วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Panlong ตอนที่ 14 อสูร – ตอนที่ 1 ผาคันฉ่องจันทรา


ตอนที่ 14 อสูร – ตอนที่ 1 ผาคันฉ่องจันทรา
หนึ่งในสี่พิภพชั้นสูง  แดนนรก!
พระจันทร์เย็นบางเฉียบเหมือนมีดสีม่วงกำลังแขวนตัวในยามราตรีเปล่งแสงสีม่วงชั่วร้ายเยือกเย็นซึ่งคลุมไปทั่วโลกไร้ขอบเขตต่อหน้าพวกเขา

 “ครืนน....” คลื่นที่มืดมิดพัดเข้าหาหน้าผาขรุขระสูงหมื่นเมตรครั้งแล้วครั้งเล่า  แม้เวลานับล้านๆ ปีผ่านไป น้ำในทะเลหมอกดาวกระหน่ำใส่หน้าผาอย่างต่อเนื่อง  แต่ผานี้ยังคงอยู่ได้มาเป็นเวลาหมื่นปีโดยไม่ไหวติง
ผานี้ค่อนข้างตรงเหมือนกับคมขอบมีด  ผิวของมันสะท้อนเงาเหมือนกระจก  ในแดนนรกรู้จักกันในนามเทือกเขาคันฉ่องจันทรา
ณ.จุดสูงสุดของเทือกเขาคันฉ่องจันทรา ปราสาทหินโบราณที่สร้างขึ้นจากหินสีม่วงตั้งเด่นตระหง่าน ให้ความรู้สึกเหมือนกับจะคงอยู่ตลอดไป  เพียงแต่ในบางครั้งภายในปราสาทสีม่วงจะมีไฟกระพริบอย่างรวดเร็วเป็นครั้งคราวเหมือนกับอยู่ในความฝัน
ในกลางปราสาทม่วง  มีพื้นที่ราบว่างเปล่าที่สร้างขึ้นจากหินศิลาแลงโบราณ
ในพื้นที่นี้มีวงเวทขนาดใหญ่สองวงที่กินพื้นที่ราวร้อยเมตร  รูปแบบของวงเวทนี้ซับซ้อนไปด้วยวงเวทนับไม่ถ้วนมากยิ่งกว่ารูปแบบวงเวทที่อยู่ในดินแดนน้ำแข็งขั้วโลก  ถัดจากวงเวทยักษ์ทั้งสองนี้ มีบุรุษร่างกายกำยำแข็งแรงสองคนยืนอยู่
ทั้งสองคนสวมชุดสีม่วง นอกจากนี้พวกเขาสวมชุดยาวสีม่วงประกายทอง และพวกเขายังมีตราเครื่องหมายที่ดูเฉพาะแบบอยู่บนหน้าผาก
 “พี่สามมักต้องทำงานหนักอยู่เสมอ  เขาไม่เคยปล่อยโอกาสใดๆ ที่เขาจะสามารถฝึกฝนได้เลย”  นักรบชุดม่วงผมดำกล่าว
บุรุษชุดม่วงที่อยู่ใกล้ผมขาวหัวเราะเช่นกัน  “พี่สามมักจะฝึกฝนหนัก ก็มีแนวโน้มว่าในไม่ช้าเขาจะได้ตำแหน่งผู้บัญชาการแน่”  ขณะที่พวกเขากล่าวทั้งสองคนหันไปมองบุรุษหนุ่มศีรษะโล้นที่นั่งขัดสมาธิอยู่ใกล้ๆ พวกเขา  เขาอยู่ในชุดเหมือนกับอีกสองคน
 “ครืน...”
ในพื้นที่ว่าง หนึ่งในวงเวทใหญ่เริ่มเปล่งแสงฟุ้ง และจากนั้นมีสามร่างปรากฏภายในมิติที่บิดเบี้ยวในใจกลางวงเวท  หลังจากแสงที่ฟุ้งหายไป  พวกเขาสามารถเห็นร่างสามร่างชัดเจน ที่ยืนอยู่ในใจกลางคือ บุรุษหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดสีฟ้า ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นสตรีงามผมทอง และเด็กหนุ่มอีกคนสวมหมวกฟาง
ทั้งสามคนมองดูรอบๆ ตัวด้วยความสงสัย
 “โอ้โฮ!” นักรบผมดำหัวเราะดังลั่น  “ยากนักที่จะมีคนสามคนมาแดนนรก และครั้งนี้เป็นระดับเทพกันทั้งหมด ดูเหมือนว่ามีสองคนที่เป็นเทพแท้ด้วย  ทั้งสามคนดูแล้วฉลาดมาก  พวกเขาไม่มาตอนที่เป็นเซียน ฮ่าฮ่า...”
