วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 14 ภูเขาไฟ


เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ ตอนที่ 14 ภูเขาไฟ
กลุ่มของลินลี่ย์ยังคงอยู่นอกเมืองอิลลาน  ขณะที่ห่างจากเมืองอิลลานไปทางตะวันออกเกือบร้อยกิโลเมตร  มีกลุ่มภูเขาไฟขนาดมหึมา

กลุ่มภูเขาไฟขนาดมหึมากินพื้นที่หลายพันตารางกิโลเมตร  ภายในพื้นที่พันกิโลเมตรนี้เป็นพื้นที่ภูเขาไฟทั้งหมด  และทั่วทั้งพื้นที่เป็นสีแดงหม่น
 “แครก!  หมอกขาวพ่นออกมาจากใจกลางเทือกเขา  กลิ่นของกำมะถันหนาแน่นรู้สึกได้แต่ไกล และมีโครงกระดูกมนุษย์ มนุษย์อสูรและเผ่าพันธุ์อื่นมากมายกองเกลื่อนกล่นอยู่ทั่วภูเขา  ที่นี่ไม่มีชีวิต  ไม่มีต้นหญ้าแม้แต่ต้นเดียว  นี่คือดินแดนมรณะที่มีชื่อเสียงที่สุดในแดนนรก....
เทือกเขาไฟบิส!
ร่างมนุษย์หลายสิบคนกำลังบินอยู่เหนือแนวภูเขาไฟบิส  ดูจากลักษณะของพวกเขา ดูเหมือนพวกเขาเป็นคนค่อนข้างหยาบ
 “แดนนรกวุ่นวายยุ่งเหยิงจริงๆ  เป็นไปไม่ได้ที่จะหาสถานที่สงบใช้ชีวิตได้เลย”  ผู้นำสบถอย่างโกรธเกรี้ยว
 “พี่ใหญ่ รีบหาสถานที่ให้เราตั้งหลักกันก่อนเถอะ”  บุรุษร่างกำยำด้านหลังของเขาพูดเบาๆ  “ลองค้นหาสถานที่ซึ่งเราสร้างอำนาจได้และจากนั้นค่อยกังวลเรื่องอื่น  ในแดนนรกมีอันตรายมากเกินไป”
 “ใช่แล้ว”  ผู้นำพยักหน้า
แต่ขณะนั้นเอง....
 “บึ้ม!  “บึ้ม!  “บึ้ม! “บึ้ม!  “บึ้ม!
จากผิวของแนวภูเขาไฟบิส  หินนับพันแฝงไปด้วยเปลวเพลิงเริ่มพุ่งสู่อากาศด้วยความเร็วที่น่ากลัว ทันใดนั้นร่างทั้งสิบสองนั้นเริ่มหนีอย่างหวาดผวา  แต่ศิลานับพันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีของพวกมันได้
 “โครม!  “โครม!
ในพริบตาเดียว พวกเทพนับสิบนี้ศีรษะถูกกระแทกแหลก ประกายเทพของพวกเขาปลิวกระเด็น วิญญาณของพวกเขาสูญสลาย  ร่างทุกคนร่วงจากกลางอากาศ
ศพของพวกเขากระทบพื้นระดับของภูเขา
 “แครก...”  แนวภูเขาไฟเหมือนกับสิ่งมีชีวิต มันกลืนศพทั้งหมด แหวนมิติเก็บของ ประกายเทพ และสมบัติเทพ
แนวภูเขาไฟบิสกลายเป็นสถานที่สงบเหมือนเมื่อก่อน  นอกจากความจริงที่ว่าบนผิวภูเขาไฟตอนนี้มีศพเพิ่มอีกสองสามศพแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
แนวภูเขาไฟบิสเป็นพื้นที่อันตราย  แต่สำหรับหลายคนผู้ไม่เคยอ่านหนังสือหรือผู้ไม่มีประสบการณ์  พวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่าที่นี่เป็นเขตพื้นที่อันตราย?  ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มของลินลี่ย์รู้จักพื้นที่อันตรายบางที่เพราะพวกเขาได้ซื้อหนังสืออ่านบางส่วน
และนอกจากนี้...
