วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 908 สามกระบี่พิโรธ, ความจริง


ตอนที่  908  สามกระบี่พิโรธ, ความจริง
สามวันต่อมา
 
ภูเขาน้ำแข็งตระหง่านมั่นคงถูกผนึกมิติหลุมดำกลืนกินไปถึงหนึ่งในสิบ มองดูเหมือนสัตว์ประหลาดร้ายอ้าปาก
ผนังน้ำแข็งขนาดยักษ์เปิดเป็นทางอุโมงค์ผลึกน้ำแข็งให้เย่ว์หยางเข้าไปถึงหมื่นเมตรจนถึงใจกลางภูเขาน้ำแข็ง  มิติหลุมดำยังคงน่ากลัวเหมือนเคย เหมือนกับเป็นหลุมที่ไม่มีวันเติมเต็ม  เย่ว์หยางเข้าไปในมิติหลุมดำ แต่ก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำดิน น้ำแข็งหมื่นปีละลายลอยอยู่ทั่วทุกที่... ถ้าไม่ใช่เพราะเจตจำนงของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี น้ำแข็งหมื่นปีคงกระจายหายไปในเวลาไม่กี่นาที  แต่ภายใต้ประสงค์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี แม้แต่น้ำแข็งเท่าปลายนิ้วมือ ยังต้องใช้เวลามากขึ้นเป็นสิบนาทีกว่าจะละลายหายไป ไม่ต้องพูดถึงชิ้นน้ำแข็งใหญ่ขนาดเป็นร้อยเมตร
การเปลี่ยนมิติหลุมดำไปเป็นโลกหิมะน้ำแข็งของนางเป็นความต้องการของนาง และนางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้สาบานเอาไว้
ด้วยความช่วยเหลือจากเย่ว์หยางที่ด้านนอกอีกแรงหนึ่ง  นางมีเวลาและพลังงานที่ได้รับจากการดูดกลืนพลังด้านนอกก่อนที่มันจะละลายสลายไปกลายเป็นพลังน้ำแข็งที่นางสามารถควบคุมได้ดังใจ
มิติหลุมดำ พลังดูดกลืนทำให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้รับการดูดซับพลังมากขึ้น
ก่อนหน้านี้พลังของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีถูกดูดกลืนไปกับหลุมดำ
ตอนนี้ด้วยพลังน้ำแข็งหมื่นปีที่เย่ว์หยางชักนำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นางพญาเฟ่ยเหวินหลีจึงค่อยตัดสินใจท้าทายพลังผนึกของมิติหลุมดำ
 “เป็นวิญญาณนักรบที่สูญเสียสำนึกหรือ?”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีฟังเย่ว์หยางอธิบายสถานการณ์ และมีความรู้สึกแปลกเล็กน้อย  “นอกจากแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีเทพที่ถูกฝังอยู่ในที่อื่น!  นอกจากนี้ ประกายเทพที่น่ากลัวยังแผ่ออกมา  สำนึกศักดิ์สิทธิ์ของเทพจะไม่หายไปง่ายๆ  สถานการณ์เช่นนี้กลับตาลปัตร ข้าเองก็ยังสับสนอยู่เช่นกัน!
