เล่ม 15 สมบัติประมาณค่ามิได้ – ตอนที่ 30 ทะเลหมอก
อสูรโลหะเดินทางได้เร็วเหมือนแสงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
ภายในห้องนั่งเล่นของอสูรโลหะ
ลินลี่ย์และเดเลียหันหน้าเข้าหากัน
ขณะที่บีบีและเจนกินนั่งประจันหน้ากัน
ทุกคนพูดคุยกันตามปกติ
“บ้านเกิดข้าน่ะหรือ?
เป็นที่ละเอียดซับซ้อนกว่าพวกเจ้ามาก”
หน้าของเจนกินเต็มไปด้วยรอยยิ้มในตอนนี้
แตกต่างจากรูปลักษณ์ที่น่ากลัวตอนเขาหนีหรือเดินทาง
“นอกจากนี้ในทวีปบ้านเกิดของข้ายังค่อนข้างใหญ่ จากเหนือจรดใต้
ยาวอย่างน้อยแสนกิโลเมตร”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ทวีปยูลานจากเหนือถึงใต้ยาวสองหมื่นหรือสามหมื่นกิโลเมตร
บ้านเกิดเจนกินใหญ่กว่าทวีปยูลานมากมายแน่นอน
“ที่ของเราแบ่งออกเป็นสามกลุ่มพลังใหญ่ๆ กลุ่มแรกรวมทั้งสังคมมนุษย์, กลุ่มที่สองเป็นพวกมนุษย์อสูร
และกลุ่มสุดท้ายเป็นพวกเผ่าพันธุ์อาศัยในน้ำ! มีทุกประเภทความเชื่อศาสนาอยู่ที่นั่น ฮ่าฮ่า
ข้ากลัวพวกเจ้าจะหัวเราะเยาะข้าเมื่อข้าพูดเรื่องนี้ แต่ข้าก็มีศาสนจักรเป็นของตนเองอยู่ในกลุ่มของมนุษย์อสูร!”
เจนกินหัวเราะ
“มนุษย์อสูรเหล่านั้นไม่รู้ว่าพวกเทพที่พวกเขาบูชาเป็นมนุษย์คนหนึ่งจริงๆ”
ลินลี่ย์ เดเลียและบีบีกำลังเบื่อจากการเดินทาง
ดังนั้นพวกเขาจึงมีความสุขที่ได้ฟังเจนกินได้เล่าเรื่องแดนโลกธาตุบ้านเกิดของเขาให้ฟัง
ต้องกล่าวกันว่าดินแดนโลกธาตุบ้านเกิดของเจนกินแม้ว่าจะไม่มีความลับซับซ้อน ขณะที่ทวีปยูลานมีผู้คน เซียนและศาสนามาก
ทั้งหมดต่างต่อสู้แย่งชิงกัน
ขณะที่เผ่าพันธุ์ต่างๆ ก็ทำสงครามกะกันและกัน
“โอว! ข้าไม่รู้เลยนะ”
บีบีหัวเราะ “งั้นในแดนโลกธาตุของเจ้า
เจ้าก็ต้องเป็นคนที่น่าทึ่งมาก”
เรื่องของเจนกินค่อนข้างจะให้ความรู้สึกที่เป็นตำนานแน่นอน
“อนิจจา” เจนกินถอนหายใจ
“เมื่อคนเรายืนอยู่ในจุดสูงสุดของดินแดน เขาจะรู้สึกเดียวดาย!”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ความจริงยอดฝีมือส่วนใหญ่ผู้ที่ออกจากดินแดนโลกธาตุมายังพิภพชั้นสูงก็ล้วนแต่รู้สึกเดียวดายทั้งนั้น!
