วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 13 เกบาโดส – ตอนที่ 31 ชีพจรโลก


เล่ม 13 เกบาโดส – ตอนที่ 31 ชีพจรโลก
กฎธรรมชาติกำลังชะลอลงมา
แม้แต่บีบีและบุรุษชุดขาวที่กำลังฝึกฝีมือก็พลอยให้ความสนใจไปด้วย  บีบีเคลื่อนไหวเหมือนสายฟ้าพุ่งผ่านป่าเขาและมาถึงภายในหุบเขา  เขาเห็นลินลี่ย์ลอยอยู่ที่นั่น และตาของเขาเต็มไปด้วยความดีใจ  “พี่ใหญ่, ในที่สุดท่านก็เชี่ยวชาญชีพจรโลกได้ใช่ไหม?”

 “พี่ใหญ่!  เกิดอะไรขึ้น?  เขา..เขาบรรลุระดับใหม่ในลักษณะนั้นหรือ?”  บุรุษชุดขาวบินเข้ามาสมทบ และประหลาดใจมาก
เบอร์เกสกล่าวอย่างค่อนข้างสับสน  “ตอนนั้นข้าเพิ่งซัดเขาลงไป  ข้าไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาเกิดความรู้แจ้งกะทันหัน แต่เขาเข้าถึงระดับใหม่จริงๆ  ดูสิ... แบบนี้.. มันทำให้ข้าท้อใจมากไม่ใช่หรือ?”
 “มิน่าเล่าน้องสามถึงได้ชื่นชมเขานัก”  บุรุษชุดขาวมองดูลินลี่ย์เช่นกัน
ราวกับการใช้เทเลพอร์ต มีบุคคลอีกคนหนึ่งปรากฏตัวในพื้นที่หุบเขา  เป็นบุรุษคิ้วแดงลีย์ลิน  บีบีมองเห็นลีย์ลินก็ค่อนข้างประหลาดใจ  “จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงนี้ทรงพลังยิ่งนัก  อย่างไรก็ตาม, ปู่ได้บอกไว้ก่อนว่าไม่มียอดฝีมือ ไม่ว่าจะทรงพลังเพียงไหนจะสามารถเทเลพอร์ตได้ ไม่รู้ว่าลีย์ลินผู้นี้ใช้วิชาอะไร”
ลีย์ลินยิ้มบินลงมาจากอากาศขณะที่เขามองดูลินลี่ย์  เขาพยักหน้าเหมือนกับว่าพอใจ
มิติพร่าเลือนและบิดเบี้ยว
 “ครืนนน...”  ปริมาณแก่นธาตุดินนับไม่ถ้วนทะลักเข้ามาในอากาศเหนือลินลี่ย์และพลังที่มีลักษณะเฉพาะแบบรายล้อมวิญญาณลินลี่ย์  ดูเหมือนว่าสามารถเห็นผ่านวิญญาณเขาและเข้าใจทุกอย่างภายในนั้นได้  ในอากาศเหนือศีรษะลินลี่ย์ แก่นธาตุดินยังคงเข้ามารวมตัวในระดับที่รวดเร็ว
ทันใดนั้น....
 “บึ้ม!  แก่นธาตุดินแตกกระจาย และในพื้นที่ซึ่งเคยมีก่อนนั้น มีวัตถุเหมือนอัญมณีดำเรืองแสงจางสีเหลือง
เป็นธรรมดาประกายศักดิ์สิทธิ์จะเชื่อมโยงกับวิญญาณของลินลี่ย์
 “ประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุดิน”  ลินลี่ย์รู้สึกมีความดีใจท่วมท้นเต็มหัวใจ  ลินลี่ย์เคยมีประสบการณ์มาแล้ว  และเตรียมการมานานแล้ว
 “ในที่สุด, ข้าก็กลายเป็นเทพทั้งในสายธาตุดินและสายธาตุลม”  ลินลี่ย์อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้  แต่ขณะเดียวกันภายในใจของลินลี่ย์ เขาอดคิดถึงลีย์ลินไม่ได้  “ข้าต้องขอบคุณจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงจริงๆ  เพราะช่วยให้ข้าสามารถบรรลุผ่านคอขวดของการฝึกฝนในครั้งนี้ได้”
