เล่ม 16 ทะเลสตาร์มิสท์ - ตอนที่ 31 แม่ทัพนรก
ลินลี่ย์จำชื่อรีสเจมได้เป็นอย่างดี
ย้อนกลับไปที่เทือกเขาอะเมทิสต์เมื่อลินลี่ย์กำลังทดสอบเคล็ดเดินดิน เขาตกไปอยู่ในเงื้อมมือของอสูรอะเมทิสต์น้อยซึ่งประกาศชื่อของเขาว่าเขาเองเป็นแม่ทัพนรกคนหนึ่งเพื่อต้องการขู่ขวัญลินลี่ย์
น่าเสียดายที่ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าแม่ทัพนรกคืออะไร
และไม่รู้ความหมายของคนที่เป็นแม่ทัพนรก
“แครก” ด้ายพลังงานสีดำนับไม่ถ้วนรายล้อมรัดตัวลินลี่ย์
และมีความแข็งอย่างมากจนลินลี่ย์ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้
แม้ว่าพลังของลินลี่ย์จะมากมายไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ความเร็วในการทำลายพันธนาการสีดำก็ยังช้ากว่าความเร็วของจำนวนด้ายพลังที่เพิ่มขึ้น
“เด็กน้อย, อย่าใช้พลังมหาเทพของเจ้า
เจ้าจะสูญเสียของไปเปล่าๆ ถ้าหากว่าเจ้าทำเช่นนั้น” เสียงทุ้มอ่อนโยนยังคงพูดต่อ
ลินลี่ย์หันหน้าไปมองด้วยความประหลาดใจ โชดดีที่ด้ายพลังสีดำไม่ได้คลุมศีรษะของลินลี่ย์ ลินลี่ย์สามารถเห็นบุรุษผมแดงในชุดเกราะโบราณยืนอยู่ในกลางอากาศกำลังถือค้อนขนาดใหญ่
“ท่านต้องการจะทำอะไร?”
ลินลี่ย์หัวเราะ “อะไรกัน
หรือว่าท่านต้องการจะควบคุมวิญญาณข้า?”
“แม้แต่เจ้าก็ยังรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?” เจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์ประหลาดใจมาก
ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน เจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์กั้นสนามไว้ด้วยพลังเทพไว้ไม่ให้เสียงสนทนาออกไปข้างนอก
ขณะที่พวกที่กำลังดูจากที่ไกลไม่สามารถเห็นอะไรได้
“มากับข้า
เรามาคุยกันดีๆ” เจ้าปราสาทบินลงมา
“ตามเขาไป?”
ลินลี่ย์ตะลึง
เจ้าปราสาทเห็นว่าลินลี่ย์ไม่เคลื่อนไหว ก็หันมองเขา
จากนั้นหัวเราะอย่างใจเย็น “เนื่องจากพลังวิญญาณของเจ้ายังเป็นแค่ระดับเทพแท้
เจ้ายังไม่คู่ควรให้ข้าลงมือ การควบคุมเจ้าไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายอะไรเลย
ไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องเล่นลูกไม้”
“ถ้ามีบางอย่างที่ท่านต้องการพูด ท่านพูดที่นี่ได้” ลินลี่ย์กล่าว
เจ้าปราสาทเหลือบมองดูเขาอย่างทึ่ง
จากนั้นก็เริ่มหัวเราะและพยักหน้า
“ก็ได้
ข้าจะทำอย่างที่เจ้าพูด”
เป็นเวลาหลายปีแล้ว ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาอย่างนั้น ดังนั้นเจ้าปราสาทเริ่มพูดกับลินลี่ย์ที่เหนือปราสาทเฮนด์ซีย์
“ก่อนอื่นข้าของแนะนำตนเองก่อน ข้าชื่อโมซี่ แบ็คชอว์! เป็นเจ้าของปราสาทเฮนด์ซีย์”
เจ้าปราสาทมีรอยยิ้มบนใบหน้า
เจ้าปราสาทเป็นคนตระกูลแบ็คชอว์เช่นกัน!