“ข้ารู้ดีว่าในแดนนรกอันตรายแค่ไหน
แต่ข้าเลือกจะมา อย่างไรก็ตามระดับความอันตรายในแดนนรกแห่งนี้มากกว่าที่ข้าคาดเอาไว้” เจนกินพูดด้วยความซาบซึ้ง
“ถ้าไม่ได้พวกท่านทั้งสามช่วยเหลือข้าคงไม่สามารถรวบรวมห้าพันศิลาดำได้แน่”
เจนกินไม่สามารถขอยืมห้าพันศิลาดำได้ แต่สำหรับกลุ่มลินลี่ย์
ห้าพันศิลาดำไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วง ขณะที่คุยกับเขา
กลุ่มของลินลี่ย์รู้สึกว่าเจนกินเป็นคนดีคนหนึ่ง
ดังนั้นบีบีเห็นด้วยที่จะช่วยเหลือเจนกินจ่ายค่าธรรมเนียมห้าพันศิลาดำ
ผ่านระยะทางหลายสิบล้านกิโลเมตรโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวๆ
หนึ่งเดือนต่อมากลุ่มของลินลี่ย์ก็มาถึงเทือกเขาอะเมทิสต์ตามตำนาน!
“นี่คือเทือกเขาอะเมทิสต์หรือ?” ลินลี่ย์ยืนอยู่หน้าอสูรโลหะ มองผ่านหน้าต่างใสของอสูรโลหะ เขาเห็นภูเขาอะเมทิสต์ที่กว้างใหญ่ไพศาลได้อย่างชัดเจน
ภูเขาอะเมทิสต์ปกคลุมไปด้วยแผ่นดินกว้างใหญ่ มีพื้นที่เส้นรอบวงหลายแสนกิโลเมตร
ในแดนนรกเส้นรอบวงหลายแสนกิโลเมตรไม่นับว่าเป็นแผ่นดินที่กว้างใหญ่นัก แต่มองออกไปไกลเท่าที่ตาเปล่าเห็นได้
สายตาคนธรรมดาเห็นได้แต่เพียงภูเขากว้างไกลไม่สิ้นสุดขยายออกไปสุดสายตา
ขณะเดียวกัน หมอกขาวลอยอยู่เหนือภูเขาอะเมทิสต์
สิ่งที่แปลกก็คือมองเห็นแต่เพียงหมอก
แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นภูเขาอะเมทิสต์
“ความจริงเหมือนอย่างที่บอกไว้ในหนังสือ แม้ว่าจะดูเป็นเทือกเขาเดียวก็ตามแต่ก็ยังรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่าทะเลหมอก มองจากด้านนอก ไม่ว่าใครก็มองเห็นภูเขาได้ไม่มาก
ทั้งหมดที่มองเห็นก็เป็นเพียงหมอกขาวมากมายมหาศาลไม่มีที่สิ้นสุด” ลินลี่ย์ถอนหายใจกล่าว ขณะที่เจนกิน เดเลียและบีบีที่อยู่ใกล้ๆ
พากันจ้องดูและเคลิบเคลิ้มดื่มด่ำกับฉากภาพที่สวยงาม
พื้นที่หลายแสนตารางกิโลมตรถูกปกคลุมไปด้วยหมอก
แสงพระอาทิตย์สีเลือดส่องผ่านท้องฟ้าเข้าไปในในหมอกสีขาวเกิดเป็นภาพสีสันงดงามชวนมอง
“แปลกจริง”
เดเลียถอนหายใจประหลาดใจ
“เทือกเขาใหญ่ขนาดนี้เป็นแสนๆ
ตารางกิโลเมตรอย่างนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกขาวหนาแน่นนับไม่ถ้วน หมอกเหล่านี้มีอยู่ชั่วนาตาปี
เป็นเรื่องแปลกจริงๆ”
เดเลียไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
ลินลี่ย์
เดเลียและบีบีอย่างน้อยยังได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับภูเขาอะเมทิสต์มาจากหนังสือ
สำหรับเจนกิน เขาไม่มีความรู้อะไรเลย
“นี่คือเทือกเขาอะเมทิสต์หรือ?” เจนกินยังไม่อยากเชื่อเลยว่าหมอกที่คลุมพื้นที่นี้จะเป็นเทือกเขาอะเมทิสต์
“ไปกันเถอะ
เราลงไปดูกัน”
พอลินลี่ย์คิดอสูรโลหะหายไปในอากาศ ลินลี่ย์
