วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 692 ศัตรู? ก็แค่หินลับมีด!


ตอนที่  692  ศัตรู? ก็แค่หินลับมีด!
เมื่อเปากู่ตื่นขึ้น เขาพบว่าเขาไม่ได้ถูกหินทับกระแทกจนตาย  แต่อยู่ในสถานที่ก่อสร้างพิเศษแห่งหนึ่ง
แม้แต่ในแดนสวรรค์ ก็ยากจะพบเจอโครงการก่อสร้างใหญ่โตขนาดนี้
 
เขาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้กำลังทำอะไร  แต่เขาแน่ใจว่าคนเกือบล้านคนเหล่านี้กำลังทำบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  เขาเป็นคนที่สังเกตสีหน้าคนได้เป็นอย่างอย่างดี  แค่เพียงชำเลืองมองกรรมกรรอบตัวเขา  เขาสามารถบอกได้ว่าโครงงานขนาดยักษ์นี้สำคัญมากขนาดไหน เพราะพวกเขามีความภูมิใจปรากฏอยู่บนใบหน้า  แม้ว่าจะกลายเป็นหนึ่งในล้านที่มีส่วนร่วมด้วยกับความรุ่งเรืองนี้
มีเผ่าพันธุ์ต่างๆ อยู่ที่นี่
แต่แทบทุกคนกระทำงานเหมือนกัน
นักรบมีพลังต่างระดับไม่แบ่งแยกชั้นกัน  หัวกลมเปากู่สามารถเห็นสตรีมังกรปราณดินระดับหกแบกก้อนหินขนาดมหึมา
ว่ากันในแง่พลัง นางควรจะยืนอยู่ชั้นบนและคอยควบคุมคนอ่อนแอให้ทำงาน  เพราะเทียบกับนางแล้ว คนงานหลายคนอ่อนแอเหมือนมด
เป็นสิ่งหนึ่งสำหรับสตรีมังกร  ในแดนสวรรค์ สถานะของพวกนางจะไม่สูงนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าบุรุษ  พวกนางเป็นเหมือนทาส
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นพะยูนนรกปราณฟ้าระดับสอง สองตัวและมนุษย์ปลากลายพันธุ์ขุดบ่อน้ำ  ปากของเขาอ้าค้างจนแทบจะยัดกบเข้าไปได้ทั้งตัว  นี่มันตลกอะไรกัน พะยูนนรกอสูรปราณฟ้าก็เป็นกรรมกรกับเขาด้วยหรือ? ใครที่มีอำนาจสั่งการพวกเขา?
 “เจ้ายังไม่ตายอีกหรือ?  เมื่อข้าเห็นเจ้าตอนแรก ลักษณะของเจ้าแทบจะคล้ายปลาเค็มตากแห้ง  นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกลับมามีชีวิตได้!  หัวกลมเปากู่พบว่ามีมนุษย์กลายพันธุ์คนหนึ่งใกล้ๆ เขาซึ่งมีลักษณะแปลกประหลาดมาก  แน่นอนว่าถ้ามองในด้านสุนทรียศาสตร์ตามมุมมองของหัวกลมเปากู่ในเมืองลมดำ มนุษย์กลายพันธุ์ประหลาดนี้ก็ยังถือว่ามีลักษณะเฉพาะตัว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าปากของเขาไม่พูดแต่เรื่องไร้สาระ   ก็เหมือนกับมนุษย์ปลาดาบอีกคนซึ่งสีหน้าของเขาจริงจัง เหมือนกับจะคิดว่าคงจะได้คะแนนพิเศษมากมาย
 “ขอถาม..ท่านเป็นใคร?”  เขาพบว่ามนุษย์ปลากลายพันธุ์ไม่ใช่อ่อนแอเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ปลาดาบผู้เยือกเย็นเป็นนักสู้ปราณดินระดับแปด
 “จี๋ฟง!” มนุษย์ปลาดาบผู้เยือกเย็นเพียงแต่มองเปากู่ก่อนหันหน้าและเดินออกมา