พื้นที่อันตรายหลายแห่งในแดนนรกเพิ่งก่อตัวขึ้นใหม่ไม่มีการบันทึกไว้ในหนังสือ
พื้นที่อันตรายมีคลาคล่ำอยู่ไปทั่วทุกที่  เพราะว่านี่คือแดนนรก!
อสูรโลหะกำลังบินตรงสู่แนวภูเขาไฟบิสด้วยความเร็วสูง  ห่างจากแนวภูเขาไฟบิสไม่กี่สิบกิโลเมตร อสูรโลหะลงจอดบนภาคพื้น  จากภายในนั้นมีร่างคนสามคนออกมาจากพาหนะ  เป็นอินนิโกและบริวารทั้งสองคน
 “คุณชาย, เราจะหยุดตรงนี้หรือ?  ทำไมเราไม่บินเข้าไปในแนวภูเขาไฟเล่า?”  หนึ่งในบริวารของเขา ที่เป็นเทพชั้นสูงถามด้วยความสงสัย
อินนิโกชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา  “ฮึ่ม... ในแนวภูเขาไฟนี่น่ะหรือ?  เจ้ากำลังวอนหาเรื่องตาย  แนวภูเขาไฟบิสเป็นหนึ่งในแดนมรณะของแดนนรก ไม่ง่ายที่เจ้าจะจินตนาการออกนักหรอก!  ตามข้ามา”  ขณะที่เขาพูด อินนิโกก้าวเท้าด้วยความเร็วสูงเข้าสู่แนวภูเขาไฟ
 “แนวภูเขาไฟบิสอันตรายขนาดไหนกันแน่?”  เทพชั้นสูงสองคนที่อยู่ด้านหลังของเขาสงสัย
พวกเขาเป็นเทพชั้นสูง  มีพื้นที่มากมายซึ่งสามารถคุกคามพวกเขาได้
 “ถ้าเจ้าไม่อยากตาย งั้นอย่าวิ่งสุ่มสี่สุ่มห้า”  อินนิโกแค่นเสียง  “ในที่แห่งนี้ ข้าไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้”
แม้ว่าอินนิโกกำลังเดินอยู่บนพื้น  เขาสามารถไปได้หลายสิบกิโลเมตรในช่วงเวลาสั้นๆ อินนิโกพาบริวารทั้งสองมาถึงด้านนอกแนวภูเขาไฟบิส  เมื่อเห็นไอน้ำสีขาวและพื้นที่แห้งแล้งไร้ชีวิต  แนวภูเขาไฟเต็มไปด้วยกลิ่นกำมะถัน  อินนิโกอดกระแอมในลำคอมิได้
 “ท่านเอลควิน  ข้าคุณชายรองอินนิโกแห่งตระกูลเบย์ฟิลด์แห่งแคว้นโคล์ดคาล์ม  ข้าอยากจะขอความกรุณาท่านเอลควิน ช่วยออกมาพบข้าด้วยเถิด!  อินนิโกคำนับขณะพูดด้วยความเคารพ
หลังจากพูดจบอินนิโกยังคงอยู่ในท่าโค้งคำนับ รอคอยคำตอบรับเงียบๆ
 “มีคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในแนวภูเขาไฟนี่ด้วยหรือ?”  เทพชั้นสูงทั้งสองคนด้านหลังอินนิโกประหลาดใจทั้งคู่
พวกเขาได้ยินมาเช่นกันว่าแนวภูเขาไฟบิสเป็นพื้นที่อันตราย  แต่พวกเขาไม่เคยได้ยินว่าแนวภูเขาไฟบิสจะมีผู้คนอยู่ในนั้น