ลินลี่ย์สังเกตว่าเจ้าปราสาท ห้าวหาญในการรบ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
และรอยยิ้มของเขาก็เป็นมิตรเช่นกัน
เขาไม่มีกลิ่นอายที่ก้าวร้าวรุนแรง
ลินลี่ย์ตอบ “ข้าชื่อลินลี่ย์”
“เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับรีสเจม
เพราะเจ้าทำให้เขามั่นใจจนสร้างสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณให้กับเจ้า?” เจ้าปราสาทโมซี่หัวเราะอย่างใจเย็น
“รีสเจม..สร้างสมบัติเทพปกป้องวิญญาณให้ข้า?” ลินลี่ย์สงสัย
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกหรือ?” โมซี่หัวเราะอย่างใจเย็น “ข้าได้ยินเรื่องการต่อสู้ของเจ้ามาแล้ว เจ้าสามารถฆ่าเทพชั้นสูงได้หลายคน
และยังเอาชนะบอสโลได้
พลังปกป้องวิญญาณของเจ้าต้องแข็งแกร่งอย่างมาก อย่างไรก็ตามเจ้าเป็นเเค่เทพแท้
พลังวิญญาณของเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
วิญญาณของเทพแท้ในแง่คุณภาพยังด้อยกว่าวิญญาณของเทพชั้นสูงมากมายนัก!”
“เป็นเรื่องจริงที่ว่าข้ามีสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณ
แต่แล้วยังไงหรือ?” ไม่ว่ายังไงลินลี่ย์ไม่กล้าพูดว่าเขามีสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ
มิฉะนั้นมีแนวโน้มว่าโมซี่ที่อยู่ข้างหน้าเขาอาจไม่สามารถต้านความโลภได้
“เราไปกันเถอะ” โมซี่หัวเราะ
“เป็นเรื่องยากยิ่งนักกับการสร้างสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณ
เจ้าต้องเข้าใจ ที่สำคัญที่สุด
คนที่ต้องการทำสมบัติปกป้องวิญญาณนี้ต้องมีระดับความสำเร็จเกี่ยวกับพลังวิญญาณสูง ในทั่วทั้งแดนนรก
มีน้อยคนมากที่สามารถสร้างสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณ
อย่างไรก็ตามรีสเจมเป็นหนึ่งในนั้น”
“เจ้าสามารถใช้ทักษะที่เป็นเครื่องหมายการค้าของสนามพลังอะเมทิสต์ได้ เจ้าต้องได้รับการสั่งสอนมาจากเขา ดังนั้นข้าบอกได้เลยว่าสมบัติปกป้องวิญญาณของเจ้าต้องเป็นเพราะเขาช่วยทำให้เจ้า” โมซี่พูดด้วยความมั่นใจอย่างมาก
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
“สนามพลังโน้มถ่วงข้าได้มาจากเขาแน่นอน
นี่เป็นความจริง
แต่สมบัติเทพปกป้องพลังวิญญาณ เขาไม่ได้สร้างขึ้น”
“โอว?” โมซี่มองลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจ
จากนั้นหัวเราะ “ข้าต้องบอกไว้ก่อนเลย
เจ้าช่างลึกลับจริงๆ เด็กน้อย ร่างของเจ้าแข็งแกร่งไม่มีใครเทียบได้
แม้แต่ในบรรดตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ นี่ก็นับว่าหาได้ยากยิ่งนัก และเจ้ายังมีสมบัติปกป้องวิญญาณ
ทั้งมีความสัมพันธ์กับรีสเจม...”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
โมซี่ผู้นี้พูดกับเขามากมายนัก ทำไม?
แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่มีความตั้งใจจะฆ่าเขาเลย
โมซี่เห็นสีหน้าท่าทางของลินลี่ย์ ก็อดหัวเราะไม่ได้
จากนั้นพูดอย่างสบายใจ “เด็กน้อย
ไม่ต้องห่วง เอาแค่เห็นแก่หน้าของรีสเจม ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าแน่
เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าช่างน่าสงสัย ดังนั้นข้าจึงอยากจะสนทนากับเจ้าสักเล็กน้อย”
ลินลี่ย์ถอนหายใจโล่งอก
“ข้าไม่คาดเลยว่าเพราะอสูรอะเมทิสต์น้อย
ทำให้ข้าหลีกเลี่ยงหายนะในวันนี้ได้”
ลินลี่ย์เชื่อหนักแน่นว่าเจ้าปราสาทโมซี่มีพลังอำนาจเหนือตัวเขามากมายนัก
ไม่จำเป็นที่โมซี่จะต้องโกหกเขา ถ้าเขาต้องการจะฆ่าลินลี่ย์
“ทำไมท่านถึงมั่นใจนักว่าข้าเป็นเพียงเทพแท้?” ลินลี่ย์ถาม
“ฮ่าฮ่า...” โมซี่เริ่มหัวเราะทันที “เด็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงในแดนนรกนี้เลย
ต่อให้เจ้าหาไปทั่วพิภพระดับสูงทั้งสี่และเจ็ดโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์
อย่างมากก็มีคนเหนือกว่าข้าในด้านพลังวิญญาณไม่เกินสิบคน! อย่างไรก็ตาม
แม้ว่าพวกเขาจะเหนือกว่าข้าเล็กน้อย
ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะปกปิดพลังของพวกเขาต่อหน้าข้าได้”
ลินลี่ย์ลอบตกใจ
สี่พิภพระดับสูงและโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด... ทั้งหมดรวมกัน
มีไม่เกินสิบคนที่เหนือกว่าโมซี่ในด้านพลังวิญญาณอย่างงั้นหรือ?
งั้นก็หมายความว่า....
ในแดนนรก พลังวิญญาณของโมซี่น่าจะอยู่ในระดับสามสุดยอด! แดนนรกคงอยู่มานานนับปีไม่ถ้วน
และมียอดฝีมืออยู่มากมาย
ขณะที่เทพอสูรหลายคนที่รับตำแหน่งหลังจากเทพอสูรเดิมเกษียณออกไปก็ยากจะนับคำนวณได้
ยอดฝีมือมีทั่วไปเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า!
แต่โมซี่นี้สามารถติดอันดับอยู่ในสามสุดยอดผู้มีพลังวิญญาณงั้นหรือ? น่ากลัวจริงๆ!
“แต่แน่นอนว่ายังมีความเป็นไปได้อื่นอีก” โมซี่หัวเราะ
“เจ้าอาจเป็นมหาเทพ!
นั่นเป็นเพียงทางเดียวที่เจ้ายังหลอกข้าได้บ้าง” ขณะที่กล่าว โมซี่นึกขึ้นได้ทันทีและพลังด้ายสีดำถูกรั้งกลับไป
เขาได้อิสระกลับคืนมา
ลินลี่ย์รู้สึกมีมุมมองต่อโมซี่ในทางที่ดีขึ้น “ท่านเจ้าปราสาทโมซี่ ข้าขอบังอาจถาม
ท่านมีสัมพันธ์ใดกับรีสเจม?”
“เขา?” ประกายตาพร่ามัวเหมือนกับว่าเขานึกย้อนถึงหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต
และจากนั้นประกายตานั้นกลับมั่นคงหนักแน่นอีกครั้ง เขาถอนหายใจ
“รีสเจมกับข้าเป็นแม่ทัพขุมนรกทั้งคู่”
“อย่างที่คิดไว้เลย!” ตอนนี้ลินลี่ย์แน่ใจแล้ว ท่านแม่ทัพที่แกนมอร์ตินพูดถึงก็คือโมซี่ผู้นี้
“แม่ทัพขุมนรก?
แม่ทัพขุมนรกหมายถึงอะไร?”
ลินลี่ย์ถามอย่างสงสัย
“ขุมนรกคืออะไร?”
โมซี่เหลือบมองลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ
“เจ้าไม่รู้กระทั่งเรื่องนี้หรือ?”
ขณะที่โมซี่มอง เนื่องจากลินลี่ย์เหมือนกับจะมีความลับมากเท่าใดกันแน่
เขาน่าจะรู้เรื่องขุมนรก
แต่โมซี่ยังคงตอบ
“ขุมนรกคือสถานที่พิเศษในแดนนรก
ในสถานที่นั้นยอดฝีมือมีอยู่มากมายราวกับเมฆในท้องฟ้า เทพอสูรที่เกษียณตนเอง ยอดฝีมือถือสันโดษและคนอื่นๆ
จะพากันเข้าไปในขุมนรก... ในที่นั้นมียอดฝีมืออยู่มากมายนัก!”
“และแม่ทัพขุมนรกเล่า?”