 “ข้าควรจะสร้างร่างแยกศักดิ์สิทธิ์อีกร่างไหม?”  ลินลี่ย์รับรู้ได้ถึงข้อมูลที่กฎธรรมชาติส่งผ่านเข้ามาในตัวเขา
ลินลี่ย์ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ควบคุมประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุดินออกมาอยู่ข้างตัวเขา รอยยิ้มปรากฏอยู่ที่ริมฝีปากของลินลี่ย์  “อีกครั้งหนึ่งที่ข้าจะต้องแบ่งวิญญาณออกเป็นสอง  ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  ข้ายังจะมีอีกร่างหนึ่งได้  ขณะเดียวกันข้าสามารถฝึกเพิ่มในกฎอย่างอื่น เพียงแต่, ความเจ็บปวดของการฉีกแบ่งวิญญาณนี้...”
 “อ๊าคคค!” กล้ามเนื้อของลินลี่ย์เริ่มสั่นกระตุก ความเจ็บปวดของการฉีกแบ่งวิญญาณครึ่งหนึ่งทำให้หน้าของลินลี่ย์ซีดและไร้สีเลือด
 “ดูเหมือนว่าลินลี่ย์นี้ต้องการจะฝึกฝนในกฎธรรมชาติอื่นด้วย”  ลีย์ลินถอนหายใจประเมิน  “เขาเลือกจะแบ่งครึ่งวิญญาณอีกครั้ง”  ลีย์ลินรู้ดีว่ามันทรมานเพียงไหนเมื่อวิญญาณถูกแบ่งครึ่ง  เมื่อวิญญาณของใครบางคนถูกฉีกแบ่งครึ่ง แม้แต่ยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดก็ไม่สามารถอดกลั้นไม่ให้กรีดร้องโหยหวนได้
โชคดีที่ในช่วงที่กลายเป็นเทพ  วิญญาณของผู้นั้นจะได้รับการปกป้องโดยกฎธรรมชาติ
ตอนนี้, การฉีกแบ่งวิญญาณจะไม่มีปัญหาอะไร  อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์ปกติ แรงสั่นสะเทือนง่ายๆที่ทรงพลังก็เพียงพอทำให้วิญญาณพังทลายและสูญสลายไปได้  และพูดอะไรไม่ได้เมื่อวิญญาณแตกสลายไปครึ่งหนึ่ง
วิญญาณรูปกระบี่บินออกมาจากร่างลินลี่ย์หลอมรวมเข้ากับประกายศักดิ์สิทธิ์สายธาตุดินลอยอยู่ในอากาศ
 “วิญญาณรูปกระบี่?”  ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย  “เขามีศักยภาพในการฝึกกฎพลังทำลายล้าง”
สำหรับตอนนี้, ลินลี่ย์พบตนเองอยู่ภายในทะเลธาตุ ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลไม่มีที่สิ้นสุด
ในพื้นที่คลุมเครือไม่ชัดเจนนั้นเต็มไปด้วยทะเลธาตุไร้ขอบเขต  คลื่นพุ่งขึ้นและร่วงลงและคลื่นสีเหลืองน้ำตาลเต็มไปด้วยแก่นธาตุดินเหลว  ลึกลงไปภายในนั้นมีพลังเทพธาตุดินที่บริสุทธิ์  ลินลี่ย์พยายามอย่างหนักเพื่อเจาะลึกลงไปค้นหาพลังเทพนั้น
พลังธาตุดินศักดิ์สิทธิ์รายล้อมประกายศักดิ์สิทธิ์สายธาตุดินของเขา  เกิดเป็นร่างแยกศักดิ์สิทธิ์สายธาตุดินซึ่งดูคล้ายกับลินลี่ย์
 “ร่างที่สร้างจากกฎธรรมชาติมักจะเปลือยกายเสมอ”  ลินลี่ย์ใช้พลังธาตุดินศักดิ์สิทธิ์ของเขาสร้างชุดยาวสีเหลืองน้ำตาลให้กับร่างแยกศักดิ์สิทธิ์  แค่เพียงคิดเท่านั้น ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏออกมาจากภายในร่างเดิมของเขา
