วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 920 ความลับสะท้านฟ้า


ตอนที่  920  ความลับสะท้านฟ้า
ความเศร้าโศกเต็มไปทั่วค่าย
หุ่นจักรกลย่ำเท้ากระหึ่มเดินหน้า ตามประสบการณ์ของพวกเขา  พวกเขาควรจะซ่อนตัว  พวกเขาควรจะสร้างแนวป้องกัน  พวกเขาควรจะป้องกันปีกและเตรียมรุกโจมตี  พวกเขาสามารถเผชิญหน้ากับกองทัพหุ่นบรอนซ์ได้

แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวสักอย่าง เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินอะไร
ทหารรายล้อมมู่จือเสีย บางคนร้องไห้สะอึกสะอื้น  ขณะที่บางคนเช็ดน้ำตา น้ำตาของพวกเขาผสมกับทรายเปรอะเต็มใบหน้าของพวกเขา  ทุกคนดูเหมือนทหารผ่านศึกในสายตาพวกเขา ราวกับว่าวิญญาณของพวกเขาหลุดลอยจากร่าง  พวกเขาสูญเสียความกระตือรือร้นและกำลังเดินเหมือนซากศพ
เมื่อแม่ทัพใหญ่และเล่าถังมาถึง พวกเขามองหน้ากันเอง
พวกเขาไม่ได้พบกับการต่อต้านใดๆ มากไปกว่าที่เห็น  แม่ทัพใหญ่และเล่าถังเคร่งขรึมจริงจัง  พวกเขาไม่สามารถเชื่อได้ว่าทหารที่อยู่หน้าพวกเขาที่ดูเหมือนทหารนี้ คือทหารฝีมือดีที่สุดกับพวกเขาต่อสู้อย่างดุเดือด จนพวกเขาบาดเจ็บกันไปมากมาย
 เกิดอะไรขึ้น?’
ทั้งสองเคร่งขรึมไม่มีรอยยิ้ม  เพราะมีหลายครั้งที่พวกเขาชื่นชมความเข้มงวดและสมองของมู่จือเสียโดยไม่รู้ตัว และยกย่องทหารของมู่จือเสียนับครั้งไม่ถ้วนเพราะพวกเขารักษาสถานการณ์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น  ตั้งแต่เริ่มพวกเขาสามารถโจมตีกองทัพของมู่จือเสียง่ายๆ  แต่ในเวลาอันรวดเร็ว กองทัพของมู่จือเสียก็สู้ได้อย่างยากลำบากมากขึ้น ทำให้พวกเขามีคนบาดเจ็บเพิ่มขึ้น
พวกเขาคือกองทัพที่มีความมุ่งมั่นเหมือนเหล็ก มีวินัยที่เข้มงวดแข็งแกร่ง จิตวิญญาณนักสู้เหนียวแน่น สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนสงครามและกลยุทธได้ แค่เพียงผสานพลังได้ 100% ก็ถือว่าคู่ควรเป็นกองทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้าแล้ว
มู่จือเสียเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรและน่านับถือ และทหารทั้งหลายก็เป็นทหารที่คู่ควรแก่การนับถือ
และเมื่อพวกเขาเห็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรและน่านับถืออยู่กับพื้น ทั้งสองไม่มีความยินดีเลย
ไม่ใช่ชัยชนะที่พวกเขาต้องการ
พวกเขาเดินผ่านทหารที่กำลังเศร้าโศกอย่างระมัดระวัง  และเห็นมู่จือเสียนอนอยู่บนพื้น มีดวงตาที่เปื้อนเลือดเหมือนกับละเลงลงบนร่างกายที่เหมือนหยก  พวกเขาตกใจ  ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าทำไมทหารจึงสูญเสียพลังต้านทาน  มู่จือเสียคือจิตวิญญาณของกองทัพ  เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา กองทัพจึงไม่ใช่กองทัพอันดับหนึ่งอีกต่อไป