มนุษย์ปลากลายพันธุ์ช่างพูดอีกคนหนึ่งแนะนำตัวเองไม่หยุด  “ข้าคือมนุษย์ปลาชื่อว่าสุ่ยจุ้ย  ข้าจะอธิบายทุกอย่างให้เจ้าฟัง ถ้ามีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจ เจ้าถามข้าได้ ถ้าไม่มีอะไรที่เจ้าไม่รู้  เจ้าถามข้าได้ ข้ารู้ทุกอย่าง อา.. ความสามารถแกล้งตายของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ  ข้ายังไม่อยากจะเชื่อเลยเมื่อพวกเขาพูด ดังนั้นข้าลองใช้หินยักษ์ที่กดทับเจ้าสามวัน  ลำไส้ของเจ้าแทบทะลักออกมา  ข้าไม่คาดเลยว่าเมื่อเจ้าเลื่อนหินยักษ์ออกไป  เจ้าจะฟื้นเต็มที่ได้ภายในวันเดียว.... เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์ไหน? ปิงทะเล หรือพวกไฮดรา? หรือว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ฮืม... ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน, ถ้าเป็นพอสซัม ข้าเคยได้ยินมาบ้าง!  แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แดนสวรรค์ใต้  เจ้ารู้สึกได้ว่าสภาพแวดล้อมและแรงโน้มถ่วงต่างออกไปไม่ใช่หรือ?  นี่คือพื้นที่ระดับต่ำที่สุดของหอทงเทียน ทวีปมังกรทะยาน  ปราสาทที่เห็นไกลๆ นั่นคือปราสาทตระกูลเย่ว์...  ถ้าเจ้าไม่เข้าใจก็ลืมไปซะ  เรื่องนี้ซับซ้อนมาก ข้าจะค่อยๆ อธิบายให้เจ้าฟังในอนาคต!
หัวกลมเปากู่สับสนจริงๆ เมื่อเขาได้ยินคำอธิบายจากคนที่เรียกตัวเองว่าสุ่ยจุ้ย ทันทีนั้นเขาเห็นว่าเขาควรหนีออกมา
เขาวิ่งออกไปและแสดงความเคารพสตรีชาวมังกรระดับปราณฟ้าอีกคนหนึ่ง
นางราชินีซิก
ขณะที่สตรีอีกนางหนึ่งซึ่งอยู่ในเครื่องแบบเป็นสหายที่ราชินีซิกให้ความเคารพโดยเรียกนางว่า ฝ่าบาทเซี่ยอี
ฝ่าบาท?
เมื่อได้ยินคำนำหน้าเช่นนี้ หัวกลมเปากู่ถึงกับตกใจ
เมื่อราชินีซิกดำเนินมาพร้อมกับฝ่าบาทเซี่ยอี  เขาคำนับทักทายนางด้วยความเคารพ  ในแดนสวรรค์ ถ้าระดับต่ำกว่าเมื่อเห็นผู้มีระดับสูงกว่าพวกเขาจะแสดงความเคารพ  ถ้าไม่อย่างนั้นก็เท่ากับดูหมิ่นผู้มีอำนาจระดับสูง
 “เขาบอกว่าเจ้าเป็นคนที่ดีมากและเก่งในด้านรวบรวมข่าวกรอง ดังนั้นข้าจะให้เจ้าทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลของแดนสวรรค์ในอนาคต  แน่นอนว่าตั้งแต่สงครามยังดำเนินต่อไป  สถานการณ์ทั้งหมดไม่แน่นอน เจ้าควรจะอยู่ที่นี่ไปสักระยะหนึ่งก่อน!  คำพูดของฝ่าบาทเซี่ยอีทำให้เปากู่สับสน  เขาไม่รู้จักใครที่นี่ หรือว่าคนเหล่านี้เข้าใจผิด?
 “อ่า, จวินอู๋เย่ สหายของข้าอยู่ที่ไหน?”  เขาต้องการพบเขา ถ้าพวกเขาสองคนได้รับการช่วยเหลือ บางทีมีเพียงเขาที่มีพลังทักษะแกล้งตาย
 “เขาไม่เป็นไร เพียงแต่เขากำลังยุ่งมาก  เขาจะมาที่นี่เมื่อมีเวลาว่าง” ฝ่าบาทเซี่ยอีไม่พูดอะไรต่อไป  นางออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาไม่กล้ามองหน้านาง  ไม่อย่างนั้นเขาคงเห็นนางพยายามกลั้นหัวเราะ
