วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 13 เกบาโดส – ตอนที่ 12 การตัดสินใจของเดลี่


เล่ม 13 เกบาโดส – ตอนที่ 12 การตัดสินใจของเดลี่
อารมณ์ที่สุภาพ กับใบหน้าที่มีรอยยิ้มของเขา  นี่คือภาพพจน์ของเดลี่ที่ประทับอยู่ในใจของลินลี่ย์  แต่ตอนนี้เดลี่มีผมกระเซิง และทั่วทั้งตัวเปล่งรังสีอำมหิต แม้เดลี่จะสังเกตได้ว่าลินลี่ย์มาถึงแล้ว  แต่เขาก็ไม่เปลี่ยนกลิ่นอายแม้แต่น้อย

 “เจ้ามาแล้ว” เดลี่พูดอย่างสงบ
ลินลี่ย์ลอบถอนใจ
การถูกทำลายร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ส่งผลกระทบใหญ่ต่อจิตใจของเดลี่อย่างเห็นได้ชัดจริงๆ
 “เดลี่,  ไม่มีประโยชน์เลยกับการรู้สึกเสียใจที่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของท่านถูกทำลาย  ตอนนี้สิ่งที่ท่านต้องทำคือฝึกฝนอย่างหนักและคิดถึงเส้นทางอนาคต  ทางที่เป็นอยู่ในตอนนี้ทำให้ท่านหงุดหงิดไม่ยอมคุยกับครอบครัวและสหาย เก็บงำทุกสิ่งไว้ในใจ นั่นจะทำให้ครอบครัวและสหายของท่านรู้สึกกังวลถึงท่าน” ลินลี่ย์เตือน
เดลี่เงียบอยู่ชั่วขณะ
 “เมื่อข้ากลับมา จิตใจของข้าอยู่ในสภาพว้าวุ่น ข้าไม่ต้องการคุยกับพวกเขา” เดลี่กล่าว
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
เดลี่และลินลี่ย์แตกต่างกัน  ที่สำคัญเดลี่ฝึกฝนมาอย่างหนักเกินห้าพันปีจึงได้กลายเป็นเทพ  ผลลัพธ์ของความพยายามห้าพันปีหายไปหมดสิ้นในวันเดียว  ในตอนแรกไม่มีใครสามารถรับผลเช่นนั้นด้วยความสงบใจเย็น
 “เดลี่, แล้วท่านตัดสินใจยังไง?”  ลินลี่ย์ถอนหายใจขณะถาม  “ท่านจะฝึกในสายธาตุอื่นเพื่อกลายเป็นเทพด้วยตัวเอง หรือจะหาประกายศักดิ์สิทธิ์และหลอมรวมเพื่อกลายเป็นเทพ?”  เมื่อถึงจุดนี้เดลี่ไม่มีทางเลือกอื่น
เดลี่หัวเราะหยันชะตาตนเอง
 “ฝึกในสายธาตุอื่นน่ะหรือ?”  เดลี่มองดูลินลี่ย์  “ลินลี่ย์!  ข้าเชี่ยวชาญกฎธรรมชาติธาตุแสงที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นตัวข้าเองยังต้องใช้เวลานานกว่าจะกลายเป็นเทพได้  ถ้าข้าเปลี่ยนไปฝึกกฎธรรมชาติธาตุอื่น  คงต้องใช้เวลาเกินกว่าหมื่นปี  บอกข้าที,  เป็นไปได้ยังไงที่ข้าจะกลายเป็นเทพด้วยตัวเองอีกครั้ง?”
