วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 676 ฟัง! ปกติข้าไม่บอกคนอื่น


ตอนที่  676  ฟัง! ปกติข้าไม่บอกคนอื่น
ในเมืองลมดำไม่เพียงแต่ทั่วทั้งเมืองต้องมาลงทะเบียนอีกเท่านั้น พวกเขาจะต้องทดสอบพลังของเป้าหมายด้วย
 
นอกจากนี้ เขายังต้องสอบถามเกี่ยวกับความลับทั้งหมด เช่นอสูรรบ ทักษะ อาวุธ เกราะ เงิน อาชีพ สถานะ สหาย และสิ่งอื่นที่ไม่มีสิทธิ์ตรวจสอบ แน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะหาฆาตกรตัวจริง  เย่ว์หยางใช้วิธีการแบบนี้ ด้วยทักษะในการพรางตัว และสามารถในการควบคุมพลังงานอย่างอิสระ การทดสอบผลของแก้วผลึก ไม่มีอะไรน่าสงสัยระดับเตรียมปราณดิน
เพราะพลังของเขาต่ำมาก  การลงทะเบียนของเย่ว์หยางจึงไม่ดึงดูดความสนใจใครๆ
ด้วยคำถามแต่ละคน
ตัวอย่างเช่น เย่ว์หยางรายงานว่าหนูเบญจธาตุค้นสมบัติเป็นอสูรรบของเขา
เมื่อผู้รับลงทะเบียนเห็นว่าอสูรหุ่นอ่อนแอมาก  เขาไม่ต้องการข้อมูลใดๆ อีกต่อไป เขารีบๆ บันทึกข้อมูลจากนั้นตะเพิดเย่ว์หยางออกไป  เขารู้สึกว่าการสืบสวนสวะแบบนี้ไปก็เสียเวลาเปล่า
มีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เย่ว์หยางไม่สบายใจอย่างหนัก และนั่นก็คือเจ้าเมืองลมดำใช้อำนาจเจ้าเมืองปิดตลาดมืดสามวัน
เหตุผลก็คือต้องการให้มีการกรอกข้อมูลลงทะเลียน
เนื่องจากตลาดมืดปิด วัตถุดิบที่ใช้ในการทดลองที่เย่ว์หยางต้องการซื้อก็เลยพลอยช้าไปด้วย การจัดการแต่เดิมมีผลใหญ่ต่อแผนทดลอง... มองอย่างผิวเผินพวกเขารอการมาถึงของยอดฝีมือปราณฟ้า ถ้าพวกเขาลงทะเบียนเพื่อสอบสวน... อย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลย แม้แต่เด็กแปดขวบก็มองแผนนี้ออก  อย่างไรก็ตามเจ้าเมืองลมดำใช้อำนาจพิเศษข่มคนอื่น  เขาเป็นยอดฝีมือปราณฟ้าคนหนึ่งและมีความสามารถ  ในโลกนี้เป็นที่ซึ่งคนหมัดใหญ่กว่าได้เป็นจ้าว  ไม่มีใครทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว
 “สามวันนี้เจ้าต้องพักอยู่ในตลาดมืด และเจ้ายังไม่สามารถออกไปจากเมืองได้ เจ้าต้องการให้ข้าพาเที่ยวรอบเมืองพักผ่อนหย่อนใจไหม?”  สาวงามผู้น่าหลงใหลจงใจเดินเฉียดเย่ว์หยางขณะถามอย่างชาญฉลาด
 “เจ้าเป็นใครเหรอ?”  เย่ว์หยางแกล้งเป็นไม่รู้จักนาง
 “หึหึ, ข้าคิดว่าข้าจำผิดคน  ข้านึกว่าเจ้าคือเจ้าเด็กจวินอู๋เย่นั่น”  นางส่งสายตาให้เย่ว์หยาง และบิดเอวบางของนางเดินส่ายสะโพกกลมกลึงลอยตัวจากไป และมีกี่คนไม่ทราบที่แทบถูกนางพรากวิญญาณไป
