ตอนที่
676 ฟัง! ปกติข้าไม่บอกคนอื่น
ในเมืองลมดำไม่เพียงแต่ทั่วทั้งเมืองต้องมาลงทะเบียนอีกเท่านั้น
พวกเขาจะต้องทดสอบพลังของเป้าหมายด้วย
นอกจากนี้
เขายังต้องสอบถามเกี่ยวกับความลับทั้งหมด เช่นอสูรรบ ทักษะ อาวุธ เกราะ เงิน อาชีพ
สถานะ สหาย และสิ่งอื่นที่ไม่มีสิทธิ์ตรวจสอบ แน่นอน
เป็นไปไม่ได้ที่จะหาฆาตกรตัวจริง
เย่ว์หยางใช้วิธีการแบบนี้ ด้วยทักษะในการพรางตัว
และสามารถในการควบคุมพลังงานอย่างอิสระ การทดสอบผลของแก้วผลึก ไม่มีอะไรน่าสงสัยระดับเตรียมปราณดิน
เพราะพลังของเขาต่ำมาก
การลงทะเบียนของเย่ว์หยางจึงไม่ดึงดูดความสนใจใครๆ
ด้วยคำถามแต่ละคน
ตัวอย่างเช่น
เย่ว์หยางรายงานว่าหนูเบญจธาตุค้นสมบัติเป็นอสูรรบของเขา
เมื่อผู้รับลงทะเบียนเห็นว่าอสูรหุ่นอ่อนแอมาก เขาไม่ต้องการข้อมูลใดๆ อีกต่อไป เขารีบๆ
บันทึกข้อมูลจากนั้นตะเพิดเย่ว์หยางออกไป
เขารู้สึกว่าการสืบสวนสวะแบบนี้ไปก็เสียเวลาเปล่า
มีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เย่ว์หยางไม่สบายใจอย่างหนัก
และนั่นก็คือเจ้าเมืองลมดำใช้อำนาจเจ้าเมืองปิดตลาดมืดสามวัน
เหตุผลก็คือต้องการให้มีการกรอกข้อมูลลงทะเลียน
เนื่องจากตลาดมืดปิด
วัตถุดิบที่ใช้ในการทดลองที่เย่ว์หยางต้องการซื้อก็เลยพลอยช้าไปด้วย
การจัดการแต่เดิมมีผลใหญ่ต่อแผนทดลอง...
มองอย่างผิวเผินพวกเขารอการมาถึงของยอดฝีมือปราณฟ้า
ถ้าพวกเขาลงทะเบียนเพื่อสอบสวน... อย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลย
แม้แต่เด็กแปดขวบก็มองแผนนี้ออก
อย่างไรก็ตามเจ้าเมืองลมดำใช้อำนาจพิเศษข่มคนอื่น
เขาเป็นยอดฝีมือปราณฟ้าคนหนึ่งและมีความสามารถ ในโลกนี้เป็นที่ซึ่งคนหมัดใหญ่กว่าได้เป็นจ้าว ไม่มีใครทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว
“สามวันนี้เจ้าต้องพักอยู่ในตลาดมืด
และเจ้ายังไม่สามารถออกไปจากเมืองได้ เจ้าต้องการให้ข้าพาเที่ยวรอบเมืองพักผ่อนหย่อนใจไหม?”
สาวงามผู้น่าหลงใหลจงใจเดินเฉียดเย่ว์หยางขณะถามอย่างชาญฉลาด
“เจ้าเป็นใครเหรอ?” เย่ว์หยางแกล้งเป็นไม่รู้จักนาง
“หึหึ,
ข้าคิดว่าข้าจำผิดคน
ข้านึกว่าเจ้าคือเจ้าเด็กจวินอู๋เย่นั่น”
นางส่งสายตาให้เย่ว์หยาง
และบิดเอวบางของนางเดินส่ายสะโพกกลมกลึงลอยตัวจากไป
และมีกี่คนไม่ทราบที่แทบถูกนางพรากวิญญาณไป
“โอวพระเจ้า! เจ้ารู้จักสาวงามอย่างนั้นได้ยังไง?”
