ตอนที่ 884 การดำเนินชีวิตของเขา
สำหรับอัจฉริยะอย่างจี๋เจ๋อ เขามักจะเป็นฝ่ายดูแคลนผู้คนด้วยความหยิ่งผยอง สำหรับพวกเขาเป้าหมายของชีวิตคือเป็นอันดับหนึ่งในใต้ฟ้า ต่อให้พวกเขาไม่สามารถเป็นอันดับหนึ่งได้
อย่างนั้นเป้าหมายในอนาคตของเขาจะต้องเป็นอันดับหนึ่ง ก็เหมือนกับตู้เค่อแข็งแกร่งที่สุดในแดนบาป จี๋เจ๋อสามารถยอมรับได้ว่าตู้เค่อแข็งแกร่งมากกว่าเขา
แต่แน่นอนว่าเขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอ่อนแอกว่าตู้เค่อเสมอ
หรือแม้แต่จะได้รับคัดเลือกจากตู้เค่อก็ตาม
‘กลายเป็นบริวารคนอื่น?
นั่นมันเรื่องตลก!’
จี๋เจ๋อไม่คิดว่าเป็นเรื่องมีเกียรติ
แต่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เขาอับอาย
‘ใช่แล้ว
น่าอับอาย!’
ในสายตาเขา
มีเพียงคนเดียวในโลกที่มีคุณสมบัติที่รับเขาเป็นบริวารได้ นั่นคือถังเทียน
ความจริงจี๋เจ๋อไม่ได้เชื่อมั่นต่อถังเทียนอย่างเต็มที่เท่าใดนัก
เพียงแต่ในตอนแรกเขากลัวและตกใจกับพลังของถังเทียนและยอมก้มหน้าเพราะกลัวตาย
เขามักวางแผนหลบหนีเสมอ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขายิ่งเชื่อถือถังเทียนมากขึ้น
เป็นความแข็งแกร่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่มี
และความเร็วในการก้าวหน้าที่น่าตกใจของเขาทำให้หัวใจของจี๋เจ๋อเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับเขาแม้ว่าตู้เค่อจะแข็งแกร่งที่สุดในแดนบาป
แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังเทียน
ถังเทียนไม่ได้สร้างความเชื่อถือให้จี๋เจ๋อแค่เพียงหมัดของเขา
ในแดนบาปเมื่อใครสักคนได้รับมรดกพลังบางอย่าง เขาหรือนางจะกลัวว่าคนอื่นจะรู้ แต่ถังเทียนไม่สนใจ เขาถ่ายทอดวิชาดาบมารพิฆาตโดยไม่คิดจะปกปิดเอาไว้ เขาไม่ใช่คนโลภในสมบัติเช่นกัน
และมักจะแบ่งปันสมบัติกับทุกคนอย่างไม่เห็นแก่ตัว
แหวนมรณะคือสมบัติทรงพลังชั้นยอด
แต่เขากลับมอบออกไป
เขาปรับแต่งสมบัติให้พวกเขา และไม่ว่าเขาได้รู้แจ้งอะไร เขาจะแบ่งปันความรู้ให้กับทุกคน
จี๋เจ๋อเชื่อใจ
เพราะเขารู้ว่าเขาเองไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้
เพราะเพื่อประโยชน์ในการตามหาหน่วยสุญญตา
ถังเทียนไม่สนใจความปลอดภัยของตนเองและพลิกแดนบาปสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย
เวลานั้นถังเทียนยังไม่ทรงพลังเหมือนปัจจุบัน แต่กล้าเป็นศัตรูกับทั้งแดนบาปเพื่อหน่วยสุญญตา
ความกล้าหาญและมิตรภาพผูกพันนี้ทำให้จี๋เจ๋อใจอ่อน
นอกจากนี้
ถังเทียนยังเป็นผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ต่อแดนบาป
ใช่แล้ว, มีบุญคุณยิ่งใหญ่
หากไม่มีถังเทียนชาวแดนบาปยังจะสามารถหลุดออกมาจากกรงขังได้หรือไม่? เรื่องนี้แม้แต่ตู้เค่อยังต้องยอมรับ
ใครจะรู้กันว่าตู้เค่อยอมเข้าร่วมภายใต้ร่มธงถังเทียนโดยไม่ลังเล? นี่คือบุญคุณยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครโต้แย้งได้
ในสายตาของจี๋เจ๋อ ถังเทียนเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
เป็นผู้กล้าหาญที่สุดในโลก และเป็นบุรุษที่น่านับถือที่สุด
เพราะเรื่องนั้นจี๋เจ๋อยอมรับทำงานให้กับคนเช่นนั้นอย่างหมดใจ
แต่คลอเดียมีอะไรเล่า?