 “แพนดอราแน่ใจมาก”  เย่ว์หยางยังคงสงสัย  แต่ก็เชื่อวินิจฉัยของแพนดอรา ที่สำคัญคือนางคืออดีตเทพธิดาแห่งโชคร้าย
 “อย่างนั้น..เจ้าต้องระมัดระวังสำนึกเทพตอบโต้ให้มากเข้าไว้”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีกระตุ้นเตือนเขา
 “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็แค่ต้องใช้ปราณกระบี่ทดสอบ”  เย่ว์หยางอยู่ในระดับนักสู้ปราณราชันย์แล้ว กระบี่ดำกุยจ้าง กระบี่ขาวซวงหัวและกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนมีพลังเพิ่มขึ้นอีกมาก บวกกับวงจักรล้างโลก กับวงจักรนิรันดรคู่กันรวมทั้งเพลิงอฤตก็มีพลังเพิ่มขึ้น  เย่ว์หยางมีความมั่นใจไม่กลัวการลอบโจมตีของสำนึกศักดิ์สิทธิ์ลับ  เมื่อสูญเสียร่างเทพไป เทพเจ้าที่น่าเกรงขามคงไม่สามารถเรียกพลังที่น่ากลัวกลับมาได้
 “ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้ามีความมั่นใจมากกว่าแต่ก่อน!  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีชื่นชมเย่ว์หยางเล็กน้อย
ตอนนี้เย่ว์หยางมีแผนดำเนินการสองอย่าง
เมื่อเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจับคู่กันฝึกฝนพลังปราณคู่รัก  อย่างนั้นเขาจะใช้สนามพลังสร้างโลกชักนำผนึกมิติหลุมดำ วิธีนี้เย่ว์หยางจะมีความเชี่ยวชาญในการควบคุม แต่ระยะทำการไม่มาก  จะดูดซับแนวกำแพงน้ำแข็งหนึ่งกิโลเมตรในแต่ละครั้งจนหมด
แผนที่สองก็คือเมื่อสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ร่วมมือกับเย่ว์หยางฝึกฝนพลังคู่รัก เขาจะดึงสำนึกเทพในตัวนางออกมาใช้
แม้ว่าร่างเทพและประกายเทพของนางไม่คงอยู่ต่อไป แต่พลังเทพโชคร้ายและสำนึกศักดิ์สิทธิ์ของนางยังทรงพลังอย่างแน่นอน
ครั้งนี้เย่ว์หยางใช้วิธีควบคุมเกินพิกัดพลังตามข้อเสนอของเสวี่ยอู๋เสีย
ชักนำมิติหลุมดำให้มากเท่าที่เป็นไปได้  ขยายระยะออกไปให้ไกลเท่าที่ทำได้
จากนั้นเย่ว์หยางก็ยกเลิกการควบคุมและปล่อยให้ผนึกมิติหลุมดำหายไปในพื้นโลกเดิม... ผลของการกระทำเช่นนี้ก็คือหลุมดำไม่เพียงแต่กลืนกินพลังหิมะน้ำแข็งโดยรอบเท่านั้น แต่มันยังฉีกและกลืนพื้นโดยตรง   ถ้าเย่ว์หยางหนีไม่เร็วพอ ก็ง่ายต่อการถูกกำจัดเข้าไปในมิติ และทำให้พื้นที่มิติแตกสลายเสียหาย... โชคดีที่พลังของผลึกหลุมดำที่น่ากลัวที่สุดจะไม่ทำร้ายเย่ว์หยาง  มิฉะนั้นเขาคงไม่วางใจใช้แผนนี้แน่นอน!
และนอกจากนี้ แผนนี้ยังมีผลเสียอีกประการหนึ่ง
เนื่องจากหลุมดำหายเร็วเกินไป  มันไม่สามารถกลืนกินพลังน้ำแข็งหมื่นปีได้อย่างสมบูรณ์ จึงไม่ใช่เรื่องดีต่อกับการทำลายภูเขาน้ำแข็ง
อย่างไรก็ตาม วิธีการปล่อยการควบคุมนี้ ใช้สำหรับดึงดูดหิมะน้ำแข็งที่อยู่บนพื้น
เย่ว์หยางเคยเทเลพอร์ตส่งออกไปอยู่ในพื้นที่ว่าง
เขาจึงเลือกใช้แผนนี้
ผลก็คือพลังงานน้ำแข็งและหิมะหลายหมื่นปีถูกกลืนหายไปตลอดแนว และแม้พื้นที่มิติก็ยังฉีกขาด และพื้นที่คงจะไม่ฟื้นฟูเป็นเวลานาน
สิบวันต่อมา
เหตุการณ์ยังปกติไร้เรื่องราว