 “คนที่มาแดนนรกตอนอยู่ในระดับเซียนนั้นโง่มาก” บุรุษผมเงินแค่นเสียง
บุรุษศีรษะโล้นที่กำลังนั่งขัดสมาธิตอนนี้ลุกขึ้นยืน  คนศีรษะโล้นมีนัยน์ตาสีเงินเย็นชา  เขาเดินเข้ามาหาและพูดอย่างสงบ  “ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งยอดฝีมือ แดนนรก!  เสียงแหบแห้งของเขาก้องอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า
คนทั้งสามที่ถูกพามาก็คือลินลี่ย์ เดเลียและบีบี
 “แข็งแกร่งมาก!  เมื่อเห็นทั้งสามคนต่อหน้าเขา ลินลี่ย์อดระวังตัวมากขึ้นมิได้  “ทั้งสามคนนี้น่าจะแข็งแกร่งทรงพลังมากกว่าเรา  พวกเขามีแนวโน้มว่าจะเป็นเทพแท้ อย่างไรก็ตาม พวกเขายังอาจเป็นเทพชั้นสูงก็ได้”
บีบีตะโกนลั่นด้วยความตื่นเต้น  “โห! เฮ้, คนรูปหล่อในชุดม่วง, ที่นี่แดนนรกใช่ไหม? โอ้โฮ... กลิ่นอายธาตุหนาแน่นมาก  นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือที่นี่อีกมากมายด้วยเช่นกัน.. เฮ้ เฮ้  เอาคนพวกนี้ออกไป  แล้วสัตว์ประหลาดหกเขานี่  นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นพวกนี้”
ในพื้นที่ว่างนอกจากคนในชุดม่วงทั้งสามแล้ว  ยังมีสิ่งมีชีวิตนับสิบที่ดูแปลกประหลาดมาก  ครึ่งหนึ่งมีรูปลักษณ์ของมนุษย์  ขณะที่ทั้งหมดที่เหลือมีลักษณะที่แปลกประหลาด มีหลายกลุ่มที่ลินลี่ย์ไม่เคยเห็นมาก่อน
บุรุษศีรษะโล้นนัยน์ตาเย็นชามองดูบีบี  “หุบปากเจ้าซะ!
บีบีอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
 “ข้าจะพูดสิ่งที่ข้าต้องพูดครั้งเดียว!  ฟังให้ดี, มิฉะนั้นพวกเจ้าถูกฆ่าตาย แล้วอย่ามาโทษว่าข้าก็แล้วกัน”  เสียงแหบแห้งของบุรุษโล้นดูเหมือนไม่มีความอ่อนโยนแต่อย่างใด
บีบีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด  แต่ลินลี่ย์เข้ามาถึงและวางมือบนไหล่ของบีบี ใช้แรงกดเล็กน้อยขณะพูดทางใจ  “บีบี, นี่คือแดนนรก  เรายังเป็นคนใหม่ที่นี่ และยังไม่รู้อะไร  อย่าก่อเรื่องยุ่งยากเพิ่ม  ลอร์ดเบรุตอาจทรงพลัง  แต่อำนาจของเขาไม่ได้แผ่มาถึงแดนนรก”
แม้ว่าบีบีจะไม่พอใจ  แต่เขาก็ยังทำตัวว่าง่ายและไม่ก่อเรื่องยุ่งยาก  “พี่ใหญ่, ข้าเข้าใจแล้ว”
 “พวกเจ้าทั้งสามมาจากดินแดนโลกธาตุ  สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำตอนนี้คือรออยู่กับที่!  บุรุษศีรษะโล้นชี้ไปที่พื้นที่ว่างซึ่งมีสิ่งมีชีวิตนับสิบยืนรออยู่เงียบๆ  ลินลี่ย์อดหันไปมองพวกเขาไม่ได้
ครึ่งหนึ่งของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นมนุษย์  เคนอื่นๆ เป็นสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์
 “สิ่งมีชีวิตนับสิบเหล่านี้ มีเพียงห้าที่เป็นระดับเทพปะปนอยู่ในพวกเขา  ที่เหลือเป็นระดับเซียนทั้งหมด”  ลินลี่ย์สามารถบอกได้จากการดู
บุรุษโล้นยังคงพูดอย่างเย็นชา  “สิ่งที่พวกเจ้าทั้งสามคนจำเป็นต้องทำก็คือยืนอยู่กับที่อย่างว่าง่าย  พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งเสียงหรือวิ่งเพ่นพ่าน  พวกเจ้าต้องเชื่อฟังเราทุกอย่าง  ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อฟัง  อย่างนั้นชีวิตพวกเจ้าก็มาหยุดลงเพียงเท่านี้”
บุรุษผมดำหัวเราะลั่น  “ฟังสิ่งที่พี่สามของข้าพูดให้ดีๆ เล่า มิฉะนั้น...ฮ่าฮ่า”
คนหัวโล้นมองดูบุรุษผมดำที่ทำได้แต่เพียงหัวเราะเบาๆ  จากนั้นคนหัวโล้นพูดต่ออย่างเฉื่อยชาว่า “ข้าบอกพวกเจ้าในสิ่งที่ต้องบอกไปแล้ว  พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้สอบถาม  พรุ่งนี้เช้าเราจะส่งพวกเจ้าออกไป!
