ตอนที่
931 ความโกรธของตู้เค่อ
หลังจากศึกษาเพลิงศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลานาน
ตู้เค่อก็มีความเข้าใจสถานการณ์และใจของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม
ในสนามพลังกฎธรรมชาติ เขาเป็นปรมาจารย์อย่างแท้จริง และมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำให้เขาเคารพได้
คนแรกก็คือถังเทียน
พลังของถังเทียนยังไม่ถือว่าเข้าใจเรื่องสนามพลังกฎธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง แต่ความสามารถของเขาทำลายกฎทั้งปวงได้ ถังเทียนไม่สนใจว่ากฎธรรมชาติใช้อย่างไร
เขาจะใช้วิธีการที่ป่าเถื่อนและไม่สมเหตุผลดึงเอากฎออกมาใช้ ในแง่สนามพลังกฎธรรมชาติ ถังเทียนเหมือนผู้เหี้ยมหาญ เกราะเทพเจ้าตื่นรู้ของเขาก็คือกรงสำหรับกฎธรรมชาติ
ผู้สร้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์เดินตามทางอีกแนวหนึ่ง
การเปลี่ยนกฎธรรมชาติและพลังงานในมือของเขาทำให้คนอื่นทึ่ง
เขาเป็นเหมือนผู้วิเศษแห่งสนามพลังกฎธรรมชาติ
เขาดึงกฎธรรมชาติและพลังงานเข้ามาอยู่ในเงาและเปลี่ยนมันเป็นของตัวของเขาเอง และด้วยน้ำมือของเขาเอง เขาไปถึงจุดสุดยอด กฎธรรมชาติเทียม
พลังงานกลวงสร้างความอัศจรรย์ได้เหมือนกับเวทมนตร์ และปล่อยความรู้สึกที่งดงามจนอธิบายไม่ถูก
ตู้เค่อถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
เทียบกับแรงไร้เหตุผลและความป่าเถื่อนของถังเทียนแล้ว
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังบรรจุไปด้วยความงดงามและและความละเอียดประณีตที่เขารักและชื่นชมมากกว่า
ความงดงามของเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นผลมาจากการทดลองหลายพันครั้ง
ใครจะคาดคิดกันว่าผู้สร้างจะต้องใช้ความพยายามไปมากมายเพียงไหน
จึงจะสร้างขึ้นมาได้
จากนั้นเขาตระหนักได้ว่าเขาประเมินวิหารกวงหมิงต่ำเกินไป
และส่วนลึกของวิหารยังมีผู้ที่คู่ควรแก่การเคารพบูชาอย่างแท้จริง
แต่ในที่สุด
เขาก็ยังเป็นบุรุษผู้ได้รับการรู้แจ้งสนามพลังกฎธรรมชาติ และหลังจากได้ทราบหลักการที่ชัดเจนขึ้น เขาสามารถโต้แย้งได้ ด้วยพลังของสนามพลังกฎธรรมชาติ เขายืนอยู่บนพื้นที่ไร้เทียมทาน ในสนามพลังกฎธรรมชาติ เขาคือพระเจ้า
เพลิงศักดิ์สิทธิ์คือรูปแบบสภาวะระหว่ากฎธรรมชาติและพลังงาน
แต่สุดท้ายมันก็ไม่พ้นไปจากทฤษฎีลึกซึ้งของกฎธรรมชาติและพลังงาน
ชั้นของเปลวเพลิงแดงทะลักอยู่โดยรอบตัวเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไป เพลิงแดงค่อยๆ หมองลง
กลายเป็นเพลิงแดงเลือนราง
จนกระทั่งกลายเป็นไม่มีสีสัน เปลวเพลิงกลับกลายเป็นไรสีสัน
และมีพลังลุกไหม้เลือนรางจนแทบจะดับได้ทุกเมื่อ และไม่ปลดปล่อยความอบอุ่นแต่อย่างใด
นี่คือเปลวเพลิงที่ตู้เค่อจับมาจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่าสภาวะสมดุลของมันจะไม่น่าทึ่งเท่ากับเพลิงศักดิ์สิทธิ์
แต่ในเนื้อแท้ทั้งสองไม่มีความแตกต่างกัน
มันใช้กฎธรรมชาติเทียมอยู่ภายในแกนกลางและมีพลังงานกลวงเช่นกัน
ตู้เค่อไม่ยินดี เทียบกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทองแล้ว
เปลวเพลิงที่ไม่มีตัวตนนี้ซึ่งเขาเลียนแบบมายังหยาบมาก ‘ใช่แล้ว นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่ข้าสามารถทำได้ในตอนนี้ เมื่อการสู้รบจบลง ข้าจะค่อยๆ เรียนรู้และค้นคว้าดู’
ด้วยร่างกายของเขาที่คลุมไปด้วยเพลิงโปร่งใส ตู้เค่อวิ่งเข้าไปในทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทอง
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทองถูกเพลิงใสรอบตัวเขากันเอาไว้ ข้อสันนิษฐานของเขาถูกต้อง เขาไม่รู้สึกกดดันจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ พวกมันมีกลิ่นอายที่คล้ายกัน
ซึ่งป้องกันไม่ให้เพลิงศักดิ์สิทธิ์โจมตีตู้เค่อ
เพลิงศักดิ์มองดูเพลิงไร้ลักษณ์รอบตัวตู้เค่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกัน
ความคิดของตู้เค่อไม่อาจนับว่าแยบยล แต่ก็ง่ายและตรง และใครๆ ก็สามารถพูดถึงปมได้เมื่อมองเห็น
ผู้สร้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่ลืมความคงอยู่ของแดนบาปอย่างเห็นได้ชัด
และเป้าหมายของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็คือพลังงานและกฎธรรมชาติ
แต่ผู้สร้างไม่เคยคาดว่าจะมีคนผู้คลี่คลายความลับของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างรวดเร็วนัก และทั้งยังพบจุดอ่อนข้อบกพร่องของมัน
ตู้เค่อบินไปโดยไม่ซ่อนตัวจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งไปได้ไกลเท่าที่เขาสามารถเห็นได้
ขณะที่เขาบินอยู่นั้น
ท่าทางสบายใจหายไปจากใบหน้าของตู้เค่อ กลับกลายเป็นความเครียดเข้ามาแทน
เขามีความคิดว่าวิหารใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ผนึกแค่อ่าวพลังงาน แต่เขาตระหนักได้โดยเร็วว่าปริมาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นกว่าที่เขาคิดเสียอีก
เมื่อเขาเข้าไปในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของอ่าวพลังงาน
และเสาเพลิงที่ยื่นขึ้นไปในท้องฟ้า
หน้าของเขาเปลี่ยน
เขาไม่เคยคาดว่าฉากภาพที่อลังการจะปรากฏอยู่ในทวีปเซียน ‘ฝีมือของวิหารน่าทึ่งอย่างแท้จริง’
ยิ่งเขาบินลึกเข้าไป
ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ
ไม่มีใครจากวิหารออกมาสงสัยในตัวเขา
กลับมีแต่เมืองที่เปลี่ยนเป็นเมืองผีแทน และไม่มีใครอยู่เลย โดยรอบเขาสามารถเห็นกำแพงพังทลายและเสาหลอมละลายเนื่องจากอุณหภูมิที่สูง มีจำนวนเพลิงศักดิ์สิทธิ์มากมายลอยขึ้นท้องฟ้า
ทั้งหมดดูคล้ายปุยดอกแดนดิไลออนเต็มท้องฟ้า
‘เกิดอะไรขึ้นในทวีปเซียนนี้กันแน่?’
หัวใจของตู้เค่อเต็มไปด้วยความตกใจ ‘หรือว่าเกิดการสังหารหมู่ที่นี่?’
เขาเงยหน้าและมองดูเสาเพลิงที่ไหลส่งเพลิงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปในท้องฟ้า
และที่ประกายเพลิงที่คล้ายปุยดอกแดนดิไลออนรอบตัวเขาทั้งหมด
สายตาของเขาเห็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากกำลังลอยล่อง พวกมันไม่ใหญ่
ส่วนใหญ่มีขนาดเท่านิ้วมือและใหญ่ที่สุดไม่เกินขนาดกำปั้น
แต่มีจำนวนไม่สุดสิ้นเหมือนทรายในทะเลทรายไม่สามารถนับได้
ตู้เค่อจ้องมองเพลิงศักดิ์สิทธิ์อย่างงงงวย ‘เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนี้เล็กมาก
ซึ่งก็หมายความว่าระดับของนักสู้ยังอยู่ในระดับต่ำมาก แต่ว่าเพราะมีมากมาย...’
ทันใดนั้นความคิดน่ากลัววาบผ่านเข้ามาในใจของเขา ‘เป็นไปได้หรือว่า...’
ตู้เค่อรู้สึกความหนาวยะเยือกแล่นตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงหลังศีรษะ
ผมขนทุกส่วนในตัวลุกชันโดยมิได้ตั้งใจ
หลังจากกลับมายังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ เขามักคิดว่าพลเมืองชาวดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จะใช้ชีวิตที่ปลอดภัยและโชคดี และรู้สึกว่าพลเมืองของแดนบาปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย แต่ฉากภาพข้างหน้าสลายความประทับใจไปจากเขา
‘นี่มันเกินไป...
อำมหิตเกินไป!’