เล่าถังคุกเข่าและมีสีหน้าจริงจัง  เขาตรวจสอบมู่จือเสีย
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน และชื่นชมกันและกัน  เหตุผลที่มู่จือเสียถูกกองทัพดาวกางเขนใต้ข่มอย่างสิ้นเชิงไม่ใช่เพราะมาตรฐานของเขา ตรงกันข้ามเขาเป็นกองทัพเดียวในดินแดนศัตรู ไม่เพียงแต่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกองทัพดาวกางเขนใต้  พวกเขายังต้องระมัดระวังชนเผ่าทวีปแดนเถื่อน  อีกอย่างหนึ่งประสบการณ์ มู่จือเสียเป็นผู้บัญชาการเกินยี่สิบถึงสามสิบปี  แต่ไม่เคยพบกับสงครามขนาดใหญ่ จะสู้กับแม่ทัพใหญ่ที่ผ่านการต่อสู้มาตลอดชีวิตและเป็นตัวประหลาดที่ผ่านสงครามขนาดใหญ่มาอย่างโชกโชน เขาจะแข่งขันสู้ได้ยังไง?
แต่มู่จือเสียอดทนรับการโจมตีของพวกเขาและต่อสู้พร้อมทั้งเติบโตกล้าแข็งไปด้วย ทำให้แม้แต่แม่ทัพอาวุโสพลอยรู้สึกกดดันไปด้วย
 “ขอบคุณ” เสียงของมู่จือเสียอ่อนล้าเหมือนกับยุง  แต่อารมณ์ของเขายังสงบ  “โปรดอย่าเสียเวลากับข้าอีกต่อไปเลย”
ร่างของมู่จือเสียดูแปลกประหลาด  ผมของเขาหงอกขาวเหมือนหิมะ มือที่แข็งแกร่งแต่เดิมเปลี่ยนเป็นเปลี่ยนเป็นอ่อน แสงขาวเลือนรางเปล่งออกมาจากร่างของเขาทำให้ผิวและเลือดเนื้อของเขาดูเนียน ตลอดทั้งร่างของเขาดูเหมือนจะเปล่งแสงขาว
เล่าถังมีสีหน้าตกใจ พลังชีวิตภายในร่างของมู่จือเสียไม่ได้ลดลง  แต่กลับเพิ่มขึ้น จนถึงขั้นที่สามารถปล่อยเปลวไฟที่สว่างในราตรีได้  สิ่งที่เป็นเหตุให้ในร่างของมู่จือเสียเปลี่ยนแปลงเสียหายก็คือ พลังชีวิตที่กล้าแข็งนี้ มันกำลังแผดเผาและกัดกร่อนร่างของมู่จือเสีย
แม้แต่ด้วยประสบการณ์ของเล่าถัง เขายังไม่เคยเห็นสิ่งแปลกประหลาดแบบนี้
 “นี่, คือเพลิงศักดิ์สิทธิ์”  มู่จือเสียพูดเสียงอ่อนล้า
ทหารที่รายล้อมเขาตะลึง  พวกเขาเงยหน้าขึ้น หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและเหลือเชื่อ  เพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยที่สุด วิชาที่พวกเขาจะต้องใช้ฝึกฝนประจำวัน  ฉากภาพที่น่ากลัวนั้นเกิดขึ้นจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง?  ในใจของพวกเขา เพลิงศักดิ์สิทธิ์มอบพลังและความกล้าหาญให้พวกเขา และสามารถรักษาอาการบาดเจ็บและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้พวกเขา  และเป็นเครื่องหมายของความภักดีของพวกเขา
 กลายเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง?
ทันใดนั้นทหารหลายคนคิดถึงเรื่องลำแสงลงทัณฑ์ในวิหาร  หรือว่าวิหารคิดว่านายท่านไม่มีความภักดีแล้ว?  หรือว่าพวกเขาคิดว่านายท่านทำบางอย่างที่ให้พวกเขาเสียเปรียบ จนต้องลงโทษเขา?  ทหารพากันตื่นตัว  พวกเขาติดตามนายท่านเข้าดินแดนศัตรูและสู้เสี่ยงชีวิต  ทำไมวิหารถึงลงทัณฑ์นายท่านอย่างไม่มีความยุติธรรม?