หลังจากพูดเสร็จ คนหัวโล้นกลับไปที่มุมของเขาและเริ่มนั่งขัดสมาธิอีกครั้ง
อีกสองคนมองหน้ากันเองและเริ่มหัวเราะ
ลินลี่ย์มีความคิดอย่างหนึ่ง  “ส่งเราออกไปพรุ่งนี้เช้า?  ไปที่ไหน?”
 “ลินลี่ย์!  เราเพิ่งจะมาถึงแดนนรก  ดีที่สุดสำหรับเราก็คือเข้าใจสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน  ได้ฟังคนชุดม่วงเหล่านี้แล้ว”  เสียงของเดเลียดังขึ้นในใจของลินลี่ย์  นางกุมมือลินลี่ย์ไว้  ลินลี่ย์หันไปยิ้มให้เดเลีย และจากนำนางกับบีบีไปยังพื้นที่ว่าง
ลินลี่ย์กับเดเลียเพียงแต่ชำเลืองมองดูสิ่งมีชีวิตบางเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
 “คนเหล่านี้ทุกคนมากจากดินแดนโลกธาตุ  เพียงแต่เผ่าพันธุ์หลายเผ่าพันธุ์เหล่านี้ไม่ได้อยู่ในทวีปยูลานของเรา”  เดเลียคุยกับลินลี่ย์โดยใช้สำนึกเทพโดยให้ความสนใจบางเรื่อง ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย  “นี่, เดเลียดูคนที่อยู่ตรงนั้น”
มีอยู่คนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของผู้คนจำนวนมาก  ตลอดทั้งตัวเขาปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกร และมีเขามังกรอยู่ที่หัวของเขาด้วยเช่นกัน  เขาดูคล้ายกับนักรบเลือดมังกรมาก
 “พี่ใหญ่!  คนผู้นั้นดูคล้ายกับท่านตอนที่ท่านแปลงกาย”  บีบีพูดทางใจด้วยเช่นกัน  “นั่นเป็นคนเผ่ามนุษย์มังกรในตำนานไม่ใช่หรือ?”
 “ก็อาจจะใช่”  ลินลี่ย์พบว่าเป็นเรื่องน่าสนใจ
แค่ยืนอยู่กับที่ในที่ว่าง ลินลี่ย์ได้เห็นเผ่าพันธุ์ต่างๆ  แม้ว่ามากว่าครึ่งจะเป็นเผ่าพันธุ์รูปร่างคล้ายมนุษย์  นั่นรวมถึงการมีระดับเทพรวมอยู่ด้วยเช่นกัน  ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ใดก็ตามเมื่อเข้าถึงระดับเทพแล้ว ก็สามารถใช้ร่างมนุษย์ได้
 “ลินลี่ย์!  จากสิ่งที่คนศีรษะโล้นบอก  ดูเหมือนว่าพอถึงเวลากลางวัน เราจะถูกส่งตัวออกไป  ข้าคาดว่าพวกเขาต้องส่งคนออกไปทุกวัน”  เดเลียได้ข้อสรุปทั่วไป  “มีดินแดนโลกธาตุอยู่มากมายจริงๆ  ดังนั้นคงมีหลายคนเดินทางมายังดินแดนนรกในแต่ละวัน!
