ตอนที่ 924 ศัตรู? กลิ่นอายเกินเข้าใจ
กิ้งก่าขายาวเร่งความเร็วสูงไต่ไปตามสันเขาหน้าผาสูงราวกับวิ่งอยู่บนพื้นที่ราบ
หากเขาสามารถเพิกเฉยต่ออาการกลัวความสูง ฟงจีนับเป็นพวกสอดแนมที่ไม่เลว
เขามีสายตาที่ไม่ธรรมดาสามารถมองเห็นนกหรืออสูรที่ห่างออกไปมากกว่าสิบกิโลเมตร
สามารถมองเห็นแมลงวันกระพือปีก
ที่สำคัญที่สุดก็คือสัญชาตญาณระวังอันตรายที่กล้าแข็ง
เมื่อเขาพบว่าผิดปกติเขาจะรีบอ้อมเปลี่ยนเส้นทางล่วงหน้าทันที
นอกจากเขามีทักษะธรรมชาติลาดตระเวนสอดแนมที่ไม่ธรรมดาแล้ว
เขายังมีทักษะพรางตัว
พาหนะของเขาเจ้ากิ้งก่าขายาวมีความสามารถพิเศษในการเปลี่ยนสีให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้ทันที
“เจ้าผู้นี้ยังไม่เก่งเทียบเท่าเหยียนเจ้า เขาคุ้นกับการสำรวจเส้นทางนับว่าไม่เลว แต่ดันกลัวความสูง น่าระอาจริงๆ ทั้งที่เขาเป็นถึงนักสู้เตรียมปราณฟ้า!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอดบ่นเรื่องของฟงจีไม่ได้
นางจับมือเย่ว์หยางบินไปในท้องฟ้าโดยไม่มีปัญหาอะไร
และติดตามในระยะห่างมากกว่าพันเมตร
บางครั้งนางพอใจ นางจะฉุดเขาให้นั่งลงบนภูเขาหิน
ชมดูท้องฟ้าและเมฆหมอก
มองผืนแผ่นดินลาดเอียดเพลิดเพลินกับชีวิตคู่รักแบบชาวโลก
ถ้านางเบื่อ
นางจะแกล้งทำเป็นเสียหลัก
จากนั้นจะรั้งอยู่หลังเย่ว์หยางและให้เขาเทเลพอร์ตช่วยให้รู้สึกสะดวกสบายชั่วขณะ
“เป็นไปได้ว่าเพราะเงาความกลัวฝังจิตใจตั้งแต่สมัยเด็ก...”
เย่ว์หยางแสดงความเห็นทางจิตวิทยาทำนองว่าอย่ารังแกกันเกินไป
“แล้วเจ้าล่ะ
คิดว่าตัวเองเป็นยังไงบ้าง? เพราะเงาความกลัวฝังจิตใจสมัยเด็ก จะทำตัวให้ดีขึ้นได้ไหม?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถามทันที
“อ่า..ข้าเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิดแล้ว!”
เย่ว์หยางรู้สึกว่ากำลังหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
“เป็นพวกตัณหาจัดตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่า?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะยอมรับโดยตรง
“นี่มันเป็นธรรมชาติตั้งแต่เกิด อย่างน้อยก็ดีกว่าเป็นขันทีก็แล้วกัน” เขาเหลือบดูว่ามีสาวงามมานั่งใกล้หรือไม่ “แต่ขันทีไม่สามารถหวนกลับได้ เมื่อเข้าวังก็เหมือนกับถลำลึกลงทะเล
ขันทีไม่มีทางทรงอำนาจได้ตลอดไป เป็นได้แค่ขันที” เย่ว์หยางพูดด้วยเหตุผล
“ข้าคิดว่าการสนทนากับเจ้าเป็นเรื่องผิดพลาด” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำท่ารังเกียจเขาและสะบัดไม่ให้เขาจับมือ นางต้องการตีมือเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางเคยอ่านประสบการณ์ของคนเกี้ยวสตรีทางออนไลน์มาก่อน
หนึ่งในนั้นก็คือเมื่อจับมือสาวได้แล้ว
อย่าปล่อยมือออก พึงทราบว่าสตรีคือสิ่งมีชีวิตที่ปากพูดอย่าง
แต่ใจคิดอีกอย่าง ถ้าปล่อยให้สาวเจ้าดึงมือออก
นั่นแสดงว่าไม่ใช่บุรุษของนาง ถ้าไม่ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อย
ใครจะยินดีหลงรักและติดตามไปตลอดชีวิต?
