วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 13 เกบาโดส – ตอนที่ 28 ภูเขาฆ้องทองแดง


เล่ม 13 เกบาโดส ตอนที่ 28 ภูเขาฆ้องทองแดง
ภายในร้านอาหารในเมืองเฮส  ทุกคนตกอยู่ในอาการตะลึง
ท่านเลเกอร์ผู้ยิ่งใหญ่เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มหมวกฟางดูเหมือนจะกลายเป็นทารกไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย  เขาถูกฆ่าโดยตรง  และจากที่เห็นเด็กหนุ่มหมวกฟางจะเชื่อฟังคำสั่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่  ก็หมายความว่าพลังของบุรุษหนุ่มที่นั่งอยู่นั้นยิ่งใหญ่กว่า!

 “พวกเขา?”  เบลิตาเข้ามาใกล้บิดาของนางจ้องมองลินลี่ย์และบีบีอย่างประหลาดใจ
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
 “ใต้เท้า!  ท่านเรียกหาหรือขอรับ?”  ในตอนนี้บุรุษผมหงอกอยู่ในอาการกระวนกระวาย
เขาเข้าใจว่าถ้าลินลี่ย์และบีบีต้องการฆ่าเขา  เขาคงตายแน่นอน
 “พี่ใหญ่ข้าบอกให้เจ้าเข้ามาที่นี่ไงเล่า”  บีบีถลึงตาใส่เขาขณะตะคอกใส่  บุรุษผมหงอกมีร่างสั่นสะท้านเล็ก้อย  จากนั้นเดินเข้ามาที่โต๊ะทันทีและรอคำถามของลินลี่ย์ด้วยความเคารพ
 “ข้าชื่อแซ็ต!  บุรุษผมหงอกแจ้งชื่อตนเองโดยตรง
 “เจ้ามาจากพิภพจองจำเกบาโดสใช่ไหม?”  ลินลี่ย์ถามอย่างสงบ  ขณะที่ถามลินลี่ย์ใช้สนามพลังเทพทำให้คนธรรมดาในร้านอาหารไม่ได้ยินพวกเขาพูด
 “ขอรับ, ใต้เท้า”  แซ็ตตอบอย่างเชื่อฟัง
ที่สำคัญร่างของเลเกอร์นอนนิ่งอยู่กับพื้น  แซ็ตเข้าใจว่าถ้าอสูรทั้งสองที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่พอใจ  พวกเขาสามารถฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ  ตอนนี้ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือยอมร่วมมือให้สิ่งที่พวกเขาต้องการและทำให้พวกเขาพอใจ  มีแค่ทำเช่นนี้เท่านั้นเขาจึงจะรักษาชีวิตได้
ลินลี่ย์ตาเป็นประกายคมกล้า  เขาจ้องแซ็ต “ข้าขอถามเจ้า จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงเป็นใคร?”
จ้าวภูเขาฆ้องทองแดง!
นี่คือคนที่ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกกังวล และก่อนเลเกอร์ตาย เขาได้พูดว่าอาจารย์ของเขาก็คือจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง  คนที่สามารถเป็นอาจารย์ของเซียนชั้นสุดยอดได้คงไม่ใช่คนธรรมดา  เมื่อพวกเขาฆ่าเลเกอร์ไปแล้ว  ลินลี่ย์ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงเป็นใคร
 “อาจารย์?”  แซ็ตประหลาดใจเล็กน้อย
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
 “เราไม่รู้จักชื่อของอาจารย์  เพราะเขาอาศัยอยู่ที่ภูเขาฆ้องทองแดง  พวกเราก็เลยเรียกท่านว่าจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง”  เมื่อพูดถึงจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง ตาของเขาจะเป็นประกายเทิดทูน  “อาจารย์คือยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เราเคยเห็น”
 “เหรอ?”  ตาของลินลี่ย์หรี่แคบ
แซ็ตยังคงพูดต่อไป  “แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงยี่สิบปีหลังจากที่เราหนีออกมาจากเกบาโดสกลับมายังทวีปยูลาน  ในช่วงเวลานี้มีสุดยอดเซียนสองคนที่อาจารย์ให้คำแนะนำ และสามารถก้าวหน้าบรรลุความเป็นเทพด้วยตัวพวกเขาเอง”  ตาของแซ็ตเต็มไปด้วยความเคารพ  “คนที่สามารถช่วยให้เราก้าวผ่านสภาพคอขวดไปได้.. เราจะไม่เคารพสักการะยอดฝีมืออย่างเขาได้ยังไง?"
