วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 857 ความภูมิใจ ตั้งใจสู้และทางลับ


ตอนที่  857  ความภูมิใจ ตั้งใจสู้และทางลับ
แม้ว่าพื้นจะสั่นสะเทือน เสียงหวีดหวิวดังขึ้นจากคลื่นบรอนซ์  สีหน้าของมู่จือเสียไม่เปลี่ยน
เขายังคงถือกระบี่และยืนนิ่งเหมือนกับรูปปั้นไม่มีการขยับเคลื่อนไหว

แต่เมื่อเขาเห็นดาบทั้งสี่ของราชันย์เจมินี่ที่ยื่นออกมาในแนวตั้งฉากตัดกันกลายเป็นรูปไม้กางเขน มู่จือเสียหรี่ตาทันที
แสงกางเขนสีเขียวและแดงตัดกันดูงดงาม
รัศมีเขียวและแดงทั้งหมดที่ฉายออกมาจากหุ่นจักรกลรวมกันเป็นรูปไม้กางเขน
ซี่....
เสียงกระหึ่มของดาบทุกคนสามารถได้ยินได้  แม้ว่ารอบๆ จะมีเสียงสั่นสะเทือน
ในวินาทีต่อมา กางเขนเขียวแดงปรากฏอยู่ต่อหน้ามู่จือเสีย
กระบี่ของมู่จือเสียชี้ตรงไปข้างหน้าอยู่แล้ว  แสงในดวงตาของเขาฉายกระจายไปข้างหน้าขณะที่รับกางเขนเขียวแดงด้วยแรงไสจากกระบี่ของเขา ทะเลพลังงานที่มีกระแสไหลช้าจนดูเหมือนเหือดแห้งพุ่งเข้าปลายกระบี่ของเขาอย่างฉับพลัน  พลังงานถูกบีบอัดเต็มที่อย่างต่อเนื่อง
จุดแสงบนปลายกระบี่สว่างขึ้นในระดับที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
ความสว่างของมันเพิ่มขึ้นในทันที  ในพริบตาก็สว่างสดใสเหมือนดวงอาทิตย์เปล่งแสงสีขาวแพรวพราว ทำให้พื้นที่ทั้งหมดเป็นสีขาวรวมทั้งหน้าของมู่จือเสียด้วย
มู่จือเสียยังคงสงบ  แต่รัศมีที่ปล่อยออกมาจากร่างของเขาระเบิดออกทันทีเหมือนสัตว์ใต้ทะเลผุดขึ้นมาจากน้ำ
แสงที่สะท้อนบนใบหน้าของเขาหมองลงเล็กน้อย และขณะแสงหมองลง เม็ดผลึกพลังงานเล็กๆ ปรากฏอยู่ที่ปลายกระบี่ของเขา สิ่งเหล่านี้คือผลึกพลังงานที่สร้างขึ้นโดยการบีบอัดพลังงานจนมีสภาพเป็นของแข็ง
ผลึกพลังงานทรงกลมสีขาวเหมือนหิมะปล่อยแสงสีขาวเลือนลางที่อบอุ่นโดยไม่มีรัศมีข่มดูสบายจนบอกไม่ถูก
เมื่อผลึกพลังงานปรากฏ พลังงานทั้งหมดในกระบวนศึกก็มีชีวิตชีวาทันที
ผลึกพลังงานสีขาวหิมะยังคงสว่างขึ้นไปตามปลายกระบี่ทำให้มันดูเหมือนว่ากระบี่ค่อยๆ สว่างไล่ไปตามความยาวอย่างช้าๆ
ลำแสงสีขาวดุจหิมะยิงเข้าไปในใจกลางกางเขนเขียวแดงด้วยความเร็วแสง
กระบี่ที่เป็นผลึกสีขาวมีความอบอุ่นมาก ขณะที่กางเขนเขียวแดงมืดมิดและเย็นเสียดกระดูก
เวลาดูเหมือนจะคืบคลานช้าลง
หลังจากเวลาผ่านไปเท่าใดไม่ทราบ
กางเขนเขียวแดงเข้าและเย็นยะเยียบก็สลายเหมือนขนมกรอบ
ขณะเดียวกันตัวกระบี่ผลึกขาวหิมะก็สลายไปด้วย
รัศมีเขียวและแดงปลิวออกไปทุกทิศทาง บดขยี้ใส่รัศมีแตกกระจายสีขาว เป็นแนวตัดกันชัดเจนระหว่างทั้งสอง  เกิดเสียงดังในทันทีทันใด รัศมีสีเขียวแดงที่แตกกระจายกระเด็นออกไปด้านหลังของกองทัพกางเขนใต้  รัศมีขาวที่แตกกระจายกระเด็นกลับไปยังกองทัพของมู่จือเสียในลักษณะเดียวกัน
การตัดสินใจของทั้งสองกองทัพแตกต่างกัน
เมื่อเผชิญกับรัศมีขาวหิมะที่กำลังสะท้อนกลับมาถึง กองทัพของมู่จือเสียยังคงไม่เคลื่อนไหวเหมือนรูปปั้น รัศมีขาวที่แตกกระจายดูเหมือนจะปะทะเข้ากำแพงเหล็กทำให้รัศมีแตกกระจายเป็นสองส่วนกวาดผ่านไปด้านข้างของรูปกระบวนศึก
เมื่อเผชิญหน้ากับรัศมีเขียวแดงที่แตกกระจาย กองทัพดาวกางเขนใต้ฉวยโอกาสถอยอย่างสง่างาม
