วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Panlong เล่ม 16 ทะเลสตาร์มิสท์ - ตอนที่ 32 พลานุภาพของมหาเทพ


เล่ม 16 ทะเลสตาร์มิสท์ - ตอนที่ 32 พลานุภาพของมหาเทพ
 “มีผลึกบันทึกจริงๆ หรือนี่?”  ลินลี่ย์อดสนใจไม่ได้
ตั้งแต่เขาพบว่าสิ่งที่เรียกว่าบันทึกการต่อสู้ของยอดฝีมือเป็นกับดัก  ลินลี่ย์สงสัยว่าเจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์มีบันทึกการต่อสู้อยู่หรือไม่  แต่จากคำพูดของเจ้าปราสาท ดูเหมือนว่าจะมีของเช่นนั้นอยู่จริง

 “เจ้าจะรู้เมื่อได้เห็น จริงไหม?” โมซี่พูดเป็นนัย
ปราสาทเฮนด์ซีย์ ภายในห้องบัลลังก์ที่กว้างขวาง สองด้านของห้องบัลลังก์จะมีชั้นหนังสือสองสามชั้น  เพียงแต่บนชั้นหนังสือไม่มีหนังสืออยู่บนนั้น แต่กลับมีแก้วผลึกขนาดเท่ากำปั้นวางอยู่หลายลูก
ตอนนี้ลินลี่ย์กับโมซี่อยู่ในห้องบัลลังก์
 “ที่นี่มีผลึกบันทึกทั้งหมด 1628 แต่ละลูกจะมีบันทึกการต่อสู้หนึ่งบันทึก”  โมซี่พูดอย่างสบายใจ  “นอกจากนี้ ผลึกทั้งหมดจะมีคำแนะนำและอธิบายเกี่ยวกับการต่อสู้และเคล็ดวิชาที่ใช้”
ลินลี่ย์จ้องมองแก้วผลึกที่เก็บอยู่ในชั้นหนังสือ ดวงตาทอประกายวูบวาบ มีบันทึกการต่อสู้ของสุดยอดฝีมือในนั้น
 “ในห้องแรก บันทึกส่วนใหญ่จะเป็นบันทึกการต่อสู้ของอสูรเจ็ดดาวชั้นสูง  และยังมีบันทึกการต่อสู้ของเทพอสูรและแม่ทัพขุมนรก  สำหรับบันทึกการใช้พลังอำนาจของมหาเทพ...”  โมซี่ชี้ไปที่มุมห้องด้านหนึ่งซึ่งมีเสาสี่เหลี่ยมตั้งอยู่มีอัญมณีเรืองแสงอยู่ด้านบนเสา “ผลึกบันทึกการใช้พลังมหาเทพอยู่ตรงนั้น  ภายในเสาจะเป็นช่องกลวง เจ้าสามารถเปิดออกได้เหมือนประตู”
ลินลี่ย์ได้แต่สูดหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ตนเอง
สวรรค์โปรด บันทึกการใช้พลังมหาเทพหรือนั่น?  เขาเพียงแต่ได้ยินตำนานของมหาเทพ  แต่ไม่เคยเห็นแม้แต่คนเดียว  ทุกคนบอกว่าพลังของมหาเทพมิอาจขัดขืนได้  ใครจะรู้ว่ามหาเทพทรงพลังเพียงไหน?
 “ข้าจะเริ่มจากบันทึกการต่อสู้ของอสูรเจ็ดดาว”  ลินลี่ย์ไปที่ชั้นหนังสือ
หลังจากก้าวไปข้างหน้าแล้ว ลินลี่ย์พบว่าบนผิวของแก้วผลึกบันทึกทุกลูกที่อยู่บนชั้นวางหนังสือจะมีชื่อบันทึกไว้สองชื่อ
 “นี่เป็นการลดขั้นตอนการหาบันทึกที่ต้องการดู” โมซี่เดินเข้ามาพูดพลางหัวเราะพลาง
 “เข้าใจแล้ว”  ลินลี่ย์กวาดชั้นหลังสือและแก้วผลึกนับสิบ จากนั้นมองดูชื่อที่ติดอยู่บนลูกแก้วผลึก  อสูรเลือดม่วง ประลองกับ อสูรใบไม้เหล็ก’!
 “อสูรเลือดม่วง?”  ลินลี่ย์เข้าไปใกล้ทันที