 “โอวพระเจ้า! เจ้ารู้จักสาวงามอย่างนั้นได้ยังไง?”  เปากู่หัวกลมอ้าปากค้างน้ำลายืดถึงสามฟุตเห็นจะได้
 “นางบอกว่าจำผิดคนไม่ใช่หรือ?”  เย่ว์หยางรู้สึกปวดหัว
 “แต่นางรู้ชื่อของเจ้า!”  หัวกลมเปากู่สังเกตจุดสำคัญได้ทันที
 “เจ้านั่นแหละฟังผิด!”  เย่ว์หยางปฏิเสธอย่างเดียว ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาปฏิเสธที่จะยอมรับอย่างหนักแน่น
 “ค่อยสมเหตุผลหน่อย คนอ่อนแออย่างเจ้า ไม่มีพลังถึงปราณดินระดับหนึ่งด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะรู้จักเจ้า!  เจ้ารู้อะไรไหม? นางงดงามเหมือนนางฟ้า  นักสู้ปราณดินระดับแปดห่างจากระดับปราณฟ้าแค่เส้นผมเดียว นางยังอายุเยาว์มาก จะต้องเป็นยอดฝีมือปราณฟ้าต่อไปในอนาคต!   นางฟ้าชาวสวรรค์ผู้งดงาม นางงดงามมาก แต่ก็ทรงพลัง... ตาของนางกระจ่างดุจดวงดาว... ถ้านางเหลียวแลข้านะ ข้าคงจะตายทันทีแน่  ถ้านางยินดีรับข้าเป็นทาสนาง  ข้าจะติดตามนางและเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ภักดีต่อนางตลอดไป!  ข้าตัดสินใจแล้ว  ข้าจะเป็นทาสนางในชีวิตที่เหลือ และข้าจะเชื่อฟังคำสั่งของนาง!”  เจ้าหัวกลมเปากู่ยังลุ่มหลงอย่างน่ารังเกียจต่อหน้าเย่ว์หยาง  เย่ว์หยางทนเขาไม่ได้จึงรีบออกไปโดยเร็ว
เมื่อเย่ว์หยางกลับไปที่โรงแรม ขณะที่เขาเข้าไปกองพลหน่วยกริฟฟินตามหลังเขามาจากท้องฟ้า
พวกเขาคือยอดฝีมือของหน่วยกริฟฟินสายฟ้าของราชาใจสิงห์
ทันทีหลังจากนั้นศิษย์สำนักร้อยสนหลายสิบคนในชุดไว้ทุกข์บินข้ามฟ้าตรงไปที่จวนเจ้าเมืองภายใต้การนำของผู้อาวุโสหลายคนซึ่งอยู่ในบรรยากาศที่เศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว
ศิษย์สิบคนของสำนักหลันเจียงคาดเข็มขัดเงินที่เอวบินมาแต่ไกล
แม้ว่าจำนวนของพวกเขาจะด้อยกว่าของสำนักร้อยสน   แต่พวกเขาทุกคนก็ยังมีระดับเหนือกว่าปราณดินระดับเจ็ด  พวกเขาไม่ใช่คนอ่อนแอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษวัยกลางคนที่นำหน้าพวกเขา  ลักษณะของเขาเรียบง่ายและธรรมดา และความแข็งแกร่งของเขาแค่เพียงปราณฟ้าระดับหนึ่ง  อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางมองผ่านพลังจักษุทิพย์ของเขาจึงสามารถมองเห็นได้  บุรุษวัยกลางคนผู้นี้ซ่อนพลังปราณฟ้าระดับสี่ไว้  บุรุษผู้นี้ยังแข็งแกร่งมากกว่าเจ้าเมืองลมดำผู้มีพลังปราณฟ้าระดับสาม
เย่ว์หยางสะท้านใจ
ดูเหมือนบุรุษวัยกลางคนนี้จะชื่อว่าเจี๋ยฮู่ และเขาคือเจ้าสำนักหลันเจียง
