วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 685 ฉลาดผิดทาง


ตอนที่  685  ฉลาดผิดทาง
จวนเจ้าเมือง
เมื่อหลงเสียงกลับมา เขาพบว่าทุกคนในจวนเจ้าเมืองอยู่ในสภาพหดหู่

ปีศาจเฒ่าเว่ยผู้มักหยิ่งยโสอยู่เสมออารมณ์หม่นหมองดื่มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าเหม่อมองเหมือนกับหญิงม่ายสูญเสียลูกชายคนเดียว
บรรยากาศของบ้านที่เต็มไปด้วยนักรบปราณฟ้าแปลกประหลาดจริงๆ  หลงเสียงสงสัยว่าเขาเข้ามาผิดที่  นี่คือจวนเจ้าเมืองลมดำจริงๆ หรือนี่? ทำไมถึงได้ดูเหมือนเป็นอนุสรณ์สถาน?
 “แม่ทัพหลงเสียง!  เมื่อเจ้าเมืองลมดำเห็นหลงเสียงกลับมา เขารวบรวมกำลังกายกำลังใจทันที ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น การสนับสนุนของราชาใจสิงห์สำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
 “ท่านเจ้าเมือง, เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”  หลงเสียงคำนับเล็กน้อยและถาม
 “นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น....”  เจ้าเมืองลมดำเล่าเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดของการต่อสู้ในตอนกลางวัน พยายามอย่างดีที่สุดไม่ให้กระทบกระทั่งศักดิ์ศรีของปีศาจเฒ่าเว่ย  เขาเน้นย้ำว่าเย่ว์หยางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจเฒ่าเว่ย  เพียงแต่ความเร็วของเขาเร็วกว่าและทักษะของเขาดีกว่า และยังมีการสู้รบของอสูรอีกหลายตัว  พวกมันฆ่าพญางูกลืนฟ้าซึ่งเป็นอสูรปราณฟ้าระดับสาม และบีบบังคับให้ปีศาจเฒ่าเว่ยต้องถอนตัว
หลงเสียงตะลึง
ปีศาจเฒ่าเว่ยมีความเร็วที่เหมือนสายฟ้าเป็นสิ่งที่เขารู้
ศัตรูเร็วกว่าและมีทักษะมากกว่าปีศาจเฒ่าเว่ย และมีอสูรรบหลายตัว  แม้แต่พญางูกลืนฟ้าอสูรปราณฟ้าระดับสามก็ยังถูกฆ่าอีกหรือ?
ความจริงไม่ใช่เรื่องประหลาดใจสำหรับเขาที่ตกอยู่ในความว้าวุ่นอย่างนั้นเมื่อเผชิญคู่ต่อสู้อย่างนั้น  ในที่สุดหลงเสียงขมวดคิ้วคิดอยู่นาน  “ข้าไม่เคยเห็นบุรุษหน้ากากมาก่อน  ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้ารู้สึกว่าคนผู้นี้ค่อนข้างคุ้น ตอนแรกข้าก็คิดว่าเป็นเขา  แน่นอนมีบางอย่างที่แตกต่างเกี่ยวกับคนผู้นั้น เขามีอสูรเทพถึงสองตน และอสูรนั้นทรงพลังเพียงพอเป็นคู่แข่งของเสี่ยวโฉ่ว ราเชลและนายพลปีศาจจื้อกวง บางทีพวกเขาอาจไม่ใช่คนเดียวกัน แต่อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจมาจากตระกูลเดียวกัน หรือเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน หรือเป็นพี่น้องกันเพราะทั้งสองมีความเชี่ยวชาญในทักษะการสู้มากและมีอสูรรบที่ฉลาดหลายตัว  ที่สำคัญมากกว่าเจ้าบอกว่าบุรุษหน้ากากร่วมมือกับมารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกรและนักรบอื่นในแดนสวรรค์  พวกเขามีทักษะฝีมือและทั้งหมดมีพลังต่อสู้ในระดับสูงนี่คือสิ่งที่ข้าคาดการณ์ไว้”