ประสิทธิภาพของกองทัพของมู่จือเสียก็น่าสรรเสริญ  แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ  แต่การกระทำของกองทัพกางเขนใต้ทำให้พวกเขาอุทานตกใจ เป็นเรื่องยากจะจินตนาการว่าหุ่นจักรกลที่ใหญ่และดูงุ่มง่ามจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสง่างาม  นอกจากนี้ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสอง  แต่เป็นทั้งกองทัพ
การโจมตีครั้งก่อนของพวกเขาทำให้พื้นแตกทำลายรุนแรง  ขณะที่การถอยกะทันหันของพวกเขาดูสง่างามเหมือนกับผีเสื้อ  การกระทำทั้งสองทำให้พวกเขาดูเหมือนกับเป็นสองกองทัพที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง  การผสานของความแตกต่างของความแตกต่างที่ตัดกันอย่างนี้เพียงทำให้คนอื่นยกย่อง
เมื่อกองทัพจักรกลทั้งหมดนี้ลงพื้นเหมือนกับใบไม้ร่วงลงพื้นดินโดยไม่มีผลต่อทรายและฝุ่น  ความรู้สึกที่ขัดกันนี้ ชัดเจนสุดยอด
ครืนนน
ภูเขาช่วงครึ่งบนยังคงถล่มลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้ก้อนหินน้อยใหญ่นับไม่ถ้วนร่วงลงมาเหลือทิ้งไว้ฐานครึ่งหนึ่งของภูเขา
นี่กลายเป็นจุดเด่นของส่วนที่ยังเหลือ
ภายในเกราะราชันย์เจมินี่ ผู้บัญชาการที่ตอนแรกยังมีสีหน้าน่ากลัว กลับสงบลงได้  ดวงตาลึกของเขามองดูกองทัพของศัตรู  รอยยิ้มเลือนรางปรากฏบนใบหน้าของเขา เหมือนกับว่าได้ความทรงส่วนใหญ่กลับมา
 เจ้าหนู นี่ไม่ใช่เคียวกางเขนเขียวแดงในการพิฆาตที่เจ้าเรียนรู้
 มันมีชื่อเรียกว่าดาบกางเขนคู่!
ผู้บัญชาการฟื้นคืนความรู้สึกของเขาขณะที่เขามองไปข้างหน้า  แววชื่นชมปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา
 มู่จือเสียมีชื่อเสียงคู่ควร
เป็นครั้งแรกที่มีคนป้องกันดาบกางเขนคู่ได้สำเร็จเท่าที่ความทรงจำของเขาจะนึกได้ แม้ว่ากองทัพกางเขนใต้ที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังของเขาจะต่างจากกองทัพกางเขนใต้ในอดีต  แต่กองทัพใหม่นี้ยังเล็กมากเมื่อเทียบกับกองทัพกางเขนใต้ในอดีตในเรื่องขนาด  เทียบกับกองทัพกางเขนใต้ที่มีชื่อเสียงในอดีตมีแม่ทัพผู้ลือชื่อหลายคน  ทหารใหม่นี้ยังน่าสงสารมาก
แต่ด้วยการสนับสนุนเต็มที่จากทวีปทอง ด้วยอาวุธจักรกลรุ่นใหม่กว่าและแข็งแกร่งกว่า ทั้งมีระบบกองทัพอุดมสมบูรณ์มากกว่า และเรื่องนักสู้ฝีมือดีอย่างระมัดระวัง  เพิ่มเวลาทศวรรษกับการอุทิศเวลาให้พวกเขา  จึงทำให้กองทัพดาวกางเขนใต้ใหม่นี้มีความเป็นเอกลักษณ์
ไม่ใหญ่เท่ากับในอดีต หรือมีขุนพลที่มีชื่อเสียงเข้าร่วม อิทธิพลในการสู้รบก็ยังเล็กน้อย
จำนวนคนเพียงสองพันคน กองทัพกางเขนใต้ที่ลดขนาดนี้ยังไม่อาจนับว่าได้มาตรฐาน
แต่กำลังของมันไม่อาจมองข้ามได้
 สำหรับมู่จือเสียสามารถป้องกันดาบกางเขนคู่ของข้าได้ง่ายได้ เขาก็คือแม่ทัพผู้มีชื่อแข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่อาจโต้แย้งได้  ผู้บัญชาการผู้ระลึกถึงเรื่องในอดีตตื่นเต้นขึ้นทันที
ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากไปกว่าสามารถพบการต่อสู้ดีๆ
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือมู่จือเสียผู้สงบเงียบยืนอยู่ด้านตรงข้ามรู้สึกตกใจอย่างหนัก  ท่าเคลื่อนไหวของเขาอาจจะดูเหมือนง่าย  แต่ความจริงเป็นวิชาสำเร็จแล้ว กระบี่เรืองแสงกวงหมิง ไม่ใช่ไม้ตายสังหารของกองทัพ  แต่ในมือของเขาอาจะเหนือกว่าวิชาไม้ตายของกองทัพทองธรรมดาอย่างแน่นอน
นอกจากนี้...