จี๋เจ๋อหรี่ตาไม่ปิดซ่อนรังสีฆ่าฟัน ลอบแค่นเสียงอยู่เบื้องหลังหน้ากาก
‘ทำไมนะหลังจากออกมาจากแดนบาป
สตรีทุกคนที่เขาพบถึงไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ?’
เขามีความประทับใจแย่ๆ ต่อเมลิซซา ความหยิ่งและความภูมิใจในตอนแรกของเมลิซซาทำให้เขาเผยรังสีฆ่าฟัน
แต่กลับเป็นปู่ของเมลิซซาที่จี๋เจ๋อรู้สึกดีด้วย เขาเป็นคนดี
มีความรู้และตัดสินใจได้เด็ดขาด
แม้ว่าเมลิซซาจะเงียบลงหลังจากนั้น
จี๋เจ๋อก็ยังรู้สึกได้ว่านางไม่จริงใจจะเข้าร่วมกับพวกเขา
และมักปล่อยไม่สนใจนาง เนื่องจากเป็นบุรุษห้าวและก้าวร้าว
จี๋เจ๋อจึงมีความดื้อดึงมาก
เมื่อเขาตัดสินใจรับใช้ถังเทียนอย่างแท้จริง เขาจะไม่เปลี่ยนใจ
ดังนั้นจึงรู้สึกดูแคลนการปฏิบัติตัวของเมลิซซา
แต่ถังเทียนไม่ถือสา ดังนั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากเขาไม่ชอบเมลิซซา เขาจึงไม่เห็นแก่หน้านางเป็นธรรมดา ตอนแรกเขาจึงหยอกล้อคลอเดีย
แต่คลอเดียคิดจะดึงพวกเขาเข้ามาทำงาน
ถือว่าแตะต้องเรื่องที่เขาถือสาเป็นที่สุด
ดังนั้นความโกรธในใจเขาจึงเป็นที่เข้าใจได้
ไม่ใช่แค่เพียงเขาเท่านั้น
ทุกคนในกองพลเกราะเทพเจ้าถึงกับมีสีหน้าไม่พอใจ พวกเขาติดตามถังเทียนมานานแล้ว
และมีความหยิ่งและภูมิใจเป็นธรรมดา
ความหยิ่งนี้ไม่ใช่ว่าถังเทียนถ่ายทอดให้กับพวกเขา
แต่เป็นเพราะปฏิสัมพันธ์ประจำวันที่มีต่อสุดยอดวิชาต่อสู้
การฝึกฝนที่อันตรายที่สุด และชัยชนะต่อเนื่องในการสู้รบ
ได้สะสมและตราตรึงใจว่าพวกเขาเป็นใคร
พวกเขาทุกคนภูมิใจที่ได้เป็นสมาชิกกองพลเกราะเทพเจ้า และเมื่อเวลาผ่านไปจู่ๆ
ใครก็ไม่รู้โผล่ออกมาบอกอยากรับพวกเขาเข้าทำงาน จึงทำให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน อย่างเช่นฝูเจิ้งจือที่มีศักดิ์ฐานะเป็นถึงประมุขตระกูล ในแง่ประวัติศาสตร์ ตระกูลของเขาเก่าแก่เกินกว่ากลุ่มการค้าอลิซาเบธที่ไม่รู้จักนี้มาก
แต่ฝูเจิ้งจืออายุมากกว่าจี๋เจ๋อและเขามีความเจนโลก
ความโกรธในตัวเขาจึงไม่ได้มากนัก
เมื่อคลอเดียขอให้พวกเขาย้ายมาทำงานให้
เขาเพียงแต่รู้สึกว่าเป็นเรื่องตลก ไม่ถึงกับโมโหเท่ากับจี๋เจ๋อ
แต่เมื่อจี๋เจ๋อพูดอย่างเคร่งเครียดด้วยความรู้สึกซื่อตรง
นั่นก็ถูกแล้ว สำหรับฝูเจิ้งจือแล้ว คำพูดของจี๋เจ๋อก็ถูกต้องเช่นกัน
และเมื่อเขารู้สึกตัว
ก็ตระหนักได้ว่าเจ้านายยังคงอยู่ด้านข้าง
‘หลอกลวง ไร้ความจริงใจ! ไร้ยางอาย ไร้ยางอายเกินไป!’