 “บุรุษจากเมื่อครั้งก่อน  เขาและหญิงสหายของเขาอาจดูเหมือนไม่ทรงพลัง  แต่แม้แต่สาวน้อยผู้นั้นก็ไม่สามารถประมาทได้  นางสามารถฆ่านักสู้ปราณฟ้าระดับเจ็ดที่มีระดับพลังสูงกว่านางมาก และวิทยายุทธของนาง การใช้อสูรรบ และพลังจิตของนางสมบูรณ์แบบที่สุด”  ขณะที่หลงเสียงพูดเขาระลึกถึงความทรงจำไปด้วย
 “จากตรงนี้เราสามารถสรุปได้ว่าเขามาเพื่อหาทางแก้แค้นในครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะคนในเผ่าพันธุ์พวกเขา  เผ่าพันธุ์นี้ฝ่าบาทราชาใจสิงห์ได้พูดคุยกับข้ามาแล้ว ไม่เพียงแต่มีแค่มนุษย์เท่านั้น  พวกเขายังปกปิดทักษะเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม  และไม่ง่ายที่คนอื่นจะมองเห็นพลังที่แท้จริงของพวกเขา  นอกจากนี้พวกยังครอบครองคัมภีร์อัญเชิญระดับสูง ที่หาได้ยากอีกด้วย”  ก่อนที่หลงเสียงจะพูดบทวิเคราะห์จบ  เจ้าเมืองลมดำก็ชูมือขึ้นรออยู่แล้ว
เจ้าเมืองลมดำพยักหน้าเห็นด้วย  “ใช่แล้ว ไม่เพียงแต่มารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกรและบุรุษหน้ากากที่มีคัมภีร์เป็นของตนเอง  แม้แต่หลายๆ คนในระดับปราณดินก็มีคัมภีร์อัญเชิญเป็นของตนเอง!
หลังจากได้ยินเช่นนี้, เขาไตร่ตรองเล็กน้อย  “ตอนนี้ก็คงตัดสินใจได้ว่าทั้งสองคนนั้นมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน  ท่านเจ้าเมืองตามข้อสังเกตและการสืบดูต่อมาของข้า  เผ่าพันธุ์นี้ถูกปกป้องเป็นอย่างดี  พวกเขาควรจะเป็นพวกสงบเสงี่ยมแต่พวกเขาให้ความสำคัญกับเกียรติยศมาก และเมื่อพวกเขาถูกดูถูก อารมณ์พวกเขาจะปะทุทันที  ต่อให้ศัตรูแข็งแกร่งเท่าภูเขา  พวกเขาก็ยอมต่อสู้อย่างไม่กลัว  ถ้าคนเล่นแร่แปรธาตุชื่อจวินอู๋เย่ไม่ตาย  ก็คงง่ายกับการส่งมอบคนไปแล้ว  แต่ตอนนี้...เฮ้อ”
เจ้าเมืองลมดำจะรู้ได้ยังไงว่าบริวารของเขาก่อหายนะได้ขนาดนี้?
แต่ไม่มีทางป้องกันได้
หรือว่าเขาต้องสารภาพต่อฝ่ายตรงข้ามว่าท่านจวินอู๋เย่นักเล่นแร่แปรธาตุตายไปแล้วจริงๆ?
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อาจทำให้คนอื่นปลอดภัย และเขาถูกฆ่าตายทันที  เจ้าเมืองลมดำไม่โง่ เขาจะไม่ยอมรับคำตำหนิเรื่องนี้แน่นอน  ถ้าเขาตายทุกคนจะต้องตายด้วยกัน  ไม่ว่ายังไงผลประโยชน์ของทุกคนก็ผูกเข้าด้วยกัน  ถ้าใครบางคนเปิดทางให้เขา  เจ้าเมืองลมดำจะหนีทันที  ไม่ว่าเมืองลมดำและตลาดดำจะดีแค่ไหน  แต่จะเทียบกับชีวิตได้อย่างไร?
