วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 923 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก


ตอนที่  923  กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในที่สุดถังเทียนก็รู้ได้ว่าความคุ้นเคยที่ไม่เหมือนใครนี้มาจากไหน  ห่วงต้องห้าม!
ห่วงต้องห้ามคือวิชาแรกที่ปลุกความสนใจของถังเทียนหลังจากเข้าทวีปกวงหมิง  ห่วงต้องห้ามเป็นวิชาที่แฮงค์องครักษ์ของคลอเดียสร้างขึ้นเอง  ในทั่วดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  แม้ว่าแฮงค์จะไม่ค่อยรู้ดีนัก  แต่งานสร้างของเขาห่วงต้องห้ามนั้นน่าทึ่งอัศจรรย์ ทำให้ถังเทียนให้ความสนใจ

มันสามารถเปลี่ยนความหนาแน่นของพื้นที่ ซึ่งใช้สร้างที่จองจำได้ ระดับพลังงานต่ำทำให้เกิดผลกว้างขวาง เพิ่มผลสะท้อนสองอย่างเข้าด้วยกัน จึงสร้างประสิทธิภาพในการจับกุมนักสู้ของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้
ถังเทียนเข้าใจได้ชัดยิ่งขึ้นเมื่อเขาศึกษาเรียนรู้ ดังนั้นจึงทำให้เขาได้เปรียบมาก  เขาสามารถสร้างห่วงต้องห้ามเหมือนพื้นที่รอบตัวเขา และป้องกันไม่ให้เกิดพลังผันผวนในตัวเขาเอง  เขาใช้ความรู้แจ้งจากห่วงต้องห้ามเคลื่อนไหวผ่านสนามรบได้เหมือนภูตพราย
ด้วยพลังในปัจจุบันของถังเทียน มีคู่ต่อสู้เพียงไม่กี่คนที่ต้องให้เขาใช้วิชานี้  แม้แต่จำนวนคนที่มีความแข็งแกร่งเหนือเขาก็แทบนับได้  การค้นคว้าห่วงต้องห้ามของเขายิ่งทำให้เขาสนใจเกิดความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น  แต่เขายังยากจะใช้ออก  ดังนั้นเมื่อเขาศึกษาลำแสงลงทัณฑ์  เขาไม่เคยวางความคิดไว้ในห่วงต้องห้าม
นอกจากนี้พลังของทั้งสองฝ่ายยังต่างระดับโดยสิ้นเชิง  เมื่อถังเทียนถูกผนึกอยู่ในห่วงต้องห้าม มันค่อนข้างง่ายสำหรับเขา
หลังจากเขาพิสูจน์พลังของลำแสงลงทัณฑ์แล้ว แรงกดดันที่น่ากลัวที่ปลดปล่อยออกมาจากท้องฟ้าทำให้เขารู้สึกกลัว  มีพลังน้อยมากที่ทำให้ถังเทียนรู้สึกกลัว และเมื่อเทียบกันแล้ว  ห่วงต้องห้ามอาจจะเป็นวิชาสร้างสรร  แต่ในแง่คุณภาพไม่ต้องพูดถึงมากนัก
อาจกล่าวได้ว่าทั้งสองนั้นมีระดับพลังแตกต่างสิ้นเชิง  แต่เมื่อถังเทียนเชื่อมโยงทั้งสอง  เขาตระหนักได้ทันทีถึงความคล้ายคลึงกัน
แน่นอนว่าลำแสงลงทัณฑ์มีความซับซ้อนมากกว่าห่วงต้องห้ามมาก  ในความรู้สึกบางอย่าง ทั้งสองมีหลักการทั่วไป หลังจากแยกส่วนถอดรหัสห่วงต้องห้ามแล้ว  ถังเทียนก็ได้รับผลบางอย่าง  ตัวอย่างเช่น ในตอนเริ่มต้น เขาคิดว่าผนึกของลำแงลงทัณฑ์ในท้องฟ้าถูกสร้างโดยเพลิงศักดิ์สิทธิ์  แต่จากที่ประสบกับห่วงต้องห้าม  เขาไม่ยึดติดกับบทสรุปนี้