ลินลี่ย์ยังถามต่อ
“ขุมนรกมีแม่ทัพอยู่ 108 นาย!” โมซี่หัวเราะ
“108
เหมือนกันหรือนี่?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ
“ถูกแล้ว ในแดนนรกมีเทพอสูร 108 และขุมนรกก็ยังมีแม่ทัพ 108
เช่นกัน เทพอสูรในแดนนรกจะปกครองแคว้นทั้งหมด
ขณะที่แม่ทัพขุมนรกจะควบคุมดูแลกองทัพ!” โมซี่อธิบาย
“โอว..งั้น..
งั้นตำแหน่งใดทรงพลังอำนาจมากกว่า? เทพอสูร หรือแม่ทัพขุมนรก?” ลินลี่ย์ถามต่อ
โมซี่ชำเลืองมองลินลี่ย์
“เทพอสูรของแดนนรกและแม่ทัพขุมนรก.. เจ้าไม่อาจระบุได้ว่าใครเหนือกว่า
ทั้งนี้เป็นเพราะทุกคนสามารถเป็นเทพอสูรหรือแม่ทัพขุมนรกล้วนอยู่ใกล้จุดสูงสุดแห่งพลังอำนาจของเทพชั้นสูง
และทุกคนมีความสามารถและพลังโจมตีพิเศษเป็นของตนเอง มีอสูรเจ็ดดาวอยู่มากในแดนนรก
แต่จำนวนของเทพอสูรและแม่ทัพขุมนรกจะถูกจำกัดไว้ตลอดกาล นอกจากนี้พวกเขายังมีการแข่งขันท้าทายกันตลอด เมื่อพ่ายแพ้ก็เกษียณตัวเองออกไป ผู้แข็งแกร่งกว่าก็เข้ารับตำแหน่งต่อไป!”
ลินลี่ย์อดพยักหน้าไม่ได้
“อย่างไรก็ตามเมื่อพูดโดยเปรียบเทียบกันแล้ว 108
เทพอสูรของแดนนรกยังเป็นกันง่ายกว่า
พวกเขาควบคุมตลอดทั้งแว่นแคว้น และไม่เผชิญกับความท้าทายมากนัก แต่แม่ทัพขุมนรกแตกต่างออกไป การสู้รบประหัตประหารกันเป็นเรื่องธรรมดา” โมซี่ถอนหายใจ
ลินลี่ย์ต้องยอมรับว่าอยู่ในแดนนรกมานานแล้ว เขาเห็นอสูรเจ็ดดาวมามาก
และที่เกาะมิลัวร์นี้ก็ยังพบเห็นอสูรเจ็ดดาวได้มาก
กล่าวโดยทั่วไป
เทพชั้นสูงสามารถหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้สี่เคล็ดก็อาจกลายเป็นอสูรเจ็ดดาวได้
แต่ในความเป็นจริง มีบางคนที่หลอมรวมห้าเคล็ด
หรือเกือบจะหลอมรวมได้หกเคล็ดก็มี
แต่แน่นอน
มียอดฝีมือที่สามารถหลอมรวมได้ทั้งหกเคล็ดแล้วกลายเป็นพารากอน
(สุดยอดเทพชั้นสูงผู้หลอมรวมได้ทุกเคล็ด)
ยังมีบางคนเป็นพวกวิญญาณกลายพันธุ์
ขณะบางพวกก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสามารถพิเศษตามธรรมชาติ
บางคนก็เป็นเผ่าพันธุ์ประหลาดที่มีความสามารถตามธรรมชาติที่พิเศษ ขณะที่ยอดฝีมืออื่นอาจจะพึ่งพาสมบัติมหาเทพ
หรือพลังมหาเทพ...
มีเพียงคนพิเศษที่สุดเท่านั้นจึงจะกลายเป็นเทพอสูรในแดนนรก
หรือเป็นแม่ทัพขุมนรก
“สนามพลังโน้มถ่วงของข้าทรงพลังมากอยู่แล้ว
แต่ถ้าเป็นอสูรอะเมทิสต์น้อยลงมือเองเล่า?
