วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 919 กำเนิดใหม่ดาบจันทร์เสี้ยว


ตอนที่  919  กำเนิดใหม่ดาบจันทร์เสี้ยว
หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงกลับไปยังป้อมสายฟ้าในหอทงเทียนชั้นที่หก ปล่อยให้เจ้ากบจัดด์และจุนอู๋โหย่วกระวนกระวาย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกับเย่ว์หยางไปฝึกฝนที่หอทงเทียนชั้นสิบกับเย่ว์หยาง และยังไม่ออกมาจากพื้นที่พังทลายของโลกเก่าโบราณ
 
ช่วงเวลากลางวันเย่ว์หยางจะนำน้ำแข็งกลับเข้าไปในมิติหลุมดำด้วยพลังกฎสวรรค์น้อย
การส่งน้ำแข็งจำนวนมากเข้าไปช่วยให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีสร้างโลกน้ำแข็งของนางได้อย่างรวดเร็ว  ในเวลาเย็นเขาจะกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์อย่างเหนื่อยล้าและเพลิดเพลินกับการนวดเฟ้นของสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์  ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอารมณ์ดีมาอาบน้ำร่วมกับเขา  เขายังไม่กล้าใช้มือซุกซนแตะต้องนาง มิฉะนั้นนางจะกัด วันดีคืนดีผ่านไปวันแล้ววันเล่าถึงสิบวัน แต่เสวี่ยอู๋เสียยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น...”
เย่ว์หยางคาดว่าสาวหิมะผู้นิ้จะต้องใช้เวลาหลอมรวมกับประกายเทพที่ไม่รู้จักเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งปี
ทั้งนี้เมื่อเขาถ่ายทอดปราณแท้ของเขาให้นางทุกวัน
ประกายเทพที่ไม่รู้จักนั้นทรงพลังเกินไป
จนกระทั่งบัดนี้เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมนักรบผู้มีประกายเทพแข็งแกร่งขนาดนั้นถึงได้ผนึกชี่เทียนเหอไว้?
 “สาวหิมะโชคไม่เลวเลย นอกจากได้ประกายเทพแล้ว  คัมภีร์แห่งสัจจะยังเลื่อนระดับเป็นสมบัติวิเศษชั้นเทพ มีแต่ข้าที่ไม่ได้อะไรเลย!  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอดอิจฉาไม่ได้  ในการต่อสู้ครั้งนี้ นางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้น้ำแข็งจากโลกน้ำแข็ง  เสวี่ยอู๋เสียได้รับประกายเทพ  เย่ว์หยางได้อักขระรูนอมตะ  มีเพียงนางที่ไม่ได้อะไรเลย
 “แม่เสือสาว, ยังมีโอกาสให้เจ้าในครั้งต่อไป!  เย่ว์หยางรีบปลอบโยนนาง
 “เจ้ามาให้ข้ากัดคืนเสียดีๆ”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเรียกร้องเหลือเกิน
 “หือ...”  เย่ว์หยางทึ่ง  นี่หมายความว่ายังไง?
