เล่ม 16 ทะเลสตาร์มิสท์ - ตอนที่ 28 ความลับ
เดิมทีแกนมอร์ตินต้องการจะบังคับเอาตัวโอลิเวอร์ไป แต่ลินลี่ย์ปฏิเสธ ดังนั้นแกนมอร์ตินกับลินลี่ย์จึงต่อสู้กัน ครั้งนั้นลินลี่ย์อาศัยสนามพลังศิลาดำฆ่าร่างแยกธาตุลมของแกนมอร์ติน แต่ใครจะคิดกันว่าแกนมอร์ตินยังมีร่างแยกธาตุน้ำด้วยเช่นกัน?
แกนมอร์ตินย่อมเกลียดลินลี่ย์เข้ากระดูกเป็นธรรมดา
ลินลี่ย์ยังคงจำเสียงตะโกนก่อนตายของแกนมอร์ตินได้ชัดเจน “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ถ้าเจ้าฆ่าข้า ท่านแม่ทัพจะต้องฆ่าเจ้าแน่นอน!” แกนมอร์ตินตอนนั้นใช้คำว่า ‘ท่านแม่ทัพ’ มาขู่ลินลี่ย์
“เขามาพบกับแม่ทัพหรือ? และตอนนี้เขาอยู่ที่นี่...
เป็นไปได้ไหมว่าท่านแม่ทัพนั้นก็อยู่ที่นี่เช่นกัน?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
ปราสาทใต้ทะเลลึกลับนี้คือปราสาทเฮนด์ซีย์ ผู้อาวุโสผมขาวที่มาต้อนรับเขาพูดขึ้นทันที
“การเปิดประตูห้องความลับเป็นเรื่องสำคัญมาก
เราต้องขออนุญาตจากเจ้าของปราสาทเสียก่อน”
“ท่านเจ้าปราสาท?” ลินลี่ย์ไตร่ตรอง “คนที่ยูไรห์นำมาด้วยมีพลังระดับอสูรหกดาวทั้งหมด แล้วพลังของยูไรห์ล่ะ...? พลังของเจ้าปราสาทเล่า..?”
“แกนมอร์ตินเรียกว่า... ‘ท่านแม่ทัพ...”
“เจ้าปราสาทน่ะหรือ?”
ในทันใดนั้นลินลี่ย์คิดถึงความเป็นไปได้ทันที
ทันทีที่เขาคิดถึงความเป็นไปได้
ลินลี่ย์รู้สึกหวาดกลัวในใจ เขาอดสั่นไปทั้งตัวไม่ได้
และหน้าของเขาซีดขาวทันที
“หรือว่าจะเป็น...”
“ข้าเป็นเหมือนแกะที่ส่งตัวเองเข้าปากพยัคฆ์หรือนี่? ข้าเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งอย่างนั้นหรือ?” ลินลี่ย์ไตร่ตรอง
จากจำนวนยอดฝีมือที่เกาะมิลัวร์และจำนวนยอดฝีมือที่ปรากฏตัวที่นี่ปราสาทเฮนด์ซีย์
ลินลี่ย์บอกได้ว่าเจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์คือสุดยอดฝีมือที่มีพลังอำนาจประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัย!