นอกจากนี้นั่นเป็นทักษะธรรมชาติของเขา
เมื่อเขาใช้ย่อมจะทรงพลังมากกว่าข้าเป็นสิบเท่าหรืออาจร้อยเท่าก็ได้” ลินลี่ย์ยังคงจำได้ว่าทั่วทั้งเขาอะเมทิสต์เป็นสนามพลังโน้มถ่วงมหึมาซึ่งกินพื้นที่เป็นแสนตารางกิโลเมตร
ระหว่างที่มีการสนทนานี้
ความสัมพันธ์ระหว่างลินลี่ย์กับโมซี่พัฒนาขึ้นไปอย่างเป็นมิตร
“ท่านเจ้าปราสาท! มีบางเรื่องที่ข้าอยากจะขอท่าน”
ลินลี่ย์พูดอย่างจริงใจ
ทารอสกับไดลินตกอยู่ภายใต้การควบคุมวิญญาณ
ชีวิตที่พวกเขาต้องสูญเสียปณิธานของตนเองแบบนี้แย่ยิ่งกว่าตาย
ลินลี่ย์ต้องการปลดปล่อยทารอสและไดลินให้พวกเขาได้มีปณิธานเป็นของตนเอง
“พูดมาได้เลย” โมซี่กล่าว
“ข้ามีสหายอยู่สองคนเป็นผู้ชนะเวทีร้อยศึกทั้งคู่ ข้าเชื่อว่าพวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมวิญญาณ
ข้าหวังว่าท่านเจ้าปราสาทโมซี่จะสามารถคืนอิสรภาพให้พวกเขา”
โมซี่ชะงักเล็กน้อย
ลินลี่ย์ค่อนข้างกังวล
การควบคุมวิญญาณเป็นหนึ่งในวิชาพิเศษที่ท่านผู้นี้เชี่ยวชาญ
ลินลี่ย์ได้แต่หวังว่าท่านผู้นี้จะยอมเห็นแก่หน้าปล่อยสองคนนั้น
“อย่างนั้นก็ได้
บอกชื่อพวกเขามา” ในที่สุดโมซี่พยักหน้า
“คนหนึ่งเป็นเทพชั้นสูงนามว่าทารอส อีกคนเป็นเทพแท้ชื่อไดลิน” ลินลี่ย์รีบกล่าว
โมซี่ถอนหายใจ “ทารอสนั่นข้าเป็นคนควบคุมเขาเอง
เขามีศักยภาพมาก สำหรับไดลิน บริวารคนหนึ่งของข้าเป็นคนควบคุมเขา”
โมซี่ชะงักเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง เมื่อเจ้ากลับไปเกาะมิลัวร์
เจ้าจะพบว่าพวกเขาจะได้รับอิสระทั้งคู่”
“ท่านเจ้าปราสาท ข้าขอขอบคุณท่านจากใจจริง”
ลินลีย์ค่อนข้างซาบซึ้งขอบคุณ ถ้าคนผู้นี้ไม่เห็นแก่หน้าเขา
ก็ไม่มีอะไรที่เขาทำได้
โมซี่หัวเราะอย่างใจเย็น
เขาควบคุมอสูรเจ็ดดาวไว้มากแล้ว
เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ใส่ใจยอดฝีมือระดับรองๆ ลงไปอย่างทารอสและไดลิน
“ไปกันเถอะ
ตอนนี้เจ้าจะเดินลงไปกับข้าได้หรือยัง?”
โมซี่กล่าว
ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน
จากนั้นติดตามเจ้าปราสาทโมซี่กลับเข้าไปในปราสาท
ขณะนั้นเองส่วนของปราสาทที่ได้รับความเสียหายได้รับการฟื้นฟูซ่อมแซม นักรบเกราะดำกลุ่มใหญ่กำลังขนศิลาดำอย่างขะมักเขม้นทำงานกันด้วยความเร็วสูง
“นายท่าน!” ยูไรห์และคนอื่นเข้ามาใกล้และแสดงความเคารพ
เจ้าปราสาทโมซีพยักหน้ารับรู้ จากนั้นบินลงไปกับลินลี่ย์
“ลินลี่ย์ผู้นี้เป็นใคร?” ยูไรห์และอีกสองคนมึนงง เท่าที่พวกเขาเห็น
เจ้านายของพวกเขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับสูงของพิภพแดนนรก
แต่ก็ยังแสดงมิตรภาพต่อลินลี่ย์ นี่เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงจริงๆ
ลินลี่ย์และเจ้าปราสาทโมซี่กำลังบินกลับไป แต่ทันใดนั้น...