ด้วยพลังและระดับฝึกปรือของเย่ว์หยาง  เขาไม่กลัวยอดฝีมือระดับสูง  อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าพลังที่แท้จริงของคนเหล่านั้นยากจะรับมือได้
แม้ว่าเจี๋ยฮู่จะเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ และยังอ้างว่ามีพลังปราณฟ้าระดับสี่ขั้นสูง ในสายตาของเย่ว์หยาง  ต่อให้เป็นหย่งฮุยผู้มีตะวันฉายทานตะวัน, ภูตแสง, เขี้ยวแสง และมังกรเขาเดียวพร้อมกับพลังปราณฟ้าระดับสี่ของเขา ก็ยังเอาชนะบุรุษกลางคนนี้ไม่ได้  ตรงกันข้ามเย่ว์หยางรู้สึกว่าเจี๋ยฮู่สามารถสู้ตอบโต้และฆ่าหย่งฮุยได้ นั่นคือความเป็นไปได้
ศัตรูมีอะไรที่น่ากลัวกันแน่
คำตอบก็คือ คนอย่างบุรุษวัยกลางคนนี้คือคู่ต่อกรที่แท้จริงของเย่ว์หยางในแดนสวรรค์นี้
ในแดนสวรรค์ เย่ว์หยางรู้สึกถึงศัตรูที่ทรงพลังได้ ราชาใจสิงห์ไม่ต้องพูดถึง นอกจากเสี่ยวโฉ่วแล้วก็มีเจี๋ยฮู่ผู้นี้แหละ!  แม้แต่นายพลปีศาจหัวโล้นจื้อกวงก็อาจจะรั้งท้ายเล็กน้อย
มังกรตัวหนึ่งคำรามลั่นในท้องฟ้า
เย่ว์หยางรีบกลับเข้าไปในห้องของเขา  เขารู้ว่าคนที่มาถึงก็คือหลงเสียง
แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าหลงเสียงจะสามารถจำเขาได้ในบรรดาคนนับพันหรือไม่  แต่ไม่พบเขาเป็นดีที่สุด
เมื่อว่าถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ราชาใจสิงห์ เสี่ยวโฉ่ว เจ้าเมืองลมดำหรือแม้แต่เจ้าแคว้นมรกตโดยเบื้องหลังอาจมีความเกี่ยวข้องกันหมด  ตราบเท่าที่อีกฝ่ายให้ความสนใจ พวกเขาจะรวมตัวป้องกันให้กัน  แน่นอนความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใกล้ชิดกันนัก  ตราบใดที่โซ่ผลประโยชน์ถูกทำลาย ความเป็นพันธมิตรของพวกเขาจะหายไปทันที
นี่เป็นเพราะคนเหล่านี้สนใจแต่เรื่องผลประโยชน์
ไม่มีผลประโยชน์ ก็ไม่มีความเป็นมิตร!
อีกด้านหนึ่งของเมืองมีเสียงกระหึ่มเหมือนฟ้าร้อง
ชายชราจมูกเหยี่ยวกำลังสู้กับเจ้าเมืองลมดำในท้องฟ้า  และบางขณะเขาเป็นเหมือนสายฟ้า  ไม่เพียงแต่จวนเจ้าเมืองเท่านั้น  แม้แต่ทั่วเมองลมดำก็สั่นสะเทือนไปด้วย
เป็นไปได้ว่าชายชราผู้นี้ก็คือบิดาของคุณชายซ่งเทา  เจ้าสำนักร้อยสน ผู้เฒ่าไป๋ซ่ง!
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าลูกรักของเขาไม่ถูกถูกเจ้าเมืองลมดำฆ่า  แต่เขาเลือกจะระบายความโกรธกับเจ้าเมืองลมดำ ก่อนที่ทุกคนจะปลอบโยนเขา ก็เกิดการต่อสู้อย่างเลี่ยงไม่ได้
นี่ยังเป็นการเผชิญหน้ากันของเจ้าสำนัก
ถ้าแม้แต่ลูกชายเขาถูกฆ่า แล้วเขาจะไม่ห่วงใยหรือ?  คนอื่นจะคิดยังไง? ศิษย์ในสำนักจะคิดยังไง?