เดเลียและบีบีทุกคนบินลงมาขณะที่เจนกินส์ในตอนแรกไม่ทันตั้งตัว แต่จากนั้นเขาก็ตั้งหลักได้และรีบลอยตัวตามลงมา
พื้นผิวของภูเขาอะเมทิสต์คลุมไปด้วยทะเลหมอก
อย่างไรก็ตามด้านนอกแนวภูเขาอะเมทิสต์ยังมีกระแสผู้คนหลั่งไหลเข้ามา จำนวนมากมายอย่างน่าประหลาด
คือสูงมากจนน่าตกตะลึง เทพหลายคนรั้งอยู่นอกเขตแดนทะเลหมอกหวังว่าจะมีโชคพอได้พบกับอะเมทิสต์
บนพื้นผิวด้านนอกของภูเขาอะเมทิสต์ภายในสายตาของลินลี่ย์มีปราสาทโบราณอย่างน้อยสามแห่ง
ขณะที่กลุ่มลินลี่ย์สี่คนเข้าไปใกล้
มีบุรุษวัยกลางคนสวมเครื่องแบบสีดำสองคนเข้ามาหาทันที
พวกเขาอดมองเดเลียอย่างประหลาดใจมิได้ เห็นได้ชัดว่านางเป็นอสูรเทพชั้นสูง ในใจพวกเขางุนงง
“อสูรเทพชั้นสูงก็มาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวอะเมทิสต์ด้วยหรือ?”
อสูรชั้นสูงเมื่อทำหน้าที่คุ้มกันจะได้รับทรัพย์มากกว่าที่พวกเขาได้จากการทำเหมืองอะเมทิสต์มาก กล่าวโดยทั่วไป
มีแต่เทียมเทพและเทพแท้ที่จะเข้ามาเก็บเกี่ยวอะเมทิสต์
หลังจากรู้ว่าเดเลียเป็นอสูรเทพชั้นสูง
ทั้งสองคนเปลี่ยนท่าทีที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บุรุษวัยกลางผมทองคนหนึ่งยิ้มและกล่าว “ขอถาม เหตุใดพวกท่านถึงมาที่นี่?”
บีบีหัวเราะและกล่าว
“เราสามคนแค่มาเที่ยว ส่วนเด็กคนนี้จะมาทำงานเก็บเกี่ยวอะเมทิสต์”
“โอว?” บุรุษผมทองพยักหน้า “ภูเขาอะเมทิสต์ควบคุมดูแลโดยสิบแปดตระกูลร่วมกัน แต่แน่นอนว่าเราไม่ห้ามคนนอกให้เข้าไป
ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือคนทำเหมืองทุกคนจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมห้าพันศิลาดำ”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
กฎการจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าห้าพันศิลาดำเป็นกฎที่ตั้งมานานนับปีไม่ถ้วนแล้ว แม้แต่ในหนังสือก็บันทึกไว้เช่นนี้
“จะเป็นยังไงถ้าท่านไม่มีเงิน?” เจนกินถามทันที
“ไม่มีใช่ไหม?” บุรุษวัยกลางคนชำเลืองมองเขา
จากนั้นหัวเราะลั่น
“ถ้าเจ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร
เรายังให้เจ้าเข้าก็ได้
แต่เราจะไม่ยอมให้เจ้าออกมา.. เจ้าจะต้องจ่ายอะเมทิสต์ให้เราสามชิ้น!”
“ค่าเบิกทางน่ะหรือ?” ลินลี่ย์เลิกคิ้ว
บุรุษผมทองพยักหน้า
“ถูกแล้ว ทุกคนที่จ่ายค่าธรรมเนียมจะได้รับใบเบิกทาง เมื่อท่านออกมา
ตราบใดที่ท่านคืนใบเบิกทางกับเรา ท่านก็สามารถจากไปได้”
กลุ่มของลินลี่ย์เข้าใจแล้วในตอนนี้
“ถ้าท่านต้องการจ่ายห้าพันศิลาดำ
โปรดมาที่ทำการทางเข้ากลาง” บุรุษผมทองชี้ไปที่ไกลๆ ที่ประตูทางเข้าปราสาท
ความจริง เทือกเขาอะเมทิสต์กว้างใหญ่มาก ใครๆ
ก็สามารถผ่านเข้าทางอากาศหรือภาคพื้นดินก็ได้
“โปรดจำให้ดี ใบผ่านทางที่ท่านได้รับจะต้องส่งคืน
ถ้าพวกเจ้าต้องการหนี...”