ลูกแก้วผลึกนี้เก็บบันทึกไว้ภายใน คนใช้จะต้องใช้พลังเทพทำให้บันทึกภายในลูกแก้วฉายภาพออกมาในกลางอากาศ วิธีนั้นหลายๆ คนจะมองดูได้พร้อมกัน  อย่างไรก็ตาม คนผู้เดียวสามารถใช้สำนึกเทพของเขาส่งเข้าไปในลูกแก้วผลึกโดยตรง  ซึ่งทำให้กระบวนการดูเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก
ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพลงไปในแก้วผลึกทันที...
ในพื้นที่ทะเลทราย มีคนนับพันต่อสู้กันไปทั่วทุกที่  ขณะที่ในกลางอากาศ มีสองคนกำลังจ้องมองหน้ากัน คนหนึ่งสวมเกราะดำผมยาวดำเรืองแสงสีฟ้า
อีกคนหนึ่งอยู่ในชุดยาวสีม่วง ผมม่วงยาว และกระบี่ยาวสีม่วงในมือเขา  คนที่รูปร่างคุ้นเคยนั้น ลินลี่ย์เคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว
 “เป็นเขาจริงๆ อสูรเลือดม่วง!  เมื่อลินลี่ย์ใช้สำนึกเทพส่งเข้าไปในบันทึกการต่อสู้ของอสูรเลือดม่วง เขาเห็นภาพหลายภาพ และภาพหลักก็คือภาพของบุคคลผู้นี้  แต่ตอนนี้ลินลี่ย์มั่นใจเต็มที่ 100% แล้ว
 “กระบี่ยาวนั่นก็คือกระบี่เลือดม่วง!
วันนี้เป็นวันที่ลินลี่ย์มั่นใจและแน่ใจว่าเจ้าของเดิมของกระบี่เลือดม่วงของเขาก็คือบุคคลในตำนานผู้นี้ อสูรเลือดม่วง
ไม่มีเสียงในฉากต่อสู้แม้แต่น้อย  มีแต่เพียงบันทึกที่เป็นภาพเท่านั้น
อสูรใบไม้เหล็กและอสูรเลือดม่วงทั้งสองคนเชี่ยวชาญในการใช้ความเร็ว  ลินลี่ย์แค่เห็นยอดฝีมือทั้งสองคนเปลี่ยนไปเป็นภาพเงาเลือนลาง  ไม่ว่าอสูรใบไม้เหล็กจะผ่านไปที่ใด มิติจะเริ่มปล่อยพลังแปลกประหลาด ที่เป็นระลอกสั่นสะเทือนมิติ  เมื่อมองดูแรงสั่นสะเทือนทั้งหมด แรงสั่นสะเทือนก่อตัวเป็นรูปดอกไม้บาน
แสงสีม่วงที่ร้ายกาจเป็นประกายวูบวาบครั้งแล้วครั้งเล่า
 “ควั่บ!
รังสีแสงสีม่วงกระพริบเต็มท้องฟ้า และระลอกมิติขาดครึ่ง และรอยแยกมิติปรากฏ
เพียงแต่ตอนนี้ร่างของอสูรใบไม้เหล็กขยายชัดเจน และเขาร่วงลงจากท้องฟ้า ขณะที่สีหน้าของอสูรเลือดม่วงไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
 “คนทั้งสองคนล้วนมีความเร็วที่น่ากลัว  พลังกระบี่โจมตีของอสูรเลือดม่วง ทรงพลังยิ่งกว่าแลร์มองต์และบอสโล  เมื่อเขาโจมตี เขาจะไม่ทิ้งร่องรอยการกระทำแม้แต่น้อย และมีพลังรุนแรง  เขาไม่จำเป็นต้องเร่งพลังเลย”  ลินลี่ย์สามารถเข้าใจความซับซ้อนของการต่อสู้ครั้งนี้
แค่จากบันทึกการต่อสู้ เขาสามารถบอกได้ว่าพลังโจมตีวัตถุของอสูรเลือดม่วงทรงพลังรุนแรง!  มากยิ่งกว่าพลังโจมตีวัตถุของอสูรเจ็ดดาวที่ลินลี่ย์เคยพบเห็น
หลังจากบันทึกเสร็จสิ้น มีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการต่อสู้นี้