 “อะไรนะ?”
ไม่ว่าลินลี่ย์จะมีสีหน้าสงบเพียงไหน แต่เขาก็อดเปลี่ยนสีหน้าไม่ได้
แม้แต่บีบีที่อยู่ใกล้ก็ยังไม่อยากเชื่อ “เจ้าบอกว่าคนสองคนที่กลายเป็นเทพเมื่อเร็วๆ นี้ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ของเจ้า?”
อาการคอขวดของการฝึกฝนเป็นสภาพที่ยากจะบรรลุผ่านไปได้
แม้ว่าคนที่ทรงพลังอย่างลอร์ดเบรุตรู้ว่าเดลี่และคนอื่นๆ ติดอยู่ในสภาพคอขวด ได้แต่บอกพวกเขาให้เชื่อมั่นในตัวเอง  เขาไม่พูดอะไรอื่น... คนที่สามารถแนะนำเซียนชั้นสูงถึงวิธีบรรลุผ่านคอขวดย่อมเป็นยอดฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญในกฎธรรมชาติ
 “จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงเป็นยอดฝีมือระดับใด?”  ลินลี่ย์ถามทันที
 “ข้าไม่รู้”  แซ็ตส่ายศีรษะ  “อย่างไรก็ตาม อาจารย์มีพี่ชายอยู่สองคนน่าจะเป็นระดับเทพแท้”
ลินลี่ย์กับบีบีมองหน้ากันเอง
พี่ชายของเขาเป็นเทพแท้? อย่างนั้นจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงอย่างน้อยก็ต้องเป็นเทพแท้เช่นกัน
 “ข้าก่อเรื่องเสียแล้ว”  บีบีคอตกขณะมองลินลี่ย์
เขาฆ่าลูกศิษย์ของยอดฝีมือที่ทรงพลัง  ไม่สำคัญว่าบีบีจะวู่วามขนาดไหน  แต่เขาเข้าใจถึงระดับปัญหาที่เขาสร้างขึ้น
ลินลี่ย์หัวเราะปลอบโยน  “บีบี, ดูเหมือนการเดินทางของเราจะต้องสั้นลงเสียแล้ว”  หลังจากล่วงเกินศัตรูที่มีอำนาจอย่างนั้น พวกเขามีแต่ต้องรีบกลับปราสาทเลือดมังกร
 “ก็ได้”  บีบีพยักหน้า
 “ใต้เท้า, ไม่จำเป็นต้องกังวลไปเลย”  เมื่อได้ยินคำพูดของลินลี่ย์กับบีบี  แซ็ตเข้าใจว่าบีบีคิดอะไร  เขารีบกล่าว  “ใต้เท้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป  ท่านฆ่าเลเกอร์ แต่จะไม่มีใครตามสร้างความยุ่งยากให้กับท่าน”
ลินลี่ย์และบีบีค่อนข้างตกใจ
 “โอว?”  ลินลี่ย์มองดูเขารอคำอธิบาย
บีบียังคงกล่าว  “แซ็ต  เป็นไปได้หรือว่าอาจารย์ของเจ้าจะไม่เห็นแก่หน้าศิษย์ของเขา?”
แซ็ตรีบกล่าว  “ใต้เท้า!  ผู้ยิ่งใหญ่ของภูเขาฆ้องทองแดงมีฐานะระดับใดแล้ว?  เลเกอร์กับข้าเป็นเพียงเซียนชั้นสูง  เราจะกลายเป็นศิษย์ของเขาได้ยังไง?”
