วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 937 จับกุมเจียย่า


ตอนที่  937  จับกุมเจียย่า
เมฆปริศนาลอยอยู่รอบทวีปเซียนยังไม่กระจายหายไป  หลายๆ คนยืนมองอยู่ด้านข้างรอให้ฝุ่นจางลง

ก็เหมือนกับโกวเฉิงเวิ่นเต้าในทวีปซางโจว  เจียย่าผู้รักษาการณ์อยู่ทวีปเว่ยเย่กวน  เจียย่าต้องขอบคุณกองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนเพราะเรื่องนั้น  ไม่มีพวกเขา เขาคงไม่มีทางได้ออกมาจากทวีปเซียน  การยืนอยู่ในจุดสูงเกิดมุมมองไม่สิ้นสุด  แต่ถ้าใครยืนผิดข้าง อย่างนั้นเขาคงถูกสาปส่งไปตลอดกาล นั่นเป็นความเสี่ยงครั้งใหญ่ที่คนเราต้องจดจำไว้เมื่ออยู่ในสถานะเดียวกับเจียย่า
ความเสี่ยงคือเหตุผลอย่างหนึ่ง  เขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเพิ่มผลงานให้ตัวเอง
สิ่งที่เขาไม่ยินดีอย่างมากก็คือการต้องต่อสู้กับสหายเก่า
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม สหายของเขาบางส่วนจะต้องอยู่ในฝ่ายขัดแย้งแน่นอน
เขาไม่อาจเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่คนที่คุ้นเคยต้องมานอนอยู่ใต้เท้าของเขา...
ทุกคนเริ่มคุ้นชินกับเสียงหวูดร้องจากกองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนด้านนอก  แม้ว่าทหารจะตื่นเต้นในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็กลับคืนเป็นปกติ  กองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนพยายามล้อมโจมตีสองสามครั้ง และแม้จะมีเผ่าชั้นนำสองสามเผ่า แต่ก็ยังแพ้อยู่ดี
เจียย่าต้องยอมรับว่ามู่จือเสียสร้างทวีปเว่ยเย่กวนไว้ดีมากจริงๆ  เหมือนกับว่ามู่จือเสียพิจารณาทุกจุดไว้รอบคอบแล้ว  และความพากเพียรอย่างหนักที่เขาทำไว้ตลอดหลายสิบปีก็น่าทึ่งจริงๆ
บรรดาแม่ทัพเพียงไม่กี่คน เจียย่านับถือมู่จือเสียมากที่สุด แม่ทัพที่เหลือมีคุณภาพความโดดเด่นเป็นของตน  ความสัมพันธ์ระหว่างจุดแข็งในการรบของพวกเขาทำให้ยากจะแยกแยะได้  แต่ไม่มีใครหมดจดเทียบเท่ามู่จือเสีย  มู่จือเสียเหมือนแม่ทัพเฒ่า และเป็นชายชาติทหารที่แท้จริง
เขาไม่เคยเข้าร่วมการศึกใดๆ และในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา  เขารับป้องกันอยู่ในแนวหน้า  ปฏิบัติการของเขาเรียบง่าย เขาปฏิบัติต่อทหารของเขาเหมือนลูกหลาน และร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทหารของเขา ไม่ว่าจะมองยังไง เขาก็คือแบบอย่างของชายชาติทหาร
 สงสัยจริงว่าตอนนี้มู่จือเสียจะเป็นยังไง  เจียย่าชักกังวล