เขาเคยเห็นความโหดร้ายในแดนบาปมาแล้วทุกอย่าง
แต่ยังไม่อาจเทียบได้กับฉากภาพที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าเขา
ซึ่งทำให้เขารู้สึกกลัว
เขาไม่สามารถเทียบกับอะไรได้
คนบ้าคลั่งแบบไหนจึงสามารถทำเรื่องที่น่ารังเกียจและอำมหิตโหดร้ายแบบนี้ได้?
หลังจากตกใจและกลัว สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งเครียด
‘ถ้าข้ายังประมาทและไม่สนใจศัตรูที่เสียสตินี้ต่อไป
เป็นไปได้ว่าข้าอาจจะกลายเป็นขุดหลุมฝังศพให้ตนเอง’
ตู้เค่อเร่งความเร็วมองหาสัญญาณของถังเทียนไปทั่วทุกที่
เขาเชื่อหนักแน่นว่าถังเทียนจะยังไม่พ่ายแพ้ง่ายๆ แม้ว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะมีความโดดเด่น แต่ถังเทียนไม่ใช่นักสู้ที่อ่อนแอแน่นอน
ตู้เค่อไม่เคยเห็นนักสู้ที่แข็งแกร่งระดับถังเทียนมาก่อน นอกจากนี้ ถังเทียนยังมีความเป็นอัจฉริยะโดยธรรมชาติเมื่อเข้าสู่การต่อสู้ เขาจะมีสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ร้าย
และด้วยความใจเย็นและจิตใจที่มั่นคงในการสู้รบ เขาถือว่าเป็นเครื่องจักรนักสู้ที่แข็งแกร่ง
ถังเทียนอาจจะแพ้ในแง่ความลึกซึ้งหรือขอบเขต
แต่ในการสู้รบจริงที่ซึ่งเต็มไปด้วยคมหอกคมดาบ
ตู้เค่อเชื่ออย่างหนักแน่นโดยไม่ลังเลเลยว่าถังเทียนจะมาถึงจุดสุดยอดเหมือนเขาได้
ตู้เค่อสูดหายใจลึก ราวกับว่ามีเพลิงสุมอยู่ในใจเขา
เขาปรารถนาให้ถังเทียนชนะ
และเขาต้องการจะมีส่วนร่วมสู้กับถังเทียนด้วยเสมอ พลเมืองทวีปเซียนก็เป็นเหมือนลูกหลานวิหาร
ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นหรือตายไม่มีความสำคัญกับเขา แต่เขาก็ยังโกรธอยู่ดี
นั่นเป็นความโกรธที่สมควรซึ่งออกมาจากส่วนลึกของหัวใจเขา
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเพลิงทองปลดปล่อยรัศมีที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่มันทำให้ตู้เค่อรังเกียจ
************************
คำสั่งสูงสุดของสัมพันธมิตรใต้
“เวลาโจมตีเต็มกำลังมาถึงแล้ว”
ปิงแตกต่างจากปกติ เขาไม่คาบบุหรี่อีกต่อไป เขายังอยู่ต่อหน้าแผนที่
มีสีหน้าเคร่งเครียด
สายตาของเขากวาดมองแม่ทัพนายกองต่อหน้าเขา ส่วนใหญ่ยังหน้าอ่อนวัยไร้เดียงสา
แต่เด็กหนุ่มทั้งหมดเหล่านี้เป็นทหารผ่านศึกมาแล้ว
และเชี่ยวชาญในสนามรบ พวกเขาอุดมไปด้วยประสบการณ์ต่อสู้
และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดี
ทั่วทั้งดาราจักเซียนศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครกล้าดูแคลนพวกเขา
สายตาของพวกเขาเป็นประกายตื่นเต้น แต่หน้าของพวกเขายังคงมั่นคง
เซี่ยอวี่อันมีความคิดลึกซึ้ง
ครั้งล่าสุดเขารู้สึกได้ว่าอารมณ์ของท่านปิงไม่ถูกต้อง
และเขาได้รับการคาดการณ์ยืนยัน
สำหรับเขาเวลาโจมตีเต็มกำลังก็ยังไม่ถูกต้อง ม่อซิน ชิวซิ่วหัวและโกวเฉิงเวิ่นเต้ายังมีความวิตกต่อกันอยู่ แต่พวกเขายังไม่สามารถควบคุมตนเองไว้ได้
การขัดแย้งภายในของวิหารเป็นเหตุให้เกิดความไม่สงบอย่างรุนแรง
การปลุกเร้าจากความขัดแย้งมุมมองที่แย้งกันยังต้องใช้เวลา และถ้าพวกเขามีการเคลื่อนไหวของตนเอง พวกเขาจะสามารถบังคับศัตรูที่ถูกทำลายไปแล้วให้รวมตัวกันอีกครั้ง
เซี่ยอวี่อันเชื่ออย่างมั่นคงว่าเขาสามารถเห็นได้ ท่านปิงคงจะเห็นได้เช่นกัน แต่ปิงยังคงทู่ซี้ทำต่อ
และเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่ฝืนทน ในสัมพันธมิตรใต้
มีเพียงคนเดียวที่สามารถทำให้ปิงตัดสินใจเช่นนั้น
และนั่นก็คือผู้นำสัมพันธมิตรใต้ ถังเทียน!