ในแดนนรก
คนที่มีสถานะยิ่งใหญ่จะมีพลังที่เหมาะสมเท่าเทียมกันด้วย มิฉะนั้นคนอื่นจะไม่ยอมรับพวกเขา
“เอ๊ะ?” โรมิโอซึ่งเดินอยู่ข้างลินลี่ย์สังเกตได้เป็นธรรมดาว่าตอนนี้ลินลี่ย์ดูเหมือนค่อนข้างห่างเหิน เขาชำเลืองมองลินลี่ย์อย่างสงสัย อะไรทำให้ลินลี่ย์สูญเสียความเยือกเย็นอย่างนี้
โชคดีที่คนนำทางพวกเขาไม่ได้หันมามองดูลินลี่ย์ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ท่านทั้งหลาย, เมื่อมาถึงที่พักแล้ว
เราจะพักกันอยู่ใกล้ๆกันนี้”
นักรบเกราะดำชุดคลุมแดงหัวเราะขณะพูด
คำพูดของเขาทำให้ลินลี่ย์สะดุ้งตื่นจากภวังค์ ลินลี่ย์เริ่มปรับความคิดในใจเขาทันที
ที่สำคัญสถานการณ์ยังไม่เลวร้ายเต็มที่ แม้สมมติว่าเจ้าปราสาทเป็นแม่ทัพ ซึ่งเขาอาจจะเป็นก็ได้ แต่คนผู้นี้ไม่เคยพบกับลินลี่ย์
“เป็นเรื่องของเวลา”
ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง
เฮนด์ซีย์ปราสาทใต้ทะเลเป็นเหมือนเมืองน้อยเต็มไปด้วยทางแยกตัดขวางแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายส่วน กล่าวโดยทั่วไป
อาคันตุกะทุกคนจะพักรวมกันอยู่ในที่แห่งหนึ่ง อาคารสองชั้นทั้งหมดสร้างขึ้นในแบบที่คล้ายกัน
อาคารหลังน้อยนี้ถูกสร้างด้วยศิลาเหลืองเหมือนรวงข้าว
และให้ความรู้สึกสบายอยู่ภายในปราสาทดำ
“ท่านโรมิโอ
ท่านจะพักอยู่ที่นี่ ในห้องยี่สิบหก
ท่านลินลี่ย์! ท่านจะพักอยู่ที่นี่ในห้องยี่สิบเจ็ด” นักรบเกราะดำชุดคลุมแดงพูดด้วยความเคารพ
“เมื่อถึงเวลาจะมีคนส่งอาหารให้พวกท่าน
เมื่อพวกท่านรอเวลาเข้าห้องความลับ โปรดอย่าใจร้อน,
ท่านทั้งหลาย
เมื่อได้เวลาจะมีคนมาบอกท่านเอง
โรมิโอขมวดคิ้ว “เราจะต้องรออยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ
อย่างนั้นหรือ?”
ลินลี่ย์รู้สึกอึดอัดเช่นกัน
“ท่านทั้งหลายไม่ต้องกังวล
ตามกฎที่มีมาอย่างยาวนานของเรา ราวๆ ครึ่งวัน
พวกท่านจะได้รับเชิญให้เข้าไปในพื้นที่ลับ
อย่างช้าที่สุดก็เพียงสามวัน”
ทหารผู้นั้นยิ้มขณะพูด
“ตกลง” โรมิโอพยักหน้าอย่างใจเย็น
อย่างมากสามวัน
โรมิโอไม่ว่ากระไร แต่ลินลี่ย์คิด
“ท่านไปได้แล้ว” ลินลี่ย์เดินถอยออกมาจากทหาร,
รู้สึกค่อนข้างกังวล เพราะยิ่งเขาใช้เวลาที่ปราสาทเฮนด์ซีย์นี้มากขึ้น
ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น
ที่สำคัญคือแกนมอร์ตินอยู่ในปราสาทนี้”
“ลินลี่ย์! ข้าจะเข้าไปพักในห้องล่ะนะ
ถ้าเจ้าต้องการอะไร เจ้ามาหาข้าได้”
โรมิโอพูด จากนั้นกลับเข้าไปในห้องทันที ไม่ให้โอกาสลินลี่ย์ได้พูดตอบ
ปกติโรมิโอจะมีความหยิ่งและสันโดษอยู่แล้ว
เป็นเพราะเขาเห็นลินลี่ย์สู้และต้องการจะซ้อมมือกับลินลี่ย์
ในตอนนี้จึงนับได้ว่าเขาสุภาพมากแล้ว
มิฉะนั้นทำไมจะต้องมาพูดอะไรมากมายกับลินลี่ย์ด้วยเล่า?
