ตอนที่ 677 สหาย, สหายแท้คืออะไร?
ตามคำบอกเล่ากล่าวของหัวกลมเปากู่
เย่ว์หยางมีความคิดว่าเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองลมดำดี
ก่อนอื่นเลยลูกชายของไป๋ซ่งถูกฆ่าตาย
และเขาได้บรรลุข้อตกลงกับเจ้าเมืองลมดำ
และร่วมมือกับเขา ขณะเดียวกันในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย
แม่ทัพหลงเสียงทูตพิเศษของราชาใจสิงห์ยังคงเข้าร่วมสืบสวนในฐานะฝ่ายที่สาม และจากนั้นเจี๋ยฮู่แห่งสำนักหลันเจียง
พวกเขาปฏิเสธการประนีประนอมของเจ้าเมืองลมดำและขอให้เขาส่งตัวคนกระทำผิดหรือต่อสู้กันให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ถ้าไม่ใช่เพราะการมาถึงของาราชาใจสิงห์เขาคงสู้กับเจ้าเมืองลมดำไปแล้ว
ต่างจากไป๋ซ่ง
การต่อสู้ระหว่างเจี๋ยฮู่และเจ้าเมืองลมดำเป็นของแท้
ไม่เพียงเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของตระกูลก็ไม่มีใครเทียบได้และน่ากลัวมาก
โชคดีที่ตำแหน่งของการต่อสู้อยู่ห่างไปนอกเมืองห้าสิบกิโลเมตร มิฉะนั้นทั่วเมืองลมดำคงพังราบเป็นหน้ากลอง
แม้ว่าพวกเขาจะแยกออกไปสู้กันนอกเมืองห้าสิบกิโลเมตร
แต่คลื่นระเบิดจากการสู้รบก็ยังรู้สึกได้แต่ไกลจากทุกการปะทะของพวกเขา ตามข้อมูลวงในของเปากู่
เจี๋ยฮู่เอาชนะเจ้าเมืองลมดำ ขุนพลจินฟงและไป๋ฟ่ง
ซึ่งฝ่ายเขามีนักรบปราณฟ้ารวมสามคนอยู่ฝ่ายเขา แต่เจ้าสำนักหลันเจียงนี้แข็งแกร่งจนเหลือเชื่อ
นอกจากนี้
ข่าวที่สองทำให้เย่ว์หยางตะลึง
ระหว่างสู้กันของเจ้าเมืองลมดำและเจี๋ยฮู่
มีขโมยผู้ลึกลับปรากฏภายในเมืองและลอบเข้าไปในจวนของเจ้าเมืองลมดำ
เนื่องจากเจ้าเมืองลมดำอยู่ข้างนอก
จึงไม่มีใครในจวนสังเกตเห็นการบุกรุกเข้ามาของขโมย สมบัติภายในถูกกวาดเรียบ
และเจ้าเมืองลมดำทุกข์ทรมานกับการสูญเสียหนัก
เหตุการณ์ใหญ่ที่สามก็คือหน่วยกริฟฟินภายใต้การสั่งการของแม่ทัพหลงเสียง
เมื่อพวกเขาค้นหาร่องรอยการฆ่าคุณชายซ่งเทา
ดูเหมือนพวกเขาจะพบอะไรบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม ตอนกลับมารายงานแม่ทัพหลงเสียง
พวกเขาพบกับยอดฝีมือปราณฟ้าอย่างไม่คาดหมายและถูกทำลายล้างราบคาบ
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ทั่วทั้งเมืองสั่นสะเทือน
กล่าวกันว่าแม้แต่ราชาใจสิงห์ก็ยังตกใจถึงกับส่งอัศวินเกราะมังกรของเขาออกไปช่วยแม่ทัพหลงเสียงสืบสวน
“ทำไมเจ้าถึงหลับได้ตั้งสามวัน?