บุรุษวัยกลางคนยิ้ม
“อย่างนั้นพวกท่านจะต้องทนทุกข์กับการโจมตีของสิบแปดตระกูลของเรา หึหึ เป็นแค่คำเตือนเท่านั้นเอง”
ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “ขอบคุณ”
ทันใดนั้นเขานำเดเลีย บีบีและเจนกินตรงไปที่ทางเข้านั้น
“พี่ใหญ่! เจ้าผู้นั้นดูเหมือนจะค่อนข้างหยิ่งเหลือเกิน เขาเอาแต่พูดว่า ‘สิบแปดตระกูล’ อย่างนั้นอย่างนี้” บีบีบ่น
“บีบี! อย่าไปสนใจเขา” ลินลี่ย์รู้ดีว่าสิบแปดตระกูลนี้ทรงพลังมากขนาดไหน “ทวีปเรดบุดมีพื้นที่ทำเหมืองอะเมทิสต์เพียงแห่งเดียว นี่เป็นเขตขุดสมบัติที่น่าทึ่ง เจ้ารู้ไหมว่าอะเมทิสต์มีค่ามากขนาดไหน
เจ้าคาดว่าเทือกเขาอะเมทิสต์จะผลิตอะเมทิสต์ได้มากมายขนาดไหน?”
บีบีตกใจ
อะเมทิสต์? ปราสาทเรดบุดแต่ละแห่งและปราสาททรายดำจะมีอะเมทิสต์มากมายเอาไว้ขาย มีมากมายจนนับไม่ถ้วน
“ภูเขาอะเมทิสต์ซึ่งใช้ผลิตอัญมณีมากมายนับไม่ถ้วนเป็นขุมสมบัติอย่างแท้จริง!
สมบัติของสิบแปดตระกูลมากมายกว่าของตระกูลบอยด์ยิ่งนัก” ลินลี่ย์ถอนหายใจอย่างทึ่ง “สำหรับสิบแปดตระกูลสามารถผูกขาดพื้นที่ขุมสมบัติ
ภูเขาอะเมทิสต์ก็ต้องหมายความว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากเทพอสูร และสิ่งที่ยิ่งกว่านั้นอาจจะมีเทพอสูรมากกว่าหนึ่งอยู่เบื้องหลังพวกเขา”
เทือกเขาอะเมทิสต์เป็นเพียงเขตผลิตอะเมทิสต์แห่งเดียวในทวีปเรดบุด
แต่ทวีปเรดบุดมีพื้นที่เกือบยี่สิบแคว้น
ซึ่งก็หมายความว่ามีเทพอสูรหนุนอยู่เกือบยี่สิบ
ถ้าทุกคนแค่ใช้เวลาคิดสักนิด
เขาจะเข้าใจว่าอำนาจของสิบแปดตระกูลเหล่านี้ยิ่งใหญ่มากที่แม้แต่อสูรเจ็ดดาวอย่างเอลควินก็มีค่าไม่ต่างอะไรกับเทพชั้นสูงธรรมดาหากกล้าไปตอแยพวกเขา!