ลินลี่ย์ลอบพยักหน้าเช่นกัน
ในทวีปยูลาน พูดกันตามปกติคนผู้หนึ่งจะสามารถไปยังพิภพระดับสูงได้บางทีอาจจะร้อยปีมีครั้งเดียว  มีดินแดนโลกธาตุอยู่มากมายเกินไป  อย่างไรก็ตาม แม้แต่พวกเขาทั้งหมดก็ต่างคนต่างเดินทางมาในดินแดนนรก  ในแต่ละวันจึงมีคนมาถึงมากมาย
 “ในช่วงเวลาล้านๆ ปียอดฝีมือนับไม่ถ้วนต้องมีสะสมอยู่ในแดนนรกมากมาย”  ลินลี่ย์ชำเลืองมองดูบุรุษชุดม่วงทั้งสามคน  ลินลี่ย์มีความรู้สึกว่า... เครื่องแบบที่คนทั้งสามสวมอยู่มีกลิ่นอายที่แปลกประหลาดซึ่งทำให้ลินลี่ย์รู้สึกกังวล
นั่นไม่ใช่เครื่องแบบธรรมดา  ทั้งไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นมาจากพลังเทพ
 “และตราผนึกของพวกเขาเหล่านั้น”  ปกติลินลี่ย์สังเกตได้ว่าบุรุษทั้งสามมีตราเครื่องหมายสีม่วงที่หน้าผาก  วงเวทเปล่งแสงอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สองตัวปรากฏอยู่ในวงเวท  ทั้งสองสูงอย่างน้อยสิบเมตร และตลอดทั้งร่างปกคลุมไปด้วยขนสีทอง  พวกมันดูคล้ายวานรยักษ์
นอกจากนี้สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดทั้งสองนี้มีเกล็ดสีดำงอกออกมาจากหน้าผากของมัน
 “แม่งเอ๊ย, โตขึ้นนิดเดียว!  บุรุษชุดดำตะโกนอย่างโมโห
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ทั้งสองซึ่งสูงขนาดอาคารสามชั้น ในโลกธาตุของมันเอง เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนนั้น  เมื่อมันถูกสบถใส่ หนึ่งนั้นถึงกับหัวเสียและคำรามใส่ด้วยความโกรธ  เขาสะบัดหางใส่นักรบชุดม่วงอย่างดุร้าย
 “เจ้ารนหาเรื่องเองนะ!  นักรบชุดม่วงจ้องมอง  ทันใดนั้นไม้เท้าดำปรากฏในมือของเขาและยืดยาวทันที  เงาไม้เท้าสีดำนับสิบแหวกฟาดฝ่าอากาศพร้อมกับรัศมีทำลายล้าง สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวทั้งสองค่อยรู้สึกตัวได้
เพียงแต่, สายเกินไป!
 “บึ้ม!” สัตว์ประหลาดสูงสิบเมตรกลายเป็นกองเนื้อแหลกเหลวทันที
สัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่งหดขนาดลงเหลือสูงเพียงสองเมตร จ้องมองอย่างหวาดผวาและพูดด้วยภาษามนุษย์  “ใต้เท้า ไว้ชีวิตข้าด้วย!
 “บัดนี้พวกเจ้าอยู่ในแดนนรกกันแล้ว  พวกเจ้ายังคิดว่าพวกเจ้าอยู่ในพิภพโลกธาตุอีกหรือ?  เจ้ารนหาที่เสียแล้ว”  นักรบชุดม่วงแค่นเสียง  “ฟังให้ดี  สิ่งที่เจ้าต้องทำในตอนนี้ก็คือยืนอยู่กับที่  อย่าถามอะไรทั้งนั้น  เราจะบอกเรื่องเท่าที่จำเป็นต้องบอก  สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องบอก เราจะฆ่าพวกเจ้าหากมีคนถามขึ้นอีก”
 “จำง่ายๆ คืออย่าส่งเสียง และฟังคำสั่งเรา!
นักรบผมดำพลิกมือไม้เท้าก็หายกลับไป  “พอได้แล้ว  กลับไปอยู่ตรงนั้น”
 “น้องหก, ทำความสะอาดพื้นด้วย”  คนหัวโล้นที่นั่งสมาธิพูดขึ้นทันที
 “หา..”  บุรุษผมดำมองดูพื้นที่เปื้อนเลือดและศพที่อวัยวะกระจัดกระจาย  เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้  ทันใดนั้นเขาหันไปจ้องมองวานรยักษ์ทันที  “เจ้า, รีบมานี่”
สัตว์ประหลาดนั้นอดตัวสั่นไม่ได้  เขาชี้ที่ตัวเองอย่างสับสน ตาของเขามีแววประหลาดใจ
เขาไม่กล้าส่งเสียง!