เย่ว์หยางเพิ่งเสร็จสิ้นงานในตอนกลางวัน กลับมาพร้อมกับสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์จากการเทเลพอร์ตไปที่ไกล แต่ทันใดนั้นเขาเห็นที่เชิงภูเขาน้ำแข็ง ขุนพลเทพธิดาวายุกำลังสู้กับใครบางคน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตวาดอย่างดุดัน และปราณของดาบเทพจักรพรรดิอวี้พุ่งชี้ขึ้นไปในท้องฟ้า
 “เกิดอะไรขึ้น?”  เย่ว์หยางพบว่าเสวี่ยอู๋เสียได้รับบาดเจ็บล้มอยู่บนพื้น เลือดไหลออกจากปากของนาง เย่ว์หยางคว้านางและกอดไว้ในอ้อมแขน
ทันทีที่เขากอดนาง เย่ว์หยางตกใจ  ร่างของนางเย็นเฉียบเหมือนก้อนน้ำแข็ง
ขณะเดียวกันเขาพบว่าพลังความเย็นนี้ไม่ใช่ว่าเป็นพลังที่ควบคุมไม่ได้ แต่พลังรุกเข้ามาอย่างอธิบายไม่ได้
ใครกันที่สามารถโจมตีเสวี่ยอู๋เสียผู้มีสนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์ได้?  เย่ว์หยางโกรธตรวจดูสนามรบที่นางต่อสู้   เขาพบเงาสีทองที่ถูกผนึกในภูเขาน้ำแข็ง   มองลึกลงไปในผนึก มันโจมตีตอบโต้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน และสร้างโซ่น้ำแข็งมัดขุนพลเทพธิดาวายุ
ในเวลานี้ภูเขาน้ำแข็งไม่เหมือนกับเมื่อก่อน  ไม่ทราบว่ามีพลังกฎสวรรค์แปลกประหลาดทั้งภายในและภายนอกตั้งแต่เมื่อไหร่  ดูเหมือนสิ่งนั้นจะคอยป้องกันสิ่งที่อยู่ข้างใน
ภูเขาน้ำแข็งนี้ใช้ผนึกใครไว้ข้างใน?
แปลก, เขาละเลยจักษุญาณทิพย์และคัมภีร์แห่งสัจจะของเสวี่ยอู๋เสียได้ยังไง?
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้มีสัมผัสที่หกแข็งแกร่งที่สุด  แม้แต่แพนดอราผู้มีความสามารถทำนายถึงความตายได้ ก็ยังไม่เห็นความคงอยู่ของเขา  คนผู้นี้เป็นใคร?
ความสงสัยมากมายผุดขึ้นมาในใจของเย่ว์หยาง แต่เขาคิดไม่ออก  อาการบาดเจ็บของเสวี่ยอู๋เสียกระตุ้นให้เขามีความรู้สึกแค้นเทียมฟ้า  ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร จะเป็นเทพหรือมนุษย์ก็ตาม บังอาจทำร้ายสตรีที่เขารัก มันผู้นั้นจะต้องถูกฆ่า!  มันต้องตาย
ปราณกระบี่ดำกุยจ้าง, กระบี่ขาวซวงหัวและกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนถูกดึงออกมาทั้งหมด
เย่ว์หยางถูกกระตุ้นจนโกรธแค้น สตรีที่เขารักได้รับบาดเจ็บ
เขาเหาะขึ้นไปในท้องฟ้าและบินเข้าไปหาองค์เชี่ยนเชี่ยนที่กำลังโกรธแค้นและเข้าไปหาขุนพลเทพธิดาวายุที่กำลังต่อสู้อย่างกล้าหาญโดยไม่สนใจฝ่ายตรงข้ามเลย แนวเส้นหมื่นสาย เขายกกระบี่ชี่เสี่ยวเหลียนจากนั้นฟันใส่จนขาด
เย่ว์หยางตาแดง และระเบิดพลังรุนแรงใส่ผนังน้ำแข็งที่หนา
ด้วยพลังกระบี่กุยจ้างที่มีปณิธานราชันย์ สามารถทำลายได้ทั้งผนังและคน.. องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่อยู่ด้านหลังมองตะลึง  เท่าที่รู้ก่อนนั้น ไม่ว่านางจะใช้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้อย่างไรก็ตามก็ยังไม่สามารถฟันเปิดพื้นที่ผนังน้ำแข็งได้ และตอนนี้เย่ว์หยางใช้กระบี่ฟันผนังน้ำแข็งด้วยความโกรธ ทลายผนังพังเป็นทางยาวเกือบหนึ่งกิโลเมตร แค่นี้ยังไม่พอ  เย่ว์หยางคลั่งจะไม่มีเหตุผลมาก่อน ไม่มีการไตร่ตรองแม้แต่น้อย ไม่ว่ากำแพงน้ำจะมีขนาดหลายสิบเมตรหรือไม่ก็ตาม หรือไม่ว่าศัตรูจะซ่อนตัวลึกอยู่ในกำแพงน้ำแข็งก็ตาม  เขายังคงใช้ปราณกระบี่ทั้งสามได้อย่างสมบูรณ์
กระบี่ขาวซวงหัว!