 “ตระกูลเบย์ฟิลด์?”  เสียงทุ้มดังออกมาจากภายในแนวภูเขาไฟทำให้แนวภูเขาไฟทั้งหมดสั่นสะเทือนเล็กน้อย  “งั้นก็เข้ามา”
และจากนั้นผิวภูเขาไฟแยกออกปรากฏอุโมงค์สายหนึ่งข้างหน้า
อินนิโกสูดหายใจลึก จากนั้นเดินไปตามทาง  เทพชั้นสูงทั้งสองที่อยู่ด้านหลังประหลาดใจ
 “รีบๆ ตามเข้ามา” อินนิโกตะคอก
 “ขอรับ, คุณชาย”  ทั้งสองคนเดินตามอินนิโกเข้าไปในทางเดินทันที
ตามกฎของแดนนรก เมื่อนักสู้กลายเป็นอสูรเจ็ดดาว เขามีสิทธิ์จะท้าเทพอสูรสู้  เพียงแต่เอาชนะเทพอสูรได้ก็จะได้รับตำแหน่ง  เทพอสูรคนเก่าจะตายในการสู้รบหรือไม่ก็รอดตายและสูญเสียตำแหน่งไป  หลังจากท้าทายต่อสู้มามากมายนับไม่ถ้วน  แดนนรกในตอนนี้มียอดฝีมือถือสันโดษอยู่มากมายเป็นธรรมดา
ยอดฝีมือถือสันโดษนี้อาจเป็นอดีตเทพอสูรก็ได้ หรือพวกเขาอาจเป็นอสูรเจ็ดดาว หรือบางทีเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังมากซึ่งไม่สนใจการต่อสู้เพื่อตำแหน่งเทพอสูร
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะมีพลังน่ากลัวกันทุกคน
คนทั่วไปของแดนนรกไม่รู้ว่ามีพวกเขาคงอยู่  แต่พวกตระกูลเก่าแก่บางตระกูลรู้เรื่องยอดฝีมือถือสันโดษเหล่านี้ ไม่อาจล่วงเกินได้
บริวารทั้งสองของอินนิโกเข้าใจทันที  “เป็นไปได้ว่าแนวภูเขาไฟบิสนี้จะมีสุดยอดฝีมืออาศัยอยู่ข้างใน”
ในเส้นทางเดินมืดมิด ร่างทั้งสามเดินลึกเข้าไปในพื้น
ทันใดนั้น...
 “แครก...” ผนังหินด้านข้างทางเดินแตกออกเป็นก้อนกรวดนับไม่ถ้วนเคลื่อนไปข้างหน้าทันที
 “อ๊า!  “อ๊า!
เทพชั้นสูงสองคนถูกก้อนกรวดนับไม่ถ้วนนั้นยิงทะลุและแม้แต่ประกายเทพก็ถูกยิงใส่หลายครั้งครา  วิญญาณของพวกเขาแตกสลายไปทันที!
แต่หน้าของอินนิโกไม่เปลี่ยน  เขาคิดด้วยตัวเองว่า “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากผ่านมาหลายปี สัตว์เลี้ยงของท่านเอลควินก็ยังทำตัวเหมือนอย่างที่บิดาเขาพูด ฮึ่ม... เจ้าสองคนนี้กลายเป็นอาหารของสัตว์เลี้ยงของเอลควิน!
ครู่ต่อมา...