 “ข้าโกรธ”  คำร้องขอขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเย่ว์หยางไม่สามารถตอบสนองได้แน่  เพราะเย่ว์หยางพิชิตนางด้วยกำลังป่าเถื่อน ใช้วิธีบังคับจูบนางจนนางไม่มีทางกัดตอบ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้รับสมบัติวิเศษ   เย่ว์หยางรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง  และแม่เสือใช้ความพยายามอยู่มาก  เขาจึงอดรู้สึกผิดต่อนางไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงยอมเสียเวลามากขึ้นเพื่อช่วยปรับแต่งดาบเทพจักรพรรดิอวี้ให้นาง  อย่างไรก็ตามการโค่นทำลายภูเขาน้ำแข็ง ทำให้เขาแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงทำงานอย่างอื่น
เย่ว์หยางตัดสินใจเช่นนี้  หากเป็นเมื่อก่อนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคงไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
ตอนนี้หลังจากเย่ว์หยางจูบนาง  นางมีแต่จะใจอ่อนลงทุกวัน
ไม่มีการขึ้นเสียงดังเหมือนอย่างเมื่อก่อน
นางเก็บงำความคิดและให้เย่ว์หยางตัดสินใจ
มีปัญหายากลำบากอย่างหนึ่งก่อนที่จะช่วยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปรับแต่งดาบเทพจักรพรรดิอวี้ นั่นคือนางยังไม่มีวิธีใช้ที่เข้ากันได้กับตัวดาบเอง... ต้องทราบไว้ก่อนว่าเมื่อดาบเทพยอมรับเจ้านาย นั่นก็คือเย่ว์หยาง  อย่างไรก็ตามเพราะความคิดปณิธานของจักรพรรดิอวี้ คนที่ได้ใช้จึงเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน  อย่างไรก็ตามถ้าเย่ว์หยางสลายปณิธานของจักรพรรดิอวี้ที่แฝงอยู่ในดาบเทพได้ ดาบเทพใหม่จะยอมรับเย่ว์หยางได้เต็มร้อย และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะไม่สามารถหลอมรวมกับพลังดาบได้ ไม่สามารถใช้อย่างนี้ได้  แต่บัดนี้เย่ว์หยางทรงพลังมากขึ้น รอให้ตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ได้รับการขัดเกลาปรับแต่งอย่างสมบูรณ์กลายเป็นผนึกเทพของเขาเอง ถึงเวลานั้นจะแข็งแกร่งมากกว่าดาบเทพเสียอีก
แน่นอนว่าเย่ว์หยางยังหวังให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้ดาบเทพต่อไป
นักรบหญิงผู้กล้าหาญสวมชุดเกราะ ทำให้นางดูน่ารักจริงๆ
นั่นเป็นเครื่องแบบที่ซ่อนรูปจากสายตาโดยที่เย่ว์หยางไม่ได้พูดอะไร  เขาวาดฝันว่าสักวันเขาจะพิชิตกายและใจนางทั้งชุดเกราะนักรบได้ นั่นถือได้ว่าเป็นชัยชนะที่แท้จริงของเขา
 “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? น้ำลายยืดเชียว!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทุบเย่ว์หยางที่กำลังฝันกลางวันและแสดงท่าทีที่น่าเกลียด
การทุบครั้งนี้ดึงสติเย่ว์หยางกลับมาทำตัวเรียบร้อยได้ แต่กลับทำให้เขามีแรงบันดาลใจบางอย่างอยู่ในหัว
ความจริงไม่ใช่เพิ่งจะมีตอนนี้เท่านั้น
เขามีความคิดที่คล้ายกันนี้อยู่ก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตามในเวลานั้น พลังของเขายังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ และความเชี่ยวชาญของเขายังต่างจากปัจจุบัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือยังไม่มีวัตถุดิบเพียงพอ  แม้ว่าเขาจะมีความตั้งใจ  แต่เขาไม่สามารถทำให้สำเร็จได้  ดังนั้นเย่ว์หยางจึงเก็บงำความคิดนั้นไว้เป็นเวลานาน  วันนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทุบเรียกสติเขา ทำให้เย่ว์หยางนึกขึ้นได้ถึงแนวคิดพัฒนาต่อไปในอนาคต  “อา อา อา... ข้านึกออกแล้ว  ก่อนที่ข้าจะช่วยเจ้าปรับแต่งดาบเทพจักรพรรดิอวี้  ข้าต้องทำการทดลองก่อน เพื่อความแน่ใจและสร้างสมประสบการณ์เสียก่อน  เจ้ารอข้าก่อน!  ทันทีที่เขามั่นใจ เขาคว้ามือนางขึ้นมาจูบทันที
เขาไม่สนใจนุ่งห่มเสื้อผ้า โดดขึ้นจากอ่างน้ำทั้งร่างเปลือย
เผ่นตรงไปที่ห้องทดลองของเขาทันที
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นเช่นนั้น นางหน้าแดงเหมือนเป็นไข้ มองผิวเผินนางโกรธมาก  “ตาบ้า!  ดูตัวเองเสียบ้าง  ว่าเจ้าเหมือนอะไร!