ลินลี่ย์เงียบไปครู่หนึ่ง
ลินลี่ย์เข้าใจว่าทุกคนมีจุดแข็งและความเชี่ยวชาญเป็นของตนเอง  ตัวอย่างเช่นถ้าให้ลินลี่ย์ฝืนฝึกในกฎธรรมชาติธาตุมืดซึ่งเขาไม่รู้อะไรเลย  แต่ให้เขาใช้ความพยายามสิบเท่าหรือร้อยเท่า ความสำเร็จของเขาในกฎธรรมชาติธาตุมืดก็จะไม่มีทางถึงระดับของกฎธรรมชาติธาตุลมของเขา
ความพยายามครึ่งหนึ่งเพื่อให้ได้รับผลเป็นสองเท่า กับความพยายามสองเท่าเพื่อให้ได้รับผลครึ่งเดียว  มีระยะห่างกันทั้งสองเงื่อนไข
 “เดลี่, ข้ารู้ว่าท่านมีความชำนาญที่สุดในกฎธาตุแสง..”  ลินลี่ย์กล่าวจริงจัง  “ประกายศักดิ์สิทธิ์ของท่านถูกบุรุษชุดเงินที่รับใช้โอจวินยึดไป  ไม่ต้องห่วง ข้าจะต้องหาทางชิงประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นกลับมาให้ท่านจงได้”
ถ้าร่างหลักของเดลี่หลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ของตน  อย่างนั้นเขาจะสามารถประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่สั้น
แต่ลินลี่ย์เข้าใจว่าเป็นเรื่องยากจะพูดได้ว่าบุรุษชุดเงินนั้นจะปรากฏตัวอีกหรือไม่
 “ถ้าข้าไม่สามารถหาประกายศักดิ์สิทธิ์ให้ท่านได้  อย่างนั้นข้าจะหาทางหาประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุแสงอื่นมาให้”  ลินลี่ย์กล่าว
เดิมทีขณะที่ลินลี่ย์เห็นนั้น..เมื่อโอจวินโจมตี เดลี่เผชิญหน้ากับเขาโดยตรงไม่ได้ถอยทันที ซึ่งเป็นผลให้ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกทำลาย  ร่างหลักของเดลี่ฝากอนาคตไว้กับกฎธรรมชาติธาตุแสง  แต่ตอนนี้ ทางเลือกประการเดียวของเขาคือหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเทพอีกครั้ง
ลินลี่ย์ต้องช่วยเขาให้ได้
 “ไม่ต้อง”  เดลี่กล่าวด้วยความตั้งใจแน่วแน่ไม่หวั่นไหว
ลินลี่ย์อดรู้สึกตกใจไม่ได้
เดลี่ต้องการอะไรกันแน่?  หรือว่าตัวของเขาเอง จะอาศัยพลังเซียนชั้นสูงสุดของเขาชิงประกายศักดิ์สิทธิ์เอง?
 “ข้าไม่ต้องการฝึกในกฎธรรมชาติธาตุแสงอีกต่อไปแล้ว”  เดลี่มองลินลี่ย์และถอนหายใจ  “ลินลี่ย์!  หลังจากสู้รบมาหลายครั้ง  ข้าพบว่าการฝึกพลังโจมตีวิญญาณค่อนข้างเสียเปรียบในการสู้รบ ข้าต้องการฝึกสัจธรรมธาตุลึกลับที่ใช้สู้ระยะประชิดได้”
 “ระยะใกล้?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
เขาคาดไม่ถึงว่าเดลี่จะตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางการฝึกของเขาจริงๆ
แต่ก็เป็นเรื่องสมเหตุผล  หลังจากกลายเป็นเทพ  เดลี่ร่วมสู้ครั้งใหญ่สองครั้ง  ครั้งแรกสู้กับโบมอนต์  ครั้งที่สองสู้กับบุรุษชุดเงินบริวารของโอจวิน  เดลี่ตระหนักว่า... การพึ่งพาอาศัยพลังโจมตีวิญญาณเป็นข้อเสียเปรียบในการสู้รบเป็นอย่างมาก
แม้ว่าวิญญาณจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากก็จริง  แต่การโจมตีทางกายภาพก็มีผลมากด้วย
 “ถ้าเป็นอย่างนี้เล่า?”  ลินลี่ย์ตัดสินใจ  แค่เพียงพลิกมือ ไม่ทราบลินลี่ย์ดึงประกายศักดิ์สิทธิ์สีดำออกมาจากที่ใด เป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ปล่อยกลิ่นอายความตาย
เดลี่อดมองดูประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้  “ลินลี่ย์! หมายความว่ายังไง?”  แต่เดลี่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย  “ถูกแล้ว นี่คือประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าได้มาเมื่อตอนฆ่าโบมอนต์ ธรรมชาติของประกายศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คือ วิถีมรณะ  ในการฝึกฝนนอกจากกฎธาตุธรรมชาติทั้งเจ็ด  ยังคงมีอีกสี่วิถี  วิถีมรณะรวมเอาไว้ทั้งพลังวิญญาณโจมตีที่แข็งแกร่ง และความสามารถสู้ระยะประชิดที่แข็งแกร่ง  หลอมรวมกับมัน และค้นคว้าหาความก้าวหน้าเอาเองได้เลย  ท่านน่าจะได้รับความสำเร็จบางอย่าง”