อินนิโกเดินเข้าไปจนสุดทางเดิน ที่ซึ่งมีแม่น้ำลาวาไหลผ่าน  อินนิโกมาถึงที่ใจกลางแนวภูเขาไฟแล้ว  ใจกลางพื้นที่นี้เป็นถ้ำกว้างขวางว่างเปล่า  ในใจกลางถ้ำมีบ่อแม็กม่าสีทองร้อนแรง
 “ไม่นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีสิ่งแปลกประหลาดแบบนี้ในถ้ำด้วย”  หน้าของอินนิโกเปลี่ยน
 “ปุด..ปุด...”  แม็กมาสีทองยังคงเดือด
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของของอินนิโกกระตุกแล้วจากนั้นเขาเดินตรงไปที่ทางเดินอีกทาง เข้ามาถึงตำหนักใต้ดิน ร่างหนึ่งในชุดดำนั่งอยู่กับที่ขณะที่ในอ้อมแขนมีลูกแมวทองตัวหนึ่ง
อินนิโกคำนับและกล่าวทันที  “อินนิโก เบย์ฟิลด์ขอคารวะท่านเอลควิน และขอส่งความปรารถนาดีแทนบิดาของข้าด้วย”
 “อืม”  ร่างในชุดดำตอบเขาอย่างใจเย็น  “อินนิโก, ข้าเคยได้ยินพ่อเจ้าพูดถึงเจ้ามาก่อน  ทำไมเจ้าถึงมาหาข้า?”
รอยยิ้มปรากฏอยู่ในใบหน้าของอินนิโก  “ท่านเอลควิน ความจริง, ความจริงข้าใช้เวลายาวนานมากและพาเทพชั้นสูงมาเป็นร้อยเพื่อเตรียมทำงานใหญ่  แต่ในที่สุดแม้จะใช้เงินไปมากมาย  บริวารของข้าตายจนหมด เราก็ยังล้มเหลว”
 “เจ้าต้องการอะไรกันแน่ พูดออกมาให้ชัด!  ร่างชุดดำแค่นเสียงเย็นชาอย่างไม่พอใจ
อินนิโกรีบกล่าว “ขอรับ, ข้าจะพูดให้ชัด   เมื่อไม่นานมานี้ ตระกูลบอยด์ได้ถูกทำลายลง แต่บ่าวสองคนของตระกูลได้เอามรดกสมบัติที่ตระกูลบอยด์สั่งสมมานานนับปีไม่ถ้วนหนีไป  ข้าได้ตามค้นหาพวกเขามาตลอดเวลา และไล่ตามพวกวเขามาจนถึงที่นี่ตั้งแต่ทวีปเจดโฟลท  ในที่สุดข้าก็พบพวกเขา!
 “ตระกูลบอยด์?”
บุรุษชุดดำตกใจในที่สุด  “เจ้าหมายถึงตระกูลบอยด์ที่มีชื่อเสียงพอๆ กับตระกูลเบย์ฟิลด์ของเจ้าน่ะหรือ?”
 “ขอรับ”  อินนิโกกล่าว
บุรุษชุดดำหัวเราะเบาๆ สองสามครา “หึหึ  อินนิโก สมบัติของตระกูลบอยด์มีจำนวนมากมายน่าประหลาดใจ  เจ้ามาแจ้งให้ข้าทราบแค่เพียงเหตุการณ์เกี่ยวมรดกสมบัตินั้นเท่านั้นเองหรือ?  ทำไมเจ้าไม่หาสมาชิกจากตระกูลเบย์ฟิลด์ของเจ้า?  ข้าชักสงสัยว่าเจ้ามีความต้องการอะไรกันแน่”
อินนิโกรีบกล่าว  “ท่านเอลควิน  มีสองเหตุผลหลังที่ข้าไม่สามารถไปที่ตระกูลของข้าได้”
 “ประการแรก  ถ้าข้ามองหายอดฝีมือภายในตระกูล อย่างน้อยข้าจะต้องกลับไปที่แคว้นโคล์ดคาล์มในทวีปเจดโฟลท  ระยะทางห่างไกลไพศาลมาก  และก็ยากจะพูดได้ว่าอาจมีเหตุแปรเปลี่ยนเกิดขึ้นได้หรือไม่ซึ่งจะเป็นเหตุให้ข้าสูญเสียร่องรอยของพวกเขา”  อินนิโกรีบกล่าว  “สำหรับเหตุผลที่สอง ข้าเกรงว่าท่านเอลควินจะหัวเราะเยาะข้า”