“อย่างนั้นเราไม่คุยกันเรื่องนี้ มาคุยกันเรื่องอื่น
อย่างเช่นเมื่อคืนที่แล้วแม่เสือสาวบอกว่าจะอาบน้ำกับข้า ใครจะรู้พอข้าตัวเปียกเท่านั้น
เจ้าก็เผ่นขึ้นบ้านหนีหายไป
ตอนนี้ข้าจะอธิบายให้แม่สาวที่อ้างนักหนาว่าเป็นคนรักษาคำพูดฟัง” เย่ว์หยางถามอย่างอารมณ์ดีไม่มีทีท่าว่าโกรธ
“เจ้าต้องการฟังเรื่องจริงหรือโกหก?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถามเย่ว์หยางให้เลือกคำตอบ
“โกหก”
เย่ว์หยางมักจะเลือกหัวข้อที่คนธรรมดาไม่เลือก
บางครั้งเขาไม่ทำตามหลักเกณฑ์ปกติ แต่กลับได้ผลดี
“ใครในโลกที่ชอบฟังคำโกหกของเด็กน้อยเจ้ากันเล่า? เจ้าจงใจยั่วโมโหข้าใช่ไหม?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอดทุบเขาไม่ได้
แต่พอคิดว่านอนหลับอยู่บนหลังของเขาเป็นเรื่องสบายมาก
ถ้าหากหลับไม่พอนอนไม่เต็มอิ่ม ก็ปล่อยให้เขานอนอยู่ที่ห้องทดลองก็ได้ ช่างเถอะ ไม่ต้องถือสาเรื่องเล็กน้อย หัวข้อสนทนานี้ นางเป็นคนหยิบยกขึ้นมาเอง
“เรื่องมันไม่สำคัญเลย
ที่สำคัญคือคืนนี้จะมีการชดเชยให้หรือไม่?”
เย่ว์หยางพูดเหมือนกับว่าผู้ใหญ่ส่วนใหญ่มักจะคิดถึงเรื่องอนาคตเสมอ
“ถ้าเหมียวเหมียวไม่ได้นั่งอยู่บนตักเจ้าคืนนี้
ข้าค่อยรับไว้พิจารณา”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะคอกเบาๆ
“ความจริงนั่นเป็นอุบัติเหตุ เพราะนางเหนื่อยล้าจากการฝึกและอยากไปอาบน้ำร้อนเพื่อคลายความเหนื่อยล้า
ข้าไม่รู้ว่ามีองค์หญิงผู้ใจร้ายไม่เคยไปตามนัดกลับมาอาบน้ำรอข้าก่อน”
เย่ว์หยางยิ้ม เวลาองค์หญิงหึงแล้วดูน่ารัก
“ไม่ว่ายังไงนางก็ยังนั่งอยู่บนตักเจ้า” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่ากระบวนการจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ผลก็เป็นอย่างที่นางเห็น
“สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ไม่เห็นเจ้าถือสา
แต่กับเหมียวเหมียวเจ้าหึงได้ยังไง? เจ้าเรียกนางว่าพี่ไม่ใช่หรือ?
นอกจากนี้เมื่อวานนี้เจ้าไม่เห็นหรือ นางเหนื่อยมาก ข้าแค่ช่วยนวดไหล่นวดแขนนางไม่ได้ทำอะไรอื่น” เย่ว์หยางแปลกใจเล็กน้อย
ก่อนจะกินตับจุ้ยมาวอี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมักกระตือรือร้นช่วยเสมอ
ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทำไมเดี๋ยวนี้นางไม่สบายใจได้อย่างไร?