ระบบผนึกสร้างขึ้นโดยวิหารมีสามส่วน  ลำแสงลงทัณฑ์, เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่ในท้องฟ้า  และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่ในอากาศ
ลำแสงลงทัณฑ์ห้าร้อยถือเป็นโครงสร้างพื้นฐาน  การใช้งานที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่มากมาย  แต่เป็นพลังสะท้อน
พลังสะท้อนกันระหว่างเพลิงศักดิ์สิทธิ์
ลำแสงลงทัณฑ์ทั้งห้าร้อยที่ปล่อยเพลิงศักดิ์สิทธิ์  สร้างพลังงานสะท้อนเหมือนกันที่คลุมไปทั้งทวีปเซียนได้  นั่นคือวิธีที่มันสามารถสร้างม่านพลังทั่วท้องฟ้าทวีปเซียน
ถังเทียนรู้สึกชื่นชมต่อประมุขผู้อาวุโส  ทวีปเซียนเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่มาก และยังผนึกทวีปเซียนไว้ได้ ตำแหน่งของลำแสงก็มีความสำคัญมาก
ทุกตำแหน่งของลำแสงถูกเลือกขึ้นอย่างพิถีพิถันหลังจากวางแผนและเลือกคัดสรร ซึ่งหมายความว่าวิหารวางแผนมานานแล้ว
แผนการขนาดใหญ่และเลือดเย็นอย่างนั้น ไม่ได้เริ่มต้นเพราะมีแรงกระตุ้น  แต่ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบและทุกอย่างที่ประมุขผู้อาวุโสทำก็ถูกโยงเข้ากันได้  ความเลือดเย็นและเจ้าเล่ห์ของประมุขผู้อาวุโสนั้นน่ากลัวมาก
นั่นคือเหตุผลที่ตั้งแต่ประมุขผู้อาวุโสเริ่มเคลื่อนไหว  เขาได้เปรียบในการสู้รบ
เนื่องจากความผันผวนพลังที่พวกเขาสร้างขึ้นจากพลังสะท้อนของลำแสง  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าไม่เคยจางหายไป  แต่ลอยอยู่ในท้องฟ้าและสร้างผนังกั้นเพลิง  การสร้างผนังกั้นด้วยเพลิงเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องยาก  ซึ่งกองทัพใดที่มีความแข็งแกร่งก็สามารถทำสำเร็จได้  แต่จากรูปแบบที่สามารถควบคุมทั้งทวีปเซียนได้ขนาดใหญ่กว้างขวางเป็นเรื่องที่ถังเทียนไม่เคยได้ยินมาก่อน
แม้ว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะลอยเต็มอยู่ในอากาศเป็นปัจจัยสำคัญในการผนึกทวีป  และวิชาสังหารที่ประมุขผู้อาวุโสได้วางไว้แล้ว
ตอนแรกถังเทียนคิดว่าพวกเขาแค่ทำเพื่อขุนพลวิญญาณ  หลังจากนั้นเขาจึงตระหนักได้ว่าเขายังประเมินประมุขผู้อาวุโสต่ำเกินไป  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดแปลงพลังงานไปเป็นพลังแสงสว่างต่อเนื่อง และสำหรับศิษย์ที่ฝึกในวิทยายุทธของตระกูลหรือได้รับมรดกถ่ายทอดต่อลงมา  ปริมาณพลังงานที่พวกเขาจะเข้ากันได้จะน้อยกว่า  ซึ่งจะคล้ายกับการทำงานพลังงานระดับต่ำของห่วงต้องห้าม
แต่เขาต้องยอมรับว่าการออกแบบมานั้นทำให้ไม่อาจต้านทาน และทำให้แน่นหนา
ไม่มีใครต้องกลัวคนบ้า  แต่ทุกคนต้องกลัวคนบ้าที่ฉลาดรอบคอบ