เมื่อเซี่ยอีและคนอื่นเดินห่างออกไปแล้ว สุ่ยจุ้ยตบไหล่เปากู่  “ที่นี่เป็นสถานที่ดีมาก เดิมทีข้าอยู่ที่ชั้นหก แต่ข้าพบว่าไม่มีที่ไหนดีกว่านี้อีกแล้ว  ดังนั้นข้าเลยตัดสินใจย้ายมาที่นี่”
คำพูดของเขาทำให้เปากู่เหงื่อตก
เจ้าอยากอยู่ที่ไหน ก็ไม่เกี่ยวกับข้า!
อย่างไรก็ตามเขาไม่พูดคำเหล่านี้ออกมาดังๆ นอกจากนี้ เนื่องจากจวินอู๋เย่ไม่ตายเขาก็เบาใจในที่สุด  จวินอู๋เย่ยังมีชีวิตและทำงานอยู่ที่นี่  ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาว่าง  ไม่มีผลรับอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว แม้ว่าเขาจะหาเหตุไม่เจอว่าทั้งที่ก้อนหินใหญ่กดทับลงมา เขาอยู่รอดปลอดภัยมาได้ยังไง เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้เขามีทักษะหลอกแกล้งตาย เขาก็ยังไม่สามารถหลบพ้นจากหินมหึมาขนาดนั้น... แต่ว่ากลับอยู่รอดปลอดภัยทั้งสองคน  ช่างโชคดีจริงๆ!
 “เจ้าต้องทำงานด้วยหรือ?”  หัวกลมเปากู่รู้สึกว่าเขาถูกนำมาที่นี่ เขาจะไถ่ตัวเองได้ก็โดยใช้แรงงานแลก
 “แน่นอน มันคงน่าเบื่อถ้าเจ้าไม่ทำงานอะไร  ข้าเองยังเบื่อจะนั่งเฉยๆ ที่นี่และดูพวกเขาทำงานกัน  แต่หลายวันมานี้มันช่างเหลือทน  นอกจากนี้เจ้าอาจจะพบว่า เจ้ายิ่งใหญ่แค่ไหนเมื่อเจ้ายกก้อนหินใหญ่ต่อหน้าพลเมืองผู้ให้กำลังใจเจ้าและมองดูเจ้าด้วยสายตาเทิดทูนบูชา  อา..ท่านรองประธานอยู่ที่นี่แล้ว ข้าต้องคุยกับเขาหน่อย!”  พอเสียงดังขวับดังขึ้นซุ่ยจุ่ยก็บินออกไปอีกครั้งและทำความเคารพชายชราคนหนึ่ง จากนั้นก็คุยกับเขาอย่างมีความสุข ไม่ต้องพูดถึงซุ่ยจุ่ยผู้นี้  แม้แต่พะยูนนรกทั้งสองเมื่อเห็นชายชราผู้ผู้นี้ซึ่งเป็นระดับนักสู้ปราณดินเท่านั้นก็ยังเคารพ ทำให้หัวกลมเปากู่เหม่อมอง ไม่รู้จะทำยังไง
 “...อา ที่นี่มันยังไงกันแน่?”  หัวกลมเปากู่ตอนนี้สับสนมาก
สวนน้อยปราสาทสายรุ้ง
เป็นเวลาสองวันที่เย่ว์หยางพยายามควบพลังสร้างกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน
กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนต่างจากกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัว ทรงพลังมากกว่าและมีพลังหยางรุนแรง  ขนาดบัวเพลิงสวรรค์และเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ของเย่ว์หยางในปัจจุบันนี้ยังไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อย หากเทียบกับบัวเพลิงสวรรค์เป็นเหมือนคบเพลิง อย่างนั้นกระบี่ชี่เสี่ยวเหลียนก็เป็นเหมือนภูเขาไฟ
แน่นอนว่านี้ยังเป็นพลังที่เย่ว์หยางควบคุมได้
ถ้าเทพธิดากระบี่ฟ้าใช้พลังนี้เอง อย่างนั้นพลังกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนก็เป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์
กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนไม่มีเปลว  เป็นพลังงานแบบใหม่ในตนเองที่รวบรวมขึ้นจากสุดยอดพลังหยาง  ต่างจากกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัว  แต่ในตอนนี้ แม้ว่าเย่ว์หยางจะใช้พลังทั้งหมดของเขา  เขาควบพลังกระบี่ชี่เสี่ยวเหลียนออกมาได้แค่เพียงเท่าไม้ตะเกียบ
 “โอว โอ้ว..”  เมื่อพลังปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางเกือบหมดในที่สุดเขาต้องหยุดควบแน่นพลังกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน  ร่างของเขาโชคไปด้วยเหงื่ออาบชุดจนชุ่มไปหมด
 “พักสักหน่อยเถอะ!”  เย่ว์หวี่เรียกบอลพลังน้ำบำบัดเพื่อช่วยให้เย่ว์หยางฟื้นฟูจากความอ่อนล้า  จากนั้นนางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขา ความเคลื่อนไหวของนางนุ่มนวลเหมือนสายลม
 “นี่มันวิทยายุทธแบบไหนกัน?  ดูแปลกจริงๆ...”   “แปลกมาก...”  ลี่เยี่ยนโยนชิ้นแอปเปิลเข้าปากนางเองและเคี้ยวกินแอปเปิลอย่างที่สตรีปกติไม่ทำกัน  ข้างๆ นางเป็นสาวขี้เมาที่ยังตกตะลึงอยู่ และหนูแพนด้าหนิวหนิวที่กำลังใช้มีดปอกแอปเปิลให้มารดาของเธอ ขณะกระพริบตากลมโตสงสัยประมาณว่า “กินด้วยท่าทางแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?”
 “รบกวนขอให้เปลี่ยนจากคำว่าแปลก ไปเป็นน่าทึ่งดีกว่าไหม?”  เย่ว์หยางยื่นมือมาทางหนิวหนิว  หนูน้อยแพนด้ามองมารดานางและเห็นว่ามารดาไม่คัดค้านอะไร  เธอจึงยื่นแอปเปิลที่ปอกแล้วให้เขา จากนั้นหยิบลูกใหม่มาปอกเปลือกให้มารดา
 “เจ้าอายุกี่ขวบแล้ว? ยังจะแย่งอาหารจากเด็ก”  สาวขี้เมาอดหาเรื่องทะเลาะกับเย่ว์หยางไม่ได้
 “หนิวหนิว ไปล้างจานองุ่นให้เราอีกจานหนึ่งนะ  โอวจริงสิ เราต้องให้องุ่นเย็นก่อนแล้วค่อยกิน!”  เย่ว์หยางชอบใช้หนิวหนิวให้ทำงานบ่อย แต่หนูน้อยแพนด้ามีความสุขมาก
 “ฮะฮะ” เย่ว์หวี่เห็นภาพน่าขันแล้วนางรู้สึกอบอุ่นใจ
ช่วงระหว่างที่พักนี้เองจักรพรรดินีราตรีมาถึงที่นี่
นางพรางตัวล่องหนมาตามปกติ แต่เนื่องจากเย่ว์หยางยกระดับพลังขึ้นมากจึงรู้สึกถึงนางได้ตั้งแต่ไกล
เมื่อจักรพรรดินีราตรีเห็นเย่ว์หยางลุกขึ้นยืนและรอนาง  นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย  “งั้นเจ้าก็ยกระดับพลังแล้วใช่ไหม?  ข้ากำลังจะมารับเจ้าไปดูอยู่แล้ว  ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าปล่อยให้เจ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ตามลำพังดีกว่า!”
เย่ว์หยางประหลาดใจ  เกิดอะไรขึ้น?
เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดินีราตรี แม้แต่เย่ว์หวี่และสาวขี้เมาก็กระวนกระวาย