นางรู้สึกขบขันอยู่ในใจ
บางครั้งคนผู้นี้ ก็เหมือนกับเด็กที่ไม่รู้จักโต
นึกจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ดังใจ  “ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเขาเก่งทุกอย่าง หรือว่าโง่เง่ากันแน่  แต่ก็คงอธิบายได้ว่าเขาเป็นคนจริงจังกับงานของเขาจริงๆ”
นางมีความสุข ที่เห็นเย่ว์หยางวุ่นวายสาละวนกับงานของตนเอง  นั่นเป็นช่วงเวลาที่เขามีเสน่ห์ที่สุด
คนอื่นคิดว่ารอยยิ้มของเย่ว์หยางมีเสน่ห์ที่สุด  แต่นางไม่คิดเช่นนั้น
แค่คิดว่าคนลามกนี่ พยายามสร้างความแตกต่าง
 “ดาบจันทร์เสี้ยวเอ๋ย!  ในที่สุดก็มีวันที่เจ้าจะได้ทำการผลัดเส้นเอ็นเปลี่ยนกระดูกเหมือนอย่างมนุษย์กับเขาบ้าง  ข้าไม่เคยคิดเลย นึกว่าเจ้าจะต้องเข้าไปอยู่ในคลังเก็บของที่ระลึกเสียแล้ว!  เย่ว์หยางดึงดาบจันทร์เสี้ยวของเขาออกมา เขาถอนหายใจปลาบปลื้ม  เพราะว่ายังขาดพลังตั้งแต่แรก เย่ว์หยางได้แต่สร้างปรับแต่งมันได้ถึงแค่เป็นดาบจันทร์เสี้ยวระดับแพลตตินัม ไม่มีหวังจะยกระดับเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์เลย  ผลก็คือดาบเล่มนี้ใช้ประโยชน์ได้ดีในช่วงระดับช่วงต้นๆ  ไม่มีโอกาสถูกนำออกมาใช้ในระดับพลังที่สูงขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาสร้างดาบศึกเทาเถี้ยและการให้กำเนิดอาวุธเทพร่างอสูรทั้งสอง  แมงป่องดาวฟ้าเข้ามาแทนที่ดาบจันทร์เสี้ยวโดยสิ้นเชิง  ส่วนอสูรน้อยทงเทียนแม้ว่ามันจะไม่ใช่ระดับเดียวกับดาบเทาเถี้ยและแมงป่องดาวฟ้า  เขายังมีมีดสังหารเทพระดับศักดิ์สิทธิ์ แสงเทพเทียมซึ่งเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ แค่นี้ก็สามารถทำให้เก็บดาบจันทร์เสี้ยวไว้ในแหวนเก็บของได้แล้ว
ถ้าเขาไม่พยายามแสดงจุดอ่อนเพื่อสร้างความสับสนให้กับชี่เทียนเหอ เย่ว์หยางคงไม่คิดจะใช้ดาบจันทร์เสี้ยว
ในการสู้ครั้งนี้เย่ว์หยางชนะและได้เลือดเทพมามาก
ส่วนมากเป็นผนึกเทพดูดซับเข้าไปมากซึ่งมากเกือบสิบหยด
เย่ว์หยางตัดสินใจยกระดับดาบจันทร์เสี้ยวของเขาเอง  แม้ว่าจะไม่ถึงระดับอาวุธเทพร่างอสูรเหมือนดาบเทาเถี้ย แต่อย่างน้อยก็เป็นอาวุธสังหารระดับศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่
อาวุธวิญญาณส่วนที่สำคัญที่สุดไม่มีปัญหาอีกต่อไป