ทางเข้าภูเขาอะเมทิสต์
“ตกลงสองหมื่นศิลาดำ!” เพียงพลิกมือลินลี่ย์ก็ดึงแท่งอะซูไรท์ออกมาวาง
สุภาพสตรีในเครื่องแบบสีดำเอาตราระบุสถานะให้กลุ่มลินลี่ย์ทั้งสี่คนตามปกติ
“ขอบคุณ, ท่านลินลี่ย์” เจนกินพูดอย่างซาบซึ้ง ความจริงในตอนที่เดินทางด้วยอสูรโลหะ
เจนกินพบว่าในกลุ่มของลินลี่ย์
คนที่ทำการตัดสินใจไม่ใช่เทพชั้นสูงอย่างเดเลีย
แต่ค่อนข้างจะเป็นลินลี่ย์
“ไปกันเถอะ”
ลินลี่ย์บินขึ้นไปในอากาศพร้อมกับเดเลียและบีบีตรงไปยังทะเลหมอก
แสงอาทิตย์สีเลือดเบาบางฉายผ่านทะเลหมอกดูนวลตาเกิดเป็นภาพหลากสีสันและงดงามภาพแล้วภาพเล่า
“สวยงามจริงๆ”
เดเลียหัวเราะอย่างมีความสุข
“ลินลี่ย์ดูนั่นสิ!” เดเลียชี้ลึกเข้าไปในหมอก
ที่ซึ่งกลุ่มหมอกขาวภายใต้แสงอาทิตย์ก่อตัวเป็นรูปม้าเพกาซัสในอากาศ
“กว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด...
ดูแล้วสบายตาสบายใจจริงๆ”
ลินลี่ย์หัวเราะ
“ไปดูข้างในกันเถอะ”
ขณะที่เขาพูด ลินลี่ย์เริ่มบินลึกเข้าไป แต่ขณะนั้นเอง...
“พวกเจ้าทั้งสี่คน หยุดเดี๋ยวนี้” เสียงหนึ่งดังขึ้น
กลุ่มลินลี่ย์ทั้งสี่คนชะงักเท้างุนงง
พวกเขาหันไปเห็นเด็กหนุ่มในเครื่องแบบสวมเกราะชุดดำบินเข้ามาหา
“พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าทะเลหมอกนี้อันตรายแค่ไหน? ทำไมพวกเจ้าถึงได้วิ่งทื่อเข้าไปหาทะเลหมอก?”
“อันตราย?”
ลินลี่ย์มึนงงและชี้ไปที่อื่นไกลๆ
“ก็มีคนอยู่ในทะเลหมอกอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
ขณะที่ดูอยู่นั้น ถ้าคนอื่นสามารถเข้าไปได้
อย่างนั้นเขาก็ควรเข้าไปได้อย่างไม่เป็นอันตรายไม่ใช่หรือ?
นอกจากนี้ตามหนังสือที่เขาซื้อมาก็มีคำอธิบายไว้เกี่ยวกับภูเขาอะเมทิสต์สั้นๆ แต่แน่นอน หนังสือเหล่านั้นไม่ค่อยหนา
และพวกเขาให้ข้อมูลแต่ละแคว้นไม่มากนัก
“ข้าขอเตือนพวกเจ้า”
เด็กหนุ่มพูดอย่างเคร่งขรึม
“ทะเลหมอกแห่งภูเขาอะเมทิสต์แปลกประหลาดมาก ทัศนวิสัยข้างในนั้นต่ำมาก
กล่าวโดยทั่วไปก็คือเทพแท้สามารถเห็นได้ร้อยเมตรเป็นอย่างมาก
แน่นอนไม่ว่ายังไงภายในทะเลหมอกทุกคนจะต้องอยู่ในระดับที่ออกมาถึงด้านนอกได้ ถ้าพวกเจ้าเป็นแค่เทพแท้
พวกเจ้าไม่อาจเข้าไปได้เกินกว่าร้อยเมตร!”
กลุ่มของลินลี่ย์เริ่มฟังอย่างระมัดระวัง
เด็กหนุ่มพูดอย่างจริงจัง
“ทุกคนที่เข้าลึกเกินไป ลึกจนพวกเขามองไม่เห็นด้านนอก
จะไม่มีทางออกมาข้างนอกได้อีก!”
กลุ่มของลินลี่ย์ตกใจหนัก
“ไม่สามารถออกมาข้างนอกได้?” บีบีร้องขึ้นอย่างประหลาดใจ “เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?