 “คำอธิบายมีรายละเอียดที่ดีมาก”  ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชยหลังจากอ่าน  คำอธิบายนี้อธิบายรายละเอียดของเคล็ดซึ่งตัวนักสู้ใช้ต่อสู้  ถึงตอนนี้ลินลี่ย์ค่อยเข้าใจ “งั้นอสูรเลือดม่วงก็เป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดในวิถีทำลายล้าง”
ลินลี่ย์ลืมตา
 “เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?”  โมซี่ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ห่างออกไป หัวเราะพลางมองดูลินลี่ย์  “มีอสูรเจ็ดดาวมาก แต่คนที่อ่อนแอในที่สุดในกลุ่มพวกเขาหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้สี่เคล็ด ผู้ทรงพลังที่สุดก็เทียบได้กับเทพอสูรของแดนนรกหรือแม่ทัพขุมนรก”
 “แข็งแกร่งมาก”  หลังจากเห็นคำอธิบายของการต่อสู้นี้ ถึงตอนนี้ลินลี่ย์จึงได้เข้าใจว่าอสูรเลือดม่วงนั้นน่ากลัวเพียงไหน
ถ้าเขาต้องเผชิญกับอสูรเลือดม่วง  เขาอาจจบชีวิตก็ได้
 “อสูรเลือดม่วงมีชื่อเสียงมาก และพลังของเขามากเพียงพอจะท้าทายเทพอสูรแดนนรกหรือแม่ทัพขุมนรกได้  ความสำเร็จของเขาในวิถีทำลายล้างอยู่ในระดับที่สูงล้ำ  และเขาเป็นพวกวิญญาณกลายพันธุ์  เขาจึงทรงพลงอย่างแท้จริง”  โมซี่ส่ายศีรษะถอนหายใจ  “น่าเสียดาย ยอดฝีมือประหลาดผู้นี้เดินทางไปแดนโลกธาตุเมื่อหมื่นปีก่อนและถูกฆ่า”
ในใจนั้นลินลี่ย์รู้ดีว่าอสูรเลือดม่วงถูกฆ่าตายในบ้านเกิดของเขาเอง
 “เป็นไปได้ไหมว่าท่านเบรุตจะเป็นคนที่ฆ่าเขา?”  ลินลี่ย์ไตร่ตรอง
ลินลี่ย์ไม่เสียเวลาคิดมาก  เขาฉวยโอกาสไปดูบันทึกการต่อสู้ของยอดฝีมืออื่น รวมทั้งอสูรเลือดม่วง อสูรรอยัลวิง อสูรบลูแจ็คเก็ท และอสูรจันทร์เงิน...
นอกจากบันทึกเหล่านี้แล้วยังมีบันทึกสุดยอดฝีมือระดับเทพจากพิภพอื่นที่ร่วมต่อสู้ด้วย
ผลึกบันทึกการต่อสู้ของเทพอสูรในแดนนรก แม่ทัพขุมนรก..
 “มีแม้กระทั่งบันทึกการต่อสู้ของรีสเจมด้วยเช่นกัน”  ลินลี่ย์แทบไม่รู้จักพวกที่ต่อสู้เลย ดังนั้นเมื่อเขาเห็นของรีสเจม  เขาจึงดีใจเป็นธรรมดา
บันทึกการต่อสู้ของรีสเจมในร่างมนุษย์  เขามองดูคล้ายบุรุษหนุ่มรูปงามคล้ายกับบีบี  เพียงแต่ตลอดทั้งร่างรีสเจมเต็มไปด้วยเกราะอะเมทิสต์ และในการรบรีสเจมอาศัยมือและเท้าของเขาเอง
หมดจดและรุนแรง สนามพลังโน้มถ่วงที่สร้างจากแสงสีม่วงซึ่งรีสเจมใช้ทรงพลังกว่าลินลี่ย์มากมายนัก
 “ทรงพลังมาก” ลินลี่ย์จ้องดูปากอ้าตาค้าง
แม่ทัพขุมนรกอีกคนหนึ่งที่กำลังสู้กับรีสเจม แต่ว่านี่เป็นการสู้ข้างเดียว
ลินลี่ย์ดูบันทึกการต่อสู้เกือบพันลูก ในที่สุดก็มาถึงเสาที่มุมห้องบัลลังก์ ผลักเปิดประตูเสา เขาเห็นว่าข้างในมีผลึกความทรงจำอยู่เพียงสามลูก