ไม่ว่าเขาจะมีเงินมากมายเพียงไหน  ก็คงไม่มีประโยชน์ถ้าเขาไม่มีชีวิตได้ใช้!
 “พวกเขาไม่กดดันเราหรือ?”  หลงเสียงสงสัยเล็กน้อย  เนื่องจากอีกฝ่ายหนึ่งชนะ  ทำไมพวกเขาไม่ฉวยโอกาสใช้ชัยชนะกดดัน?
 “หลังจากปีศาจเฒ่าเว่ยแล้ว  พวกเขายังส่งคนออกมาสู้อีกสองสามรอบ”  เจ้าเมืองลมดำมีสีหน้าขมขื่นและส่ายหน้าขณะพูด  “บางทีพวกเขากำลังรอคนที่แข็งแกร่งในเผ่าพันธุ์มาถึง  พวกเขาจึงไม่ทุ่มกำลังโจมตี  แค่เพียงคนจากสามกลุ่มพลังใหญ่ที่มาจากวังมาร
 “ถ้าคู่รักนั้นเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์นี้จริงๆ  อย่างนั้นคงจะอันตราย”  หลงเสียงรู้สึกเย็นยะเยือกในหัวใจ
แม้ว่าราชาใจสิงห์ต้องการจะกำจัดเขา  เขาไม่มีทางเลือกได้แต่ระมัดระวังมังกรปีศาจและกองกำลังด้านหลังเขา  ถ้าเขาตอแยกับเผ่าพันธุ์ที่เป็นของบุรุษนั้นจริงๆ  อย่างนั้นการสู้รบนี้คงจะไม่ง่าย เมืองลมดำอาจถูกพิชิต  แม้แต่แคว้นมรกตอาจไม่ปลอดภัย และภูมิภาคที่ยิ่งใหญ่อาจล่มสลาย
หลงเสียงต้องการรายงานกลับไปที่ราชาใจสิงห์ เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยน
การตัดสินใจเช่นนั้นจำเป็นต้องให้ราชาใจสิงห์ทบทวนแผนของเขาใหม่
แน่นอนว่าในคำสั่งเพื่อความสะดวกของเจ้าเมืองลมดำ หลงเสียงไม่ได้ดำเนินการทันที  เขากลับปลอบโยนเขาเพียงไม่กี่คำแต่แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ข้างเดียวกันและจะสนับสนุนจนถึงที่สุด
ขุนพลจินฟงกล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้ง  “แม่ทัพหลงเสียง เรื่องนี้ท่านเห็นว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดของศัตรูหรือไม่?”
อย่าว่าแต่หลงเสียงเลย  แม้แต่เจ้าเมืองลมดำและไป๋ซ่งก็ยังไม่เชื่อสมมติฐานของเขา
ไป๋ซ่งส่ายศีรษะและโบกมือ  “ความตายของซ่งเทาลูกข้าไม่ใช่เพราะพวกเขาทำแน่  ความจริงข้าไม่คิดว่าพวกเขาตั้งใจจะฆ่าเราเมื่อเวลาผ่านไป   พวกเขาไม่ฆ่าเราเมื่อวานนี้หรือวันนี้  ท่านแม่ทัพพูดถูก คนเหล่านี้ยังจะสงบและไม่ฆ่าคนอื่นตามปกติ  เว้นแต่พวกเขาโกรธแค้น ด้วยความสามารถของพวกเขา อย่าว่าแต่ซ่งเทาลูกข้าเลย ถ้าทุกคนในตอนนี้จะทุ่มกำลังทั้งหมดก็จะมีคนเหลืออยู่ไม่กี่คน  เมืองลมดำนี้จะไม่สามารถป้องกันพวกเขาได้เป็นเวลานาน”