เมื่อเขาใช้มิติหลุมดำเพื่อกลืนภูเขาน้ำแข็ง  เย่ว์หยางพบแก่นกลางภูเขาน้ำแข็งก้อนหนึ่ง เป็นอณูน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกที่สุด ยังคงมีร่องรอยพลังจิตวิญญาณของนักสู้ปราณเทพที่ไม่รู้จัก  เป็นไปได้ว่ามันถูกทำลาย และเป็นไปไม่ได้ที่จะสนองตอบอีกครั้ง บางทีพลังเทพอาจจะแตกสลายก่อนสติดับ และเหลือสำนึกตกค้างในแก่นอณูน้ำแข็งโดยไม่ตั้งใจ
เย่ว์หยางไม่สามารถอ่านความทรงจำของผู้อาวุโสรุ่นก่อนได้  และเขาไม่รู้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับชีวิตนาง  เขาเพียงแต่รู้ว่าเป็นสตรีที่ทิ้งประกายเทพเอาไว้
บางทีอาจจะไม่ค่อยแสดงความเคารพบ้างที่ใช้จิตวิญญาณสตรีที่ทรงพลังมาใช้ทำอาวุธพลังวิญญาณของเขา
แต่นี่อาจเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ระลึกถึงนางต่อไป
มิฉะนั้น เมื่อแก่นอณูน้ำแข็งสลายตัว ร่องรอยสุดท้ายของสำนึกเทพจะสูญสลายหายไป
 “ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกท่านอย่างไรดี  ถ้าท่านเป็นผู้อาวุโส ขอเชิญมาสถิตอยู่ในดาบจันทร์เสี้ยวของข้าเถิด  ดาบจันทร์เสี้ยว จะร่วมต่อสู้กับข้าในอนาคต  ดาบจันทร์เสี้ยวมีคุณสมบัติธาตุน้ำแข็ง  ท่านอย่าได้รังเกียจมันเลย  เชิญเข้ามาสถิตอยู่ในดาบเถิด  ข้าจะใช้ดาบฆ่าศัตรูในอนาคต!  เพื่อปกป้องวิญญาณของผู้อาวุโสที่ไม่รู้จัก เย่ว์หยางกรีดนิ้วตนเองหยดลงบนดาบจันทร์เสี้ยวก่อน และใช้เขียนอักขระรูนอมตะที่เขาเพิ่งทำความเข้าใจ จากนั้นขุดเนินเขาน้ำแข็งเอาแก่นน้ำแข็ง ใช้เลือดเทพของวิญญาณที่ไม่รู้จักอัดเข้าไปในดาบจันทร์เสี้ยว จากนั้นปรับแต่งด้วยเพลิงอมฤต
หลังจากปรับแต่งแล้ว ดาบจันทร์เสี้ยวเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
มันดูเหมือนอะไร?
ตอนนี้เย่ว์หยางยังไม่มีเวลานึก
เพราะให้ทางเลือกสุดท้ายในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ โดยให้จิตสำนึกของเทพธิดาที่เขาไม่รู้จักนี้เลือกเอง เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้อาวุโส
หนึ่งวันผ่านไป... เมื่อการปรับแต่งมาถึงจุดสูงสุด เย่ว์หยางกัดปลายลิ้นและพ่นเลือดและถ่ายเทพลังปั่นป่วนในร่างของเขาลงบนตัวดาบ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์กระวนกระวายจนแทบไม่หายใจ  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำด้ามดาบไว้แน่น  และสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ขบกรามแน่นเพราะนางสั่นและกลัวว่าเสียงฟันกระทบของนางจะไปรบกวนสมาธิของเย่ว์หยาง
รัศมีฉายเจิดจ้าเหมือนกับดอกไม้
รัศมีสีรุ้งฉายแสงขณะที่ความเย็นที่มองไม่เห็นขยายลามจนเต็มไปทั่วโลกคัมภีร์
ติง!