 “เจ้าต้องดูแค่หนึ่งในสามแก้วผลึกบันทึกก็พอ” ในที่สุดโมซี่ยืนขึ้นหัวเราะและเดินเข้ามา  “แก้วผลึกบันทึกภาพมหาเทพจัดการกับเทพชั้นสูงคนหนึ่ง และเคล็ดที่พวกเขาใช้แต่ละอย่างล้วนเหมือนกัน”
 “เข้าใจแล้ว”  ลินลี่ย์สูดหายใจลึก จากนั้นส่งสำนึกเทพเข้าไปในแก้วผลึกลูกแรก
นั่นคือทะเลกว้างขวางไร้ขอบเขต  ในที่เหนืออากาศ มีบุรุษชุดดำคนหนึ่ง  คนผู้นี้กำลังหัวเราะเงยหน้าขึ้นมองฟ้า  แต่ใบหน้าของเขากำลังหลั่งน้ำตา  ริมฝีปากของเขากำลังขยับเคลื่อนไหวเหมือนกับว่าพูดอะไรบางอย่าง
สิ่งที่แปลกก็คือ...
ในอากาศเหนือทะเล มีภาพหน้าเลือนรางขนาดมหึมาปรากฏ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากแก่นธาตุอย่างสมบูรณ์
บุรุษชุดดำชี้ไปที่หน้ามหึมาด้วยความโกรธทันที ริมฝีปากขยับไม่หยุด
แววรังเกียจปรากฏวูบขึ้นบนใบหน้ายักษ์ และริมฝีปากของมันขยับเล็กน้อย  ร่างของบุรุษวัยกลางคนชุดดำในกลางอากาศสั่นสะท้าน และจากนั้นเขาร่วงลงจากท้องฟ้า ขณะที่ใบหน้าขนาดมหึมาหายไป
 “นี่น่ะหรือ?”  ลินลี่ย์มองดูคำอธิบายสำหรับบันทึกการต่อสู้  “และบุรุษชุดดำนั้นก็คือเทพอสูรของแดนนรกหรือนี่?”
ลินลี่ย์ถอนสำนึกเทพออกมาจากลูกแก้วบันทึก  ใจของมึนชา
 “หน้ายักษ์มหึมาเป็นมหาเทพหรือ?”  ลินลี่ย์หันไปมองโมซี่
โมซี่พยักหน้า  “ถูกแล้ว”
 “มหาเทพทั้งหมดที่ต้องฆ่าเทพอสูรของแดนนรกก็แค่เพียงขยับปากเท่านั้นหรือ?”  ลินลี่ย์รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไป
โมซี่ถอนหายใจ  “ความประสงค์ของมหาเทพเป็นสิ่งที่ขัดขืนไม่ได้ แม้แต่คนที่ทรงพลังอย่างเทพอสูร  แค่มหาเทพคิดก็ฆ่าเขาได้ง่าย  เมื่ออยู่ต่อหน้ามหาเทพ แม้แต่เทพชั้นสูงที่ทรงพลังที่สุดก็ไม่สามารถต่อต้านได้”
ลินลี่ย์ได้แต่ประหลาดใจ
ไม่ใช่เรื่องการเป็นมหาเทพ แต่ลินลี่ย์ไม่เข้าใจว่ามหาเทพทรงพลังได้ขนาดไหน
ฆ่าเทพอสูรได้ด้วยเพียงคิด?
 “พลานุภาพของมหาเทพเป็นสิ่งที่มิอาจต้านทานได้”  ลินลี่ย์พูดกับตัวเอง
เทียบกับพวกเทพจำนวนนับไม่ถ้วน  มหาเทพอยู่เหนือพวกเขา สามารถฆ่าเทพชั้นสูงใดๆ ก็ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม
 “มหาเทพอยู่ห่างไกลจากเรามาก  ตราบเท่าที่เราไม่ไปยั่วมหาเทพ  พวกเขาจะไม่ลดตัวลงมาฆ่าเจ้า”  โมซี่หัวเราะ
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย  หลังจากเห็นบันทึกการต่อสู้มามากมาย ลินลี่ย์ตื่นตาตื่นใจ  หลังจากสงบจิตใจตนเองได้ ลินลี่ย์กล่าว  “ท่านโมซี่ ข้ารบกวนท่านมานานแล้ว บัดนี้ข้าควรจะกลับได้แล้ว ขอขอบคุณท่านอย่างจริงใจ”
โมซี่หัวเราะและพยักหน้า
ลินลี่ย์คิดอะไรบางอย่างได้ทันที และเขาอดรู้สึกอึดอัดไม่ได้  “ท่านโมซี่ มีอีกเรื่องหนึ่ง”
 “โอว?” โมซี่ขมวดคิ้ว