เย่ว์หยางสั่งบริกรว่าเขาต้องการพักสามวันและต้องไม่ถูกรบกวน  การกระทำเช่นนี้ถือว่าไม่เป็นที่น่าสังเกต เพราะนักธุรกิจปกติจะตัดสินใจเก็บตัวเพื่อความสงบสามวัน  นักสู้ปราณฟ้ากำลังสู้กัน  ถ้าเขาวิ่งวุ่นออกไปดูความวุ่นวายข้างนอก อาจจะถูกลูกหลงกวาดใส่ นำหายนะมาสู่ตัวเอง  อย่างนั้นก็นับว่าโชคร้ายอย่างแท้จริง!  โดยเฉพาะความจริงที่ว่าคุณชายซ่งเทาแห่งสำนักร้อยสนถูกฆ่า  สำนักร้อยสนไม่มีที่ให้ระบายอารมณ์ ถ้ามีบางคนตกไปอยู่ในเงื้อมมือพวกเขา  อาจถึงตายได้
เย่ว์หยางแกล้งหลับและใช้เข็มทิศสามดินแดนกลับไปปราสาทสายรุ้ง
ความวุ่นวายในแดนสวรรค์ใต้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
ตรงกันข้าม ยิ่งวุ่นวายก็ยิ่งดี เย่ว์หยางจะได้จับปลาตอนน้ำขุ่น
ด้วยศิลาแดงสระหงส์ เย่ว์หยางมั่นใจว่าจะหลอมรวมกับดาบนางฟ้าและภูตแสงเพิ่มพลังอย่างยิ่งใหญ่ได้
แต่เย่ว์หวี่อายและปฏิเสธข้อเสนอของเย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่อยู่ และอู๋เหินอยู่กับแม่สี่ในมิติลวง  ทุกคนไม่อยู่ที่นี่  แม้แต่เย่ว์ปิงและอี้หนานก็ฝึกฝนอยู่กับจักรพรรดินีราตรี
นางเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในบ้านสวนน้อย และนางไม่กล้าเห็นด้วยกับคำขอร้องของเย่ว์หยางจริงๆ
เขาเกรงว่าอาจควบคุมกำลังได้ไม่ดีและทำบางอย่างผิดไป
แม้ว่านางจะเชื่อในพลังความแข็งแกร่งของเขา  แต่นางมักจะกังวลอยู่ในใจ  นางไม่ต้องการสร้างโอกาสแบบนี้เพื่อให้เกิดการฝึกปรือร่วมกันอีก
 “ครั้งหน้าก็แล้วกัน!  นางเกรงว่าน้องชายจะผิดหวัง ดังนั้นนางไม่ได้ปฏิเสธความตั้งใจดีของเขาอย่างสิ้นเชิง
 “ท่านรู้สึกไม่สะดวกใจหรือ?  ไม่เป็นไร อีกสักสองสามวันเราค่อยว่ากัน งั้นมาปลูกไผ่แสงภูตกันก่อน!  เย่ว์หยางคิดว่าสหายของเย่ว์หวี่จะมาและสภาพร่างกายนางไม่พร้อม  ดังนั้นนางจึงปฏิเสธให้ความร่วมมือกับเขาเพื่อใช้ดาบนางฟ้าหลอมรวมกับภูตแสง  ที่สำคัญเย่ว์หยางไม่รีบ เพราะศิลาแดงสระหงส์  เขาจะปลูกไผ่แสงภูตไว้ข้างปราสาทสายรุ้ง ไผ่แสงภูตนี้ปกติมีผลวิเศษต่อการดึงดูดปราณของฟ้าและดิน  ตอนนี้แม้ว่าจะดูเหมือนปลูกได้ไม่นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากไผ่แสงภูตจะค่อยๆ เติบโตขยายกลายเป็นป่า และปริมาณปราณจากฟ้าและดินที่รวมกันจะอยู่ในระดับน่าทึ่ง
 “งั้น, นี่ก็คือไผ่แสงภูตงั้นหรือ? ในหอทงเทียนอาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว  เมื่อวานนี้วัตถุดิบที่เผ่าพันธุ์ต่างๆส่งมาให้ ไม่มีไผ่แสงภูตอย่างนี้เลย  นี่คงแพงมากเลยใช่ไหม?”  เย่ว์หวี่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อให้เย่ว์หยาง
 “อา..แพงแน่นอน!  เย่ว์หยางไม่พูดว่าได้รับมาหลังจากฆ่าคุณชายซ่งเทาตาย จึงบอกราคาพี่สาวไปว่าราคาแปดหมื่นห้าพันเหรียญทอง!