เดลี่ลังเลใจเล็กน้อย
ความจริงตอนนี้ เดลี่ต้องการประกายเทพนี้มาก  เพียงแต่ ประกายเทพเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่ามากเกินไป
ลินลี่ย์เป็นคนฆ่าโบมอนต์ ดังนั้นประกายศักดิ์สิทธิ์จึงตกเป็นของเขาเป็นธรรมดา
 “รับเอาไป”  ลินลี่ย์เองก็บอกได้ว่าเดลี่กำลังคิดอะไร   เขาโยนประกายศักดิ์สิทธิ์ให้เดลี่โดยตรง และเดลี่รับไว้โดยไม่รู้ตัว ขณะที่มือของเขาจับรอบประกายศักดิ์สิทธิ์  ดวงตาของเดลี่ฉายประกาย
ตอนนี้เขาได้ประกายศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว  การกลายเป็นเทพได้อีกครั้งเป็นเรื่องของเวลา
 “ขอบคุณ” เดลี่พูดกับลินลี่ย์ได้สองคำเท่านั้น
ลินลี่ย์ยิ้ม  “เดลี่, อย่างที่ท่านเห็น จะดีที่สุดถ้าท่านมาฝึกที่ปราสาทเลือดมังกร  ปัจจุบันนี้ทารอสและไดลินก็อยู่ที่นี่ด้วยทั้งคู่ ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน..สำหรับที่นี้  ข้ากังวลว่าพวกเทพอาจพบว่าท่านกำลังหลอมรวมประกายศักดิ์สิทธิ์  พวกเขาอาจมาชิงเอาไปจากท่านได้”
เดลี่พยักหน้าเห็นด้วย
ทวีปยูลานในปัจจุบันนี้  มีเทพปรากฏอยู่หลายตน
แม้ว่าเขากำลังฝึกอยู่ในภูเขา  เดลี่ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงสัมผัสเทพได้  มีแนวโน้มว่าเทพส่วนใหญ่อาจจะมาฆ่าเดลี่เซียนชั้นสูงสุดได้ เพื่อจะชิงเอาประกายศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเดลี่ออกมา เพนสลีน เรย์โนลด์และคนอื่นๆ ถอนหายใจโล่งอก  เวลานี้เดลี่อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับเพนสลีน  ตอนนี้เพนสลีนจึงได้รู้ว่า...สามีนางสูญเสียประกายศักดิ์สิทธิ์ไปจริงๆ
มิน่าเล่าเขาถึงเป็นอย่างนั้น
เพื่อความปลอดภัย เพนสลีนและคนอื่นๆ ตัดสินใจไปปราสาทเลือดมังกรพร้อมกับเดลี่เช่นกัน
ภายในปราสาทเลือดมังกรมีพื้นที่กว้างขวางมาก  ไม่มีปัญหากับการรองรับคนที่มาเป็นพัน  ลินลี่ย์ก็มีความสุขเช่นกัน.. เพราะนี่หมายความว่าเรย์โนลด์จะอยู่ที่ปราสาทเลือดมังกรด้วย  สองพี่น้องจะมีโอกาสดื่มกินและพูดคุยกันได้
ขณะเดียวกัน หลังจากกองกำลังของโอจวินถูกผลักดันออกนอกจักรวรรดิบาลุค เทพอื่นๆ ต่างซ่อนตัวอยู่ในทวีปยูลาน เมื่อเห็นโอจวินที่เป็นชั้นเทพแท้ก็ยังต้องเผ่นหนี  จึงไม่มีใครกล้าคิดฝันยึดจักรวรรดิบาลุคเป็นของพวกเขาอีก
จักรวรรดิบาลุคค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพปกติ
ฝ่ายลินลี่ย์ยังคงรั้งอยู่ในปราสาทเลือดมังกรฝึกฝนต่อด้วยความพอใจ  แต่กองกำลังของโอจวินที่ถูกขับไล่หนีไป ยังไม่อาจวางใจได้
ในเมืองเล็กชายแดนจักรวรรดิโอเบรียน ตอนนี้โอจวินเทพผู้สูงส่งซ่อนตัวอยู่ที่นี่  จักรวรรดิโอเบรียนเป็นดินแดนของลอร์ดแอดกินส์ ไม่ว่าโอจวินจะกล้าเพียงไหนก็ตาม เขาไม่กล้าลองยึดดินแดนของแอดกินส์
 “ช่วงเวลานี้ ใต้เท้าอารมณ์ไม่แน่นอนเลย”
 “คิงสลี่ย์ตาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใต้เท้าจะเป็นอย่างนี้”
บุรุษชุดเงินกำลังคุยกับบุรุษชุดดำ ในช่วงไม่กี่วันก่อน แทบไม่มีใครกล้ารบกวนโอจวิน  พวกเขารอให้โอจวินออกคำสั่งพวกเขา จากนั้นจึงค่อยดำเนินการ
โอจวินในตอนนี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะ  ดื่มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า สายตาของเขาล่อกแล่ก เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดเรื่องบางอย่าง
 “โอลิเวอร์...”