 “ใช่แล้ว, ข้ากำลังพูดกับเจ้า”  บุรุษผมดำพยักหน้า และวานรยักษ์นั้นรีบวิ่งเข้ามาอย่างว่าง่ายทันที  บุรุษผมดำชี้ไปที่พื้น “จงทำความสะอาดพื้นนี่เดี๋ยวนี้ซะ  ถ้าเหลือรอยเลือดแม้แต่รอยเดียว เจ้าได้ตายไปอยู่กับเพื่อนเจ้าแน่”
เจ้าวานรยักษ์นั้นกลัวจัดและรีบพยักหน้าทันที
ลินลี่ย์ บีบีและเดเลียทุกคนรู้สึกสะท้านใจด้วยความประหลาดใจ
 “พี่ใหญ่, ดูเหมือนคนที่นี่ฆ่าคนได้ง่ายเหมือนกับโยนหมวกจริงๆ พวกเขาไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย”  บีบีพูดในใจ  ลินลี่ย์ชำเลืองมองบุรุษผมดำ  “เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย  ดังนั้นหลายคนมาที่แดนนรกกันทุกวัน  ใครจะสนใจคนที่เพิ่มขึ้นไม่กี่คนเล่า?  นอกจากนี้ บุรุษผมดำก็ทรงพลังมากจริงๆ!
เดเลียกับบีบีเห็นด้วยทั้งคู่
พวกเขาสามารถรู้สึกได้ว่าบุรุษชุดม่วงทั้งสามคนอย่างน้อยต้องมีพลังระดับเทพแท้
 “แค่ดูจากวิธีการที่เขาใช้  เราสามารถบอกได้ว่าบุรุษผมดำนี้ฝึกมาทางวิถีทำลายล้าง  การโจมตีของเขามีทั้งองค์ประกอบทางวัตถุและทางวิญญาณ  ดูเหมือนว่าเขาหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับได้อย่างน้อยก็สองอย่าง!  ลินลี่ย์อดรู้สึกประหลาดใจกับพลังของบุรุษชุดม่วงนี้ไม่ได้
นอกจากนี้  ลินลี่ย์ยังคงบอกได้ว่าบรรดบุรุษชุดม่วงทั้งสามนั้น  คนที่ทรงพลังที่สุดควรจะเป็นบุรุษศีรษะโล้นที่ดูดุร้าย
 “แรงดึงดูดที่นี่ในดินแดนนรกแข็งแกร่งกว่าดินแดนจากโลกธาตุเกือบร้อยเท่าเลยทีเดียว”  ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงความแตกต่างในที่แห่งใหม่  สำหรับแรงดึงดูดที่รุนแรงไม่มีความหมายต่อเทพเท่าใดนัก  “เมื่อข้าเข้าไปสุสานเทพเจ้าพลังจิตของข้าถูกจำกัดให้เหลือเพียงหนึ่งในหมื่น  แต่ที่นี่ในแดนนรกระดับของสัมผัสเทพของข้าถูกจำกัดมากยิ่งกว่า!
นี่เป็นการเดินทางสู่แดนนรกครั้งแรก  ลินลี่ย์ไม่กล้าขยายสำนึกเทพและดูว่าจะขยายไปได้ไกลเพียงไหน
เพียงแต่ เขารู้สึกว่าการจำกัดของสำนึกเทพในดินแดนระดับสูงยิ่งใหญ่กว่าการจำกัดในสุสานเทพเจ้าที่มีผลต่อพลังจิตของเขา
พอเวลาผ่านไป และหนึ่งมนุษย์, มนุษย์อสูรหรืออาจเป็นอสูรเวทหลังจากทยอยมาถึงต่อเนื่อง  สิ่งมีชีวิตหลากหลายพันธุ์ยังคงถูกส่งมายังแดนนรกต่อเนื่อง เมื่อเวลาพระอาทิตย์เปลี่ยนเป็นสีแดงเหนือเส้นขอบทะเลและฉายลงบนยอดปราสาทสันเขาคันฉ่องจันทรา สิ่งมีชีวิตที่มาจากโลกธาตุต่างๆ มาถึงแดนนรกก็มีเกินร้อย
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าดังขึ้น จากที่ใกล้ประตู บุรุษชุดม่วงเดินเข้ามาทีละคน พลางพูดคุยหยอกล้อในหมู่พวกเขากันเอง
 “น้องสาม,  ขอบคุณที่เฝ้าให้ทั้งคืน”  บุรุษชุดม่วงหลายคนหัวเราะและทักทายเขา  ในไม่ช้าคนชุดม่วงอีกหลายร้อยก็เดินทางมาถึง  ลินลี่ย์ไม่สามารถตรวจสอบพลังของคนเหล่านี้ได้เลย  หลายคนในนี้แค่รัศมีของพวกเขาก็ทำให้ลินลี่ย์ตกใจมากแล้ว สามารถสร้างความกลัวเหมือนอย่างที่แอดกินส์มี

5 ความคิดเห็น:

Dearwy กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

pmt กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น