ความจริงตระกูลต่างๆ ไม่มีโอกาสกลับขึ้นมาบนโต๊ะอีกต่อไป  พวกเขาไม่มีทางคิดว่าแม้ว่าก่อนนั้นพวกเขาจะวางกลยุทธไว้ได้ดี  แต่ศัตรูของเขาได้วางแผนมายาวนานเพื่อกำจัดพวกเขา  จำนวนเพลิงศักดิ์สิทธิ์มากมายยังคงเปลี่ยนแปลงในอากาศไปเป็นแสงยังคงต่อเนื่อง  พวกเขาจะรู้สึกเหมือนปลาที่กระโดดออกมาจากน้ำ รู้สึกอึดอัด และแม้แต่ม่านพลังธรรมดาที่พวกเขาสามารถใช้ได้ง่ายก็กลายเป็นตึงเครียดและยากลำบาก
ภายในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งพลังงานมีความหนาแน่นมาก  90% ของคนไม่เคยพบกับประสบการณ์ที่บรรยากาศเต็มไปด้วยพลังงานเบาบาง  มาตรการของประมุขผู้อาวุโสสร้างผลกระทบต่อจุดอ่อนพวกเขาทำให้พวกเขาไม่สามารถตอบโต้ได้
คนที่มีความกล้าหาญน้อยเริ่มร้องไห้แล้ว  และฉากภาพของเพลิงศักดิ์สทธิ์เผาทั่วทุกสถานที่สร้างแรงกระทบต่อกำลังใจพวกเขา
สิ่งที่ประมุขผู้อาวุโสมองพลาดและไม่เคยคาดมาก่อนก็คือถังเทียนและกลุ่มคนของเขา
ถังเทียนและกลุ่มคนของเขาได้นำตัวแปรเข้ามาในแผนการที่สมบูรณ์และรอบคอบของเขา
ถังเทียนและพวกรู้สึกได้ถึงแรงกดดันพอกัน  ยิ่งพวกเขาถ่วงเวลาลากยาวออกไป  พวกเขาก็ยิ่งเสียเปรียบมากขึ้น  ถ้าพวกเขาไม่สามารถคลี่คลายความลับของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จก่อนที่ประมุขผู้อาวุโสจะสร้างขุนพลวิญญาณออกมา  พวกเขาคงจะต้องตาย
แม้แต่ถังเทียนผู้ไม่กลัวอะไร  เมื่อนึกถึงว่ากลุ่มขุนพลวิญญาณที่สามารถดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในอากาศได้ทั้งหมด ก็ทำให้เขาหนังหัวชาด้วยความกลัวแล้ว
 สัตว์ประหลาดแบบไหนกันที่จะเกิดขึ้นจากชีวิตของผู้คนในทวีปเซียนเป็นล้าน?  ถังเทียนไม่สามารถนึกภาพนั้นได้!
เขาโยนความคิดเหล่านี้ออกไปทั้งหมด และเผชิญหน้ากับปัญหา  เขาหาความชัดเจนเกี่ยวกับระบบที่ใช้ผนึกทวีปเซียน  แต่เขาตระหนักได้ว่าเขาทำอะไรไม่ได้  ระบบของประมุขผู้อาวุโสยังมีความฉลาดมากกว่าห่วงต้องห้าม และใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ในปริมาณสูงนับเป็นความน่ากลัวอย่างแท้จริง
ความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพไปเป็นความเปลี่ยนแปลงทางปริมาณ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นจนถึงช่วงที่วิกฤติ ก็จะผ่านการเปลี่ยนแปลง  นอกจากนี้ ยังเป็นวิชาที่มีอันตรายและมีระดับที่สูง อย่างเช่นเพลิงศักดิ์สิทธิ์
มีข้อบกพร่องมากมายระหว่างลำแสงลงทัณฑ์และม่านพลังในท้องฟ้า แต่ทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์กลับทำได้สมบูรณ์แบบ
ทันใดนั้นถังเทียนตระหนักได้ถึงปัญหาทั้งหมดกลับมารวมอยู่ที่เดียว  เพลิงศักดิ์สิทธิ์!
