองอย่าง นั่นคือสมบัติเทพของพ่อมดผู้วิเศษ
เช่นแหวนมิติเก็บสมบัติ
ลินลี่ย์ต้องการรู้ว่าพ่อมดผู้วิเศษเก็บอะไรไว้ในแหวนมิติเก็บสมบัติ
ลินลี่ย์ใช้พลังจิตตรวจสอบ
และพบตำแหน่งเคียวดำและแหวนมิติเก็บสมบัติในทันที
เพื่อใช้งานแหวนมิติเก็บสมบัติ
ก่อนอื่นต้องผูกสัญญาโลหิตก่อน
ลินลี่ย์ไม่รีบร้อนเปิดดู ดังนั้นเขาเก็บทั้งแหวนและเคียวดำไว้
“เยลตราบใดที่เจ้าไม่เป็นอะไรข้าก็ดีใจแล้ว ข้าคิดว่า... ช่วงระหว่างเวลาหกปี เจ้าต้องทำเรื่องโง่ๆ
ไปบ้าง แน่นอนไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลย
แต่บิดาของเจ้าและสมาชิกหอการค้าคนอื่นไม่ทราบเรื่องนั้น ใช่ไหม? เจ้าจำเป็นต้องหาความคิดดีๆ ในสิ่งที่จะทำ ข้าจะไม่รบกวนเจ้า บอกตามตรง
ข้าต้องกลับไปปราสาทเลือดมังกรเดี๋ยวนี้
เดเลียและน้องชายข้าและคนอื่นๆ กำลังห่วงข้า
พวกเขาห่วงว่าข้าจะไม่สามารถกลับจากการเดินทางครั้งนี้ได้” ตอนนี้ลินลี่ย์หัวเราะอย่างสบายใจและปลอดกังวล
เยลรู้สึกขอบคุณเขาในใจ
เขารู้ว่าลินลี่ย์เป็นเซียนไม่นานมากนัก ดังนั้นเขาเป็นเพียงเทพระดับเบื้องต้น
เพื่อประโยชน์ของเยล ลินลี่ย์เข้ามาจัดการที่นี่โดยไม่รู้ว่าศัตรูทรงพลังขนาดไหน
นี่เป็นเรื่องที่อันตรายมาก แต่ลินลี่ย์กลับทำได้ ทั้งที่เยลพยายามใช้ยาพิษฆ่าเขาก็ตาม
เยลเชื่อว่าในชีวิตของเขาจะไม่มีทางลืมเรื่องนี้เด็ดขาด
“ขอบคุณ” เยลไม่พูดอะไรอย่างอื่น
ลินลี่ย์หัวเราะพลางตบไหล่เยล “เยล, เจ้ายังจะเป็นพี่ใหญ่ของเราชาวหอ
1987 เสมอ” ลินลี่ย์ยิ้มกว้าง จากนั้นเขาหันกายแล้วจากมา เนื่องจากที่ปราสาทเลือดมังกร
ยังมีคนที่ห่วงใยเขา!
9 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมาก
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
มิตรภาพที่แท้จริงช่างสวยงามจริงๆ ^^
ขอบคุณครับ
Thx you
แสดงความคิดเห็น