เจ้าพลาดโอกาสดีๆ ไปแล้ว.. อย่างไรก็ตาม
ก็ดีเหมือนกัน ข้าเชื่อว่าเรื่องตื่นเต้นยิ่งกว่าจะตามมา”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะขาดเย่ว์หยางไม่ได้
นี่เป็นเพราะ
‘การจำศีล’ ตลอดสามวันของเย่ว์หยางไม่เหมือนใคร
หลายเผ่าพันธุ์มีความสามารถในการจำศีลและใช้ความสามารถนี้อย่างสม่ำเสมอ
อย่าว่าแต่นอนตลอดสามวัน
ต่อให้นอนสามเดือนหรือกระทั่งสามปี ก็ไม่ใช่เรื่องยาก!
เย่ว์หยางลอบวิเคราะห์เหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้น
ดูเหมือนว่าสาวเจ้าเสน่ห์คงเริ่มทำการเคลื่อนไหวแล้ว เหตุการณ์ที่สองและสามเป็นไปได้ว่าอาจเป็นสิ่งที่นางหรือสหายของนางทำ นางลอบช่วยเขา?
หรือว่าสร้างเรื่องปั่นป่วนเพื่อดึงความสนใจของราชาใจสิงห์ และลากเขาลงน้ำไปด้วย?
เขาควรจะหลบจากที่นี้ยังไง?
ถ้าสาวยักษ์ลี่เยี่ยนอยู่ในเมืองลมดำ เย่ว์หยางก็แค่ตรงไปช่วยนาง
แต่นางไม่อยู่ที่นั่น แต่เป็นที่อื่น
ยังคงไม่มีข่าวสาวยักษ์ลี่เยี่ยนในช่วงนี้ เขายังจำเป็นต้องรอ...
สำหรับการดึงความสนใจของราชาใจสิงห์
เขาสามารถรับมือได้
อย่างแย่ก็แค่กลับไปตั้งหลักและพักที่หอทงเทียน
เป็นไปไม่ได้ที่สาวงามทรงเสน่ห์จะใช้ตนเองเป็นหัวหอกทะลวงฟัน
“มาดูกันเถอะว่ามีของอะไรดีๆ
สำหรับประมูลราคาได้บ้าง!”
เย่ว์หยางยังสงบได้ทำให้หัวกลมเปากู่ชื่นชมเขามาก
“น้องชาย! มันคุ้มค่ามากที่ดั้นด้นเดินทางมาจากแดนสวรรค์ตะวันตก กำลังใจของเขายอดเยี่ยมมาก ข้ากล้าพูดเลยว่าคนที่ยังสนใจการซื้อและการขายในเมืองลมดำตอนนี้คงมีแต่เจ้า”
หัวกลมเปากู่บอกว่าเมืองลมดำเข้าสู่สภาวะใกล้สงครามแล้วและมีการเตือน
ตลาดมืดจะปิดต่อไปอีกสิบวัน และหลังจากสงครามจบ ฆาตกรถูกจับ ข้อพิพาทฝ่ายต่างๆ
ถูกยกเลิก ตลาดมืดคงกลับมาเปิดต่อ
“แล้วการประมูลประจำปีเล่าจะเป็นยังไง?” เย่ว์หยางถามเรื่องการประมูลที่สำคัญที่สุด
“ถ้าเรื่องราวจบได้ก่อนหน้านั้น
ก็จะไม่กระทบกระเทือนการประมูลใหญ่ประจำปี ถ้าเราไม่สามารถจัดประมูลใหญ่ได้อาจจะจัดกันที่ป้อมเสียงหวีด
เมืองจันทรา”
หัวกลมเปากู่ยังรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
“ป้อมเสียงหวีดและเมืองจันทรา
พวกพ่อค้าและประชาชนที่นั่นไม่ชอบคนต่างถิ่นเอามาก
คนเดินทางอย่างเราที่ท่องเที่ยวเข้าไปคงจะถูกพวกเขาดูถูกว่า ‘กลับประเทศเจ้าไป เจ้าคนแปลกหน้า’ พวกเขาจะพูดอย่างนั้นแน่นอน ถ้าเราอยู่ในช่วงมีการประมูลใหญ่ เราคงไม่สามารถหาที่นั่งได้ อย่าว่าแต่หาสินค้าดีๆ เลย!”