เซี่ยอวี่อันสามารถคาดเดาได้ว่านายท่านถังเทียนอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
ขณะที่ปิงวางแผนใช้การโจมตีเต็มกำลังเพื่อดึงความสนใจของทวีปกวงหมิงลดแรงกดดันให้ถังเทียน
เขาไม่พูดอะไรแต่สนับสนุนการตัดสินใจของปิง แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่เหมาะสำหรับโจมตีเต็มกำลัง แต่ความสำคัญของนายท่านถังเทียนมีน้ำหนักเกินกว่าจะสูญเสียได้
ระยะเวลาของการหายไปของถังเทียนทำให้ปิงจัดการแผนงานประจำวัน
เกี่ยวกับงานประจำวันของปิงมีระบบงานที่ละเอียดและเป็นแบบแผนบังเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน
และกำลังของสัมพันธมิตรใต้ก็มีคุณภาพแบบก้าวกระโดด เทียบกันแล้ว
นายท่านถังเทียนดูเหมือนไม่คงอยู่
แต่สมาชิกหลักของสัมพันธมิตรใต้รู้ว่าถังเทียนอาจถูกแทนที่ในสัมพันธมิตรใต้ได้
ไม่ว่าปิงจะดำเนินการได้ดียังไง
เขาไม่สามารถแทนที่นายท่านถังเทียนได้
แม้ว่าถังเทียนไม่ได้อยู่ใกล้ๆ
แต่อิทธิพลของเขาที่มีต่อสัมพันธมิตรใต้ไม่เคยหยุดนิ่ง
ทุกคนรู้ว่าท่านปิงมีการเชื่อมโยงติดต่อกับนายท่านถังเทียนด้วยวิธีการลับๆ
นายท่านปิงเป็นผู้บัญชาการที่โดดเด่น แต่ไม่ใช่ผู้นำที่โดดเด่น
เมื่อคิดได้เช่นนั้น
เซี่ยอวี่อันรู้สึกงงทันที ‘ปกติ, ข้าไม่รู้สึกว่านายท่านถังเทียนคงอยู่เลย
แต่ทำไมข้าถึงคิดว่านายท่านถังเทียนเป็นผู้นำที่ดี?’
ไม่มีความสงสัยเลยว่าถังเทียนมีความสำคัญของต่อสัมพันธมิตรใต้
และเพื่อประโยชน์ของเขา เป็นการยอมรับได้ถ้าพวกเขาจะสูญเสียไปบ้างสองสามกองทัพ แต่ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับนายท่านถังเทียน
ไม่ว่าพวกเขาจะได้เปรียบในสมรภูมิมากเพียงไหน ก็ไม่มีประโยชน์ต่อสถานการณ์
นอกจากนี้เซี่ยอวี่อันคาดเดาว่าเขาไม่เคยบอกใคร
ในข้อสงสัยว่านายท่านถังเทียนคงแทรกซึมเข้าทวีปกวงหมิงไปแล้ว เขาเดาได้จากร่องรอยสองสามอย่าง
ตัวอย่างเช่นท่านปิงส่งกองทัพเข้าสมรภูมิตั้งใจดึงดูดความสนใจของทวีปกวงหมิง
เขามีความรู้สึกว่าถ้านายท่านถังเทียนอยู่ในทวีปกวงหมิง
เขาคงก่อกวนทวีปกวงหมิงจนปั่นป่วนอย่างสิ้นเชิง
‘เอาล่ะ,
บางทีข้าคงคิดมากเกินไป....’
เซี่ยอวี่อันทิ้งควมคิดที่ซับซ้อนออกไปทั้งหมดจากใจ
และเพ่งความสนใจและสมาธิกลับไปที่สมรภูมิ
ใจของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว แม้เมื่อเขาอยู่ในแนวหลัง เขาก็ลอบติดต่อกับแนวหน้า
แม้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดในการบุกโจมตีเต็มกำลัง แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครคิด นอกจากนี้ เท่าที่เห็น
ศัตรูอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมาก
ถ้าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้
พวกเขาอาจเป็นต้นเหตุกระตุ้นให้ทวีปกวงหมิงล่มสลายก็เป็นได้
ภายในสายตาที่สงบของเขายากจะมองเห็นแววความตื่นเต้นได้
และเลือดลมในตัวเขาเริ่มพลุกพล่าน
6 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
เจ้มจ้นนนนน อิอิ รอต่อคับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น