นอกจากนี้เขายังรู้ภารกิจของมู่จือเสียในการแทรกแซงทวีปแดนเถื่อน  แต่ในฐานะคนหัวอนุรักษ์นิยม เจียย่ารู้สึกว่าเป็นเรื่องอันตรายเกินไป  แต่เขาก็ยังเชื่อใจการตัดสินใจของมู่จือเสีย  มู่จือเสียเป็นคนเด็ดเดี่ยวติดดินและโดดเด่นที่สุดในพวกเขาทั้งห้าคน  นอกจากนี้ เขายังอยู่ในทวีปเว่ยเย่กวนมาถึงยี่สิบสามสิบปี  และคุ้นเคยกับทวีปแดนเถื่อนมากกว่าเจียย่า  มู่จือเสียยังมีเหตุผลของเขาและสามารถตัดสินใจได้
ไม่มีความสงสัยต่อการดูแลหรือห่วงใยพวกทหารของจือเสีย  และไม่เคยทำอะไรเพื่อให้พวกเขาต้องเสียสละตนเองเปล่า
ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในทวีปเว่ยเย่กวน  เจียย่าสามารถรู้สึกได้ชัดเจนถึงร่องรอยที่มู่จือเสียทิ้งไว้เบื้องหลัง  ทหารที่รั้งอยู่เฝ้าเมืองจะพูดคุยเกี่ยวกับนายท่านมู่จือเสียตลอดเวลา  และความเคารพทั้งหมดที่พวกเขามีต่อมู่จือเสียมาจากส่วนลึกของหัวใจ  ข่าวนินทาที่ไม่ให้เกียรติใดๆ เกี่ยวกับมู่จือเสียมีแต่จะปลุกระดมความไม่พอใจจากพวกเขา สถานการณ์มักจะเป็นเช่นนั้น  พวกเขามักจะทุบตีอีกฝ่าย  แต่ไม่เคยหนีจากการลงโทษหรือปฏิเสธความรับผิดชอบ  เมื่อยอมรับการลงโทษทางวินัยทหาร  วินัยกองทัพกลายเป็นสัญชาตญาณของพวกเขา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่มู่จือเสียมีอยู่
ทุกครั้งที่เจียย่าเห็นทหารเหล่านั้น  เขาจะรู้สึกชื่นชม  มู่จือเสียใช้เวลา 50 ปีสร้างกองทัพของเขา  ซึ่งทำให้เจียย่าปากอ้าค้างด้วยความทึ่ง  คุณภาพของทหารคือสิ่งที่เขาไม่เคยพบเห็นในกองทัพอื่น
แม้เมื่อมู่จือเสียไม่อยู่แถวนั้น  พวกเขาก็ยังคงฝึกฝนตามปกติ  พวกเขาสามารถทนต่อความเปลี่ยวเหงาได้ และไม่เคยพูดคุยเหลวใหล พวกเขามีระเบียบวินัยที่เข้มงวดและมีความภูมิใจและกลมเกลียวกันอยู่เสมอ
ไม่มีแม่ทัพนายกองหรือผู้นำทหารคนไหนที่ไม่ชอบทหารอย่างนั้น  เจียย่ารู้สึกละอาย  เขาเป็นคนนิสัยไม่แยแส หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเกียจคร้าน  เขาไม่สามารถทำอย่างมู่จือเสียได้ ทำหน้าที่เพ่งความสนใจกับทหาร
 เรื่องนั้น ข้าไม่อาจเทียบกับมู่จือเสียได้’
 เอ่, ตอนนี้ที่ทวีปกวงหมิงไร้เสถียรภาพ ถ้ามู่จือเสียอยู่ด้วยคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า’
แต่หลังจากนั้น เขาหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของตนเอง แม้ว่ามู่จือเสียอยู่ด้วย  แล้วไงเล่า? ไม่ว่าจะเป็นวิหารหรือตระกูลชั้นสูง  พวกเขาปฏิบัติต่อกองทัพของเราเหมือนดาบ  แม่ทัพเฒ่าที่อยู่แนวหน้าจะมีโอกาสทำอะไรกับสถานการณ์ได้?  ประมุขผู้อาวุโสจะฟังเขาหรือ?  หรือว่าตระกูลชั้นสูงจะฟังเขาไหม?
 หลังจากวิกฤตินี้ จะไม่มีประโยชน์เลย แม้ว่าข้าต้องการจะถอยก็ตาม’
เจียย่ารู้สึกค่อนข้างกระหายและคอแห้ง เขาหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม
เขาไม่ใช่นักดื่ม และเพียงแต่ดื่มช่วงก่อนนอนเพื่อช่วยให้เขาได้พักผ่อน  เนื่องจากปัจจุบันนี้อารมณ์ของเขาไม่ดี  เขาดื่มมากกว่าปกติ  เขาไม่กังวลเรื่องแนวป้องกัน  ซึ่งแม้แต่ทหารที่ทิ้งไว้ก็รับมือได้ พวกเขาเป็นทหารที่มู่จือเสียรั้งอยู่  พวกเขายังประจำอยู่กับที่  เพราะพวกเขาไม่ได้รับคำสั่งจากมู่จือเสียให้เปลี่ยนตำแหน่ง
เจียย่าให้คำแนะนำพวกเขาสองสามครั้ง  แต่ไม่ได้คัดค้านอะไร  ทหารของกองทัพมู่จือเสียคุ้นเคยกับการตั้งรับป้องกัน  และพวกเขาระมัดระวังรับผิดชอบมากขึ้น พวกเขาเป็นพวกที่พบว่ามีการล้อมโจมตีจากทวีปแดนเถื่อน  พวกเขาคุ้นชินกับการสังเกตและระมัดระวัง  นอกจากนี้ พวกเขาไม่เหมือนกับทหารของเจียย่าเองที่เก็บงำความโกรธที่มีต่อสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายของทวีปเว่ยเย่กวน
แม่ทัพนายกองทหารอื่นมีความน่าเชื่อถือมากกว่าทหารของเขาเอง ทำให้เจียย่าไม่สบายใจอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง  แน่นอนเป็นความไม่พอใจตนเอง
มีเหตุผลหนึ่งที่เจียย่าไม่อาจปฏิเสธได้  เพราะเขาไม่เชื่อว่าเขาจะอยู่ในทวีปเว่ยเย่กวนเป็นเวลานาน  มู่จือเสียมีแนวโน้มว่าคงจะกลับมาในไม่ช้า  ข้าเพียงอยู่ที่นี่เพื่อประคองสถานการณ์ให้มั่นคง  และไม่จำเป็นต้องบังคับกองทัพของมู่จือเสีย
เจียย่าค่อยๆ กลายเป็นคนตระหนี่  เขาคิดถึงวัยเยาว์ของเขา และวิธีที่พวกเขาเป็นวีรบุรุษ  ทวีปกวงหมิงในอดีตเป็นปึกแผ่นมาก  และพวกเขาทั้งหมดเพ่งเล็งแต่การขยายอาณาเขตผนวกรวมดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
 เวลาเหล่านั้น พวกเขายอดเยี่ยมเพียงไหน’
เสียงการสู้รบเลือนรางได้ยินมาจากด้านนอก ตามด้วยเสียงบริวารของเขาตะโกน
 ลอบโจมตีจากคนของทวีปแดนเถื่อนหรือ?’
ทันใดนั้นเขาเงียบขรึมทันทีและลุกขึ้นยืน  แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เคลื่อนไหว  คนแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เจียย่าสีหน้าเปลี่ยน ศัตรูสามารถรู้ที่นอนของข้าได้ยังไง?’ ความคิดแรกของเขาก็คือมีไส้ศึก  แต่เมื่อเขาเห็นบุรุษที่นำกลุ่มเข้ามานัยน์ตาของเขาหรี่แคบทันที
กลุ่มคนที่ล้อมเขามีอาวุธอยู่ในมือ
เจียย่าสงบใจได้  เขามองดูบุรุษที่เป็นผู้นำ และพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา  “หมิงไห่! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นพวกเจ้า  มู่จือเสียยอมแพ้ทวีปแดนเถื่อนแล้วใช่ไหม?”
เขาจำผู้นำได้สองสามคน  พวกเขาสามารถเป็นขุนศึกภายใต้ร่มธงมู่จือเสีย และเมื่อพวกเขาหลายคนปรากฏตัวพร้อมกัน ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือมู่จือเสียยอมแพ้ต่อศัตรู  ความคิดนี่น่าแตกตื่นเล็กน้อย  มู่จือเสียยอมแพ้ศัตรู? เป็นไปได้ยังไง?