ถ้ากระบี่ขาวซวงหัวใช้โจมตีสตรีอย่างหลิวเย่ เย่ว์หวี่และแม่สี่  อย่างนั้นกระบี่ขาวซวงหัวจะไม่มีพลัง และอาจช่วยฟื้นฟูพวกนางให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามถ้าใช้โจมตีความชั่วหรือปีศาจเจ้าเล่ห์  อย่างนั้นกระบี่ขาวซวงหัวจะมีพลังยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ไม่มีสิ่งใดเปรียบปราน!
มือขวาของเย่ว์หยางแทงอยู่เหนือกำแพงและแทงทะลุ
กระบี่ขาวซวงหัวต่างจากกระบี่ดำกุยจ้าง ไม่เพียงแต่โจมตีผิวชั้นน้ำแข็ง เหมือนกระบี่ดำกุยจ้าง แต่ยังไม่ถูกหักเหแสงจากผลึกน้ำแข็ง แม้จะไม่ส่งผลต่อกฎสวรรค์ในผนังน้ำแข็งโดยตรงกับดาบแสง แต่พอถูกเงาสีทองก็หายไปทันทีเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดอะไรมาก่อน
เสวี่ยอู๋เสียบาดเจ็บสาหัส เย่ว์หยางยังไม่เห็นศัตรู เขาใช้กระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนฟันอย่างบ้าคลั่งจนน้ำแข็งแตกออกมาอย่างมากมาย
ในที่สุดเขากลับมาพร้อมกับความแค้นแน่นอก
 “แปลก! นางไม่ได้เป็นอะไร แต่มีพลังบางอย่างกำลังหลอมรวม...” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกอดเสวี่ยอู๋เสียและสำรวจร่างนาง แต่พบว่าอาการบาดเจ็บของนางไม่ได้เกิดจากถูกลอบทำร้าย  เย่ว์หยางหายคลั่งและเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย เขาแทบจะทรุดตัวกับพื้นน้ำแข็งแต่ยังเข้ามาอุ้มเสวี่ยอู๋เสีย เมื่อเขาถ่ายทอดปราณกระบี่บริสุทธิ์เข้าไป เขาพบว่าอาการบาดเจ็บของนางทุเลาลงจนดีขึ้น ถ้าไม่มีเลือดอยู่ที่ริมฝีปาก จะดูเหมือนกับว่านางไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลย  ที่สำคัญที่สุดคือเย่ว์หยางพบสถานการณ์เดียวกัน  ร่างของเสวี่ยอู๋เสียมีการผสานกับพลังบางอย่าง  และพลังนี้เหมือนกับพลังน้ำแข็งดั้งเดิมของนาง
 “แพนดอรา! เจ้ามองเห็นอะไรบ้างไหม?”  เย่ว์หยางพบว่าจักษุญาณทิพย์ของเขาครั้งแรกตรวจไม่พบอะไร เขามองไปทางแพนดอรา
 “บางที, ข้าอาจผิดพลาดไปก่อนนั้น ไม่เพียงแต่มีผนึกอยู่ในภูเขาน้ำแข็ง...แต่อาจมีผนึกเทพสองอย่างอยู่ในภายใน  ผนึกหนึ่งสิ้นเปลืองสำนึกเทพไปมากมาย แต่ผนึกหนึ่งมีประกายเทพและยังข่มอีกผนึกหนึ่งอยู่” แพนดอราในร่างสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ไม่มีทางเข้าใจความจริงทั้งหมด จึงต้องคาดเดาที่เหลือ
 “ตอนนี้เราจะต้องทำยังไง ถึงจะฆ่าเทพที่เหลือได้?”  เย่ว์หยางแค่ต้องการคำตอบ
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทพ ตราบใดที่กล้าทำร้ายสตรีของเขา มันต้องตาย!