 “เจ้าไปหาเงินมากมายอย่างนั้นมาจากไหน?” เย่ว์หวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
น้องชายนางไม่กังวลเรื่องเงินเลยในช่วงสองสามวันนี้หรือ?
จู่ๆ เขาก็มีเงินแปดหมื่นห้าพันมาซื้อไผ่ภูตแสงด้วยหรือ?  ถ้าเขาบอกว่าใช้พันเหรียญทองประมูลได้ศิลาแดงสระหงส์ที่ไม่มีใครรู้จักนั่นก็ยังพอรับได้  แต่ไผ่ภูตแสงเป็นของดีอย่างเห็นได้ชัด  แปดหมื่นห้าพันเหรียญทอง? เขาไปเอาเงินมาจากไหน?
เย่ว์หยางเหงื่อไหลพรั่งพรู
โชคดีที่เขาสนองตอบได้เร็ว  เขาพูดทันทีว่า คุณชายซ่งเทาเป็นคนโฉดชั่วร้าย เมื่อเขากำลังเตรียมตัวก่ออาชญากรรม  เย่ว์หยางพิทักษ์ความยุติธรรมโดยยืนหยัดต่อสู้กับคุณชายซ่งเทาซึ่งมีนักสู้ปราณฟ้าสองคนเป็นองครักษ์  เพื่อช่วยหญิงสาวอ่อนแอ  หลังจากต่อสู้กันอย่างน่ากลัว หลังจากต้องลำบากอย่างมาก เขาเอาชนะคนชั่วและช่วยเหลือโลกไว้ได้  เอ๊ย ช่วยสาวอ่อนแอไว้ได้
เย่ว์หยางเรียนรู้มาจากเหลยฟง (เยาวชนตัวอย่างของพรรคคอมมิวนิสต์จีน)  และไม่หวังชื่อ หวังแค่เงินรางวัลเท่านั้น
สมาคมทหารรับจ้างให้รางวัลห้าสิบล้านเหรียญทอง  นี่เป็นเพราะรางวัลที่ผู้เคราะห์ร้ายนับไม่ถ้วนตั้งเอาไว้ เป็นข้อพิสูจน์ว่าเย่ว์หยางได้ฆ่าคุณชายซ่งเทาแล้ว
 “อ๋า ห้าสิบล้าน?”  เย่ว์หวี่งงเล็กน้อย  คุณชายซ่งเทามีค่ามากเกินไปไม่ใช่หรือ?  อย่างไรก็ตามถ้าเป็นนักสู้ปราณฟ้า  ห้าสิบล้านไม่ถือว่ามาก  ที่สำคัญน้องชายออกไปแดนสวรรค์ต่อสู้มาครั้งหนึ่งและมีรางวัลถึงร้อยล้าน ขณะที่จื้อจุนมีรางวัลถึงหมื่นล้าน!