ถ้าไม่ใช่เพราะหมิงไห่และพวกล้อมเขาไว้  แค่ลำพังความคิดนี้ก็ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นดูหมิ่นมู่จือเสียแล้ว
 “ยอมแพ้?  นายท่านจะยอมแพ้ได้ยังไง?”  หมิงไห่หัวเราะอย่างเศร้าโศก  “นายท่านตายแล้ว”
เมื่อเห็นยิ้มโศกเศร้าของหมิงไห่ เจียย่ารู้สึกหนาวเย็นถึงกระดูก  เขารู้ว่าทหารของมู่จือเสียอดทนแข็งแกร่งกันทุกคน  เขาไม่เคยคาดว่าเขาจะเห็นสีหน้าเช่นนั้นจากใบหน้าพวกเขา  และเขาโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว  “เขาตายได้ยังไง?”
 “วิหารฆ่าเขา!”  หมิงไห่ขบกรามพูด  สีหน้าของเขาดูน่ากลัว ขณะที่น้ำตาของเขาร่วง  บริวารเก่าแก่ใต้บังคับบัญชามู่จือเสียทุกคนน้ำตาร่วงพลางกัดฟัน
 “วิหารฆ่าเขา?”  เจียย่าตกตะลึง  เขาคิดถึงความเป็นไปได้ของคำตอบทั้งหมด  แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นคำตอบเช่นนี้  เขาฝืนยิ้ม  “วิหารจะฆ่ามู่จือเสียได้ยังไง?  นั่นไร้เหตุผลจริงๆ  พวกเจ้าอย่าใช้คำพูดเช่นนั้นหลอกข้าดีกว่า”
เมื่อเขาพูดเช่นนั้น เขาสังเกตเห็นกลุ่มคนที่ไม่คุ้นเคยรายล้อมหมิงไห่
เล่าถังมองดูเจียย่าและหัวเราะ  แต่ไม่พูดอะไร
หมิงไห่ส่ายศีรษะ  “ไม่มีใครหลอกเราได้  นายท่านตายต่อหน้าเรา และเป็นนายท่านที่บอกเรื่องนั้นกับเรา”
 มู่จือเสียพูดด้วยตนเองหรือ?’  เจียย่าขมวดคิ้ว  คำตอบเกินกว่าเขาจะคาดได้  เกิดอะไรขึ้น?’
หมิงไห่ถามทันที  “ตอนนี้สถานการณ์ที่วิหารเซียนเป็นอย่างไรบ้าง?”
เจียย่าที่พยายามคิดพูดขึ้นตามปกติ  “วิหารเซียนถูกผนึกด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน?”
ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว หมิงไห่และพวกที่เหลือร้องโหยหวนทันที น้ำตาไหลพรากเต็มใบหน้า  ก่อนนี้พวกเขายังคงมีสายใยแห่งความหวังในใจ  เนื่องจากสิ่งที่นายท่านบอกน่าตกตะลึงอย่างแท้จริง  แต่เมื่อพวกเขาได้ยินจากเจียย่าว่าทวีปเซียนถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผนึกเอาไว้  ความรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าได้ทำลายสายใยความหวังที่น้อยนิดที่เหลือของพวกเขาขาดสะบั้น
 “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าทุกคนกันแน่?”  เจียย่าลุกขึ้นยืน  เขามองดูหมิงไห่และพวกที่กำลังร้องไห้  และเพราะเหตุผลบางอย่าง ความไม่พอใจของเขาเพิ่มมากขึ้นทุกที
 “ตาย, พวกเขาตายหมดแล้ว  ครอบครัวเราตายหมดแล้ว”  หมิงไห่ร้องไห้ขณะกล่าว  “นายท่านถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์เผา ใครก็ตามที่ฝึกฝนมาในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในทวีปจะต้องตายกันหมด  วิหารต้องการเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา...”