อินนิโกหัวเราะเยาะเย้ยตนเอง  “ท่านเอลควิน!  ท่านควรจะรู้ว่าพี่ใหญ่ของข้าคือบุตรคนโตของประมุขตระกูล  ในอนาคต เขาจะต้องเป็นผู้รับสืบทอดตำแหน่งประมุขตระกูล  สำหรับข้าในอนาคต เป็นไปได้ว่าจะถูกส่งไปในพื้นที่ห่างไกล  อำนาจของข้าบางทีอาจด้อยกว่าในระดับปัจจุบันด้วยซ้ำ”
บุรุษชุดดำหัวเราะอยู่สองครา  “เจ้าเป็นเด็กฉลาด ก็ได้,  ลองพูดขยายความสมบัติตระกูลบอยด์หน่อยซิ ถ้าข้าได้รับสมบัตินี้ได้ ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า”
แม้ว่าเขาจะทรงพลังอำนาจมาก  แต่สมบัติของตระกูลใหญ่เหล่านี้ก็เพียงพอทำให้เขาเกิดความโลภได้
 “เอ่อ.. นี่...”  อินนิโกพึมพำ
บุรุษชุดดำหัวเราะ  “เด็กน้อย, เจ้านึกหรือว่าข้าไม่สามารถบอกได้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไร?  ก็ได้ งั้นเจ้ากับข้ามาทำสัญญาจอมเทพ  ถ้าข้าได้สมบัติตระกูลบอยด์ ข้าจะแบ่งให้เจ้าหนึ่งในสิบ  เจ้าจะว่ายังไง?”
พลังของสัญญานั้นยิ่งใหญ่มาก
เหมือนกับสัญญาเสมอภาค หรือสัญญานายบ่าวระหว่างมนุษย์กับอสูร  เมื่อสิ่งมีชีวิตโลหะอยู่ภายใต้สัญญากับอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ด้วยสัญญาประเภทนี้
สำหรับสัญญาจอมเทพ เป็นสัญญารุนแรงเด็ดขาดรูปแบบหนึ่ง
 “ก็ได้”  อินนิโกดีใจทันที  หนึ่งในสิบของสมบัติทั้งหมด
ถ้าเขาให้ข้อมูลนี้กับตระกูลเขา  ตระกูลจะให้รางวัลเขาอย่างหนัก แต่ว่าจะมากสักเพียงไหน?  นี่เป็นสมบัติทั้งหมดของตระกูลบอยด์  ถ้าตระกูลของเขาเองให้เขาหนึ่งในร้อย  นั่นก็นับว่าดีแล้ว  พวกเขาจะให้เขาหนึ่งในสิบได้ยังไง?
อินนิโกและคนชุดดำร่างสัญญาจอมเทพ
 “แครก...”
รังสีแสงสีดำลอยออกมาจากหน้าผากของอินนิโกและบุรุษชุดดำซึมเข้าไปในประกายเทพของพวกเขา
อินนิโกตอนนี้มีความดีใจ  เขาหัวเราะทันที  “ท่านเอลควิน การเดินทางครั้งนี้มองโดยผิวเผิน จะเห็นว่าบ่าวชราสองคนเป็นผู้ว่าจ้างอสูร และบ่าวชราคนหนึ่งตายไปแล้ว เหลืออยู่เพียงคนเดียว”
 “ดังนั้นสมบัติจะอยู่กับสองบ่าวชรานี่หรือเปล่า?”  บุรุษชุดดำกล่าว
อินนิโกกลับพูด  “ไม่..แน่นอน  ท่านเอลควิน  ข้าเห็นคนผู้หนึ่งอยู่ในกลุ่มของอสูรมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลบอยด์  ข้าสังสัยว่า... สมบัติมรดกตอนนี้คงจะอยู่กับเขา
 “เขาเข้าร่วมกับอสูรใช่ไหม?”  บุรุษชุดดำพยักหน้าเล็กน้อย
 “ท่านเอลควินไม่ต้องห่วง  เมื่อถึงเวลา ข้าจะตามท่านไปและชี้ให้ท่านดูทันที”