เสียงดังสดใสทั่วท้องฟ้าสร้างความยินดีให้กับเย่ว์หยาง  เขาใช้ผลึกน้ำแข็งสุบินที่ได้มาจากจอมปีศาจลี่ตี้ แก่นอณูน้ำแข็ง เลือดเทพ พลังเทพปั่นป่วนและเลือดเย่ว์หยางเป็นวัสดุสำหรับดาบจันทร์เสี้ยว  ในที่สุดเขาใช้ปราณกระบี่และเพลิงอมฤตปรับแต่งจนเสร็จสิ้น ให้กำเนิดอาวุธใหม่ ทำลายพื้นฐานดั้งเดิมที่ไม่อาจก้าวหน้าพัฒนาจนหมดสิ้น และวิวัฒนาการอาวุธได้สำเร็จ
เย่ว์หยางใจฟูฟ่องเหมือนล่องลอยในอากาศ
เทียบกับรูปลักษณ์เดิมของดาบจันทร์ ตอนนี้ดาบขยายขนาดมากกว่าเดิม บางกว่า และคมกว่ามองดูเหมือนงานศิลปะมากกว่า
ผลึกน้ำแข็งสุบินและแก่นอณูน้ำแข็งหลอมรวมผสานเข้ากับดาบได้อย่างลงตัว
แกนกลางดาบเป็นแหล่งพลังปั่นป่วน
พลังปั่นป่วนหลอมรวมกับเลือดเทพและเลือดเย่ว์หยาง  หลังจากเลือดเย่ว์หยางกลืนเลือดเทพก็กลายเป็นเลือดชนิดใหม่ ซึ่งเป็นที่พักของสำนึกเทพธิดาที่ไม่รู้จักนี้ไว้  แน่นอนว่าทั้งสามอย่างนี้หลอมรวมกันได้อย่างสมบูรณ์   เขาเขียนอักขระรูนโบราณ แกร่งนิรันดร และอักขระรูนสวรรค์ พลังน้ำแข็ง และ คมกริบ  ทั้งยังหลอมรวมเลือดของเย่ว์หยางกับอักขระรูน ชีวิตใหม่เกิดการวิวัฒนาการที่หลากหลายและมหัศจรรย์
ภาพฉายอักขระรูนอมตะ ชีวิตใหม่ รวมทั้งส่วนเสริม แกร่งทนทานถาวร ทำให้เป็นสิ่งที่เกินธรรมดาไปมาก และอักขระรูนโบราณ อมตะ
แม้อักขระรูนเดิม น้ำแข็งยะเยือก และ คม
นอกจากนี้ยังก้าวหน้าจนแทบจะใกล้พลังอักขระรูนโบราณ ธารน้ำแข็ง และ ผ่าสวรรค์ ยกระดับพลังขึ้นอีกหนึ่งขั้น
ดาบจันทร์เสี้ยวที่เพิ่งเกิดใหม่ค่อยลอยลงมาอยู่ในมือของเย่ว์หยาง รูปทรงของดาบไม่ธรรมดาไม่ใหญ่เกินไป เพราะรูปทรงเดิมเย่ว์หยางออกแบบไว้สมบูรณ์ดีแล้ว  จิตสำนึกเทพธิดาที่เขาไม่รู้จักขยายคลุมดาบจนดูบางกว่าเดิมและสง่ากว่าเดิม ด้านผิวนอกมีรูปอักขระรูนเลือด ลวดลายเป็นรูปสัญลักษณ์ชีวิตของนาง  แต่ลวดลายการแบ่งเป็นชั้นๆ อย่างประณีตนี้ เขายอมรับว่าไม่ทราบว่าเป็นลวดลายของอะไร และมีความหมายอย่างไร
ดูคล้ายงานศิลปะมากกว่าจะเป็นอาวุธสังหาร และนี่เกินไปกว่าคุณภาพที่เย่ว์หยางคาดหวังไว้มากมาย
ตอนนี้อาจเป็นสมบัติที่ยังด้อยกว่าสมบัติเทพ
แต่จากสมบัติชั้นแพลตตินัมธรรมดา ข้ามขั้นไปถึงระดับศักดิ์สิทธิ์  แค่ด้อยกว่าสมบัติเทพ ถ้าจิตสำนึกของเทพธิดาที่เขาไม่รู้จักมีมากหรือนางสามารถได้ประกายเทพ แม้ถ้าประกายเทพยังเหลือรอดอยู่  บางทีนางสามารถเลื่อนระดับเป็นสมบัติเทพได้โดยตรง!