แต่ใจของลินลี่ย์หมกมุ่นอยู่กับเรื่องแกนมอร์ติน ดังนั้นเขาไม่มีความกระตือรือร้นเรื่องโรมิโอ
เขาหมุนตัวเดินไปที่ห้องของเขาเอง
เมื่อเขานั่งขัดสมาธิบนเตียงศิลา
ลินลี่ย์มองผ่านหน้าต่างออกไปด้านนอก
“ข้าต้องการมาดูผลึกบันทึกการต่อสู้ของยอดฝีมือ
แต่ใครจะคาดคิดกันว่าแกนมอร์ตินจะอยู่ที่นี่ด้วย?” ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ ขณะนั้นเองเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอกและมีเสียงเคาะประตูดังตามมา
“เข้ามาได้”
ลินลี่ย์พูดเย็นชา
ประตูเปิดออก ทันใดนั้นสตรีงดงามสองนางอยู่ในชุดเหลืองอ่อนเดินเข้ามาในห้องของลินลี่ย์พร้อมกับถาดอาหาร
“แค่วางไว้บนโต๊ะก็พอ”
ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น
“เจ้าค่ะ, ใต้เท้า”
สาวใช้ทั้งพูดด้วยความเคารพ
พวกนางวางถาดอาหารเลิศรสอย่างสุภาพ
แต่ทันใดนั้นลินลี่ย์เงยหน้ามองดูพวกนาง
“มีการทดสอบพวกที่มาพร้อมกับเรา ตอนนี้ได้ข้อสรุปหรือยัง?”
หนึ่งในหญิงรับใช้พูดด้วยความเคารพ “เจ้าค่ะ, ใต้เท้า การทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว ท่านทั้งหกคน
มีสองคนที่กลับไปยังเกาะมิลัวร์ ขณะที่อีกสี่คนยังรั้งอยู่ที่นี่
อยู่ไม่ห่างจากท่านเท่าใดนัก”
“โอว” ลินลี่ย์เข้าใจ
สองในหกคนก็เหมือนกับไดลิน, พวกเขาถูกปฏิเสธและส่งกลับ
ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องความลับ
“เจ้าไปได้แล้ว” ลินลี่ย์สั่ง
สาวใช้ทั้งสองนางถอนสายบัวจากนั้นเดินออกมา ส่วนสำรับอาหารเลิศรส
ลินลี่ย์ไม่แตะต้องเลยสักนิด
เขาไม่ต้องการเพลิดเพลินกับอาหารในช่วงนี้
“จะเป็นโชคลาภหรือหายนะกันแน่...ถ้าเป็นหายนะ
ข้าคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
ลินลี่ย์หลับตาทำสมาธิ
ปราสาทเฮนด์ซีย์
ตอนนี้ชายชราเกราะแดงชุดคลุมแดงนามว่ายูไรห์กำลังเดินไปตามเส้นทางที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด
“ครืนนน!”
ประตูใหญ่คลุมไปด้วยรอยสลักอักษรรูนเปิดออก เผยให้เห็นทางเดินภายใน
ยูไรห์เดินต่อไป
และจากนั้นทหารที่ยืนเฝ้าทั้งสองด้านประตูปิดประตูทันที
ผนังทางเดินแต่ละด้านมีรูปแกะสลักทหารเป็นพันๆ
กำลังทำสงครามกัน หรือไม่ก็เป็นคนสองคนกำลังสู้กันอยู่ในกลางอากาศ.....
ที่สุดทางเดินเป็นห้องบัลลังก์กว้างแต่ว่างเปล่า
ที่ท้ายห้องบัลลังก์ มีเตาผิงไฟขนาดใหญ่
ยูไรห์เดินไปจนถึงท้ายเตาผิงและกดกุ่มกลไก
ปรากฏทางเดินที่ประกอบจากศิลาแดงโลหิต
ทางเดินสีแดงนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนใจสั่นสะท้าน
ยูไรห์สูดหายใจลึก จากนั้นก้าวเข้าไปในอุโมงค์ลับที่กว้างขวางนั้น
อุโมงค์ไม่ถึงกับใหญ่มาก
และในท้ายอุโมงค์มีประตูสีเลือดขอบดำสูงสิบเมตร กว้างหกเมตร ประตูทั้งหมดปล่อยประกายระเรื่อสีแดง ยูไรห์ไม่กล้าก้าวเข้าไป
“นายท่าน!” ยูไรห์พูดเบาๆ
“อืม..
การทดสอบเสร็จแล้วใช่ไหม?”