“เป็นไปได้หรือนั่น?” เย่ว์หยางตกใจ
“เฮ้อ, ป้อมเสียงหวีดก็คือป้อมอันดับหนึ่งของแคว้นมรกต
และเมืองจันทราก็คือเมืองที่มั่งคั่งที่สุดของแคว้นมรกต ในสายตาของประชาที่นั่น เราไม่มีอะไรมากไปกว่ายาจก” ถ้าพวกเขาไปที่นั่น
ทหารประจำเมืองจะมีเหตุผลเป็นร้อยในการไล่จับคนนอกที่เข้าเมือง
และสิทธิ์ที่น่าอายของคนนอกจะมีพบได้ทุกที่ ในหลายที่ในเมืองจันทรากฎหมายระบุว่าคนภายนอกและคนอ่อนแอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกเมือง
หัวกลมเปากู่ไม่ต้องการให้การประมูลประจำปีต้องเปลี่ยนไปจัดที่ป้อมเสียงหวีดหรือเมืองจันทรา
เมืองลมดำอาจไม่ใช่ที่ดีเพื่ออยู่อาศัย แต่ก็ยังมีเสรีภาพดีกว่า
มีภาษีมากกว่า
แต่ก็ยังมีวิธีดำรงชีวิตที่นี่
ในเมืองจันทราที่ร่ำรวยและหรูหรา
พ่อค้าเร่อย่างหัวกลมเปากู่ไม่สามารถซื้อได้แม้กระทั่งบ้านหลังเล็กที่สุด เขาไม่สามารถหางานได้
“...”
เย่ว์หยางฟังหัวกลมเปากู่แนะนำแล้วถึงกับพูดไม่ออก
แน่นอนว่าการเลือกปฏิบัติมีอยู่ในทั่วทุกภูมิภาค
ครั้งหนึ่งโลกที่เขาเคยอยู่ก่อนนั้นก็มีสภาพอย่างนี้
ใครจะคิดกันว่าแคว้นมรกตแห่งแดนสวรรค์ก็มีสภาพอย่างนั้น
แม้ว่าตลาดมืดจะไม่เปิด
แต่ภายใต้การแนะนำของหัวกลมเปากู่ เย่ว์หยางก็ยังหาซื้อวัตถุดิบได้มาก สำหรับครั้งแรกเย่ว์หยางมีความรู้สึกถึงบุรุษที่พูดพล่ามนี้มีลักษณะที่น่าเกลียดและปากมาก
ใช้ชีวิตบังคับผู้คน ในแดนสวรรค์ ไม่มีพลังและไม่มีเงินทุกก็ดำรงชีวิตลำบาก คนอย่างหัวกลมเปากู่ทำอะไรได้หลายอย่างเพราะชีวิตจริงเป็นเช่นนี้ ถ้ามีหนทางชีวิตที่ดีกว่า ใครต้องการใช้ชีวิตแบบนี้กันเล่า?
ภายใต้การนำของหัวกลมเปากู่
เย่ว์หยางไปที่หอการค้าขนาดใหญ่ชื่อชิโดในเมืองลมดำและได้รู้จักรองประธานที่นั่น
เขาใช้เงินไปมากกว่าสามแสน แต่ซื้อผลมังกรเปลือกแข็งอายุสามพันปีที่เย่ว์หยางต้องการ
หลังจากตกลงกันเสร็จสิ้นแล้ว เย่ว์หยางติดสินบนให้ให้รองประธานจนพอใจ
มีข้อตกลงในการให้ความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง
“วันนี้ต้องขอบคุณพี่เปาจริงๆ
มิฉะนั้นการทำสัญญาตกลงนี้คงใช้ไม่ได้”
เย่ว์หยางยกยอเปากู่และตบรางวัลให้เขาด้วยทองหมื่นเหรียญทอง
นี่คือจำนวนเงินที่ทำให้หัวกลมเปากู่ต้องตะลึง
แน่นอนเขาได้รับรางวัลต่อเนื่อง
แต่ไม่เคยนึกฝันเลยว่าเขาจะได้มากมายขนาดนั้น
“น้องเรา นี่เข้าใจผิดหรือเปล่า?”