 “ระหว่างการต่อสู้ที่เกาะมิลัวร์นั้น ข้าสัญญากับแบ็ควิลว่าจะทำงานเป็นผู้อาวุโสชุดแดงชดใช้ร้อยปี และนั่นทำให้ข้าไม่สามารถไปจากเกาะได้โดยไม่ได้รับอนุญาต  แต่ข้าจากบ้านเกิดมานานมากแล้ว และต้องการจะกลับไปให้เร็ว...”  ลินลี่ย์อธิบายต่อ
วันต่อมาที่ตระกูลแบ็คชอว์  ที่พักของลินลี่ย์ ตอนนี้ลินลี่ย์กับยูไรห์เดินเข้ามาที่ประตูคฤหาสน์ด้วยกัน
 “ผู้อาวุโส”  ทหารที่เฝ้าประตูทั้งสองด้านคำนับด้วยความเคารพ
ลินลี่ย์สั่ง “จงไปที่บ้านพักทหารประจำเกาะ ตามทารอส ไดลินและลูกทั้งสองของเขามาที่นี่”  ทหารผู้นี้เคยไปมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าทารอสพักอยู่ที่ใด
 “ขอรับท่านผู้อาวุโส”  ทหารยามออกไปทันที
 “ท่านยูไรห์ ขอโทษที่ต้องรบกวนท่านจริงๆ”  ลินลี่ย์หันไปหัวเราะ
 “ไม่ถือเป็นการรบกวนอะไรเลย”  ยูไรห์ยังคงสุภาพเป็นอย่างดี
หลังจากลินลี่ย์กลับจากปราสาทใต้น้ำเฮนด์ซีย์มาที่เกาะมิลัวร์ เขาพายูไรห์มากับเขาด้วย  ยูไรห์ถือคำสั่งอย่างเป็นทางการของเจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์สั่งถึงแบ็ควิลอนุญาตให้ลินลี่ย์จากไปได้
 “ลินลี่ย์! งั้นข้าจะไปคุยกับประมุขตระกูลแบ็ควิลก่อน”  ยูไรห์จากไปทันที
ขณะที่ลินลี่ย์เข้าไปในที่พักของเขา  เขาเห็นบีบี เดเลีย โอลิเวอร์ ซีซาร์และคนอื่นๆ มาต้อนรับเขา
 “พี่ใหญ่, ท่านบอกว่าเตรียมจะจากไปหรือ?”  บีบีเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาหา
ลินลี่ย์มองดูบีบี เดเลียและสหาย  แม้ว่าเขาจะหายไปวันหรือสองวันโดยไม่ได้พบพวกเขาก็ตาม แต่ระหว่างสองวันที่ผ่านมา เขาเดินผ่านจากห้วงเวลาที่อาจตายได้ในพริบตาและกลายเป็นเรียนรู้มากมายในเหตุการณ์นี้
 “ใช่แล้ว, เรากำลังจะจากไป”  ลินลี่ย์หัวเราะขณะลูบศีรษะบีบี
 “เดเลีย” ลินลี่ย์หันไปมองเดเลีย
 “ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์เห็นแก่หน้าของอสูรอะเมทิสต์น้อย บางทีข้าอาจจะตายไปแล้ว”  ขณะที่เขาคิดเช่นนี้ เขาอดสั่นสะท้านไม่ได้  ลินลี่ย์รั้งเดเลียเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันทีและกอดนางไว้แน่น
 “ลินลี่ย์?” เดเลียถามเบาๆ  นางบอกได้ว่าลินลี่ย์ดูเหมือนมีอารมณ์แปลกประหลาด
 “ข้าคิดถึงเจ้า”  ลินลี่ย์พูดเบาๆ  หน้าของเดเลียแดง แต่นางกระซิบ “โอลิเวอร์และซีซาร์อยู่ที่นี่กันหมดแล้ว” ลินลี่ย์จึงได้ปล่อยเดเลีย  เมื่อเห็นมีสีหน้าเอียงอาย เขาอดหัวเราะดังลั่นไม่ได้
ไซเคิลกำลังเดินไปตามถนน  เมื่อเขามาถึงประตูหน้าคฤหาสน์ของลินลี่ย์  เขาได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากข้างใน