เปากู่หัวกลมอ้าปากค้างน้ำลายืดถึงสามฟุตเห็นจะได้
“นางบอกว่าจำผิดคนไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางรู้สึกปวดหัว
“แต่นางรู้ชื่อของเจ้า!”
หัวกลมเปากู่สังเกตจุดสำคัญได้ทันที
“เจ้านั่นแหละฟังผิด!” เย่ว์หยางปฏิเสธอย่างเดียว
ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาปฏิเสธที่จะยอมรับอย่างหนักแน่น
“ค่อยสมเหตุผลหน่อย
คนอ่อนแออย่างเจ้า ไม่มีพลังถึงปราณดินระดับหนึ่งด้วยซ้ำ
เป็นไปไม่ได้ที่นางจะรู้จักเจ้า! เจ้ารู้อะไรไหม? นางงดงามเหมือนนางฟ้า
นักสู้ปราณดินระดับแปดห่างจากระดับปราณฟ้าแค่เส้นผมเดียว
นางยังอายุเยาว์มาก จะต้องเป็นยอดฝีมือปราณฟ้าต่อไปในอนาคต! นางฟ้าชาวสวรรค์ผู้งดงาม นางงดงามมาก
แต่ก็ทรงพลัง... ตาของนางกระจ่างดุจดวงดาว... ถ้านางเหลียวแลข้านะ
ข้าคงจะตายทันทีแน่
ถ้านางยินดีรับข้าเป็นทาสนาง
ข้าจะติดตามนางและเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ภักดีต่อนางตลอดไป! ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเป็นทาสนางในชีวิตที่เหลือ
และข้าจะเชื่อฟังคำสั่งของนาง!” เจ้าหัวกลมเปากู่ยังลุ่มหลงอย่างน่ารังเกียจต่อหน้าเย่ว์หยาง เย่ว์หยางทนเขาไม่ได้จึงรีบออกไปโดยเร็ว
เมื่อเย่ว์หยางกลับไปที่โรงแรม
ขณะที่เขาเข้าไปกองพลหน่วยกริฟฟินตามหลังเขามาจากท้องฟ้า
พวกเขาคือยอดฝีมือของหน่วยกริฟฟินสายฟ้าของราชาใจสิงห์
ทันทีหลังจากนั้นศิษย์สำนักร้อยสนหลายสิบคนในชุดไว้ทุกข์บินข้ามฟ้าตรงไปที่จวนเจ้าเมืองภายใต้การนำของผู้อาวุโสหลายคนซึ่งอยู่ในบรรยากาศที่เศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว
ศิษย์สิบคนของสำนักหลันเจียงคาดเข็มขัดเงินที่เอวบินมาแต่ไกล
แม้ว่าจำนวนของพวกเขาจะด้อยกว่าของสำนักร้อยสน
แต่พวกเขาทุกคนก็ยังมีระดับเหนือกว่าปราณดินระดับเจ็ด พวกเขาไม่ใช่คนอ่อนแอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษวัยกลางคนที่นำหน้าพวกเขา ลักษณะของเขาเรียบง่ายและธรรมดา
และความแข็งแกร่งของเขาแค่เพียงปราณฟ้าระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางมองผ่านพลังจักษุทิพย์ของเขาจึงสามารถมองเห็นได้
บุรุษวัยกลางคนผู้นี้ซ่อนพลังปราณฟ้าระดับสี่ไว้
บุรุษผู้นี้ยังแข็งแกร่งมากกว่าเจ้าเมืองลมดำผู้มีพลังปราณฟ้าระดับสาม
เย่ว์หยางสะท้านใจ
ดูเหมือนบุรุษวัยกลางคนนี้จะชื่อว่าเจี๋ยฮู่
และเขาคือเจ้าสำนักหลันเจียง