หน้าของเจียย่าแสดงอาการเหลือเชื่อเป็นครั้งแรก  แต่ทันใดนั้นเขาระลึกถึงคำพูดคลุมเครือที่มู่จือเสียได้พูดกับเขาไว้ก่อน และเหตุผลสองสามข้อของวิหาร หน้าของเขาพลันซีดขาว
เขาพูดด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน  “เจ้าบอกว่าทุกคนในทวีปเซียนหรือ?  ตราบใดที่พวกเขาฝึกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?”
หมิงไห่เช็ดน้ำตาและพูดขึ้น  “ถูกแล้ว!  นายท่านบอกว่าวิหารต้องการสร้างขุนพลวิญญาณ  ดังนั้นพวกเขาต้องการเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นจำนวนมาก  พวกเขาจึงได้รับการส่งเสริมให้ฝึกวิชาเพลิงศักดิ์สิทธิ์  และถ้าพวกเขาเผชิญสถานการณ์พิเศษ  วิหารจะ...”
เจียย่าหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิม และร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
เขาอยู่ในทวีปเซียนมานาน สมาชิกครอบครัวของเขาทั้งหมดอยู่ในทวีปเซียน  ดังนั้นถ้าสิ่งที่หมิงไห่พูดเป็นความจริง... เจียย่าตาเหลือกค้าง  และแทบจะสิ้นสติ
เขาพึมพำกับตัวเขาเอง  “ไม่มีทาง, ประมุขผู้อาวุโสไม่บ้าคลั่งอย่างนั้น  เขาไม่กล้าทำเช่นนั้น นั่นเป็นการฆ่าตัวตายไม่ใช่หรือ?  ประมุขผู้อาวุโสเป็นคนฉลาด  เขาจะทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นได้ยังไง?  มันไม่ใช่อย่างนี้  ต้องมีเหตุผลอื่นที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์...”
เขาต้องการโน้มน้าวตัวเอง  แต่เสียงของเขาสั่นสะท้านมากขึ้นทุกที ในที่สุดเขาอ้าปากค้าง และจากนั้นสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของเขา และเริ่มร้องไห้พร้อมกับหมิงไห่และพวกที่เหลือ
เล่าถังและแม่ทัพใหญ่มองดูเจียย่า หมิงไห่และพวกที่เหลือด้วยความเห็นใจ  พวกเขาถอนหายใจ ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนพวกเขายังไง
โดยไม่รู้ตัวแม้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการแทรกซึมและยึดครองทวีปเว่ยเย่กวนแล้ว ขณะที่เขามองดูบุรุษที่ทรงอำนาจและแข็งแกร่งร้องไห้  ทั้งสองไม่ได้ยินดีกับชัยชนะ ภัยพิบัติในโลกอย่างนั้นช่างน่าเศร้าอย่างแท้จริง
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามอุปสรรคสุดท้ายสำหรับมุ่งสู่ทวีปเซียนก็หายไป

9 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

mr_ake_oou กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

WingF กล่าวว่า...

กว่าคุณพ่อจะไปถึง พี่ถังมันยึดทวีปไปแล้วมั่ง ไปให้พีถังทุบหรอ อิอิ

Rasoom กล่าวว่า...

ค้างทุกตอนเลยยยย

Unknown กล่าวว่า...

ขอบใจจ้า

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Anny กล่าวว่า...

น่าสงสาร☺️

แสดงความคิดเห็น