เสียงนุ่มนวลทุ้มดังผ่านประตูออกมา
ยูไรห์พูดด้วยความเคารพ
“นายท่าน!, ไม่มีอะไรที่ผิดธรรมดาเกิดขึ้น หกคนไม่มีความสามารถหรือศักยภาพที่พิเศษแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม, นายท่าน! มีสองคนที่ท่านให้ความสนใจ พวกเขาน่าจะแข็งแกร่งมาก ผู้น้อยเห็นการต่อสู้ของโรมิโอในสนามต่อสู้มากับตาตนเอง เขาเป็นระดับอสูรเจ็ดดาวแน่นอน สำหรับลินลี่ย์ผู้อาวุโสชุดแดง
เขาสามารถเอาชนะบอสโลผู้อาวุโสชุดแดงอีกคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก”
“อืม”
คนที่อยู่ข้างในส่งเสียงรับเหมือนกับไม่มีความเห็นอะไรเพิ่ม
ยูไรห์ลังเลเล็กน้อย จากนั้นถามอย่างงุนงง “นายท่าน,
ลินลี่ย์ผู้นั้นเป็นลูกหลานตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์”
“ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์?” เสียงทุ้มนั้นเริ่มหัวเราะทันที “ฮ่าฮ่า..
ถ้าเป็นหมื่นปีที่แล้วข้ายังกังวลอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบันนี้ไม่กล้ามาตอแยข้า!
ไม่จำเป็นที่ข้าต้องกังวลมากไป
อย่างไรก็ตามสำหรับเมื่อได้ครอบครองหยดพลังมหาเทพก็หมายความว่าลินลี่ย์ผู้นี้น่าจะเป็นคนสำคัญในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
โชคไม่ดีที่ปัจจุบัน ก็คือปัจจุบัน ไม่ใช่หมื่นปีที่แล้ว”
“พรุ่งนี้,
พาลินลี่ย์กับโรมิโอมาพบข้า
ให้โรมิโอเข้ามาก่อน จากนั้นค่อยให้ลินลี่ย์เข้ามา” เสียงทุ้มต่ำยังคงสั่ง
“ขอรับ, นายท่าน!”
ยูไรห์พูดด้วยความเคาพร
หลังจากรอชั่วครู่โดยไม่มีคำสั่งเพิ่มเติม ยูไรห์จึงเรียนด้วยความเคารพ
“งั้นข้าขอตัวก่อน”
“เจ้าไปได้”
ยูไรห์คำนับทันที จากนั้นออกมาโดยไม่ต้องกังวลถึงเจ้านายของเขาแม้แต่น้อย พลังมหาเทพ?
หยดพลังมหาาเทพทรงพลังแน่นอน แต่เจ้านายของเขาก็เป็นนักสู้ระดับสูงสุด
ภายในระดับมหาเทพ
อย่าว่าแต่แค่พลังมหาเทพหยดเดียวเลย
ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมืออย่างท่านไอเคนส์แห่งทวีปเรดบุดซึ่งสามารถกลั่นพลังมหาเทพจากศิลาดำได้
เจ้านายของเขาก็ยังไม่กลัว!
“พลังมหาเทพในมือของบุคคลที่มีพลังแตกต่าง
ปริมาณพลังก็แตกต่างไปด้วยเช่นกัน”
ยูไรห์จำคำพูดที่เจ้านายบอกเขาไว้ครั้งหนึ่งเช่นกัน
ปัจจุบันนี้ลินลี่ย์นั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่
ขณะที่ผู้เดินไปมาบนถนนข้างนอกส่วนใหญ่จะเป็นบ่าวรับใช้หรือไม่ก็ทหาร แต่แน่นอนอาคันตุกะบางส่วนก็ผ่านไปมาเช่นกัน และแต่ละครั้งที่พวกเขาผ่านไป...
ลินลี่ย์ลืมตา!