ด้วยพลังและระดับฝึกปรือของเย่ว์หยาง เขาไม่กลัวยอดฝีมือระดับสูง อย่างไรก็ตาม
เขาพบว่าพลังที่แท้จริงของคนเหล่านั้นยากจะรับมือได้
แม้ว่าเจี๋ยฮู่จะเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่
และยังอ้างว่ามีพลังปราณฟ้าระดับสี่ขั้นสูง ในสายตาของเย่ว์หยาง ต่อให้เป็นหย่งฮุยผู้มีตะวันฉายทานตะวัน,
ภูตแสง, เขี้ยวแสง และมังกรเขาเดียวพร้อมกับพลังปราณฟ้าระดับสี่ของเขา
ก็ยังเอาชนะบุรุษกลางคนนี้ไม่ได้
ตรงกันข้ามเย่ว์หยางรู้สึกว่าเจี๋ยฮู่สามารถสู้ตอบโต้และฆ่าหย่งฮุยได้
นั่นคือความเป็นไปได้
ศัตรูมีอะไรที่น่ากลัวกันแน่
คำตอบก็คือ
คนอย่างบุรุษวัยกลางคนนี้คือคู่ต่อกรที่แท้จริงของเย่ว์หยางในแดนสวรรค์นี้
ในแดนสวรรค์ เย่ว์หยางรู้สึกถึงศัตรูที่ทรงพลังได้
ราชาใจสิงห์ไม่ต้องพูดถึง นอกจากเสี่ยวโฉ่วแล้วก็มีเจี๋ยฮู่ผู้นี้แหละ! แม้แต่นายพลปีศาจหัวโล้นจื้อกวงก็อาจจะรั้งท้ายเล็กน้อย
มังกรตัวหนึ่งคำรามลั่นในท้องฟ้า
เย่ว์หยางรีบกลับเข้าไปในห้องของเขา เขารู้ว่าคนที่มาถึงก็คือหลงเสียง
แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าหลงเสียงจะสามารถจำเขาได้ในบรรดาคนนับพันหรือไม่ แต่ไม่พบเขาเป็นดีที่สุด
เมื่อว่าถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ราชาใจสิงห์
เสี่ยวโฉ่ว
เจ้าเมืองลมดำหรือแม้แต่เจ้าแคว้นมรกตโดยเบื้องหลังอาจมีความเกี่ยวข้องกันหมด ตราบเท่าที่อีกฝ่ายให้ความสนใจ
พวกเขาจะรวมตัวป้องกันให้กัน
แน่นอนความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใกล้ชิดกันนัก ตราบใดที่โซ่ผลประโยชน์ถูกทำลาย
ความเป็นพันธมิตรของพวกเขาจะหายไปทันที
นี่เป็นเพราะคนเหล่านี้สนใจแต่เรื่องผลประโยชน์
ไม่มีผลประโยชน์ ก็ไม่มีความเป็นมิตร!
อีกด้านหนึ่งของเมืองมีเสียงกระหึ่มเหมือนฟ้าร้อง
ชายชราจมูกเหยี่ยวกำลังสู้กับเจ้าเมืองลมดำในท้องฟ้า และบางขณะเขาเป็นเหมือนสายฟ้า ไม่เพียงแต่จวนเจ้าเมืองเท่านั้น แม้แต่ทั่วเมองลมดำก็สั่นสะเทือนไปด้วย
เป็นไปได้ว่าชายชราผู้นี้ก็คือบิดาของคุณชายซ่งเทา เจ้าสำนักร้อยสน ผู้เฒ่าไป๋ซ่ง!
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าลูกรักของเขาไม่ถูกถูกเจ้าเมืองลมดำฆ่า แต่เขาเลือกจะระบายความโกรธกับเจ้าเมืองลมดำ
ก่อนที่ทุกคนจะปลอบโยนเขา ก็เกิดการต่อสู้อย่างเลี่ยงไม่ได้
นี่ยังเป็นการเผชิญหน้ากันของเจ้าสำนัก
ถ้าแม้แต่ลูกชายเขาถูกฆ่า
แล้วเขาจะไม่ห่วงใยหรือ?