แพนดอราลังเลเล็กน้อยจากนั้นส่ายหน้า  “ข้ามองไม่เห็นเหมือนกัน  บางทีอาจเป็นเรื่องดีก็ได้  แม้ว่าข้าจะเคยทำให้คนพบกับหายนะได้ แต่ข้ามีความรู้สึกกล้าแข็งว่าจะมีโชคดีมากกว่า”
เย่ว์หยางมึนงง  สาวหิมะถูกศัตรูทำร้ายบาดเจ็บ กลับได้รับโชคดีอย่างนั้นหรือ?
ถ้าไม่ใช่เพราะแพนดอราอดีตเทพธิดาแห่งโชคร้ายบอกเย่ว์หยางอย่างนั้น เขาคงคิดว่านางเป็นบ้า
ศัตรูเร้นลับ
ต่อให้อยากฆ่าแต่ก็หาไม่พบ
เย่ว์หยางพาเสวี่ยอู๋เสียกลับมายังโลกคัมภีร์อัญเชิญ  แต่ด้วยวิธีการนี้เห็นได้ชัดว่าพลังงานที่ส่งผลต่อเสวี่ยอู๋เสียถูกตัดออกไป  เย่ว์หยางพูดคุยปรึกษากับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน จะต้องพาเสวี่ยอู๋เสียออกมาและอยู่ให้ห่างจากภูเขาน้ำแข็งให้มากเท่าที่เป็นไปได้  และกักพลังงานสีทองไว้ภายใน ไม่ให้มีโอกาสโจมตีอีก
หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ขนตางอนของเสวี่ยอู๋เสียเริ่มสั่นเต้น
ในที่สุดนางกำลังจะฟื้นขึ้น
เสวี่ยอู๋เสียกรีดร้องขณะที่นางยังไม่ลืมตา “อย่าสู้, อย่าสู้  อย่าทำร้ายมัน...”
เย่ว์หยางกระวนกระวายกอดนางไว้แน่น  “ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้ อู๋เสีย, ไม่ต้องกลัว!  เสวี่ยอู๋เสียตื่นขึ้นเต็มที่ เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหน้าคือเย่ว์หยาง นางยิ้มและหัวเราะ  เย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพากันงง สาวหิมะนี้ไม่ได้วิกลจริตกระมัง? ถูกลอบทำร้ายก็ยังหัวเราะอยู่ได้อีกหรือ? พวกเขาไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องราวได้
 “วางใจได้  ข้าไม่ได้บ้า, และสมองของข้าก็ไม่ได้รับความกระทบกระเทือน!  เสวี่ยอู๋เสียโอบแขนกอดคอเย่ว์หยางพยายามระงับความตื่นเต้นให้มากเท่าที่เป็นไปได้ จนเย่ว์หยางและองค์เชี่ยนเชี่ยนตกใจ  นางยิ้มให้ “ความจริงไม่มีใครโจมตีข้า, ถูกแล้ว ข้าพบศัตรู แต่เจ้าผู้นั้นไม่ได้ทำร้ายข้า เจ้ารอสักเดี๋ยว ให้ข้าพูดก่อน  ความจริงนั่นเป็นเรื่องง่ายมาก  ข้ารู้สึกถึงผนึก  ศัตรูต้องการให้ข้าโจมตีผนึก แต่ข้ารู้สึกได้ถึงพลังกฎสวรรค์ของเทพอีกสายหนึ่ง  ดังนั้นข้าจึงถูกพลังสะท้อนกลับโจมตีได้รับบาดเจ็บ ศัตรูไม่ได้โจมตีข้า  มิฉะนั้นเจ้าผู้นั้นจะฉวยโอกาสหลบหนีไปได้”
“เจ้าไม่พูดให้เร็วกว่านี้...”  เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเยียบเย็น  เขาถล่มภูเขาน้ำแข็งจนพังทลายไปแล้ว!

5 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

นั่นสินะ...ป่านนี้เจ้าตัวรา้ยนั่นคงหนีไปไหนแล้ว

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆครับ

chay กล่าวว่า...

555 พี่เย่โมโหจนหน้ามืดตามัว

แสดงความคิดเห็น