ยิ่งโอจวินคิดถึงเรื่องนี้  ร่างของเขาก็ยิ่งเปล่งกลิ่นอายอำมหิตน่ากลัว  เขาต้องการฆ่าโอลิเวอร์!
 “ถ้าข้าไม่ฆ่าโอลิเวอร์  ข้าไม่มีทางสบายใจได้”  ความโกรธของโอจวินยังคงคุกรุ่น  “แต่พลังของเจ้าทารอสนั่นน่าประหลาดเกินไป  ต่อให้ข้าสู้กับเขาเต็มกำลัง บางทีข้าก็ยังเสียเปรียบอยู่ดี  ทั้งสองคนฝ่ายเขาและไดลินและทั้งสองยังรั้งอยู่ในปราสาทเลือดมังกร  ข้าจะฆ่าโอลิเวอร์ได้ยังไง?”
โอจวินเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาก
เขาสามารถทนได้ ขณะเดียวกันเขาไม่ยินดีให้ตนเองต้องกลายเป็นบริวารของผู้อื่น
แม้ว่าจะผ่านเวลามานานนับปีไม่ถ้วน  เขาใช้ชีวิตอยู่ในพิภพเกบาโดส  โอจวินมีเป้าหมายสองอย่างที่เขาไล่ตาม คือถึงระดับสูงสุดของพลังและอำนาจ และปกป้องลูกชายของเขา
ปกติเขาจะไม่ตัดสินใจรุกรานคนอื่นๆ ในพิภพเกบาโดสเขารู้จักยอดฝีมือค่อนข้างน้อย เกือบทั้งหมดค่อนข้างจะมีความสัมพันธ์ที่ดี  เขาสามารถสร้างชื่อได้เล็กน้อยในเมืองบลูไฟร์  ขณะเดียวกันโอจวินก็ไล่ล่าเป้าหมายเพื่อการกลายเป็นเทพชั้นสูง!
เทพชั้นสูงทรงพลังห่างไกลยิ่งกว่าเทพแท้
ตอนนี้ลูกชายของเขาตาย  โอจวินต้องการแก้แค้น  ขณะเดียวกันเขายังมีเป้าหมายกลายเป็นเทพชั้นสูง
 “ประการแรก, ล้างแค้น”  โอจวินจ้องมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้  “แต่โดยตัวข้าเอง เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไปปราสาทเลือดมังกรและฆ่าโอลิเวอร์ เมื่อเขาอยู่ในการปกป้องของทารอสและไดลิน  ดูเหมือนว่า ข้าต้องเลือกทางนี้เสียแล้ว...”
โอจวินไม่ชอบให้ตนเองเป็นบริวารคนอื่น
แต่ตอนนี้ เขาตัดสินใจทำเช่นนั้น
 “เอิร์ฟมีเรื่องแค้นเคืองกับข้า  ถ้าข้าไปรับใช้ลอร์ดแอดกินส์ อย่างน้อยฮันบริทที่รับใช้เขาก็ยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับข้า  ในที่นั้นข้าจะสร้างตัวได้อย่างรวดเร็ว  ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่ข้าจะล้างแค้นได้โดยอาศัยลอร์ดแอดกินส์”
สายตาของโอจวินกลายเป็นเย็นชาคมเหมือนมีด
 “โอลิเวอร์ ข้าจะต้องฆ่าเจ้าได้แน่นอน!  ข้าจะทำลายวิญญาณและสลายวิญญาณของเขาซะ!!!  โอจวินเค้นเสียงรอดไรฟัน
วังหลวง เมืองหลวงของจักรวรรดิโอเบรียน
ราชตระกูลที่อยู่ในวังหลวงถูกกำจัดไปนานแล้ว  นี่คือสถานที่ซึ่งลอร์ดแอดกินส์ใช้ชีวิตอยู่  แอดกินส์มีงานอดิเรกสองสามอย่าง  เขาชอบสวมชุดหรูหรางดงาม  ชอบลิ้มอาหารเลิศรสและชอบดูหญิงงามเริงระบำ...