ร่างแยกดินศักดิ์สิทธิ์, ร่างแยกลมศักดิ์สิทธิ์ ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังทั้งสองของเขารายล้อมร่างหลักของเขา
และจากนั้นร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองผสานเข้ากับร่างหลักของเขา
ภายในทะเลจิตสำนึกของลินลี่ย์  ลินลี่ย์ในชุดเหลืองและลินลี่ย์ในชุดเขียวนั่งในท่าขัดสมาธิอยู่ในทะเลจิตสำนึก  ขณะที่ในอากาศเหนือร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองจะมีวิญญาณรูปกระบี่สีรุ้งร่างหนึ่งลอยอยู่  เพียงแต่ขนาดจะเล็กลงมากกว่าแต่ก่อน
ภายในภูเขาฆ้องทองแดง เมื่อลินลี่ย์ลงมายืนที่พื้น เขาลืมตาขึ้นและเห็นลีย์ลิน, สหายของเขาและบีบี
 “พี่ใหญ่”  ตาของบีบีเต็มไปด้วยความดีใจและเขายิ้มกว้าง  ขณะเดียวกันเขายกนิ้วหัวแม่มือให้ลินลี่ย์  “ใช้เวลาในภูเขาฆ้องทองแดงที่นี่เพียงครึ่งปีท่านก็กลายเป็นเทพผ่านกฎธรรมชาติธาตุดินได้   จริงสิพี่ใหญ่, ใช่เป็นเพราะบรรลุผ่านเคล็ดความรู้ลึกลับแก่นธาตุดินหรือเคล็ดความรู้ชีพจรโลก?”
 “เป็นชีพจรโลก!  ลินลี่ย์กล่าวพลางหัวเราะ
 “ลินลี่ย์!  ขอแสดงความยินดีด้วย”  จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงลีย์ลินพูดพร้อมกับยิ้มอย่างสงบ
ลินลี่ย์มมองดูลีย์ลิน เขาเพิ่มความสำรวมทันที จากนั้นเขาคำนับด้วยมารยาทอย่างเป็นพิธีรีตอง พูดด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง  “ท่านลีย์ลิน ข้าขอขอบคุณที่ท่านทั้งสามช่วยเหลือ  ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดจึงจะบรรลุผ่านสภาพคอขวดนี้ไปได้”
 “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า  ถ้าจะต้องขอบคุณ เราสามพี่น้องต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้า” ลีย์ลินกล่าว
 “หือ?” ลินลี่ย์ตกใจ
ลีย์ลินขอบคุณเขา?  ทำไมต้องขอบคุณเขา?
เบอร์เกสหัวเราะลั่น  “ฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์!  ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าและนักสู้ระดับเทียมเทพอีกสองคน เราสามพี่น้องอาจจะยังอยู่ในพิภพเกบาโดส”
ลินลี่ย์และบีบีเข้าใจทันที
 “อย่างนั้น ลีย์ลินผู้นี้ดูเหมือนจะหนีมาจากพิภพจองจำเกบาโดสด้วยเช่นกัน”  ลินลี่ย์ลอบกล่าวกับตัวเอง
 “พี่ใหญ่, ดูเหมือนกระบี่ของโอลิเวอร์ก็สร้างผลตามมาที่ดีได้เหมือนกัน”  บีบีหัวเราะ
ลีย์ลินมองดูลินลี่ย์ เขายิ้มอย่างสงบและกล่าว  “ลินลี่ย์, ในเวลานี้เจ้าเพิ่งถึงระดับเทียมเทพของกฎธาตุดิน  แม้ว่าเจ้าจะเชี่ยวชาญชีพจรโลก  แต่สำหรับยอดฝีมือการรู้แจ้งเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง การรู้จักวิธีประยุกต์ใช้ความรู้นั้นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