“แกนมอร์ตินก็เป็นอาคันตุกะคนหนึ่ง เขาน่าจะอยู่ในบริเวณนี้เช่นกัน!” ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง “ตัดสินจากคำสนทนาของเขากับนายกอง เห็นได้ชัดว่าแกนมอร์ตินกำลังรอพบท่านผู้นั้น
เวลาผ่านไปอย่างเงียบสงบ
แม้ว่าพวกาเขาจะอยู่ที่ก้นทะเลและไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นตอนกลางวันหรือกลางคืน ลินลี่ย์สามารถคำนวณในใจได้ชัดเจนว่าเป็นเวลาพระอาทิตย์ขึ้น
หรือพระอาทิตย์ตก ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน
เสียงฝีเท้าดังมาจากถนน นอกหน้าต่าง
ลินลี่ย์ยังคงลืมตามองดูด้านนอกหน้าต่างอย่างระมัดระวัง
มีร่างหนึ่งเดินผ่านหน้าต่างไป
ตาของลินลี่ย์ทอประกายวูบ
“เขาเอง!”
แม้ว่าจะเป็นแค่การเหลือบมอง แต่ลินลี่ย์ก็จำเขาได้ทันที เป็นแกนมอร์ติน
แค่เพียงนึก ร่างมนุษย์ร่างหนึ่งปรากฎในห้องของลินลี่ย์
เป็นหนึ่งในโกเลมมัจจุราชของลินลี่ย์นั่นเอง!
“ควั่บ!”
โกเลมมัจจุราชปรากฏตัวนอกประตูทันทีขณะมองดูที่ถนน
โกเลมมัจจุราชไม่ใช่สิ่งมีชีวิต
มันมีแต่เพียงสำนึกของลินลี่ย์อยู่ภายในเท่านั้น
ที่ทางเดิน มันจ้องมองแกนมอร์ตินที่ไม่ทันได้สังเกตอะไรจากระยะไกล แต่แน่นอน
ถ้าเป็นลินลี่ย์จับตามองแกนมอร์ตินด้วยตนเอง เขาอาจจะสังเกตออกก็เป็นได้
ในที่สุดแล้วโกเลมมัจจุราชก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต มันเป็นแค่เครื่องมือ
ใครจะสนใจเครื่องมือกันเล่า?
“ข้าไม่คาดเลยว่าแกนมอร์ตินนี้จะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน” ลินลี่ย์มองผ่านโกเลมมัจจุราช
สามารถเห็นได้ชัดเจนว่าแกนมอร์ตินเข้าไปในอาคารน้อยสองชั้นที่มีระยะห่างจากพวกเขาไปแปดร้อยเมตร
ก็สมเหตุผลแล้ว ที่สำคัญแกนมอร์ตินมาถึงก่อนหนึ่งเดือน
สมเหตุผลที่เขายังอาศัยอยู่ที่นี่
ดวงตาลินลี่ย์ทอประกายรังสีฆ่าฟัน
“แกนมอร์ตินยังไม่มีโอกาสได้พบกับท่านผู้นั้น ดีที่สุดคือกำจัดรากเหง้าภัยพิบัติออกไปเสียแต่เนิ่นๆ”
ถ้าแกนมอร์ตินยังได้รับอนุญาตให้รั้งอยู่ต่อไป
จะเป็นเรื่องที่อันตรายต่อลินลี่ย์และโอลิเวอร์เช่นกัน การกำจัดเขาออกไปย่อมดีกว่า
ทหารที่เดินตรวจการณ์ของปราสาทเฮนด์ซีย์ไม่เข้มงวดจับตาดูพื้นที่อาศัยของอาคันตุกะนัก
นอกจากนี้ ต่อให้พวกเขาจับตาอย่างเข้มงวด ก็ไม่มีอะไรอยู่ดี
“ควั่บ!” โกเลมมัจจุราชเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ ขณะที่ลินลี่ย์เองลุกขึ้นทันที
ร่างของเขาหลอมรวมเข้ากับพื้น
เคล็ดลับเดินดิน!
ลินลี่ย์ไม่กล้าเปล่งรัศมีพลัง เขาใช้เคล็ดเดินดินทันที
เขามาถึงที่หน้าต่างด้านล่างของอาคารสองชั้น
แต่ทันทีที่เขามาถึง ลินลี่ย์ได้ยินเสียงของแกนมอร์ตินสบถลั่น
“ฮึ่ม.. เจ้าพวกสวะเอ๊ย..