 “ถูกแล้ว พวกที่ฆ่าคุณชายซ่งเทาและผู้อาวุโสเฮยสั่วน่าจะเป็นทหารปฏิวัติที่ต้องการวางกับดักเรา”   มีนักสู้ปราณฟ้าห้าคนเป็นอย่างน้อยในพวกเขาและมีสามคนที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสาม  ถ้าพวกเขารวมกำลังโจมตีจากเงามืด  พวกเขาก็สามารถฆ่าคุณชายซ่งเทาและผู้อาวุโสเฮยสั่วได้ทันที” เจ้าเมืองลมดำถอนหายใจ  “สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องบังเอิญ เรากำลังฟุ้งซ่านเพราะการกระทำของกองทัพกบฏ คิดว่าบางเรื่องที่น่ากลัวจะเกิดขึ้นฝ่ายเรา”
 “อย่างนั้นเราจะส่งมอบนายกองทหารและรองประธานหอการค้าชิโดยังไง และเราจะเจรจาต่อรองยังไงอีก?”  ขุนพลจินฟงเกลียดนายกองทหารคนนี้และรองประธานหอการค้าเป็นส่วนตัวที่สร้างปัญหาให้กับเขา
 “ไม่ใช่ตอนนี้ นี่มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งโมโหมากขึ้น”  ปีศาจเฒ่าเว่ยห้ามพวกเขาทันที  “ไม่เพียงแต่เราไม่สามารถส่งมอบพวกเขาเท่านั้น  แต่เราต้องซ่อนพวกความลับพวกเขาไว้ก่อน”
 “การเดิมพันในเมืองลมดำไม่ใช่เรื่องดี  อย่างนั้นเราจะเก็บพวกเขาไว้ที่ไหน?”  ขุนพลจินฟงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
 “เอาไว้ในป้อมเสียงหวีด คุกที่นั่นลับที่สุดและปลอดภัยที่สุด...เดี๋ยวก่อน” ปีศาจเฒ่าเว่ยร้องเตือนทันที  “ลี่เยี่ยน!  ตอนนี้นางอยู่ในป้อมเสียงหวีด  ถ้ากองทัพปฏิวัติพบเข้า พวกเขาจะต้องแจ้งให้บุรุษหน้ากากที่อยู่นอกเมืองทราบ ถ้าบุรุษหน้ากากไปช่วยลี่เยี่ยน พวกเขาจะได้นักสู้ปราณฟ้าเพิ่มขึ้นอีกคน!”
เมื่อเขาพูดอย่างนี้พวกเขารู้สึกกลัวในใจ
ไม่ต้องลังเลอีกแล้ว
ฮ็อคและซาวี่นักรบปราณฟ้าทั้งสองคนวิ่งเข้าประตูเทเลพอร์ตในจวนเจ้าเมืองทันที
พวกเขาจำเป็นต้องไปถึงป้อมเสียงหวีดทันทีและย้ายผู้ต้องขัง  นางกำลังวางแผนใช้นางเพื่อดึงดูดกองทัพปฏิวัติ  แต่ตอนนี้สามารถใช้นางเพื่อประโยชน์ของพวกเขา  เมื่อบุรุษหน้ากากที่อยู่นอกเมืองพบและช่วยลี่เยี่ยนออกไป  เรื่องที่ตามมาจะน่ากลัวมาก
ต้องใช้ความพยายามมากกว่าจะจับลี่เยี่ยนได้
พลังของนางคือปราณฟ้าระดับห้า
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังทื่อๆ ของนางและขาดทักษะต่อสู้พิเศษและใช้การผสานงานของอสูรรบร่วมกับนาง  การจับนางจะต้องเป็นงานยากลำบาก
ถ้าหัวหน้าลี่เยี่ยนออกไปจากกับดักนี้ได้ ด้วยพลังที่น่ากลัวของนางและความเร็วและฝีมือของบุรุษหน้ากาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนแค่การบวกเลข ทั้งเมืองลมดำอาจจะถูกกวาดล้าง การฆ่าพญางูกลืนฟ้าของปีศาจเฒ่าเว่ยจะกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญเลย ถ้าบุรุษหน้ากากปล่อยลี่เยี่ยน...
ปีศาจเฒ่าเว่ยนำกลุ่มคุมกันกลับไปที่ป้อมรักษาการณ์ด้วยความเร็วสูง