“ไม่ว่าเจ้าตั้งใจจะนวดไหล่ยังไงก็แล้วแต่
ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็ตาม เมื่อคืนนี้เจ้ากระซิบกระซาบวางท่าอะไรกับเจ้าหญิงผู้น่าสงสาร
นั่นมากเกินไปหรือเปล่า?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองเย่ว์หยางเหมือนผู้พิพากษาจ้องมองขโมย
“ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้น”
เย่ว์หยางขึ้นเสียง
“ข้าได้ยินกับหูตัวเอง
แต่เจ้าไม่กล้ายอมรับอีกหรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแสดงหลักฐานหนักแน่นคาดคั้นให้ผู้ต้องหารับผิด
“ว้า..เจ้าไปได้ยินอะไรมา?” เย่ว์หยางรู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย ลืมไปว่าแม่เสือสาวนี้มีทักษะหกรับรู้ และนางกลับได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน
“ยกตัวอย่างในบางช่วงเวลา
เจ้านึกว่าข้าไม่รู้อะไรโดยตรง...”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนค้อนเย่ว์หยาง
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าใช้กลอุบายอะไรทำให้คนอื่นสับสนว้าวุ่นใจได้
แต่เดิมในกลุ่มพวกเราพี่เย่เป็นคนขี้อายมาก
ต้องตำหนิเจ้าทำให้พี่เย่ที่แสนดีเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้ว!”
“ฮ่าฮ่า, เปลี่ยนแปลงเหมียวเหมียวได้สำเร็จนั่นถือเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตข้า แม่เสือสาว!
นางไม่ได้มีเจตนาร้าย
มีแต่ปรารถนาดีต้องการจะแบ่งปันสิ่งดีๆ กับเจ้า” เย่ว์หยางยิ้มกว้าง
“ปล่อยให้เจ้าภูมิใจไปคนเดียวเถอะ อย่าย่ามใจไปเลย!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอดใจทุบเจ้าเด็กนี่ไม่ไหว
ของถูกยังกล้าเอามาขายอีกหรือ
เจ้าเด็กบ้านี่!
ฟงจีวิ่งเบิกทางอยู่สามวัน
เริ่มมีความเชื่อมั่นในตัวเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเจ้านายทั้งสองของเขามากขึ้น ไม่ว่าเขาจะขับขี่กิ้งก่าขายาวไวแค่ไหน
ไม่ว่าจะไกลเพียงไหน บางครั้งทั้งสองตามหลังเป็นสิบกิโลเมตร แต่พริบตาเดียวพวกเขาก็ตามทัน
กิ้งก่าขายาวยังไม่ฟื้นฟูเรี่ยวแรงเต็มที่
แต่ด้วยอาหารที่เพียงพอในช่วงหลายวันนี้ทำให้ความเร็วของมันกลับคืนมาถึง
90%
แทบจะพอๆ กับเหินบิน
อย่างไรก็ตาม
ถ้าเจ้านายทั้งสองจับมือพากันบินสบายๆ ในท้องฟ้า ไม่รีบร้อน ไม่ชักช้า
พลังขนาดนั้นสามารถสังหารนักสู้ปราณฟ้าได้สบาย
ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดก็คือบางครั้งท่านไตตันและท่านหญิงเกิดสนใจทิวทัศน์หรือหยุดกินอาหารจนล้าหลังหลายร้อยกิโลเมตร
พวกเขาก็ยังเทเลพอร์ตตามมาได้ทัน
มีพลังแข็งแกร่งเรียนรู้การเทเลพอร์ตได้
นับว่าไม่ธรรมดา
ปัญหาก็คือในภูมิภาคสวนสวรรค์นี้เต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่ธรรมดาและมีกฎสวรรค์แปลกประหลาดในหลายพื้นที่
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเทเลพอร์ต แค่บินเฉยๆ ก็ยังไม่ราบรื่น
นอกจากนี้ ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรการหาคนๆ
เดียวพบได้อย่างแม่นยำโดยไม่คำนึงถึงอิทธิพล ข้อจำกัดของพลังผันผวนของพื้นที่
และสามารถเทเลพอร์ตได้ในทันที
นี่เป็นพลังควบคุมแบบไหนกัน?
อย่าว่าแต่นักสู้ระดับเจ้าเมือง, เจ้าแคว้นเลย
แม้แต่ระดับราชาฟงจีคาดว่ายังไม่มีใครทำได้อย่างนี้
เป็นไปได้ว่านายใหญ่ไตตันเป็นนักสู้ที่เหนือกว่าระดับราชาอีกหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นนักสู้อย่างเขาเข้ามาในดินแดนโกลาหลอย่างสวนสรรค์ทำไม
นายใหญ่ไตตันใช่เป็นคนที่สามจักรพรรดิแดนดินเชิญให้มาช่วยหรือเปล่า?
ฟงจีคาดเดาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด ความสงสัยใคร่รู้ฆ่าแมวได้ แต่ก็ยังไม่มีคำตอบ
กี๊ซ!
กิ้งก่าขายาวเชิดหัวร้องทันที
มีศัตรูหรือ? ฟงจีเข้าใจถึงการสนองตอบที่ผิดปกติของพาหนะของเขา มันคงได้กลิ่นของศัตรูที่อยู่ข้างหน้าจากสายลม
ทำให้มันไม่สบายใจ!
ในบริเวณใกล้เคียงนี้ไม่ควรมีอสูรปีศาจที่คุกคามชีวิต
หรือว่าจะไม่ใช่อสูร แต่เป็นนักรบ?
มีนักรบที่แข็งแกร่งปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?
พูดตามตรง ที่นี่ยังคงเป็นเขตเมืองจินหยาง
ที่นี่คือเมืองจินหยางและเมืองหยางถีและเป็นที่ทับซ้อนของสามเมือง
สถานที่กันดารอย่างนี้แม้แต่นกยังรังเกียจจะบินผ่าน
ทหารรับจ้างที่ไม่มีภารกิจจะไม่มาอย่างแน่นอน
และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีขโมยหรือโจรมาปล้นสถานที่แห่งนี้
เพราะพวกเขามีแต่จะอดตายอยู่ในสถานที่ผีสางแห่งนี้
เมื่อไม่ใช่ทหารรับจ้างไม่ใช่โจร หรือว่าจะเป็นกองทัพ?
ปัญหาก็คือที่นี่คือพื้นที่แนวหลัง
ไม่ใช่บริเวณวุ่นวาย เว้นผู้บัญชาการไร้สมอง
เป็นไปไม่ได้ที่จะไล่ตามพวกทหารเข้ามาในที่อย่างนี้
ฟงจีรีบหยุดกิ้งก่าขายาวไว้
และรอเย่ว์หยางกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
เขาไม่ใช่เจ้าเมืองอีกต่อไปแล้ว เขาเป็นหน่วยคุ้มกัน
ไม่จำเป็นต้องให้เขาตัดสินใจ
เรื่องปวดหัวเช่นนี้ก็แค่รายงานขึ้นไปให้เบื้องบนรับรู้
“เจ้าหยุดเพราะเจอปัญหาอะไร?”
เย่ว์หยางกำลังคุยกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและพบว่าฟงจีหยุด เขาเข้าไปถาม
“ดูเหมือนจะมีศัตรูข้างหน้า มันมีกลิ่นอายของการคุกคาม
คาดว่าศัตรูระดับปราณฟ้าจะปรากฏ” ฟงจีไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีศัตรูที่มีพลังระดับปราณฟ้าปรากฏตัว
“เมื่อเจ้าพูดอย่างนี้
ข้ารู้สึกได้ถึงบางอย่างแปลกๆ มีคนราวๆ
พันคนกำลังมาทางเรา
แหล่งที่มาของรังสีอำมหิตมาจากทางนั้น
เป็นพลังประสงค์ร้ายของนักสู้ปราณฟ้าหรือ? ดูเหมือนมีเพียงคนหรือสองคน
ยังไม่พอจะขู่ให้กลัวได้!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้ทักษะหกรับรู้สัมผัส สีหน้านางตอนแรก นางย่นจมูก
และในที่สุดนางส่ายศีรษะระบุว่ายังไม่ชัดเจน
“องค์หญิง! ท่านเห็นศัตรูด้วยหรือ?”