ลินลี่ย์เองก็รู้สึกอย่างนี้ เขาพยักหน้า
แน่นอนว่าหลังจากกลายเป็นเทียมเทพผ่านกฎธาตุลม  เขาจะต้องค้นคว้าเป็นช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะพัฒนา ลำนำแห่งสายลม ขึ้นมาได้
 “บีบี!  จะดีที่สุดถ้าเจ้ายังไม่รบกวนลินลี่ย์ในช่วงเวลานี้และปล่อยให้เขาได้เพ่งสมาธิรับรู้ชีพจรโลกอย่างเงียบๆ  เมื่อเขาสามารถใช้ชีพจรโลกได้ดีขึ้น เขาจะสร้างไม้ตายโจมตีที่ทรงพลังได้”  ลีย์ลินมองดูบีบีขณะกล่าว
 “ทราบแล้ว” บีบีพยักหน้าซ้ำๆ
หลังจากที่มีคนได้รับการรู้แจ้งกฎธรรมชาติ  เขาจำเป็นต้องคิดหาวิธีประยุกต์ความรู้เหล่านั้นให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
 “ลินลี่ย์, จงฝึกต่อไป , ในอีกไม่นานเจ้าน่าจะอยู่ในระดับเดียวกับพี่ใหญ่ข้าได้”  ลีย์ลินกล่าว
 “เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?”  ลินลี่ย์หัวเราะเยาะตนเอง  “ที่สำคัญข้ายังเป็นแค่เทียมเทพ”
 “แต่เจ้ามีสองร่างแยกศักดิ์สิทธิ์แล้ว”  ลีย์ลินพูดพลางหัวเราะ
 “นี่.. ถ้ามีสองร่างแยกแล้วจะเป็นยังไง?”  ลินลี่ย์ค่อนข้างงง “พลังจำกัดของสนามพลังเทพแท้นั้นทรงพลังมาก  ข้าแทบจะยังแก้ปัญหานี้ไม่ตกด้วยซ้ำ”
ลีย์ลินพูดพลางหัวเราะ  “เจ้ายังไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องนี้หรือนี่?”
 “หือ?”  ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
 “ลินลี่ย์!  ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองของเจ้าปัจจุบันนี้ผสานรวมอยู่กับร่างหลักของเจ้า  ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์แต่ละร่างสามารถสร้างสนามพลังเทพได้  ประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองของเจ้าสามารถสร้างสนามพลังเทพได้  มีสนามพลังเทพสองชั้นซ้อนกัน พลังที่จำกัดเจ้าก็จะอ่อนแอลงมาก”  ลีย์ลินอธิบาย
ลินลี่ย์ตกใจ
เดิมทีเมื่อเบรุตกล่าวถึงนักสู้ระดับเทียมเทพว่าด้อยกว่าเทพแท้ นั่นก็เป็นการสู้กันตัวต่อตัว
ความจริงสำหรับคนอย่างลินลี่ย์ ก็เหมือนกับว่าเขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองผนึกกำลังกันอยู่แล้ว
 “สนามพลังเทพของร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองซ้อนกันและกันพลังอาจไม่สามารถตอบโต้เทพแท้ได้เต็มที่  แต่ก็ทอนพลังอีกฝ่ายลงได้มาก  ตรงจุดนั้นเจ้าสามารถพึ่งพาอาศัยวิทยายุทธของเจ้าและเคล็ดความรู้ลึกลับที่เจ้าบรรลุถึง  ระดับของเจ้าก็จะพอๆ กับพี่ใหญ่ของข้า”  ลีย์ลินกล่าว
ตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นในใจ
ดังนั้นเขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นก็ได้รับประโยชน์นี้เช่นกัน
เนื่องจากว่าลินลี่ย์ต้องฝึกใช้ ชีพจรโลก สร้างพลังโจมตีอย่างเงียบๆ เบอร์เกสจึงไม่ต้องซ้อมฝีมือต่อเป็นธรรมดา  บีบีไม่รบกวนสมาธิของลินลี่ย์  ปกติเขาจะซ้อมมือกับบุรุษชุดขาวในที่ค่อนข้างห่างออกไป
ภายในหุบเขา ลินลี่ย์อยู่เพียงลำพัง
 “เวทต้องห้าม ชีพจรคุ้มกัน ควบคุม จังหวะเต้นของหัวใจซึ่งแฝงด้วยพลังธาตุดิน”  ทันทีที่เวทต้องห้ามถูกร่าย ดูเหมือนจะสร้างม่านพลังโปร่งแสง  นี่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างจากพลังชีพจรซึ่งแฝงอยู่ในธาตุดินเป็นปกติ
ในอดีตลินลี่ย์ไม่เข้าใจว่าพลังชีพจรนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้ยังไง
 “ในอดีต, ข้าเชื่อว่าพลังชีพจรนี้ไม่ใช่อย่างเดียวเหมือนกับแก่นธาตุเดิม  และเป็นพลังงานรูปแบบใหม่  แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า... จำเป็นต้องเปลี่ยนความเชื่อ”  หลังจากเข้าใจ การเต้นของชีพจรโลก ลินลี่ย์เห็นหลายสิ่งหลายอย่างชัดเจนขึ้น  “ในการใช้จังหวะเต้นของชีพจรโลก นอกจากใช้พลังสั่นสะเทือนโจมตีแล้ว ข้ายังสามารถใช้พลังชีพจรโจมตีได้”
ลินลี่ย์ยืนบนแผ่นดินและพลังเทพในร่างของเขาทะลักออก
พลังชีพจรแปลกประหลาดผ่านไปตามใต้เท้าของลินลี่ย์เข้าไปในดิน จากนั้นถ่ายตรงไปที่สระน้ำลึกข้างหน้าเขา
 “บึ้ม!!  น้ำพุ่งกระจายจากสระน้ำ
 “พลังโจมตีแบบนี้เงียบและไม่มีสัญญาณเตือน”  ลินลี่ย์ยิ้มมุมปาก  “ถ้าข้าฝึกเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย  ก็น่าจะทำให้แข็งแกร่งทรงพลังมากขึ้น
ภายในคฤหาสน์ที่สันโดษ จักรวรรดิโรฮอลท์
 “ลินลี่ย์กำลังฝึกด้วยตนเองอยู่หรือนี่?”  ซาดิสต์แผ่สำนึกเทพไปที่ภูเขาฆ้องทองแดงอีกครั้ง  เขาย่อมพบว่าลินลี่ย์กำลังฝึกอยู่ตามลำพังเป็นธรรมดา  “ลินลี่ย์ผู้นี้ช่างน่ากลัวจริงๆ  เขาเข้าถึงระดับเทียมเทพในกฎธาตุดินอีกด้วย”
ตาของซาดิสต์เป็นประกายเยือกเย็น
ศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ของลินลี่ย์ยิ่งทำให้ซาดิสต์ต้องการฆ่าเขามากขึ้น
 “ข้าไม่ยอมให้ลินลี่ย์ไปพิภพนรกและกลับไปที่มณฑลฟ้าครามแน่”  ซาดิสต์มั่นใจตรงจุดนี้  “มีเทพแท้เพียงสองคนที่ภูเขาฆ้องทองแดง  ถ้าแอนราสเคลื่อนไหวได้รวดเร็วพอ  เขาน่าจะฆ่าลินลี่ย์ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ”
ซาดิสต์ยังค่อนข้างมั่นใจในแอนราส
ทั้งนี้เป็นเพราะแอนราสฝึกมาทางกฎธาตุไฟ  เปลวไฟที่ใช้โจมตีมีพลังรุนแรง