ถ้าพวกเขาไม่ติดอยู่ภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ถังเทียนจะต้องหลีกหนีภาพแรกของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก่อน  เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สิ่งธรรมดา และถ้าใครต้องเผชิญกับการต่อสู้ ไม่ว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะทรงพลังเพียงไหน  ถังเทียนจะไม่กังวลขณะต่อสู้  แต่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ต่อหน้าเขาสร้างขึ้นจากชีวิตผู้คนในทวีปเซียน ทำให้จำนวนของเพลิงศักดิ์สิทธิ์กว้างไกลราวมหาสมุทร  ไม่มีใครสามารถต่อสู้กับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในปริมาณมากได้  เป็นเหมือนทะเล และมีแค่คลื่นอย่างเดียว ถังเทียนก็อาจจะถูกทำลายได้  และถ้าเพลิงศักดิ์สิทธิ์เกิดระเบิดกะทันหัน  ทั่วทั้งทวีปเซียนจะถูกแผดเผาเป็นจุล  มันอาจเป็นสิ่งที่ทะเลพลังงานไม่สามารถคงอยู่ได้ ซึ่งถ้าเกิดขึ้น  ทะเลพลังจากการเผาไหม้ และการระเบิดที่ไม่สามารถควบคุมได้จะกลายเป็นการระเบิดของพลังงานครั้งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนกวาดไปทั่วทวีปกวงหมิง  ไม่มีใครรู้ว่ามีทวีปอยู่มากเท่าใดจะรอดพ้นจากระเบิดขนาดใหญ่นั้น
แค่คิดถึงฉากภาพนั้นก็ทำให้ทุกคนสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ถังเทียนสูดหายใจลึก  เขาเริ่มมีความรู้สึกวิตกกังวล  ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ข้ารู้สึกกังวลมาก? เขาลืมไปนานแล้ว  แต่ในวันนี้ เขารู้สึกถึงความเร่งด่วน  แม้ว่าเขารู้ว่าประมุขผู้อาวุโสจะไม่กระตุ้นแรงระเบิดของเพลิงศักดิ์สิทธิ์  แต่เขารู้ว่าทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ประมุขผู้อาวุโสเองก็ไม่สามารถควบคุมได้
 ใช่แล้ว, ทำไมข้าต้องกังวลเรื่องทั้งหมดนี้, ความจริงข้ากำลังกังวลเรื่องประมุขผู้อาวุโสไม่ใช่หรือ?
ถังเทียนหัวเราะเยาะตนเอง  แต่ความกังวลในใจของเขาลดลงเล็กน้อย  เขาเริ่มเพ่งความสนใจมากกว่าเดิม และทิ้งความคิดที่ซับซ้อนทั้งหมดออกไป  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นแค่เพลิงศักดิ์สิทธิ์,  ข้าเคยเห็นสิ่งแปลกประหลาดมามากแล้วเช่นกัน  มากกว่าแค่เพลิงศักดิ์สิทธิ์นี่เสียอีก
หลังจากสู้กับอัศวินกวงหมิง ถังเทียนได้ศึกษาเรื่องเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างมาจากพลังงานแสงบริสุทธิ์  และในวิหาร การเรียนรู้เรื่องเพลิงศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นข้อกำหนดที่เข้มงวด พวกเขาอยู่ในทวีปเซียน แผ่นดินของวิหาร และเป็นหัวใจของทวีปกวงหมิง ที่ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับวิหารที่ใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์  ในทวีปอื่น เป็นไปไม่ได้ที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์จะกระจายไปอย่างกว้างขวาง
เพลิงศักดิ์สิทธิ์คือสัญลักษณ์ของความภักดีและถูกมองว่าเป็นพลังที่บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ดังนั้นการใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์คลุมรอบจึงกลายเป็นกลยุทธ วิชาฆ่าและระบบต่อสู้ขนาดใหญ่
 เนื่องจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังงาน มันก็ยังเป็นพลังงานไม่ใช่หรือ?  หรือเป็นกฎธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง?