 “แต่เจ้าเรียกเขาเป็นอาจารย์?”  บีบีงง
แซ็ตหัวเราะเยาะตัวเอง  “ใต้เท้า, แม้ว่าเราจะเรียกจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงว่าอาจารย์  แต่นั่นคือวิธีที่เรากำหนดสถานะเรียกเขาเท่านั้น จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงไม่เคยยอมรับเราเป็นศิษย์”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว  “อธิบายรายละเอียดซิ”
แซ็ตอธิบาย  “ใต้เท้า!  เราทุกคนหนีมาจากพิภพจองจำ  และจากนั้นเรามาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่  เพียงแต่หลังจากนั้นเราได้ยินว่ามีสุดยอดฝีมืออาศัยอยู่ที่ภูเขาฆ้องทองแดง ท่านสามารถให้คำแนะนำให้กับพวกฝึกฝนที่มาขอคำแนะนำจากเขา  มียอดฝีมือหลายคนให้ความเคารพต่อจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง  เลเกอร์และข้าทั้งสองก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย  เพราะเราได้รับการสั่งสอนจากท่านเจ้าภูเขาฆ้องทองแดง  เราจึงนับถือท่านเหมือนครูบาอาจารย์  เพียงแต่ท่านเจ้าภูเขาฆ้องทองแดงไม่เคยยอมรับว่าเราเป็นลูกศิษย์”
 “ถ้าเราได้คนอย่างเขาเป็นอาจารย์  ในพิภพจองจำ  เราคงไม่อยู่ในสภาพแย่อย่างนั้น”
ลินลี่ย์กับบีบีเข้าใจทันที
 “เจ้านี่ช่างหน้าหนาจริงๆ”  บีบีแค่นเสียง
แซ็ตหัวเราะอย่างขัดเขิน
 “จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงนี้เป็นคนที่น่าอัศจรรย์จริงๆ”  ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชย  ยอดฝีมืออย่างนี้คงจะให้คำสอนสั่งกับคนที่มาขอคำแนะนำได้  อย่างน้อยที่สุดเขาไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว  ไม่ใช่คนถือตัวเองเป็นใหญ่”
 “เจ้าเพิ่งบอกว่าสองคนที่กลายเป็นเทพด้วยตัวเองเมื่อเร็วๆ นี้ต้องขอบคุณคำแนะจำของจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงใช่ไหม?”  ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ
 “ถูกแล้ว”  แซ็ตถอนหายใจ  “นี่เป็นเรื่องแน่นอน  ข้ารู้จักคนหนึ่งในนั้น”
 “เป็นไปได้ยังไงที่เราจะไม่สนใจไปเยี่ยมเยียนคนที่น่าทึ่งอย่างนี้?  บีบี, เจ้าคิดว่ายังไง?”  ลินลี่ย์มองบีบีซึ่งพยักหน้าเห็นด้วย  ขณะเดียวกันเขาหันไปมองแซ็ต  “นี่, แล้วจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงอยู่ที่ไหน?”
 “ภูเขาฆ้องทองแดงอยู่ในภูมิภาคใต้ของสหภาพศักดิ์สิทธิ์  เป็นพื้นที่ซึ่งมีอสูรเวทมากมายครอบครอง  อาจารย์อยู่ภายในภูเขาใหญ่ที่นั่น  ใต้เท้า, ถ้าท่านต้องการ ข้าจะนำทางท่านไปที่นั่น ไม่ใช่แค่เซียนชั้นสูงเท่านั้นที่ไปขอคำแนะนำของอาจารย์  ยังมีพวกระดับเทพเหมือนกัน”
Linley felt all the more amazed in his heart .
ลินลี่ย์รู้สึกยิ่งทึ่งในใจ
จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดาแน่นอน  ตอนนี้ลินลี่ย์ต้องการพบกับเขามาก
 “เพียงแต่ถ้าใต้เท้าไป  ใต้เท้าก็ต้องทำใจสักเล็กน้อย  อาจารย์จะให้คำแนะนำถ้าเขารู้สึกว่าอยากจะทำ”  แซ็ตอธิบาย  “ในการเดินทางไปภูเขาฆ้องทองแดงของเรา  เราอาจต้องรอกันนาน ถ้าโชคดีพอก็จะได้พบอาจารย์”
 “ถ้าเราได้พบเขา เราก็จะพบ  ถ้าเราไม่สามารถพบได้   อย่างนั้นก็แค่ไปเที่ยวกัน”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น
 “ไปเถอะ  ไปกันเดี๋ยวนี้เลย”  บีบีค่อนข้างใจร้อน
แซ็ตพูดอย่างอ่อนโยน  “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้นำทางใต้เท้าทั้งสอง”  ทันใดนั้นแซ็ตนำทางออกไปจากร้านอาหารทันที  ขณะที่ลินลี่ย์และบีบีเดินตาม  ลินลี่ย์ปล่อยสนามพลังเทพซึ่งป้องกันไม่ให้คนอื่นในร้านอาหารได้ยินคำสนทนาของพวกเขา
 “พวกท่านทั้งสอง...”  เบลิตารีบไล่ตาม ต้องการแสดงออก  แต่นางถูกสนามพลังของลินลี่ย์กันเอาไว้
 “ควั่บ!