ลี่เยี่ยนเป็นอาชญากรที่ร้ายแรง
หลงเสียงกลับตรงกันข้าม  เขาขมวดคิ้วคิดถึงบางอย่าง
เขารู้สึกว่าเขามีลางสังหรณ์บางอย่างที่มิอาจเข้าใจได้ จึงทำให้เขาคิดหนัก
เจ้าเมืองลมดำรีบกระตุ้นหลงเสียงให้ดื่ม และไม่ยอมให้เขาคิดมากเกินไปเกี่ยวกับผลสูญเสียในการรบ  ถ้าหลงเสียงบอกราชาใจสิงห์ให้สละเจ้าเมืองลมดำ นั่นจะน่ากลัวมาก  เจ้าเมืองลมดำและไป๋ซ่งหลอกว่าให้หลงเสียงไปคุยกลยุทธเพื่อทดสอบว่าราชาใจสิงห์จะเข้ามาแทรกแซงได้ไหม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ปีศาจเฒ่าเว่ยกลับมาพร้อมกับความพึงพอใจ ขณะที่ฮ็อคและซาวี่ก็มีใบหน้าที่ร่าเริง
 “เราไปถึงก่อนพวกทหารปฏิวัติจะแจ้งให้บุรุษหน้ากากทันเวลา  เราจะย้ายลี่เยี่ยยออกจากป้อมเสียงหวีดไปที่เมืองจันทราแล้ว ฮะฮะ โชคดีที่จินฟงพูดถึงเรื่องนี้  มิฉะนั้นหลายอย่างคงแย่จริงๆ”  สีหน้าของปีศาจเฒ่าเว่ยแค่แสดงออกว่าเขามีความสุขุมขึ้น
 “ใช่แล้ว ผู้เฒ่าเว่ย, ท่านฉลาดและรอบคอบจริงๆ  ทุกอย่างอยู่ในความเข้าใจของท่าน”  ขุนพลจินฟงยกยอเขา  ไม่มีอะไรที่เขาทำได้เกี่ยวกับปีศาจเฒ่าเว่ย  นี่คือสิ่งที่เขาชอบทำกับปีศาจเฒ่าเว่ย
 “โอว ไม่นะ!  หลงเสียงตะโกนและยืนขึ้น
ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่เขาคิดอย่างสับสนใจครั้งก่อน  เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายลี่เยี่ยน
หลงเสียงขว้างแก้วทิ้งพลางสบถกราดเกรี้ยว “บัดซบ, เราไม่ควรเคลื่อนไหว!”
ปีศาจเฒ่าเว่ยและคนอื่นตะลึงกันหมด
เจ้าเมืองลมดำผู้ฉลาดคนหนึ่งตั้งตัวได้ เขาตะโกนขึ้นทันที  “เร็วเข้า, ไปเมืองจันทรา เราต้องไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ เพราะกองทัพกบฏไม่มีข่าวลี่เยี่ยนมาก่อน การเปลี่ยนแปลงนี้เพียงพอทำให้กองทัพกบฏค้นพบได้แล้ว ไม่..เราต้องไปดูที่เมืองจันทรา!”
จากภายในประตูเทเลพอร์ต นักสู้ปราณฟ้าคนหนึ่งวิ่งออกมาด้วยร่างที่โชกเลือด
เป็นหัวหน้าหน่วยชื่อริวไคผู้รับหน้าที่เฝ้าดูลี่เยี่ยน เขาร้องอย่างทุกข์ระทม  “มีบุรุษหน้ากากนำกองทัพ เขาคือคนในกองทัพกบฏ”
 “อ๊า...!”
ริวไคร้องลั่นทำให้ทุกคนในที่นั้นตกใจกันหมด
ปีศาจเฒ่าเว่ยกระแทกนั่งกับพื้น  หลังจากผ่านไปนานเขายังไม่รู้จะทำอะไร

8 ความคิดเห็น:

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

gg กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

thay64 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

Nopat Tawan กล่าวว่า...

มันไปรวมตัวกับกองทัพกบฏตอนไหนหว่า

แสดงความคิดเห็น