‘ความจริงเขาสามารถประจบต่อหน้าเจ้านายก็ได้’
‘ใครจะรู้ว่าจี๋เจ๋อ
ผู้ที่ดูเหมือนคนไร้สมองผู้นี้จะมีความสามารถในการประจบประแจงได้’
นั่นคือกระบวนความคิดของฝูเจิ้งจือในตอนนั้น
‘การแสดงถึงการตัดสินใจที่ทรงพลังและสะท้อนถึงความภักดีของเขา
ยอมตายดีกว่ายอมอับอายเสียเกียรติ การใช้ชีวิตเช่นนั้นนับเป็นเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง
ข้าประเมินเขาต่ำไป’
ฝูเจิ้งจือใช้มือจัดหน้ากากให้เข้าที่
ตาของเขาเป็นประกายเยือกเย็น
‘ข้าจะปล่อยให้เจ้าโดดเด่นอยู่บนเวทีคนเดียวได้ยังไงทั้งที่นายท่านยังมองดูอยู่ มาเถอะ, เสี่ยวเจ๋อ
เดี๋ยวรุ่นใหญ่จะสอนเจ้าเอง
โดยใช้วิธีการที่แพรวพราว ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าเจ้ายังไร้เดียงสาและน่าอาย!”
ตาของเขาเป็นสีแดง ร่างของเขาสั่นเล็กน้อย
เหมือนกับว่าเขาสั่นเพราะแรงลม
เขาพูดเสียงแหบแห้ง
“การที่เราเปลี่ยนนายจ้างงานใหม่ต่อหน้าเจ้านายเป็นเรื่องน่าอาย
ไม่สมควรได้รับการยกโทษ! ต่อให้วิหารอยู่ที่นี่
พวกเขาก็ไม่สามารถสั่นสะท้านการตัดสินใจเราไม่ให้ติดตามนายท่าน แม้ว่าภูเขาจะถล่มทลาย
หรือแม่น้ำจะเหือดแห้งหายไป หรือฟ้าผ่าในฤดูหนาว หิมะตกในฤดูร้อน ต่อให้โลกและสวรรค์ถึงกาลอวสาน เราก็ยังจะติดตามเจ้านายของเรา
และจะไม่มีทางหวั่นไหว ในชีวิตของเรา
ข้าคือบริวารของนายท่าน
ตายแล้วก็ยังจะเป็นผีของนายท่าน”
ประโยคสุดท้ายของเขาต้องกัดฟันพูด
เหมือนกับว่าเขาใช้พลังทั้งตัวเพื่อพูดทุกคำออกมา
เมลิซซาตะลึง ‘อะไรกัน…’
ขนาดเมลิซซายังยืนตะลึง
ทุกคนคงพอจะคาดได้ว่าปฏิกิริยาของคลอเดียเป็นเช่นไร นางตกใจ ‘เกิดอะไรขึ้นกันนี่
คนผู้นี้ ต่อให้เจ้าไม่ยินดี ก็ไม่เห็นต้องพูดถึงความเป็นความตายเลย เอาเถอะถ้าเจ้าอายจนถึงขั้นต้องการสู้ตาย
ก็ไม่เห็นต้องใส่อารมณ์พูดกันอย่างนั้นเลย...”