เขาไม่ได้ก้มหน้ามองดูกระบี่ของเขาที่มีรอยแตกร้าวเพิ่มขึ้นอีกรอย
กระบี่มาตรฐานในมือของเขาติดตามเขามานานหลายปี รอยร้าวมากมายเกิดจากการฝึก  ไม่ได้เกิดจากการสู้รบ
เป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่มีคนทิ้งรอยร้าวไว้ในกระบี่ของเขา
เขาจ้องมองกองทัพจักรกลข้างหน้าเขา กองทัพลึกลับข้างหน้าเขา  แข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคาด
ถูกแล้ว มันแข็งแกร่งมากกว่าสิ่งที่เขาคาดไว้ ทวีปทองมีกองทัพที่ทรงพลังมากขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อใด?’
เขารู้ความแข็งแกร่งของกองทัพต่างๆ ของทวีปทองดุจมองดูหลังมือ  ทวีปทองอยู่ไกลจากทวีปกวงหมิงมากและไม่ใช่เป้าหมายหลักแรกของทวีปกวงหมิง  แต่ทวีปกวงหมิงมองว่าการเตรียมพร้อมไว้เป็นเรื่องสำคัญ  แม้ว่าการรุกรานเข้าทวีปทองของพวกเขายังไม่ชัดเจน แต่พวกเขาสามารถรักษาเอาไว้ก่อนได้
แต่ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งมาจากหน่วยข่าวกรองของพวกเขาไม่เคยเขียนถึงเรื่องราวของกองทัพนี้ ราวกับว่าพวกเขาโผล่ขึ้นมาจากอากาศเบาบาง
สามารถทนรับพลังของกองทัพของเขาได้  พลังต่อสู้อย่างนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรถูกมองข้าม คำตอบเดียวที่เหลือก็คือ ทวีปทองพยายามซ่อนกองทัพเอาไว้
 ใครจะรู้กันว่าทวีปทองจะซ่อนไพ่เด็ดที่ทรงพลังเอาไว้  ‘มู่จือเสียรีบสงบจิตใจตนเองทันที  ประวัติศาสตร์ของทวีปทองยาวนานยิ่งกว่าทวีปกวงหมิง และไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะมีไพ่เด็ดที่น่าทึ่งและคาดไม่ถึง  แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่หยิ่งภูมิใจในศักดิ์ศรี  แต่ไม่ถึงระดับที่เขาคิดว่าตนเองเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก
 คู่ต่อสู้ที่ยากจะรับมือ
มู่จือเสียกลายเป็นตื่นเต้น เขาเป็นคนที่ไม่ทำตัวโดดเด่นและทวีปกวงหมิงมอบภารกิจสำคัญให้เขา คือเฝ้ารักษาการณ์ทวีปเว่ยเย่กวน  เขามักจะระวังและรอบคอบละเอียดในสิ่งที่เขากระทำ  เขาจัดการสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ง่ายด้วยการรักษาความสงบไว้  ผู้บริหารระดับสูงที่รู้แผนการของเขาล้วนสรรเสริญเขาขนานใหญ่กันทุกคน  แต่น่าเสียดายที่ความสามารถในต่อสู้ที่ทรงพลังของเขาไม่มีโอกาสได้แสดงออก
เขาไม่สนใจเรื่องนั้นมากนักและยังคงถ่อมตัวและทำตัวไม่โดดเด่นต่อหน้าทุกคน  เพราะเขารู้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าพวกเขา  ความตั้งใจต่อสู้ในตัวเขาเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ไม่มีศัตรูหรือคู่แข่งตามธรรมชาติ  ดังนั้นจึงทำให้เขาเป็นเหมือนสัตว์ที่อยู่ในการหลับใหลที่ไม่มีอันตราย
จนกระทั่งวันนี้ เมื่อเขาพบกับศัตรูที่ให้ความรู้สึกที่อันตรายต่อเขาได้ในที่สุด  ความตั้งใจต่อสู้ที่มักหลับใหลอยู่เสมอเหมือนกับสัตว์ป่าดุร้ายที่ดิ้นรนหลุดออกจากโซ่ล่ามลืมตาที่แดงสด
ความรู้สึกตื่นเต้นแผ่กระจายไปทั่วร่างของเขา
เขาเลิกคิดเรื่องศัตรูเป็นใครและไม่สนใจเป้าหมายของพวกเขาอีกต่อไป
ความคิดเดียวของเขาที่มีอยู่ก็คือสนุกกับการสู้รบ!
ไม่มีใครรู้ว่าในดินแดนทวีปแดนเถื่อนที่รกร้างกันดาร เกิดการสู้รบที่สะท้านสะเทือนโลก
*****************************