 “โอว, นั่นลินลี่ย์กลับมาแล้ว?”  ไซเคิลจำเสียงของลินลี่ย์ได้  และจากนั้นเขาหัวเราะ  “เขาหยิ่งยโสต่อหน้าข้า  แต่ในที่สุด ก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ตระกูลแบ็คชอว์อีกตัวไม่ใช่หรือ?”  ไซเคิลในฐานะคุณชายของตระกูลรู้ว่าผู้อาวุโสชุดแดงล้วนถูกควบคุมวิญญาณทั้งหมด
ไซเคิลเข้ามาในคฤหาสน์ของลินลี่ย์ทันที
พวกทหารยามที่ประตูไม่กล้าขวางทางไซเคิล
ลินลี่ย์ตอนนี้กำลังหัวเราะพูดคุยกับเดเลีย บีบี โอลิเวอร์และคนอื่น
 “ลินลี่ย์” เสียงดังขึ้นทันที  ลินลี่ย์หันหน้ามอง  ผู้มาใหม่ก็คือไซเคิล
ไซเคิลเชิดหน้าเล็กน้อย และหัวเราะเย็นชาและใช้ประกาศิตมิลัวร์เลือด “เห็นไหม นี่อะไร?”
ลินลี่ย์ทำท่างง
 “ประกาศิตมิลัวร์เลือด มีอะไรหรือ?”  ลินลี่ย์พูดอย่างมึนงง  ครั้งนี้เจ้าปราสาทเฮนด์ซีย์เห็นแก่หน้าเขาเป็นอย่างมากและยอมทำตามทุกคำขอของลินลี่ย์  ลินลี่ย์ไม่ต้องการมีปัญหากับไซเคิลผู้นี้อีก
 “มานี่!  ไซเคิลพูดเย็นชา
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วเดินเข้ามาหา
 “คุกเข่า” ไซเคิลตะโกน
ลินลี่ย์อดทำหน้าเขียวคล้ำมิได้
 “ในนามของประกาศิตมิลัวร์เลือด ข้าขอสั่งให้เจ้าคุกเข่า”  ไซเคิลตะโกนเย็นชา “เร็วเข้า”  ในตระกูลแบ็คชอว์ ผู้อาวุโสชุดแดงผู้ถูกควบคุมให้ต้องรับใช้ เหนือพวกเขาทุกคนคือเจ้าปราสาท  หลังจากนั้นพวกเขาจะเชื่อฟังคนที่ถือประกาศิตมิลัวร์เลือด
ตอนนี้ไซเคิลเพียงแต่ต้องการจะหยามลินลี่ย์ให้อาย สำหรับการฆ่าลินลี่ย์?
เขาจะไม่ทำเช่นนั้น  ขณะที่เขาเห็น ลินลี่ย์ในตอนนี้เป็นสุนัขเชื่องของตระกูลเขา เขาจะทนฆ่าลินลี่ย์ได้ยังไง?
 “ไซเคิล เจ้ากำลังทำอะไร?”  ลินลี่ย์รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องตลก
 “เจ้ากล้าไม่เชื่อฟังหรือ?”  ไซเคิลโกรธ  ไม่มีใครที่ถูกควบคุมวิญญาณกล้าขัดขืนประกาศิตมิลัวร์เลือดมาก่อน
 “สมองของเจ้ามีปัญหาหรือเปล่า”  บีบีตะโกนด้วยความโกรธทันที
 “ไซเคิล!  เสียงตวาดด้วยความโกรธดังขึ้นทันที
ไซเคิลหันหน้าไปมอง เห็นแบ็ควิลบิดาของเขากำลังเดินมาพร้อมกับยูไรห์  ไซเคิลเดินไปหาและพูดด้วยความโกรธทันที  “ท่านพ่อ ลินลี่ย์นั่นกล้าขัดขืนคำสั่งข้า  เขาจะต้องถูกลงโทษ”
 “หุบปากเจ้าซะ!  แบ็ควิลโกรธจัด  หน้าของเขากลายเป็นสีแดง
ไซเคิลตะลึง
แบ็ควิลหันไปมองลินลี่ย์ทันที และฉีกยิ้ม “ลินลี่ย์! ที่ผ่านมาสองสามวันในที่นี้ ข้าไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดี ข้าขอโทษจริงๆ”  เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไซเคิลจ้องมองปากอ้าค้าง
 “ท่านพ่อ ทำไมท่าน...”  ไซเคิลไม่เข้าใจ