ทันใดนั้นคลอเดียรู้สึกว่านางเหมือนกับเป็นแม่เล้าที่พยายามจะแยกคู่รัก
เป็นนางตัวร้ายที่พยายามพรากคู่รักให้แยกจากกัน
‘แต่… ข้าแค่จะรับสมัครพวกเจ้าเข้ามาทำงาน...
ก็แค่นั้นเอง...’
คลอเดียที่รู้สึกตัวอยู่เสมอว่านางมีประสบการณ์เพียงพอและมีความมั่นใจว่ารับมือได้ทุกสถานการณ์
รู้สึกทันทีว่านางไม่รู้จะทำยังไง
ความเงียบที่น่าอึดอัด
ทำให้รู้สึกอึดอัดไปหมด
ลมแรงพัดผ่านทำให้ทุกคนระส่ำระสาย
กองพลเกราะเทพเจ้าทุกคนตะลึง
แม้แต่จี๋เจ๋อที่มีรังสีอำมหิตแผ่กระจายก็ยังตะลึง เขาตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ถังเทียนกำลังหมกมุ่นกับความคิดของตนเอง
เห็นได้ชัดว่าเขาพึมพำกับตนเอง เป็นเรื่องบ่อยครั้งที่เกิดขึ้น เมื่อเขาจมอยู่กับกระบวนความคิด
ไม่ว่ารอบข้างจะดังเพียงไหนก็ไม่ส่งผลต่อเขา
แต่ทันใดนั้นความเงียบรอบตัวเขากลับปลุกเขา
“เฮ้, พวกเจ้ากำลังทำอะไร?”
ถังเทียนสะดุ้งกับอาการลักษณะตกตะลึงของทุกคนทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ฝูเจิ้งจือค้าง ‘ข้าอุตส่าห์แสดงความจริงใจหยกๆ แต่นายท่านมองไม่เห็นหรือ?’
ถ้าเป็นบุรุษหนุ่มจี๋เจ๋อ เขาคงอับอายแน่นอน แต่มือชั้นอย่างฝูเจิ้งจือเสียอย่าง?
‘เสียดาย
เสียอารมณ์จริงๆ... เสี่ยวเจ๋อ เดี๋ยวรุ่นพี่จะสอนเจ้าอีกครั้ง เมื่อเสียอารมณ์ไป.. โอว..
อย่างนั้นจงดึงคนอื่นลงน้ำไปกับเจ้าด้วย’
เขาถอนอารมณ์เดิมอย่างสงบ ตาที่แดงของเขากลับเป็นปกติ เสียงของเขาไม่แปลกอีกต่อไป “โอว, เราแค่ปฏิเสธคำเชิญของคุณหนูคลอเดีย
ก็เลยเผยความตั้งใจจะติดตามนายท่านตลอดไป
ทุกคนก็มีความรู้สึกอย่างเดียวกัน”
“เฮ้อ...”
ทุกคนเกือบอ้วก
ถังเทียนเข้าใจ จากนั้นหันไปมองทุกคน
ทุกคนที่กำลังประสบกับความรู้สึกที่แตกต่างไปจากฝูเจิ้งจือต่างจับความรู้สึกได้
ตอนนี้อารมณ์ปัจจุบันของพวกเขาคือก่นด่าฝูเจิ้งจือในใจอย่างหนัก แต่เมื่อถังเทียนกวาดสายตามาทางพวกเขา
หัวใจทุกคนสั่นสะท้าน พวกเขายืนตรงโดยไม่รู้ตัว เชิดหน้ายืดอก พวกเขาสำรวมท่าทางและทำอย่างพร้อมเพรียงกัน
ทั้งหมดยืนเป็นรูปกระบวนและพยักหน้า จากนั้นพูดด้วยความมุ่งมั่น
“ติดตามนายท่านเพื่อชีวิต!”
นี่คือความเคลื่อนไหวจากจิตใต้สำนึก การฝึกฝนอย่างเหน็ดเหนื่อยทรมานทิ้งเงามืดไว้ในใจพวกเขา เมื่อผ่านเวลานานไปจึงกลายเป็นสัญชาตญาณ
‘ฮึก ฮึก ฮึก
ฮึก ทำไมร่างกายของเราถึงได้ซื่อสัตย์นัก...’