ก็แค่หมอกขาวที่ทำให้มีทัศนวิสัยแย่
ถ้าเราบินเป็นเส้นตรงจากภายใน ทำไมเราจะบินออกมาไม่ได้?”
“เจ้าจะไม่สามารถบินออกมาได้!” เด็กหนุ่มพูดจริงจัง “ตราบเท่าที่เจ้าเข้าไปในระยะที่มองเห็นโลกภายนอกได้ เจ้าก็สามารถบินออกมาได้ แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถเห็นโลกภายนอกได้ เจ้าก็จบกัน
แน่นอน เจ้าต้องระวังด้วยเมื่อทำเหมืองอะเมทิสต์!”
“แม้ว่าจะมีอะเมทิสต์อยู่ห่างข้างหน้าเจ้าแค่สิบเมตร
ไม่ว่ายังไงก็ตามอย่าผ่านเข้าไปในพื้นที่อันตราย! ทันทีที่เจ้าเข้าไป เจ้าจะไม่สามารถจากไปได้
เด็กหนุ่มพูดจริงจัง
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วขณะมองดูพวกเทพจำนวนมากที่โฉบลอยตัวอยู่ที่ขอบสายหมอก
และเขาเริ่มเข้าใจทันที “จริงด้วย
ถ้าทะเลหมอกไม่อันตราย อย่างนั้นเทพเหล่านี้คงบุกลึกเข้าไปหาอะเมทิสต์นานแล้ว ทำไมพวกเขาถึงยอมอยู่ที่ชายขอบด้วยเล่า?”
ตอนนี้ลินลี่ย์แน่ใจแล้วว่าทะเลหมอกมีอันตรายอยู่ภายในแน่อน
“จำไว้ให้ดี
ทุกครั้งพวกเจ้าต้องแน่ใจว่าไม่เข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม
ต่อให้มีอะเมทิสต์บินลอยล่อตาล่อใจอยู่ข้างหน้าเจ้าก็ตาม ก็อย่าเข้าไปเด็ดขาด” เด็กหนุ่มพูดจบก็ออกไป
ลินลี่ย์ เดเลียและบีบีมองหน้ากันเอง
พวกเขารู้สึกทึ่งกับความน่าพิศวงของธรรมชาติไม่ได้
“เดเลีย!
เราไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวอะเมทิสต์
ก็แค่เดินดูรอบๆ มาเถอะไปดูที่ด้านอื่น” ลินลี่ย์ไม่สนใจมากเกินไป
เขาพาเดเลียและบีบีบินไปที่ชายขอบหมอกขาวทันที ขณะที่เจนกินติดตามกลุ่มของลินลี่ย์ไปชั่วคราว
กลุ่มของลินลี่ย์เดินต่อไปชั่วขณะ
“หัวหน้าโชคไม่เลวเลย
ความจริงเขาเพิ่งพบอะเมทิสต์หลายชิ้น
ข้าอยู่ที่นี่มายี่สิบปีแล้วแต่ข้ายังไม่พบเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
เฮ้..โอลิเวอร์! เจ้าได้อะไรบ้างหรือเปล่า?” ขณะนั้นเองมีกลุ่มคนเล็กๆ
ราวสิบคนเดินมาด้วยกัน
ผมของเขาสีดำแซมขาว และชุดของเขาเป็นสีเทา
เขาคือโอลิเวอร์ผู้มาจากทวีปยูลาน
โอลิเวอร์ส่ายศีรษะ
“โชคไม่ดี”
“อย่าท้อใจไปเลย มาเถอะ มาดื่มเหล้าสักหน่อย
ข้าเลี้ยงเอง”
หัวหน้าของเขาพูดพลางหัวเราะ
ทั้งกลุ่มบินออกมาบริเวณรอบนอกทะเลหมอก ใกล้ๆ ทางเข้ามีร้านอาหารตั้งอยู่หลายร้าน

9 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
จะจะจะได้เจอกันแล้ววโว้ยยยย
ขอบคุณครับ
ขอบคุณ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เจอตัวก่อเรื่องแล้วละสิ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น