น่าเสียดายที่จิตสำนึกของเทพธิดาที่เขาไม่รู้เหลืออยู่น้อยเกินไป  และประกายเทพถูกเสวี่ยอู๋เสียหลอมรวม ดังนั้นดาบจันทร์เสี้ยวเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ใกล้ระดับเทพเท่านั้น!
 “ต่อไปข้าจะเรียกชื่อเจ้าว่าจันทร์เสี้ยว และเชิญติดตามข้าไปกำจัดมารร้ายสังหารเทพ”  ความสำเร็จของดาบที่เป็นรองแค่สมบัติเทพ เกินกว่าที่เย่ว์หยางคาดไว้มากมายนัก เดิมทีเขาคิดว่าเขาคงยกระดับได้เท่าสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์  ส่วนขั้นสุดยอดสมบัติศักดิ์สิทธิ์เขาไม่กล้าคิด  ไม่คาดเลยว่าในที่สุดจะทำได้ถึงระดับแค่ด้อยกว่าสมบัติเทพเล็กน้อย!  เย่ว์หยางพอใจและตื่นเต้นมาก เขาชูดาบจันทร์เสี้ยวและอดใช้คำพูดที่ห้าวหาญมิได้
ปิ๊งงงง!
ดูเหมือนดาบจะตอบรับเย่ว์หยางเป็นเจ้านาย  ดาบจันทร์เสี้ยวส่องประกายรัศมีเป็นวงเหมือนกับดอกไม้บาน
มันสร้างคลื่นสั่นสะเทือนสะท้านเข้าไปในถึงในใจของผู้คนอยู่นาน และยังไม่สงบจนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์สั่นสะท้าน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิ่งเข้าไปหาเขาและทุบเขาเบาๆ  “ร้ายกาจจริงๆ,  ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทำได้สำเร็จ!
เย่ว์หยางฉวยโอกาสกอดแม่เสือสาวหากำไรไว้ก่อน
ไม่รอให้นางไล่ทุบ
เขาหันไปกอดสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ เป็นถือโอกาสตามน้ำเพราะสนองตอบด้วยความตื่นเต้น  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถลึงมองตาเขา  เมื่อนางมีทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ นางรู้เล่ห์ร้ายของเขา เพียงแต่นางไม่เปิดโปงเพื่อเห็นแก่หน้าหนาๆ ของเขา
จากประสบการณ์ที่ดีที่สุดนี้ เย่ว์หยางมั่นใจว่าสามารถช่วยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนช่วยปรับแต่งดาบเทพได้  แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโบกมือ  “ข้ายังไม่รีบ  ถ้าเจ้าอยู่ในสภาพที่ดีพร้อม อย่างนั้นก็ทำมีดทำลายเนตรอีกครั้งดีกว่าและคุณภาพของริบบินปลาคู่ก็ควรปรับวิวัฒนาการได้แล้ว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งริบบินปลาคู่   ถ้ามันมีบทบาทมากขึ้น บางทีเราสามารถควบคุมการต่อสู้ทั้งหมดได้!
 “ริบบินปลาคู่?”  เย่ว์หยางคิดว่าค่อนข้างสมเหตุสมผล  ถ้าริบบินปลาคู่ได้วิวัฒนาการอีก  สิ่งนี้จะน่ากลัวพอๆ กับตรวนวิเศษเลยทีเดียว!-!

4 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

เฮ้อ เมื่อไหร่จะปราบแม่เสือได้กันนี่

manit กล่าวว่า...

.ใจจ้า

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ เป็นนักหลอมอาวุธในตำนานไปละ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น