ถังเทียนปลาบปลื้ม เขายืนขึ้นและตอบอย่างตื่นเต้นทันที
“เราจะต่อสู้เคียงข้างกันตลอดไป!”
เมลิซซาและคลอเดียตะลึงอีกครั้ง แต่ทั้งสองมีอาการสนองตอบต่างกันสิ้นเชิง
เมลิซซาต้องการปิดหน้า
‘น่าอายจริงๆ …. และนี่ยังทำต่อหน้าคลอเดียอีก โอวพระเจ้า, ทำไมข้าต้องให้พวกเขาปลอมตัวเป็นกองพลหน้ากากเหล็กด้วย?
ศักดิ์ศรีของกองพลหน้ากากเหล็ก
ชื่อเสียงของกลุ่มการค้าเมซฟิลด์...’
ตรงกันข้าม คลอเดียเองรู้สึกว่านางกำลังถูกล้อเลียน ‘ใช่เลย
ต้องเป็นนังตัวร้ายนี่
นางตั้งใจจะเล่นละครแบบนี้
แค่ต้องการให้ข้าดูโง่เง่า’
นางโกรธจนหน้าแดง
นางไม่เคยเสียหน้าอย่างนั้นมาก่อนตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
นอกจากนี้ยังเป็นต่อหน้าเมลิซซา เป็นความอับอายอย่างไม่เคยมีมาก่อน ด้วยความเครียดของอารมณ์ ตาของนางแดงฉาน อุบายเล่ห์ร้ายของนางหายไปหมด
ขณะที่นางกรีดร้อง “ฆ่าพวกมัน! ฆ่าพวกมันให้หมด!”
ทันทีที่คลอเดียกรีดร้อง องครักษ์ของนางต้องการจะลงมืออยู่แล้วส่งเสียงคำรามและกระโจนออกมาที่เรือสินค้าข้างล่าง
หน้าของเมลิซซาเปลี่ยน
“เจ้ากล้าดียังไง คลอเดีย! ระฆังศักดิ์สิทธิ์นี่ลั่นแล้ว! ภายใต้ระฆังศักดิ์สิทธิ์ ใครก็ตามบังอาจทำให้เกิดการปะทะภายใน
จะต้องถูกประหาร!”
คลอเดียค่อยสงบลง ระฆังศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ดังมานานแล้ว มีกฎหลายข้อที่ถูกลืมไป เมื่อเมลิซซาเตือน นางจำได้ทันทีว่ามีข้อห้ามเช่นนั้น
ระฆังศักดิ์สิทธิ์ก็หมายความว่าวิหารอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
และช่วงเวลาอย่างนั้นความขัดแย้งที่จะทอนพลังของวิหาร จะต้องถูกห้าม
แต่เพราะมีหลายตระกูลรวมอยู่ด้วยกัน
และด้วยความเกลียดชังที่สะสมกันมาไม่กี่รุ่นของพวกเขา จะไม่มีความขัดแย้งได้ยังไง?
ดังนั้นจึงมีบางส่วนที่คับแค้นกับการห้ามของระฆังศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่คนไม่เสียชีวิต วิหารก็คงไม่สนใจ
คลอเดียหัวเราะน่ากลัว
“หักขาพวกมัน! และตบปากคนละ 50 ครั้ง!”
ในอากาศมีหลายคนลอยตัวลงมาพร้อมกับรังสีอำมหิต

10 ความคิดเห็น:
สงสัยจะได้เรือทองใช้ฟรี ปล.ขอบคุณครับ
เหิมเกริมมาโดนฆ่า
ขอบคุณผู้แปล
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ เอาสินสงครามมาให้ถึงที่เลย
แมงเมา
แบบนี้ก็แจ๋ววววว
รู้จักไหม กองทัพกาวเทพเจ้านะโว๊ย
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากค่ะ สนุกแน่นอน😁🤣❤️❤️❤️
บายยยยย คลอเดีย
แสดงความคิดเห็น