เพลิงศักดิ์สิทธิ์?  เล่าถังและผู้บัญชาการเฒ่ามองหน้ากันเอง  ทั้งสามารถเห็นความตกใจในสายตาของกันและกัน
เลือดเปรอะเปื้อนปิดตาของมู่จือเสีย แต่เขารู้สึกได้ถึงความโกลาหลของทหารรอบตัวเขา  เขาถอนหายใจ  “ตอนนี้ทวีปเซียนมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นนรกไปแล้ว  เรายอมแพ้, ข้าจะบอกทุกอย่างกับพวกท่าน  โปรดอย่าทำร้ายทหารของข้าเลย  ได้โปรด!
ทุกคนตะลึงกับคำพูดของมู่จือเสีย  แม้แต่ทหารที่มีอารมณ์แต่เดิมก็พากันตะลึงอีกครั้ง  พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมนายท่านจู่ๆ ก็พูดถึงทวีปเซียนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอย่างสิ้นเชิง  นอกจากนี้ ทวีปเซียนเป็นดินแดนที่ตั้งของวิหาร  มีกองทัพมากมายอยู่ที่นั่นและมีกำลังป้องกันหลักที่หนาแน่นที่สุดในทวีปกวงหมิง  นั่นจะกลายเป็นนรกไปได้อย่างไร?
เล่าถังและแม่ทัพใหญ่ไม่เข้าใจ
พวกเขารู้จักเพลิงศักดิ์สิทธิ์และทวีปเซียน  แต่พวกเขาไม่เคยเอาทั้งสองมาเชื่อมโยงกัน
 “วางใจได้ เราจะไม่ฆ่าอย่างไม่ยั้งคิด”  เล่าถังพูดขึ้น
 “วิหารมักจะมีแผนการอย่างหนึ่งอยู่เสมอ”  เสียงของมู่จือเสียอ่อนล้ามาก เหมือนกับว่าเสียงของเขาถูกเสียงลมกลบ และเขากล่าวอย่างมีอารมณ์ต่อ  “แผนนี้สืบเนื่องมาจากการค้นคว้าพลังวิญญาณของวิหาร”
ทุกคนกลั้นลมหายใจ  พวกเขารู้สึกว่าคำพูดของมู่จือเสียกำลังจะเปิดเผยความลับที่ทำให้สวรรค์ตะลึง  ไม่ใช่ความลับที่วิหารค้นคว้าเรื่องพลังวิญญาณ  แม้แต่เด็กสิบขวบก็รู้ได้  และวิหารเป็นตัวแทนมาตรฐานที่สูงสุดของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องการค้นคว้าพลังวิญญาณ
 “แผนการนี้ตอนแรกเริ่มแค่ต้องการจะสร้างขุนพลวิญญาณ มันไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น  แต่หลังจากเอาชนะความยากลำบาก  พวกเขาก็ทำได้สำเร็จ  พวกเขาสร้างขุนพลวิญญาณตนแรก เป็นผู้บัญชาการอัศวินกวงหมิงนามว่าโซเฟีย”
พวกทหารตกใจ  อย่างนั้นข่าวลือผู้บัญชาการโซเฟียก็เป็นความจริง!’
อัศวินพิเศษกวงหมิงและผู้บัญชาการโซเฟียได้รับการเคารพนับถือและมีตำแหน่งที่สูงในใจของทุกคน  ความรู้สึกในใจพวกเขาเริ่มกล้าแข็งมากขึ้น  เป็นความลับอย่างหนึ่ง นี่เกี่ยวกับคนที่สำคัญมาก แล้วจะเป็นความลับธรรมดาได้ยังไง?
 “หลังจากโซเฟียถูกสร้างขึ้น  นางแสดงออกได้โดดเด่น  ความสามารถในการเรียนรู้และเติบโตของนาง  ทุกอย่างเป็นไปตามเป้า  ในเวลานี้มีการค้นพบอีกครั้ง  วิหารค้นพบว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีคุณสมบัติเฉพาะ และนั่นก็คือขุนพลวิญญาณสามารถดูดซับไว้ได้  วิธีนี้ในช่วงกรอบเวลาสั้นๆ สามารถเพิ่มพลังให้กับขุนพลวิญญาณได้”