 “ถูกแล้ว ด้วยเงินก้อนนี้ข้าจึงมีเงินซื้อไผ่แสงภูตและศิลาแดงสระหงส์”  เย่ว์หยางแค่บอกว่าเขาเป็นคนดีซื้อหามาด้วยราคายุติธรรมไม่ได้ฆ่าคนปล้นสมบัติเลย
 “ถ้าเจ้าฆ่าคน  ครอบครัวของพวกเขาจะต้องหาทางล้างแค้นแน่  เจ้าต้องระมัดระวังให้ดี”  เย่ว์หวี่ไม่สนใจเรื่องเงินแม้แต่น้อย  นางเพียงแต่สนใจความปลอดภัยของน้องชาย
 “ไม่ต้องห่วง  ข้าไม่ได้ทิ้งชื่อไว้สำหรับการทำดี  ไม่มีใครรู้ว่าข้าทำ!  เย่ว์หยางยิ้มอย่างภูมิใจ
 “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นแบบนี้...”  เย่ว์หวี่ไม่เด็กสาวที่โง่  นางรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่น้องชายพูดมาจริง แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ดีนัก
ด้วยความเข้าใจของนางเกี่ยวกับเย่ว์หยาง นางจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นใคร?
อย่างไรก็ตามนางไม่ยึดติดกับถูกหรือผิด
นอกจากนี้ เขาถูกอยู่เสมอ
เย่ว์หวี่สบายใจขึ้นมากเกี่ยวกับน้องชายนาง  แม้ว่าเขาจะซุกซน แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลว  ถ้าเขาพูดว่าคุณชายซ่งเทาเป็นคนไม่ดี  เจ้าผู้นั้นก็ต้องเป็นคนไม่ดีแน่นอน  เขาจะต้องฆ่าแน่นอน  ในเรื่องนี้นางเชื่อเขาแน่!
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนี้อู๋เหินกลับมาสมทบเย่ว์หยางสองวันปล่อยให้เขาได้ปลดปล่อยความเป็นชายด้วยความนุ่มนวล
เย่ว์หวี่ต้องเข้าไปในที่พัก แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินเสียงอะไร
ระหว่างตอนกลางวันเขาจะศึกษาสูตรการเล่นแร่แปรธาตุกับเย่ว์หวี่และอู๋เหิน หรือไม่ก็ฝึกทักษะรบกับสาวมังกรพี่น้อง  พวกเขาคุ้นเคยกันและกันมาก และเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เย่ว์หยางอำลาเย่ว์หวี่และอู๋เหินกลับไปยังเมืองลมดำแดนสวรรค์ใต้  หลังจากเย่ว์หยางกลับมาโรงแรมเขาพบว่าเตียงของเขาดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมจางมาก
สาวงามทรงเสน่ห์คงลอบเข้ามานอนอย่างนั้นหรือ?
ช่างเถอะ  นางเป็นศัตรูของเจ้าเมืองลมดำ  นอกจากนี้ระหว่างนี้นางพยายามจะผูกมัดเขา และนางจะไม่ยอมเปิดเผยความลับนาง... เย่ว์หยางตัดสินใจปัดเรื่องทั้งหมดไว้ก่อนและตัดสินใจออกไปหาข้อมูลข้างนอก
ทันทีที่เขาเปิดประตู หัวกลมเปากู่ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา
 “อะไรกัน? นี่เจ้าหลับอุตุอยู่ในห้องตลอดสามวันเชียวหรือ?  อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองลมดำนี้ตลอดสามวัน  เจ้าไม่รู้จริงๆ ใช่ไหม?  ก็ได้ ในเมื่อเจ้าขอร้องอย่างจริงจัง ข้าจะไม่บอกใครอื่น!” อยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางเขารู้สึกว่าเขามีความสามารถว่า เขารู้ทุกสิ่งทุกอย่าง การพูดกับคนอย่างนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีชื่อที่สุดในชีวิตของเขา
แน่นอน เขาไม่ประหลาดใจ เพราะเจ้าเด็กนี่มาจากแดนสวรรค์ตะวันตกและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่

8 ความคิดเห็น:

kamine กล่าวว่า...

ขอบคุณครับบบ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BJ กล่าวว่า...

สนุกมาก

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

สายลมโชย กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น