นอกจากทวีปเว่ยเย่กวนจะอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญในชายแดนทวีปแดนเถื่อนและทวีปกวงหมิง สถานที่อื่นค่อนข้างจะอันตราย
กลุ่มที่ไม่ค่อยสะดุดตากำลังเดินทางอย่างเงียบงัน  พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างช้า แต่ละย่างก้าวพวกเขาจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังมาก  เนื่องจากมีรอยแตกมิติและความว่างรายล้อมพวกเขา ซึ่งตัดขวางกันและกัน คงอยู่มาชั่วนาตาปีไม่มีใครรู้  รอยแยกมิตินี้อันตรายยิ่งกว่าดาบที่คมกริบเสียอีก  ตราบใดที่มีคนเผลอสัมผัสเข้าเมื่อใด พวกเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ร่างจะถูกตัดขาดเป็นชิ้นๆ โดยไม่รู้ตัว
หน้าของทุกคนล้วนแต่ระมัดระวังทั้งนั้น  แม้แต่อาซิ่นที่ปกติจะมีเสียงดังและช่างพูดก็ยังไม่กล้าผ่อนคลาย  นอกจากบอกทางบนพื้นสำหรับหยั่งเท้า หรือเส้นทางที่เป็นหินเพิ่มขึ้น
พื้นที่ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตกมิติถูกขนานนามว่าพื้นที่กาฬมรณะ แม้แต่สัตว์ร้ายก็ยังไม่กล้าย่างกรายเข้ามา  ภายนั้น จะมีพลังกัดกร่อนจากรอยแยกมิติคอยโจมตี ถ้าโชคดีทุกคนเข้มแข็งพอทนได้  แต่เมื่อมองดูเส้นดำที่ตัดกันอยู่ภายในนั้น ผมขนทุกคนถึงกับลุกชัน พวกเขาต้องคอยเบิ่งตากว้างขณะหลบเลี่ยงรอยแยกมิติในท้องฟ้า
บรรดาอันตรายเหล่านั้น ส่วนที่อันตรายที่สุดคือรอยแยกมิติที่เบาบางเท่าเส้นผมซึ่งอาจมองผ่านไปได้ ถ้าไม่ระวังให้ดี
ซางเป่ยนำทาง ที่ซึ่งเขาคอยเตือนทุกคนให้คอยหลบอันตรายผิดพลาดได้อย่างง่ายๆ
ความเครียดต่อเนื่องระยะยาวทำให้ทุกคนค่อนข้างเพลีย และแม้แต่เถี่ยจี๋เองก็ยังดูอ่อนล้า  พวกเขาเดินทางในดินแดนอันตรายมาเป็นเวลาสองเดือน  ความจริงระยะทางไม่ได้ไกลมาก  แต่พวกเขาต้องระวังกันทุกย่างก้าวและไปช้าราวกับเต่าคลาน  แต่ไม่มีใครมีท่าทีรำคาญ  เพราะพวกเขาเห็นสหายของพวกเขาถูกรอยแยกมิติตัดขาดเป็นชิ้นกับตาตนเอง
แม้แต่ซางเป่ยที่เป็นผู้นำทางที่มีประสบการณ์ แม้ว่าทุกคนจะระมัดระวังถึง 120 % แต่พวกเขาก็เสียคนไปถึง 37 คน ทุกคนอดทนและไม่ได้รับผลกระทบมากนัก  แต่พวกเขากลับระมัดระวังมากขึ้น
ซางเป่ยรู้สึกเหนื่อยมาก ทางที่ไม่ใช่ทางก็คือความลับใหญ่ที่สุดของเผ่าน้ำดำ
มันคือทางลับ

5 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

ขมวดปมมาเรื่อยๆแล้ว แต่พี่ถังยังอยู่ที่เดิม

Unknown กล่าวว่า...

ขอบใจจ้า รอเฮียปิง อาซิ่น ลั่วซือกับ ผู้บัญชาการมารวมตัวกันคงสนุกน่าดู

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น