เปากู่ถูมือด้วยความวิตกกังวล เขาสังเกตว่าเย่ว์หยางโอนเงินให้หมื่นเหรียญทอง
ความจริงรางวัลหนึ่งพันเหรียญทองก็นับว่าสูงสุดเท่าที่เขาประเมินในใจแล้ว
ตลอดทั้งกระบวนการ
เขาไม่ได้สร้างผลงานมากนัก
นอกจากนี้ รองประธานสมาคมการค้ายังโลภไม่รู้จักพอ และเมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้จ่ายมือเติบ
เขาขูดราคาเต็มที่ถึงสามแสน...
เปากู่รู้สึกเสียดายมากเพราะจวินอู๋เย่นี้มาจากแดนสวรรค์ตะวันตก เขารู้สึกว่าจวินอู๋เย่ผู้สูญเสียโอกาสทำธุรกรรมนี้
อาจให้รางวัลเขาเพียงร้อยเหรียญทอง
เขาต้องการปฏิเสธการประเมินสูงสุดของเขา พันเหรียญทองว่ามากแล้ว ยังมีมากกว่านั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้
เขายังเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เพียง
สิบเหรียญทอง
แม้ว่าจวินอู๋เย่นี้จะรวย เขาก็คงไม่ให้เงินเขามากนักไม่ใช่หรือ? เข้าต้องเข้าใจผิดเป็นแน่! เขามองดูจำนวนเงินด้วยความกระตือรือร้น ถ้านี่เป็นความจริง
จะเป็นเรื่องดีแค่ไหน? อย่างไรก็ตาม
เขาไม่เคยได้ยินว่าจะมีรางวัลหมื่นเหรียญทองจริงๆ
ที่สำคัญที่สุดเขาไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก
เปากู่เกลียดตัวเองมาก เขาทำอย่างนี้ได้ยังไง? จวินอู๋เย่เชื่อถือเขามาก และปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพ แต่ตอนนี้เขากำลังดูเขาติดสินบนสามแสน
อีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติต่อเขาฉันท์มิตร ขณะที่ตัวเขาเอง..
เย่ว์หยางมองหัวกลมเปากู่และยิ้มเล็กน้อย “นี่คือสิ่งท่านสมควรได้รับ, พี่เปา
ความจริงผลมังกรเปลือกแข็งคือสิ่งสำคัญกับข้ามาก
นอกจากนี้ข้อมูลที่ท่านบอกข้าเมื่อสองสามวันก่อนก็มีค่ามาก ท่านกลายเป็นสหายจากการเติมเต็มความรู้ที่ขาด
และจากนั้นยังแนะนำให้ข้าเข้าวงการธุรกิจและหาซื้อสินค้าตามที่ข้าร้องขอ เงินนี้เป็นรางวัลที่ท่านควรได้รับ พี่เปา! นี่ยังไม่ใช่ที่สุด
นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น
ในอนาคตท่านแนะนำข้าได้ของสำเร็จ
ก็จะได้ค่าแนะนำไม่น้อยไปกว่านี้แน่!”
“เพราะท่านปฏิบัติต่อข้าเหมือนสหาย และยิ่งกว่านั้น ข้าไม่อาจรับได้” หัวกลมเปากู่พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เขาคืนบัตรมูลค่าเงินให้เย่ว์หยางอย่างยากลำบาก
“ไม่, ข้าไม่อาจรับเงินนี้ไว้ได้”
“พี่เปา, ข้ายังต้องการของอีกมาก
ผลมังกรเปลือกแข็งเป็นแค่ส่วนเริ่มต้น
ถ้าท่านไม่ช่วยข้า ใครในเมืองลมดำจะช่วยข้าได้?
หรือว่าพี่เปากู่คิดว่าข้ายังใจกว้างไม่พอ?”
ขณะที่เย่ว์หยางพูดเช่นนี้ หัวกลมเปากู่รีบโบกมือส่ายศีรษะ “ไม่ ไม่ ไม่
น้องจวิน นั่นเป็นการเข้าใจผิด เจ้าเข้าใจข้าผิด
และข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น.. ข้าไม่เป็นไร
ข้าจะรับส่วนแบ่งนายหน้าของเจ้าก็ได้
อย่างไรก็ตาม ในอนาคต ข้าจะทุ่มเททำธุรกรรมให้เจ้าทั้งหมด
เจ้าทำกับข้าเหมือนสหาย ข้า เปากู่ไม่ยอมเสียคนแน่ ข้าจะรวบรวมของที่เจ้าต้องการให้ได้แน่นอน..”