พวกเขารู้ว่าร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมของข้าถูกทำลาย
ดังนั้นพวกมันจึงดูถูกข้า
หลังจากพูดกันเป็นเวลานานแล้ว พวกมันก็ยังชักช้าอยู่อีก
เป็นไปได้ว่าใต้เท้าคงไม่รู้ว่าข้ายังอยู่ที่นี่!”
แกนมอร์ตินมีความโกรธอยู่เต็มอก
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงสบถลั่นห้อง
เขามาเพื่อต้องการพบกับผู้บัญชาการ แต่ตอนนี้พลังอำนาจของเขาตกลงไปมากหลังจากสูญเสียร่างแยกธาตุลม สหายเก่าเหล่านั้นต่างก็ดูแคลนเขา เหมือนกับว่าใบหน้าที่เป็นกันเองนั้นมาจากใจส่วนลึกที่เย็นชา
แล้วเขาจะไม่อารมณ์เสียได้อย่างไร?
“แม่มันเถอะ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของลินลี่ย์คนเดียว!”
แกนมอร์ตินจดจำลินลี่ย์ไว้ตลอดไปว่าเป็นผู้ทำลายร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมที่ทรงพลังของเขา
“เมื่อท่านแม่ทัพรู้ว่ายังมีเทพแท้วิญญาณกลายพันธุ์อยู่ เขาจะต้องเข้ามาแทรกแซงแน่นอน ลินลี่ย์นั้นก็จะตาย” แกนมอร์ตินขบฟัน “ใช่แล้ว,
ข้าจะให้ใต้เท้าใช้เมล็ดวิญญาณควบคุมลินลี่ย์เป็นเวลาหลายล้านปีโดยไม่มีอิสระ
จากนั้นจึงค่อยฆ่าทิ้ง!”
ลินลี่ย์ได้ยินเสียงสบถด่าของแกนมอร์ตินจากด้านนอกหน้าต่าง
รู้สึกใจสั่นสะท้านทันที
“ควบคุมด้วยเมล็ดวิญญาณ?”
ลินลี่ย์จำได้ชัดเจนเมื่อตอนที่เขายังอยู่ที่ทวีปยูลาน สหายเก่าของเขา พี่ใหญ่เยล
เคยถูกควบคุมในลักษณะอย่างนั้น
คนที่ถูกควบคุมผ่านเมล็ดวิญญาณยังมีความทรงจำเป็นของตนเอง
แต่จะต้องรับใช้เจ้านายของพวกเขาอย่างเดียว
“ควบคุมด้วยเมล็ดวิญญาณ?”
ประกายความคิดผุดวาบผ่านเข้ามาในใจของลินลี่ย์
เขาคิดถึงความเป็นไปได้ทันที
“ทำไมเกาะมิลัวร์ถึงได้ยอมให้ผู้ชนะในเวทีร้อยศึกเข้ามาที่นี่เพื่อดูผลึกความทรงจำที่ล้ำค่าของตระกูลของเขา?”
“ทำไมเกาะมิลัวร์จึงอนุญาตให้ผู้อาวุโสชุดแดงเข้ามาในห้องความลับได้?”
“แกนมอร์ตินผู้นี้กำลังล่ายอดฝีมือที่มีศักยภาพยิ่งใหญ่ให้แม่ทัพของเขา
ทำไมแม่ทัพของเขาจึงต้องการยอดฝีมือผู้มีศักยภาพสูง? ถ้าเขาฝึกฝนพวกเขา
เขาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพวกเขาจะจงรักภักดี?”
“นอกจากนี้
ทำไมอสูรเจ็ดดาวหลายคนถึงยินดีรับใช้ตระกูลแบ็คชอว์? ทำไมอสูรเจ็ดดาวถึงภักดีต่อตระกูลแบ็คชอว์นัก?”
“และนอกจากนี้
ทารอสกับไดลิน เมื่อซีซาร์กำลังจะถูกไซเคิลฆ่า
ทำไมพวกเขาถึงเลือกเข้าข้างตระกูลแบ็คชอว์?
และทั้งสองคนนี้เพิ่งมาถึงที่นี่ก่อนนั้นเช่นกัน!”
หน้าของลินลี่ย์ซีดขาวทันที!

7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
เสียดายทารอส
แสดงความคิดเห็น