คนอื่นจะคิดยังไง? ศิษย์ในสำนักจะคิดยังไง?
เย่ว์หยางสั่งบริกรว่าเขาต้องการพักสามวันและต้องไม่ถูกรบกวน
การกระทำเช่นนี้ถือว่าไม่เป็นที่น่าสังเกต
เพราะนักธุรกิจปกติจะตัดสินใจเก็บตัวเพื่อความสงบสามวัน นักสู้ปราณฟ้ากำลังสู้กัน ถ้าเขาวิ่งวุ่นออกไปดูความวุ่นวายข้างนอก
อาจจะถูกลูกหลงกวาดใส่ นำหายนะมาสู่ตัวเอง
อย่างนั้นก็นับว่าโชคร้ายอย่างแท้จริง!
โดยเฉพาะความจริงที่ว่าคุณชายซ่งเทาแห่งสำนักร้อยสนถูกฆ่า สำนักร้อยสนไม่มีที่ให้ระบายอารมณ์
ถ้ามีบางคนตกไปอยู่ในเงื้อมมือพวกเขา
อาจถึงตายได้
เย่ว์หยางแกล้งหลับและใช้เข็มทิศสามดินแดนกลับไปปราสาทสายรุ้ง
ความวุ่นวายในแดนสวรรค์ใต้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
ตรงกันข้าม ยิ่งวุ่นวายก็ยิ่งดี
เย่ว์หยางจะได้จับปลาตอนน้ำขุ่น
ด้วยศิลาแดงสระหงส์
เย่ว์หยางมั่นใจว่าจะหลอมรวมกับดาบนางฟ้าและภูตแสงเพิ่มพลังอย่างยิ่งใหญ่ได้
แต่เย่ว์หวี่อายและปฏิเสธข้อเสนอของเย่ว์หยาง
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่อยู่ และอู๋เหินอยู่กับแม่สี่ในมิติลวง ทุกคนไม่อยู่ที่นี่ แม้แต่เย่ว์ปิงและอี้หนานก็ฝึกฝนอยู่กับจักรพรรดินีราตรี
นางเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในบ้านสวนน้อย
และนางไม่กล้าเห็นด้วยกับคำขอร้องของเย่ว์หยางจริงๆ
เขาเกรงว่าอาจควบคุมกำลังได้ไม่ดีและทำบางอย่างผิดไป
แม้ว่านางจะเชื่อในพลังความแข็งแกร่งของเขา แต่นางมักจะกังวลอยู่ในใจ
นางไม่ต้องการสร้างโอกาสแบบนี้เพื่อให้เกิดการฝึกปรือร่วมกันอีก
“ครั้งหน้าก็แล้วกัน!” นางเกรงว่าน้องชายจะผิดหวัง
ดังนั้นนางไม่ได้ปฏิเสธความตั้งใจดีของเขาอย่างสิ้นเชิง
“ท่านรู้สึกไม่สะดวกใจหรือ? ไม่เป็นไร อีกสักสองสามวันเราค่อยว่ากัน
งั้นมาปลูกไผ่แสงภูตกันก่อน!”
เย่ว์หยางคิดว่าสหายของเย่ว์หวี่จะมาและสภาพร่างกายนางไม่พร้อม
ดังนั้นนางจึงปฏิเสธให้ความร่วมมือกับเขาเพื่อใช้ดาบนางฟ้าหลอมรวมกับภูตแสง ที่สำคัญเย่ว์หยางไม่รีบ
เพราะศิลาแดงสระหงส์ เขาจะปลูกไผ่แสงภูตไว้ข้างปราสาทสายรุ้ง
ไผ่แสงภูตนี้ปกติมีผลวิเศษต่อการดึงดูดปราณของฟ้าและดิน ตอนนี้แม้ว่าจะดูเหมือนปลูกได้ไม่นาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากไผ่แสงภูตจะค่อยๆ เติบโตขยายกลายเป็นป่า
และปริมาณปราณจากฟ้าและดินที่รวมกันจะอยู่ในระดับน่าทึ่ง
“งั้น,
นี่ก็คือไผ่แสงภูตงั้นหรือ? ในหอทงเทียนอาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว เมื่อวานนี้วัตถุดิบที่เผ่าพันธุ์ต่างๆส่งมาให้
ไม่มีไผ่แสงภูตอย่างนี้เลย
นี่คงแพงมากเลยใช่ไหม?”