ในที่สุดคำพูดและเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย
สหายในเมืองลมดำ
ใครจะคิดกันว่าพ่อค้าเร่อย่างเขาจะมีเพื่อนได้? ใครจะสนข้อมูลของเขา? ใครจะสนเรื่องคำแนะนำของเขา?
สหายน้อยจากแดนสวรรค์ตะวันตกผู้นี้
ไม่ใช่คนไร้เดียงสา เขาแค่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแดนสวรรค์ใต้
และเขาไม่สามารถต่อต้านคนอื่นได้
สิ่งที่เขาเล่าให้ฟังก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องโอ้อวดทั้งนั้น
ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด
เขาแค่ต้องการฉวยประโยชน์ ขอกิน และอวดความรู้
อย่างไรก็ตาม
เขาไม่คาดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีความจริงใจต่อเขามากเหมือนกับเป็นสหาย
ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา เขาอาจจะหัวเราะเยาะเย่ว์หยางว่าเป็นคนโง่แล้ว
เขาจะมีสหายในแดนสวรรค์ได้ยังไง?
อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดขึ้นกับเขา เขาอดรู้สึกว่าอธิบายไม่ถูก ความรู้สึกซาบซึ้ง สำหรับสหายที่ให้คุณค่าเขาสูงยิ่ง เขาเป็นบุรุษหนุ่มที่ยังไม่มีกระทั่งพลังปราณดิน ความรู้สึกแบบนั้นช่างดีจริง ดีกว่าการเคารพอีกฝ่ายหนึ่ง
และฝ่ายหนึ่งไม่ยอมแม้แต่จะมองเขาเป็นร้อยเท่า
อย่างไรก็ตาม เจ้าคนอ่อนแอนี้ทำเหมือนกับเขาเป็นสหาย เชื่อถือเขาโดยไม่ลังเลเลย!
การ์ดเงินในมือของเขาหนักอึ้ง
เขาจับเอาไว้แน่น
ตอนนี้เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่เงินเท่านั้น
แต่ยังคงเป็นสมบัติชนิดหนึ่งที่ไม่มีอะไรอื่นแทนได้ มิตรภาพ!
ก่อนหน้านั้นเขาไม่ค่อยเชื่อมิตรภาพที่เขามักจะเยาะเย้ยเสมอ แต่เวลานี้ไม่มีความคิดเช่นนั้นในใจต่อไปอีกแล้ว
มีแต่ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
ตอนค่ำเย่ว์หยางสั่งให้บริกรเสริฟอาหารเย็น
เขาเป็นเหมือนสิงโตคลั่งที่วิ่งชนทุกอย่างที่อยู่บนพื้น
เขามาอยู่ข้างหน้าเย่ว์หยางและพูดคำรามอย่างจริงใจแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “อู๋เย่, ฟังให้ดี ต่อไปในอนาคต
อย่าเชื่อใครอีก ในเมืองลมดำแห่งนี้
ในแคว้นมรกต ไม่สิ ในทั่วทั้งแดนสวรรค์
เจ้าต้องหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนี้
เจ้าไม่สามารถเชื่อใจใครได้
และเจ้าไม่อาจแสดงเงินให้ใครเห็นได้ เข้าใจไหม? ถ้าเจ้ามีผลึกเทเลพอร์ต
หรือมีหนทางที่จะจากไปได้ อย่างนั้นเจ้าจงไปจากที่แห่งนี้ให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ เมืองลมดำคือสถานที่หากิน
จะไม่มีทางกลับมาอย่างเดิมอีกในอนาคต
ถ้าเจ้าถือว่าข้าเป็นสหาย เจ้าต้องจำไว้ว่าอย่าเชื่อคนแปลกหน้า!”
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ว์หยางคาดเดา
“ง่ายมาก”
รองประธานหอการค้าเหาะมาจากแต่ไกล
เขาปั้นรอยยิ้มเต็มหน้าขณะกล่าว
“ก่อนที่เจ้าจะตายข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง”
11 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
หาเรื่องตายอีกคนละ
ขอบคุณครับ
ลูกค้ามาพี่เย่ ต้อนรับหน่อย
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น