 “แผนการไร้ที่ติ”  มู่จือเสียพูดต่อ  “ในช่วงเวลาสั้นๆ ความแข็งแกร่งของโซเฟีย เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า และเพียงก้าวเดียว ก็กลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหาร  แต่จากนั้นปัญหาก็ตาม  การเติบโตของโซเฟียติดอยู่ที่คอขวด และการดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผลอีกต่อไป  วิหารค้นคว้าเพิ่มขึ้น  และตระหนักได้ว่าพลังของโซเฟียถึงขีดจำกัดแล้ว  และถ้าจะบรรลุไปให้ได้ ปริมาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่นางต้องดูดซับคงมากอย่างน่าประหลาดใจ”
ทุกคนต่างรับรู้เรื่องราวทั้งหมด
มู่จือเสียรู้ว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังลุกโหมในตัวเขาและกล่าว  “ดังนั้น วิหารเริ่มสร้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่  พวกเจ้าทุกคนคงจะจำเวลานั้น  วิหารเริ่มวางแผนต่อเนื่อง”
ในสถานที่นั้นเงียบสนิท  คำพูดเหมือนกับสายฟ้าฟาดพวกเขา และการคาดการที่น่ากลัวผุดขึ้นในใจพวกเขา  ไม่มีทาง....ไม่มีทาง!  วิหารทำเช่นนั้นได้ยังไง!’
แม้ว่าเขาสามารถได้ยินความกลัวของพวกเขา  มู่จือเสียก็พูดบอกสายใยความหวังสุดท้ายในใจเขา  “ถูกแล้ว เป็นอย่างที่พวกเจ้าคาดเดา”
 “เป็นไปไม่ได้!  วิหารเป็นแบบนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
 “อำมหิต ผิดมนุษย์เกินไปแล้ว...”
 “วิหารบ้าไปแล้วหรือ?”
ความเงียบแผ่ลามไป
ทหารหลายคนเอามือกุมศีรษะ  หน้าของพวกเขาปรากฏแววเหลือเชื่อ  วิหารที่พวกเขาศรัทธาเสมอมาและเป็นเหมือนเทพเจ้าสำหรับพวกเขา  ถ้าคำพูดเหล่านี้ไม่ใช่มู่จือเสียพูดออกมาเอง บุรุษที่พวกเขาเชื่อถือหมดใจ  พวกเขาคงได้ทำลายคนที่พูดดูหมิ่นอย่างนั้นเป็นแน่
พวกเขารอให้เสียงฮือฮาสงบลง  สายตาของทุกคนหันกลับไปมองมู่จือเสีย  เวลานั้น ไม่มีใครมีอารมณ์ต่อไป  พวกเขาหนาวยะเยือกไปทั้งตัว  เพียงคนเดียวที่สามารถให้คำตอบพวกเขาก็คือเจ้านายของพวกเขา
หน้าที่เปื้อนคราบเลือดของเจ้านายเต็มไปด้วยราศีประหลาด หน้าของเขาโปร่งใสขึ้นเล็กน้อย  และพวกเขาสามารถเห็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวอยู่ใต้ผิวของเขา
ทันใดนั้นมู่จือเสียนึกถึงวันแรกที่เขาเข้าวิหาร และคาดว่าเขาอายุไม่เกินสิบสองปี  เมื่อประมุขผู้อาวุโสตอนนั้น ไม่ใช่ประมุขผู้อาวุโสคนปัจจุบัน  เป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ฉายแสงสว่าง และประมุขผู้อาวุโสยิ้มอบอุ่นให้เขา
ความเจ็บปวดปรากฏอยู่ในดวงตาเขาดึงเขากลับสู่ความเป็นจริง  ความมืดมิดที่โหดร้ายและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลอยู่ในตัวของเขา แม้จะคล้ายกลิ่นอายที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ทะลุเข้าไปในกระดูกของเขา