เย่ว์หวี่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อให้เย่ว์หยาง
“อา..แพงแน่นอน!”
เย่ว์หยางไม่พูดว่าได้รับมาหลังจากฆ่าคุณชายซ่งเทาตาย จึงบอกราคาพี่สาวไปว่าราคาแปดหมื่นห้าพันเหรียญทอง!
“เจ้าไปหาเงินมากมายอย่างนั้นมาจากไหน?”
เย่ว์หวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
น้องชายนางไม่กังวลเรื่องเงินเลยในช่วงสองสามวันนี้หรือ?
จู่ๆ
เขาก็มีเงินแปดหมื่นห้าพันมาซื้อไผ่ภูตแสงด้วยหรือ?
ถ้าเขาบอกว่าใช้พันเหรียญทองประมูลได้ศิลาแดงสระหงส์ที่ไม่มีใครรู้จักนั่นก็ยังพอรับได้ แต่ไผ่ภูตแสงเป็นของดีอย่างเห็นได้ชัด แปดหมื่นห้าพันเหรียญทอง?
เขาไปเอาเงินมาจากไหน?
เย่ว์หยางเหงื่อไหลพรั่งพรู
โชคดีที่เขาสนองตอบได้เร็ว เขาพูดทันทีว่า คุณชายซ่งเทาเป็นคนโฉดชั่วร้าย
เมื่อเขากำลังเตรียมตัวก่ออาชญากรรม
เย่ว์หยางพิทักษ์ความยุติธรรมโดยยืนหยัดต่อสู้กับคุณชายซ่งเทาซึ่งมีนักสู้ปราณฟ้าสองคนเป็นองครักษ์ เพื่อช่วยหญิงสาวอ่อนแอ หลังจากต่อสู้กันอย่างน่ากลัว
หลังจากต้องลำบากอย่างมาก เขาเอาชนะคนชั่วและช่วยเหลือโลกไว้ได้ เอ๊ย ช่วยสาวอ่อนแอไว้ได้
เย่ว์หยางเรียนรู้มาจากเหลยฟง
(เยาวชนตัวอย่างของพรรคคอมมิวนิสต์จีน)
และไม่หวังชื่อ หวังแค่เงินรางวัลเท่านั้น
สมาคมทหารรับจ้างให้รางวัลห้าสิบล้านเหรียญทอง นี่เป็นเพราะรางวัลที่ผู้เคราะห์ร้ายนับไม่ถ้วนตั้งเอาไว้
เป็นข้อพิสูจน์ว่าเย่ว์หยางได้ฆ่าคุณชายซ่งเทาแล้ว
“อ๋า
ห้าสิบล้าน?” เย่ว์หวี่งงเล็กน้อย คุณชายซ่งเทามีค่ามากเกินไปไม่ใช่หรือ? อย่างไรก็ตามถ้าเป็นนักสู้ปราณฟ้า ห้าสิบล้านไม่ถือว่ามาก ที่สำคัญน้องชายออกไปแดนสวรรค์ต่อสู้มาครั้งหนึ่งและมีรางวัลถึงร้อยล้าน
ขณะที่จื้อจุนมีรางวัลถึงหมื่นล้าน!