ทำไมต้องสุภาพกับคนที่ถูกควบคุมจิตวิญญาณ?
 “บอกว่าให้หุบปากซะ!  แบ็ควิลตะโกนด้วยความโกรธ
หลังจากยูไรห์ส่งมอบคำสั่งแล้ว แบ็ควิลและยูไรห์เดินคุยสนทนาถึงรายละเอียด  ตอนนี้แบ็ควิลเข้าใจสถานะของลินลี่ย์แล้วว่าพิเศษจริงๆ  ถ้าลินลี่ย์เป็นลูกหลานตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ บรรพบุรุษของเขา ลอร์ดโมซี่คงไม่ปล่อยมือแน่
 “ท่านพ่อ, ข้า...” ไซเคิลลืมตัว
 “เผียะ!” แบ็ควิลตบหน้าไซเคิลตรงๆ  “ข้าบอกให้เจ้าหุบปากไงเล่า!  แรงตบจากแบ็ควิลคราวนี้เรียกสติไซเคิลกลับคืนมา  ไซเคิลหลบไปยืนข้างหนึ่งทันทีไม่กล้าส่งเสียงขึ้นอีกเลย
 “ท่านแบ็ควิล, ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้เลย” ลินลี่ย์คาดเดาได้ว่าไซเคิลคงนึกว่าเขาถูกควบคุมวิญญาณเหมือนกับคนอื่น
แบ็ควิลฝืนยิ้ม  “ลินลี่ย์, ลูกชายข้าบางครั้งก็ย่ามใจนึกว่าคนอื่นอยู่ใต้อำนาจตนเองทั้งหมด  บางทีก็ต้องลงโทษสั่งสอนกันบ้าง  ลินลี่ย์! ข้าทราบเรื่องทุกอย่างจากยูไรห์แล้ว  น่าเสียดายที่เจ้าไม่พักต่ออีกสักสองสามวัน ก็เตรียมจะจากไปเสียแล้ว  ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
 “ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้จริงๆ  ข้ามีธุระจะต้องไปจัดการ”  ลินลี่ย์กล่าว
 “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าจะไม่รั้งเจ้าให้อยู่อีกต่อไป  ลินลี่ย์! เจ้าไปได้ตามใจชอบ..แต่แน่นอน ถ้าเจ้ากลับมาที่เกาะมิลัวร์ของข้าเมื่อใด ข้าพร้อมต้อนรับทุกเมื่อ”  แบ็ควิลพูดอย่างเป็นกันเอง
 “แน่นอน แน่นอน” ลินลี่ย์หัวเราะ
ทันใดนั้นลินลี่ย์หันหน้าไปมอง เห็นทารอส ไดลินและลูกๆ ทั้งสองกำลังเดินเข้ามา  ทารอสและไดลินเห็นลินลี่ย์ก็ดีใจและละอายใจ  อารมณ์ของพวกเขาดูซับซ้อน
พวกเขาต้องการพูดบางอย่าง  แต่เมื่อแบ็ควิลอยู่ด้วย พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรในตอนนี้
 “ฮะฮะ ไดลิน, ทารอส!” ลินลี่ย์หัวเราะและเดินเข้าไปหาทันที  “ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว!
 “ถูกแล้ว, ทุกอย่างจบแล้ว” ทารอสและไดลินน้ำตาคลอเบ้า  พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมวิญญาณ  แต่ตอนนี้พวกเขาได้รับอิสระ  อิสระที่พวกเขาสูญเสียไปแล้วได้กลับคืนมา ต่อให้เป็นบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังมีอารมณ์ความรู้สึก  ยิ่งกว่านั้น พวกเขารู้ว่าเหตุผลที่พวกเขาได้รับอิสระนั้น เป็นเพราะลินลี่ย์
 “ฮ่าฮ่า, ไปกันเถอะ ได้เวลาเดินทางต่อ!
ลินลี่ย์จ้องมองในท้องฟ้าทิศอาคเนย์  “ได้เวลากลับไปยังแคว้นอินดิโกกันแล้ว!