บุรุษชุดดำพูดอย่างใจเย็น  “เอาอย่างนี้เป็นไง อินนิโก เจ้าจัดการทุกอย่าง ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือแจ้งข้า”  อินนิโกคำนับด้วยความเคารพ จากนั้นล่าถอยไป
หลังจากอินนิโกออกมาแล้ว บุรุษชุดดำลุกขึ้นยืนทันที    ตอนนี้เขาเผยให้เห็นสีหน้าสีเทาซีด  รอยยิ้มปรากฏที่มุมปกของเอลควิน  เจ้าเด็กนี่ไม่กล้าโกหกข้า  อย่างนั้นการเดินทางครั้งนี้ก็นับว่าคุ้มแล้ว”
เอลควินกังวลว่าอินนิโกจะเล่นไม่ซื่อ แต่ตอนนี้ ไม่มีความจำเป็นแล้ว
 “ฟูโซ่ ไปเตรียมตัวกันเถอะ”  เอลควินลูบขนลูกแมวน้อยในมือของเขา
 “เมี้ยว”  ลูกแมวน้อยสีทองร้องขึ้น
ภายนอกเมืองอิลลาน อสูรโลหะยังคงจอดนิ่งอยู่กับที่ในนอกเมือง  สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดและอสูรคนอื่นๆ รอคอยอยู่นอกเมืองเงียบๆ
 “เจ้าเด็กนั่นฝึกหนักจริงๆ  เขายังคงฝึกอยู่เรื่อย”
 “เป็นไปได้ว่าเพราะเขาเผชิญอันตรายมามากมาย  เขาก็เลยกลัวตาย”
สามพี่น้องเอ็ดเวิร์ดพูดคุยหัวเราะกันเองเงียบๆ  ขณะเดียวกันมองดูลินลี่ย์ที่อยู่ข้างทางออกไปห่างๆ ลินลี่ย์กำลังฝึกวิชากระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่า  เขาฝึกฝนไม่หยุดหย่อนมาเป็นเวลาสิบแปดวันเต็ม  ช่วงเวลาสิบแปดกว่าวันนี้ลินลี่ย์ยังคงฝึกขณะที่มีการแก้ไขและปรับปรุงวิชาที่ฝึก
ตามทฤษฎีและการฝึกฝนไม่เหมือนกัน  มักจะมีข้อแตกต่างกันอยู่บางข้อ
ลินลี่ย์สะบัดกระบี่เลือดม่วงครั้งแล้วครั้งเล่า  ขณะที่ฟันดาบออกไปทันที เงากระบี่จะเลือนรางเหมือนกับว่าถึงขีดจำกัดความเร็ว ราวกับความเร็วของตัวสล็อธ  ความรู้สึกแบบนี้สับสน ขณะที่ประกายกระบี่ผ่านไประลอกคมกระบี่จะปรากฎขึ้น
 “แครก..”  โลกถูกผ่าแบ่ง
นี่เป็นเหตุให้เกิดระลอกมิติเท่านั้น
 “มาลองกันอีก”  ตายของลินลี่ย์เป็นประกาย  เพื่อการทดสอบลินลี่ย์เพียงแต่ใช้พลังหนึ่งในสิบแต่พลังโจมตีก็ทรงพลังน่าทึ่ง
รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าลินลี่ย์  “เป็นอย่างนี้นี่เอง พลังโจมตีเงาพิศวง ในที่สุดก็ฝึกได้สำเร็จ!  ถ้าข้าโจมตีเต็มกำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้คู่กับพลังและความเร็วที่แข็งแกร่งของร่างแปลงมังกร พลังโจมตีนี้จะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ถึงหลายสิบเท่า!

7 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ ฟาร์มพลังไปเรื่อยๆๆก่อน

Toffee กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น