“ถูกแล้ว
ด้วยเงินก้อนนี้ข้าจึงมีเงินซื้อไผ่แสงภูตและศิลาแดงสระหงส์” เย่ว์หยางแค่บอกว่าเขาเป็นคนดีซื้อหามาด้วยราคายุติธรรมไม่ได้ฆ่าคนปล้นสมบัติเลย
“ถ้าเจ้าฆ่าคน ครอบครัวของพวกเขาจะต้องหาทางล้างแค้นแน่ เจ้าต้องระมัดระวังให้ดี” เย่ว์หวี่ไม่สนใจเรื่องเงินแม้แต่น้อย นางเพียงแต่สนใจความปลอดภัยของน้องชาย
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้ทิ้งชื่อไว้สำหรับการทำดี ไม่มีใครรู้ว่าข้าทำ!” เย่ว์หยางยิ้มอย่างภูมิใจ
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นแบบนี้...” เย่ว์หวี่ไม่เด็กสาวที่โง่ นางรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่น้องชายพูดมาจริง
แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ดีนัก
ด้วยความเข้าใจของนางเกี่ยวกับเย่ว์หยาง
นางจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นใคร?
อย่างไรก็ตามนางไม่ยึดติดกับถูกหรือผิด
นอกจากนี้ เขาถูกอยู่เสมอ
เย่ว์หวี่สบายใจขึ้นมากเกี่ยวกับน้องชายนาง แม้ว่าเขาจะซุกซน แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลว ถ้าเขาพูดว่าคุณชายซ่งเทาเป็นคนไม่ดี เจ้าผู้นั้นก็ต้องเป็นคนไม่ดีแน่นอน เขาจะต้องฆ่าแน่นอน ในเรื่องนี้นางเชื่อเขาแน่!
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนี้อู๋เหินกลับมาสมทบเย่ว์หยางสองวันปล่อยให้เขาได้ปลดปล่อยความเป็นชายด้วยความนุ่มนวล
เย่ว์หวี่ต้องเข้าไปในที่พัก
แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินเสียงอะไร
ระหว่างตอนกลางวันเขาจะศึกษาสูตรการเล่นแร่แปรธาตุกับเย่ว์หวี่และอู๋เหิน
หรือไม่ก็ฝึกทักษะรบกับสาวมังกรพี่น้อง
พวกเขาคุ้นเคยกันและกันมาก และเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เย่ว์หยางอำลาเย่ว์หวี่และอู๋เหินกลับไปยังเมืองลมดำแดนสวรรค์ใต้
หลังจากเย่ว์หยางกลับมาโรงแรมเขาพบว่าเตียงของเขาดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมจางมาก
สาวงามทรงเสน่ห์คงลอบเข้ามานอนอย่างนั้นหรือ?
ช่างเถอะ
นางเป็นศัตรูของเจ้าเมืองลมดำ
นอกจากนี้ระหว่างนี้นางพยายามจะผูกมัดเขา
และนางจะไม่ยอมเปิดเผยความลับนาง...
เย่ว์หยางตัดสินใจปัดเรื่องทั้งหมดไว้ก่อนและตัดสินใจออกไปหาข้อมูลข้างนอก
ทันทีที่เขาเปิดประตู
หัวกลมเปากู่ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา
“อะไรกัน?
นี่เจ้าหลับอุตุอยู่ในห้องตลอดสามวันเชียวหรือ?
อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองลมดำนี้ตลอดสามวัน เจ้าไม่รู้จริงๆ ใช่ไหม? ก็ได้ ในเมื่อเจ้าขอร้องอย่างจริงจัง
ข้าจะไม่บอกใครอื่น!” อยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางเขารู้สึกว่าเขามีความสามารถว่า
เขารู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
การพูดกับคนอย่างนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีชื่อที่สุดในชีวิตของเขา
แน่นอน เขาไม่ประหลาดใจ
เพราะเจ้าเด็กนี่มาจากแดนสวรรค์ตะวันตกและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่
8 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับบบ
ขอบคุณครับ
สนุกมาก
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น