ถังเทียนคิดลึกขณะที่เขานั่งอยู่ข้างลำแสงลงทัณฑ์
บรรยากาศในกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ตึงเครียดมาก
กองพลเกราะเทพเจ้าพยายามฝืนทนควบคุมม่านพลังงาน  แรงกดดันที่กดทับใส่พวกเขาหนักขึ้นทุกที  ทำให้สมาชิกบางคนรู้สึกเหนื่อยล้า  เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปด้วยดี  จี๋เจ๋อกัดฟันพูด “นี่ไม่ใช่หนทางที่ควรเป็นไป”
 “เจ้ามีความคิดอะไรอยู่ในใจบ้าง?”  ฝูเจิ้งจือเข้าใจแล้ว  พรสวรรค์ของเขายังห่างนักเมื่อเทียบกับจี๋เจ๋อ  และเขายังแก่กว่ามาก  ขณะนั้น เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาอยู่ในช่วงลมหายใจอึดสุดท้าย  พลังของกฎธรรมชาติที่ใช้ไปมากเกินไป  ทำให้เลือดในตัวเขาข้น  และเขาหมิ่นเหม่จะสูญเสียการควบคุม
จี๋เจ๋ออยู่ในสภาพที่ดีกว่าฝูเจิ้งจือมาก เขาสามารถคิด  “พลังงานอื่นน้อยกว่า  แต่พลังแสงรังสีกำลังเพิ่มขึ้น  เราสามารถใช้พลังงานรังสีแทนได้ไหม?”
ฝูเจิ้งจือตกใจ  เขาตะลึงกับความคิดบ้าบิ่นของจี๋เจ่อ
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เชียนฮุ่ยตาเป็นประกาย  “เจ้ามีความคิดว่าไงบ้าง?”
จี๋เจ๋อไม่สนใจมารยาทและพูดขึ้น  “ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวิชาของพวกกวงหมิงและกฎธรรมชาติของพวกเขา  แต่มีกฎธรรมชาติบางอย่างอยู่แน่นอน อาจจะมีการปลดปล่อยกฎธรรมชาติแห่งแสง?  เสี่ยวเหยาเจ้าฝึกมาทางกฎแห่งแสงไม่ใช่หรือ?”
สมาชิกที่ชื่อเสี่ยวเหยาฝืนหัวเราะ  “ลูกพี่, ข้าฝึกมาในกฎธาตุแสง  แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าพวกนี้เลย”
 “ถ้าเจ้าไม่ลองแล้วเจ้าจะรู้ได้ยังไง?”  จี๋เจอ๋ตอบโดยไม่ลังเล  ในเวลาอย่างนั้นพวกเขาจะต้องลองดูอย่างสิ้นหวังโดยไม่ต้องสนใจอะไรมาก  พวกเขาต้องทำสิ่งที่เกินความสามารถของพวกเขา
เสี่ยวเหยารู้ว่าพวกเขาอยู่ในช่วงวิกฤติหัวเลี้ยวหัวต่อ
เขาไม่สนใจอะไรมาก เสี่ยวเหยาตะโกน “อย่างนั้นข้าจะลองดู  แต่ข้าทำตามลำพังไม่ได้ ขอให้มีคนช่วยข้าเพิ่มสักสองสามคน”
จี๋เจ๋อพูดทันที “พาคนไปกับเจ้าห้าคน!
สมาชิกอีกห้าคนที่ยังมีกำลังเดินมาหาเสี่ยวเหยา พอคนลดลงทำให้ม่านพลังสั่นไหว  และสมาชิกอีกคนหนึ่งผู้ค้ำม่านพลังไว้รู้สึกว่าร่างกายของเขาหนักขึ้น ขณะที่แรงกดดันถมทับใส่พวกเขา
สายตาทุกคนจับจ้องอยู่ที่เสี่ยวเหยาและกลุ่มของเขา

4 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Anny กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

แสดงความคิดเห็น