เขาถือแก้วเหล้าในมือขวาซึ่งขาวหยกราวกับผิวสตรี  เขาจิบเหล้าอย่างนุ่มนวล  ยิ้มอย่างสงบขณะดูสตรีผู้งดงามร่ายรำภายในอุทยานข้างหน้าเขา
ตอนนี้ในอุทยานดอกไม้ด้านหลัง มีบุรุษหนุ่มผมสั้นสีเงินนำทางโอจวินเข้ามาหา
 “ไม่ต้องรีบร้อน  ลอร์ดแอนกินส์ตอนนี้กำลังมีอารมณ์สำราญอยู่ ในเวลาอย่างนี้ลอร์ดแอดกินส์ไม่ชอบใจเมื่อมีคนรบกวนเขา”  บุรุษหนุ่มผมเงินสั้นอธิบาย
โอจวินพยักหน้าและหัวเราะ  “ข้าได้ยินมาเช่นกันเมื่อลอร์ดแอดกินส์อยู่ในเมืองบลูไฟร์  เขามีอารมณ์สุนทรีย์  มีแต่คนที่น่ายกย่องอย่างลอร์ดแอดกินส์เท่านั้นที่ยังสำราญอยู่ได้แม้ในพิภพเกบาโดส”
บุรุษผมเงินหัวเราะเช่นกัน
คนอื่นๆ ถูกทรมานอยู่ในพิภพเกบาโดส  แต่คนที่มีพลังอำนาจอย่างแอดกินส์กลับสำราญในช่วงเวลาของเขาได้
 “เข้ามา”  เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของพวกเขา
บุรุษผมเงินนำโอจวินเข้าไปที่อุทยานดอกไม้ด้านหลังทันที  เมื่อมาอยู่ต่อหน้าแอดกินส์แล้ว  โอจวินคุกเข่าแสดงความเคารพทันที  “ข้าขอคารวะลอร์ดแอดกินส์ผู้ทรงอำนาจยิ่งใหญ่!  โอจวินค้อมศีรษะ
แอดกินส์นั่งอยู่บนเก้าอี้ชำเลืองมองด้านข้างเขา
 “โอจวิน? จริงสิ ข้าได้ยินชื่อนั้นมานานแล้ว  เจ้าอยู่ในจักรวรรดิบาลุค”  แอดกินส์พูดพลางยิ้ม
 “พลังของข้าด้อยกว่าผู้อื่น ดังนั้นข้าจึงต้องจากจักรวรรดิบาลุคมา”  โอจวินยังไม่กล้าเงยหน้า
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเข้าร่วมกับฝ่ายแอดกินส์  โอจวินก็ยังไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากแอดกินส์  เขารู้..ว่าเทพชั้นสูงไม่ว่าจะยอมรับระดับเทพแท้เข้าร่วมกับเขาหรือไม่ ก็ไม่ได้ทำอะไรให้ต่างกันมาก
 “เจ้าลุกขึ้นได้”  แอดกินส์พูดอย่างสงบ  “จากวันนี้เป็นต้นไป  เจ้าสามารถอยู่ในวังหลวงนี้ได้เช่นกัน  ถ้ามีอะไรที่ข้าต้องการใช้ ข้าจะส่งคำสั่งไปให้เจ้า
 “ขอรับ, ลอร์ดแอดกินส์”
โอจวินรู้สึกโล่งใจ
เขารู้..ว่าตอนนี้เขากำลังรับใช้แอดกินส์  อย่างน้อยแอดกินส์จะปกป้องเขา
 “โอจวิน, เจ้าไปได้แล้ว” แอดกินส์พูด
 “ขอรับ, ท่าน” โอจวินออกมาด้วยความเคารพ
แอดกินส์เหลือบมองบุรุษหนุ่มผมเงินที่อยู่ใกล้ๆ  “ฮันบริท, เท่าที่ข้ารู้ เมื่อคนที่เข้าไปในสุสานเทพเจ้ากลับมา เบรุตนั่นน่าจะกลับมาที่ไพรทมิฬแล้ว  เอาอย่างนี้เป็นไง.. เจ้าส่งบริวารคนหนึ่งให้เดินทางไปที่ไพรทมิฬ เจ้าไม่ต้องให้ข้าบอกหรอกนะว่าข้าต้องการอะไร ใช่ไหม?”
 “ขอรับ..ท่าน”  ฮันบริทรับคำโดยเคารพ
แอดกินส์จ้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นหัวเราะ  เขากรอกเหล้าเข้าปากรวดเดียว

6 ความคิดเห็น:

นั่นมันน กล่าวว่า...

โดนขายเป็นของกำนัลไปซะ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

l3all กล่าวว่า...

Thxvyou

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น