ฟงจีตกใจกลัวและตาแมวของเขาไม่สามารถมองเห็นศัตรูได้ แต่องค์หญิงสามารถมองเห็นได้
“ไม่ได้ใช้ตามอง
แค่ใช้ความรู้สึกสัมผัส แล้วไปเถอะ ข้าไม่ต้องการอธิบาย” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโบกมือ
ความจริงในใจนางรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
แม้ว่าทักษะหกรับรู้ของนางจะทรงพลังมากก็ตาม
แต่ยังห่างไกลกับสนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์ของเสวี่ยอู๋เสียที่ฝึกมาได้จากประตูเป็นตาย ถ้าเสวี่ยอู๋เสียถือคัมภีร์แห่งสัจจะ และปรากฏว่ามีศัตรู ไม่ว่าจะมีเท่าใด
แข็งแกร่งเพียงไหนก็ยังดูออก นั่นดีกว่าทักษะหกรับรู้ของนางเอง
เพราะความห่างชั้นนี้ นางจึงไม่สามารถให้ข้อมูลที่แม่นยำแก่เย่ว์หยางได้
ดูเหมือนว่าถ้านางต้องการเหนือกว่าเสวี่ยอู๋เสียและกลายเป็นผู้ช่วยเหลือที่สำคัญที่สุดของเขา
นางต้องพยายามฝึกฝนให้หนัก!
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคร่ำครวญในใจว่าความสามารถนางไม่เพียงพอ
การแสดงออกของนางทำให้ฟงจีตกใจกลัวจนแทบคุกเข่ากับพื้น
เป็นเวลานานมาแล้ว
สิ่งที่ทำให้ฟงจีภาคภูมิใจมากที่สุดก็คือตาแมวที่ไม่ธรรมดาของเขา
ตาคู่นี้เหนือกว่าใครอื่นในเรื่องความแม่นยำ!
มีความสามารถที่ไม่ด้อยไปกว่าตาของเผ่ามนุษย์อินทรี คาดไม่ถึงเลยว่านายหญิงของเขาผู้มีตามนุษย์ยังกล้าแข็งมากกว่าตาของเขาเป็นร้อยเท่า
สามารถระบุจำนวนได้ก่อนที่ตัวของเขาจะทันเห็นเงาศัตรูเสียอีก
นางสามารถระบุได้ว่าศัตรูมีนักสู้ระดับปราณฟ้าสองคน นี่มันคือตาอะไรกัน?
เขาต้องการถามจริงๆ ว่านางมาจากเผ่าพันธุ์ใด
หรือว่าท่านหญิงนี้จะมาจากตระกูลที่มีตาทิพย์เทียบเท่ากับพระเจ้า
นั่นไม่ถูกต้อง!
องค์หญิงไม่มีตาที่สาม ต่างจากตระกูลที่มีตาทิพย์
“มีลมหายใจอ่อนแอมาก
ผสมผสานกับลมหายใจหนักหน่วง ทำให้ผู้คนสับสนยิ่งนัก อืม.. คาดไม่ออก ดูก่อน!” เย่ว์หยางสามารถรู้สึกได้บางส่วน แต่ก่อนอื่นเขาซ่อนพลังปราณราชันย์ไว้
ก่อนจะขยายความคิดเต็มที่
จักษุทิพย์ของเขามองเห็นไม่ชัดเหมือนกับทักษะหกรับรู้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
นอกจากนี้ระยะยังห่างไกลไปบ้าง และเขาก็คร้านจะดู
“ดูเหมือนมีเสียงร้องไห้
เสียงของสตรีและเด็ก!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกับเย่ว์หยางมองหน้ากันเองขณะที่เร่งความเร็วขึ้นไปข้างหน้า
“...ข้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย!
พวกท่านได้ยินเสียงสตรีและเด็กร้องห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรนี่นะ? นี่.. เขาฟังออกได้ยังไง?” ฟงจีตอนนี้มั่นใจเต็มที่
ดูเหมือนว่าเมื่อเทียบกับนายใหญ่ไตตันและองค์หญิงแล้ว เขาก็แค่สวะดีๆ นี่เอง
มิน่าเล่าเจ้ากบอ้วนถึงกล้าบอกว่าเขาไม่มีคุณสมบัติสอดแนมนำทาง!-!
9 ความคิดเห็น:
555555
ใจจ้า
หมายังอาย...เอ้ยแมวยังอาย 555
ขอบคุณครับ
เจ้ายังเอาใจเอานายได้ไม่ถึงเศษเสี้ยวของพี่ฮุยหรอก 555
เดี๋ยวเจอฮุยหลางแล้วจะหนาว
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น