“ใต้เท้า, ใต้เท้า!” เสียงเรียกดังแตกตื่น
ลินลี่ย์หันไปมอง
เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้
เนื่องจากเขาเห็นแกนมอร์ตินกำลังบินเข้ามาหาพลางร้องเรียกใต้เท้าอย่างร้อนรน
“โอว, แกนมอร์ติน”
เจ้าปราสาทโมซี่จำแกนมอร์ตินได้ทันที จากนั้นสงสัย “แกนมอร์ติน,
ร่างแยกธาตุลมของเจ้าเล่า?” แกนมอร์ตินเป็นหนึ่งในบริวารชั้นผู้ใหญ่ของเขา
แกนมอร์ตินคำนับด้วยความเคารพ จากนั้นพูดด้วยความโมโห
“ใต้เท้า, เขาทำลายร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมของข้า!” ขณะที่เขาพูด เขาชี้มาที่ลินลี่ย์
“เอ๊ะ?” เจ้าปราสาทโมซี่ขมวดคิ้ว
“เจ้ากับลินลี่ย์สู้กันด้วยเรื่องอะไร?” เจ้าปราสาทโมซี่กล่าว
แกนมอร์ตินรีบรายงาน
“เรียนใต้เท้า, ข้าพบนักสู้วิญญาณกลายพันธุ์ระดับเทพแท้,
ดังนั้นข้าจึงตามจับเขามาให้ท่าน
แต่ใครจะคาดกันเล่าว่าคนผู้นี้เป็นสหายของลินลี่ย์ ดังนั้นลินลี่ย์จึงโจมตีและทำลายร่างแยกธาตุลมศักดิ์สิทธิ์ของข้า”
“วิญญาณกลายพันธุ์ระดับเทพแท้?” เจ้าปราสาทโมซี่ตาเป็นประกาย
ศักยภาพของนักสู้วิญญาณกลายพันธุ์สูงกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์เสียอีก
“เจ้าปราสาทโมซี่
เทพแท้วิญญาณกลายพันธุ์นั้นคือพี่ชายของข้า” นี่คือสิ่งที่ลินลี่ย์พูดได้เท่านั้น
“ใต้เท้า, ท่านต้องแก้แค้นให้ผู้น้อย” แกนมอร์ตินรีบกล่าว
เจ้าปราสาทโมซี่ขมวดคิ้วและเงียบครู่หนึ่ง ทั้งลินลี่ย์
ทั้งแกนมอร์ตินไม่รู้ว่าโมซี่คิดอะไรอยู่
“ตอนนี้ เจ้าไปได้แล้ว!” เจ้าปราสาทโมซี่พูดอย่างใจเย็น
แกนมอร์ตินตะลึง
หน้าของเขาซีดอย่างช่วยไม่ได้
เขารู้อารมณ์ของเจ้าปราสาทโมซี่ดี
อย่างไรก็ตามเขาคำนับด้วยความเคารพทันที
“ขอรับ, ใต้เท้า”
แกนมอร์ตินไม่กล้าพูดต่อไปแม้แต่คำเดียว
เขาเดินออกมาทันที
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจโล่งอก
เจ้าปราสาทโมซี่หันมามองลินลี่ย์ เขาหัวเราะพลางกล่าว “ลินลี่ย์
เจ้าต้องการไปห้องลับชั้นหนึ่งของข้าและดูบันทึกการต่อสู้ของสุดยอดฝีมือไหม?
สถานที่นั้นมีกระทั่งบันทึกการแสดงพลังของมหาเทพด้วยเช่นกัน!”

10 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ยังนึกไม่ออกว่าหมู่หรือจ่า เพราะคดีอาจพลิกช่วงหลังนี่แหละ
งงไปดิแปลกๆนะเนียง่ายไปมะนึกว่าจะได้ฆ่าบอส
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ คดีพลิกเรื่อยเลย
มีแต่คนมีแต่คนเก่งอุปถัมป์ หรือจะขอมาฝึกนะ
ขอบคุณมากครับ
ผมว่าน่าจะชวนเข้าร่วมกลุ่มแน่ คงจะมีศึกใหญ่
แสดงความคิดเห็น