เสียงของจักรพรรดินีราตรีไพเราะและเยือกเย็นขณะที่นางอธิบายให้เย่ว์หยาง  “กลุ่มทหารรับจ้างที่จ้าวปีศาจโบราณพามาจากแดนสวรรค์ พวกเขาอาจจะมาถึงหอทงเทียนก่อนแล้ว  พวกเขายังได้รับข่าวกรองดูเหมือนว่าจะมีการลอบเข้าไปที่รอบนอกแดนล่มสลายแห่งทวยเทพโดยจ้าวปีศาจโบราณไม่รู้  พวกนี้คิดไม่ซื่อหลังจากผ่านไปสองสามวัน  พวกเขาไปวนสำรวจรอบแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ  แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อะไร  แต่พฤติกรรมยโสเกินไปนี้น่าหงุดหงิด  ดังนั้นข้าตัดสินใจสั่งสอนพวกเขา”
 “อะไรนะ?”  เย่ว์หยางก็โกรธเช่นกัน  สำหรับเขาแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเป็นเหมือนสมบัติตระกูลของเขา คนพวกนี้บังอาจคิดเลาะเล็มแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ?
 “สองวันที่แล้วจื้อจุนและข้าขังตัวเองฝึกฝน  ข้าไม่คาดเลยว่าคนพวกนี้จะเหิมเกริมเกินไป”  เสียงไพเราะของจักรพรรดินีราตรีเปลี่ยนเป็นจริงจัง  “ดังนั้นข้าต้องไปกับเจ้า  แต่ตอนนี้เจ้าบรรลุระดับใหม่แล้ว  ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ทำการลับฝีมือ และปล่อยคนพวกนั้นให้เจ้าจัดการ  เป็นไปได้ว่าพวกที่อยู่ด้านนอกจะหลบหนี  แต่สองคนที่อยู่ข้างใน อย่าปล่อยพวกเขาออกไป แดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่ใช่ที่ให้หมาแมวมาแสดงความโลภได้  เราต้องสั่งสอนพวกเขา”
 “เข้าใจแล้ว!” เย่ว์หยางคันไม้คันมืออยากลองพลังของกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน คนพวกนี้วิ่งเข้ามาเองแท้ๆ นับว่าเป็นวันดี
 “ข้าจะไปด้วย...”  เมื่อสาวยักษ์ลี่เยี่ยนได้ยินว่าจะมีการสู้ นางรีบโดดเข้ามาอาสาต่อสู้ทันที

12 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

สาวยักษ์นี่เป็นนักสู้จรงๆ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

gg กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

dtacss กล่าวว่า...

ขอบคุณนะครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอลคุณครับ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

เซี่ยอีนี่ใช่สาวที่เจอในเหมืองป่ะ ทำไมถึงได้เป็นราชินีหว่า นานล่ะจำไม่ได้ 555++ ขอบคุณที่แปลให้อ่านครับผม

neng2006 กล่าวว่า...

ใช่ครับ เซี่ยอี่ ตอน.. ที่เข้าไปในโลกกระจกหรืออะไรสักที่ ไปสุสานมังกรอะไรสักอย่าง เป็นทายาทมังกร น่ันแหละ 55+ ต้องย้อนไปอ่านจำตอนไม่ได้ล่ะ แต่เป็นคนงานในเหมืองแน่ๆ ที่พี่เย่ห์จับใส่ชุดหนังรัดรูปนั่นแหละ

Mosss7yup กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

แสดงความคิดเห็น