เงาทั้งสามวูบหายไปในอากาศ และพุ่งหายลับฟ้าไปในขอบฟ้าทิศใต้
 “ยอดฝีมือทั้งสามนี้เป็นใครกัน?  แม้แต่สุดยอดเซียนอย่างท่านเลเกอร์ยังถูกสังหารในครั้งเดียว”  ตอนนี้ผู้คนในร้านอาหารเริ่มจะกล้าพูด  ขณะเดียวกันหลายคนแหงนหน้ามองท้องฟ้าพยายามอย่างว่างเปล่าที่จะได้เห็นลินลี่ย์และคนอื่นๆ”
 “เด็กหนุ่มคนนั้นแข็งแกร่งทรงพลังมาก  เขาสามารถใช้นิ้วทั้งสองคีบรับพลังโจมตีจากดาบได้”
 “ข้าคิดว่าบุรุษหนุ่มคนนั้นยังแข็งแกร่งมากกว่า..”
ทุกคนในร้านอาหารเริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น  ขณะที่เบลิตาจ้องมองขอบฟ้ามองดูจุดที่กลุ่มของลินลี่ย์หายลับตาไป เบลิตาทำอะไรไม่ได้นอกจากจดจำความเมตตาครั้งนี้ไว้ในใจนาง
ภูเขาฆ้องทองแดงอยู่ไม่ไกลจากบ้านเกิดเมืองอู่ซันของลินลี่ย์  ทั้งยังนับได้ว่าอยู่ในอาณาเขตของพวกอสูรเวท
เพียงแต่พอมียอดฝีมือปรากฏอยู่ในพื้นที่นี้ พวกอสูรเวทจึงไม่กล้าเข้ามาใกล้
 “นี่คือภูเขาฆ้องทองแดง!  ในกลางอากาศแซ็ตยืนอยู่พร้อมกับชุดยาวที่โบกสะบัด  แซ็ตชี้ไปที่ภูเขา
ข้างๆ เขาคือลินลี่ย์กับบีบี
 “ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนมากเลยนะ?”  ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ  ว่ากันตามเหตุผลแล้วสิ่งที่เขาเข้าใจก็คือ  ถ้ายอดฝีมือมีหลายคนมาเยี่ยมเยียนจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง  ที่นี่คงจะมีคนอยู่หลายคน  อย่างไรก็ตาม  ลินลี่ย์จ้องมองคฤหาสน์ข้างล่าง ก็เห็นคนไม่มากเหมือนกัน
แซ็ตอธิบาย  “พี่ชายทั้งสองของอาจารย์จะเป็นคนแจ้งบอกเราหลังจากได้รับคำแนะนำจากอาจารย์  เราไม่อาจมารบกวนอาจารย์ได้อีกเป็นเวลาสิบปี”
 “โอว” ลินลี่ย์เข้าใจ
ที่สำคัญ มียอดฝีมือมากมายในทวีปยูลาน  มีไม่มากนักที่รู้ถึงความคงอยู่ของจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง  เนื่องจากพวกเขาไม่มารบกวนเขาอีกเป็นเวลาสิบปีหลังจากได้รับคำแนะนำแล้ว  จึงไม่น่าแปลกใจซึ่งที่นี่มีคนไม่มาก
 “ลงไปกันเถอะ”  ลินลี่ย์บินลงไปเป็นคนแรก
ที่พักของจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงเป็นคฤหาสน์ที่เงียบสงบ  ลินลี่ย์และคนอื่นๆ เมื่อมาถึงหน้าคฤหาสน์ อดถอนหายใจอย่างทึ่งมิได้
 “ที่พักแห่งนี้....”  ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าที่พักนี้มีแก่นพลังธาตุที่ทรงพลังเล็ดลอดออกมา
แซ็ตมีท่าทีเทิดทูนบูชาอยู่ในสายตาเช่นกัน  “ที่อยู่แห่งนี้ถูกสร้างจากแก่นธาตุ  สร้างเข้าไปในช่อง  ถ้าท่านมองดูผนัง ท่านจะไม่เห็นรอยแตกแยกหรือรอยต่อแม้แต่รอยเดียว  สามารถควบคุมแก่นธาตุดินได้ง่ายๆแล้วสร้างเป็นคฤหาสน์แบบนั้นนับว่าเหลือเชื่อจริงๆ”
 “เจ้าไม่เข้าใจ”  หน้าของลินลี่ย์เคร่งขรึมมาก
 “โอว?”  แซ็ตจ้องมองลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจ
ลินลี่ย์จ้องมองที่พักที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างเคร่งขรึม  แซ็ตเป็นเพียงสุดยอดเซียนและเขาไม่ได้ฝึกมาทางกฎธาตุดิน  เป็นธรรมดาที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าที่พักซึ่งสร้างจากแก่นธาตุดินนั้น น่าอัศจรรย์เพียงไหน  อย่างไรก็ตามลินลี่ย์เข้าใจ
 “นี่คือเกราะผู้พิทักษ์ดินศักดิ์สิทธิ์ หรือเวทระดับเวทต้องห้ามซึ่งใช้แก่นธาตุดินเพื่อสร้างผู้พิทักษ์โลก มีขีดจำกัดว่าการสร้างขึ้นมาได้นั้นจะคงอยู่ได้นานเท่าใด”  ลินลี่ย์ยากจะเชื่อได้จริงๆ
เขาเชื่อว่าตั้งแต่มีบางคนสร้างคฤหาสน์นี้  เป็นไปไม่ได้ที่จะต้องลำบากแก้ปัญหานี้ทุกชั่วโมง
 “นอกจากนี้สีของวัสดุของแก่นธาตุดินที่สร้าง...”  ลินลี่ย์จ้องมองวัสดุสีดำเก่าแก่ของที่อยู่  “มันคือสีของอดาแมนเทียม!  ลินลี่ย์รู้ว่าเมื่อเข้าถึงระดับเทพ เมื่อผู้ใช้สามารถใช้เกราะผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์ นั่นจะมีความแข็งระดับอดาแมนเทียม
เกราะผู้พิทักษ์ดินศักดิ์สิทธิ์ระดับอดาแมนเทียม ไม่อาจคงอยู่ได้นาน
แต่คนผู้นี้เอามาใช้สร้างคฤหาสน์ทั้งหลัง?
 “มีคนมาอีกแล้วหรือ?”  ประตูคฤหาสน์เปิดออก และบุรุษร่างกายกำยำศีรษะโล้นจ้องมองมา
แซ็ตรีบคำนับด้วยความเคารพทันที  “คารวะท่านเบอร์เกส”
 “เจ้าอีกแล้ว?”  บุรุษศีรษะโล้นขมวดคิ้ว  “โอว, ใช่แล้ว ครั้งสุดท้ายเมื่อสิบปีที่แล้ว”  หลังพูดจบ บุรุษหัวโล้นมองดูลินลี่ย์กับบีบี ดวงตาของเขามีแววสงสัยขณะประเมินลินลี่ย์กับบีบีอยู่ขณะหนึ่ง
ลินลี่ย์และบีบีคำนับอย่างนอบน้อมทั้งคู่เช่นกัน
 “น้องสามของข้าเชิญให้พวกเจ้าทั้งสองเข้ามา  สำหรับเจ้าไปหาที่พักก่อน” บุรุษศีรษะโล้นกล่าว
 “ขอแสดงความยินดีกับท่านทั้งสองด้วย”  แซ็ตไม่โกรธแม้แต่น้อย  กลับแสดงความยินดีกับลินลี่ย์และบีบีแทน
ไม่ใช่ว่าคนที่มายืนจ้างภูเขาฆ้องทองแดงจะได้รับการยอมรับ  แซ็ตคำนับจากนั้นออกไปเองทันที
 “ท่านเบอร์เกส?”  ลินลี่ย์กล่าว
 “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ  แต่น้องสามของข้าต้องการพบกับเจ้าทั้งสอง  โชคของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ”  บุรุษศีรษะโล้นเม้มริมฝีปากขณะนำลินลี่ย์กับบีบีเข้าไปในคฤหาสน์  “ฟังนะ เมื่อเจ้าพบกับน้องสามของข้า  เจ้าต้องแสดงความนับถือให้มากขึ้นอีกนิด”
ลินลี่ย์กับบีบีมองหน้ากันเอง จากนั้นหัวเราะมองดูรอบๆ ตัว
คฤหาสน์นี้สร้างขึ้นจากแก่นธาตุดินทำให้มีความรู้สึกที่สะดวกสบาย  นอกจากนี้ภายในลานภายในคฤหาสน์นี้มีบุรุษวัยกลางคนสองคนดูเหมือนจะนั่งสนทนากันหัวเราะกัน
 “ข้าสงสัยจริงๆ ว่าคนไหนคือจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง?”  ลินลี่ย์มองดูคนทั้งสอง

4 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น