 “แอนราส...”  ซาดิสต์ส่งสัมผัสเทพไปที่แอนราสทันที
คืนนี้ยามราตรีเมฆมืดครึ้ม และสายลมพัดรุนแรง
ร่างมนุษย์คนหนึ่งกำลังบินอยู่ในกลางอากาศด้วยความเร็วสูง  เป็นบุรุษชุดแดงแอนราส  แอนราสจ้องมองไปทางทิศใต้  “หลังจากรอมาเป็นเวลานาน  ในที่สุดโอกาสก็มาถึง”  ตอนนี้ ซาดิสต์กำหนดตำแหน่งของลินลี่ย์และใช้สำนึกเทพจับทิศทางแผนที่ไว้แล้ว
แอนราสรู้ว่าลินลี่ย์อยู่ที่ใด
แสงสีแดงเลือนรางเริ่มเรื่อเรืองในดวงตาของแอนราส
ในไม่ช้าภูเขาฆ้องทองแดงก็ปรากฏภายในสายตาของแอนราส  หน้าของแอนราสเย็นชามากขึ้น  เขาคุ้นเคยกับชั้นภูเขาฆ้องทองแดงมาก  เขาเร่งความเร็วขึ้นอย่างง่ายดาย พุ่งผ่านภูเขาป่าและมาลงใกล้ตำแหน่งที่ลินลี่ย์กำลังฝึกในหุบเขา
ภายในคฤหาสน์ที่สร้างจากแก่นธาตุดิน
 “เจ้าคนโอหังกำลังแผ่สำนึกเทพเข้ามาตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่าอีกแล้ว  อย่างนั้นเขาคงมีเจตนาร้ายแน่”  ลีย์ลินหัวเราะอย่างใจเย็น  ซาดิสต์คิดว่าไม่มีใครสังเกตสัมผัสเทพของเขาที่ใช้ตรวจสอบพื้นที่  แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือลีย์ลินรู้ตัวเป็นอย่างดี
 “คนที่มาครั้งนี้น่าจะเป็นบริวาร”  ลีย์ลินไม่กังวลแม้แต่น้อย
 “เทพแท้ นี่เป็นโอกาสดูว่าพลังของลินลี่ย์จะก้าวหน้าได้ยังไง  ข้าสงสัยว่าเขาจะสามารถต้านทานได้ไหม”  ในที่สุด ลีย์ลินก็ยังหายไปจากภายในลานว่างบ้านของเขา  ความจริงแอนราสเข้ามาใกล้หุบเขาของลินลีย์กว่าที่เขาอยู่มาก
แต่ว่า...
ลีย์ลินมาถึงก่อน
ในหุบเขาที่ลินลี่ย์กำลังฝึก  ลินลี่ย์กำลังดิ่งอยู่ในสมาธิของเขา  แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าพื้นสั่นสะเทือนเล็กน้อยได้ทันที
 “หือ?”  ลินลี่ย์สงสัย จึงหยุดฝึก
 “เกิดอะไรขึ้น?”  ลินลี่ย์ไม่เข้าใจจะมีปัญหาอะไรปรากฏขึ้น
เพียงแต่ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าในมุมหนึ่งของหุบเขา  หินก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นทันที  หินนี้ก็คือรัศมีธาตุดินเลือนรางที่ถูกปล่อยออกมา  “ดูจากตรงนี้เป็นดีที่สุด  มิฉะนั้นถ้าลินลี่ย์ตาย หลายอย่างจะยุ่งเหยิง  โอว..เทพผู้นั้นมาถึงแล้ว”

8 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ดุร้าย กล่าวว่า...

มีคู่ซ่อมให้มารองเท้าแล้ว

สุดยอด กล่าวว่า...

ตบเทพแท้ครับ ^^

Boybravo กล่าวว่า...

ได้ลงมือมาโดนซะแร้ว

WingF กล่าวว่า...

ปลอมตัวเป็นหินแล้วนั่งดูพร้อมป๊อปคอน และเครื่องดื่ม

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

fakefruit กล่าวว่า...

ขอบคุณคร๊าบบบบบ

แสดงความคิดเห็น