14 ความคิดเห็น:

Dearwy กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

มาที่นี้ระทึกเหลือเกินแต่จบด้วยดี ขอบคุณครับ

WingF กล่าวว่า...

ดีมาดีตอบนะจ๊ะ อนาคตอาจอนาคตอาจได้ทดแทน

Ko Surapong กล่าวว่า...

จบเพราะรีเจมล้วนๆ สงสัยน่าจะใกล้ขึ้นตอนใหม่แล้ว

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ พบพานมิตรสหายหลังจากเกือบฆ่ากันช่างโชคดีจริงๆตามลุ้นมาตั้งหลายตอน ว่าแต่เหตุผลใดจึงยอมปล่อยลินลี่ย์หนอ

Unknown กล่าวว่า...

เจมเจม น่าจะอยู่ระดับสูงกว่า โมซี่ย์ ไม่งั่นคงไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ โชควาสนาจริงๆ

pmt กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Piyawat กล่าวว่า...

ปู่เบรุตน่าจะเก่งที่สุดรองจากมหาเทพแล้วละมั้งเนี่ย

pmt กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

เขากำลังซึ้งๆ ไซเคิลมาเล่นตลกเฉย 555

samchay กล่าวว่า...

จะจบปัญหาก็ง่ายสะ

Piyawat กล่าวว่า...

รีสเจมเก่งแต่เบื้องหลังรีสเจมยิ่งใหญ่มาก

แสดงความคิดเห็น