 “วิหารไม่ได้ทำเพื่อโซเฟีย”
มู่จือเสียถอนหายใจ  “หลังจากมุ่งมั่นมาเป็นเวลานาน และบวกกับข่าวจากวิหารเซียนของสวรรค์วิถีก็เข้ามา  การค้นคว้าเรื่องพลังวิญญาณของวิหารกวงหมิงก็ได้รับความก้าวหน้าในที่สุด และหนึ่งในผลการค้นคว้าที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเขาค้นพบวิธีเอาชนะพลังกัดกร่อนได้  นั่นหมายความว่าขุนพลวิญญาณจะมีชีวิตอยู่ได้นาน เหมือนกับว่าเป็นร่างอมตะ”
เมื่อได้ยินถึงจุดนี้แม่ทัพเฒ่าก็สรุปใจความสำคัญได้แล้ว
สายตาของเขาซับซ้อน  นั่นก็ถูก, ขุนพลวิญญาณจะมีอายุขัยยาวนาน  แต่อายุขัยที่ยาวนานนี้คือความทุกข์ทรมานไม่มีจบสิ้น  จะมีสักกี่คนที่เข้าใจความเจ็บปวดนั้น? ต้องเห็นสหายของตนเองเติบโต แก่และตายไปต่อหน้าต่อตาท่าน ความเดียวดายที่คงอยู่มาเป็นเวลานานมาก เจ็บปวดมากกว่าพลังงานกัดกร่อนนั้นเสียอีก เวลาที่ยาวนานทำให้ท่านลืมกลุ่มคนที่ท่านรัก ทำลายความทรงจำที่ดีที่สุดของท่าน  และแม้แต่ความเชื่อมั่นและความฝันก็เน่าและตายไป  ขณะที่ท่านอยู่อย่างเดียวดายในโลกนี้  นั่นน่าเศร้าและน่าเจ็บปวดเพียงไหน
 ชีวิตอมตะ ฮึ...
เขาฝืนหัวเราะในใจ  นั่นมีแต่จะนำความขมขื่นและความเดียวดายผ่านกาลเวลามาให้
 “โดยการเปลี่ยนมนุษย์ไปเป็นขุนพลวิญญาณ นั่นคือรูปแบบชีวิตอมตะ  แม้ว่าโซเฟียจะประสบความสำเร็จ  แต่นางไม่มีความทรงจำของนางเอง  ข้อสงสัยใหม่ก็คือวิธีเปลี่ยนขุนพลวิญญาณและรักษาความทรงจำไว้ได้ คำถามนี้ไม่ได้ทำให้วิหารสับสน และรีบสร้างให้เร็ว   แต่เนื่องจากเป็นไปตามธรรมชาติของโลก จึงมีความเสี่ยงอย่างมากมาย  ความสำเร็จในการเปลี่ยนเป็นขุนพลวิญญาณต่ำมาก ประการแรกผู้ที่จะลองจะต้องเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและมีกำลังใจสูง  เขาต้องมอบชีวิตให้กับวิหาร  เขาเชื่อหนักแน่นว่าถ้าให้เวลาเพียงพอ  เขาสามารถสร้างวิหารใหม่  กำจัดจุดบกพร่องให้วิหาร  เพื่อฝันนี้ เขายินดีจะเสี่ยง แม้ว่าเขาอาจจะต้องสละชีวิต ไม่ว่าจะเป็นของเขาหรือของคนอื่น
 “เขาคือประมุขผู้อาวุโสของเรา”
เกิดความเงียบอีกครั้ง

8 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

กะแล้วว่าประมุขอาวุโสต้องเป็นขุนพลวิญญาณ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ เพื่อเสริมกำลังของตนเองต้องเผาผลาญอีกกี่ร้อยล้านชีวิต

งงอ๊ะจะทำไม? กล่าวว่า...

ความจังไรของวิหาร เอิ่ม...

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

ถ้าเกิดกองทัพ กางเขนใต้ดูซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ล่ะ
มันจะเก่งขึ้นขนาดไหน และจะดูดซับได้มากขนาดไหน

Boybravo กล่าวว่า...

ลาสบอส โหดดดด

Unknown กล่าวว่า...

ยังไม่เป็นครับ แต่วางแผนที่จะเป็น

แสดงความคิดเห็น