วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 943 เจ้าจะผิดปกติไปถึงไหนกัน?


ตอนที่  943  เจ้าจะผิดปกติไปถึงไหนกัน?
เลื่อนระดับให้อสูรแล้ว เย่ว์หยางหันกลับมาที่การฝึกฝนของตนเอง
 
ตามข้อมูลของหมิงลี่ฮ่าว สงครามของภูมิภาคสวนสวรรค์ ถูกชักใยโดยบางคนในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  ในบรรดาผู้ควบคุมหลังฉากมีฝ่ายตรงข้ามที่ทรงพลังระดับเดียวกับจีอู๋ลี่ผู้เข้าใกล้ระดับเทพ ซึ่งกำลังจับตามองคัมภีร์เทพที่ซ่อนอยู่ในภูมิภาคสวนสวรรค์  มีคู่ต่อสู้แบบนั้นเย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาต้องแข็งแกร่งมากขึ้น  มิฉะนั้นถ้าเจ้าตำหนักผู้นั้นได้คัมภีร์เทพไป นั่นเป็นผลยากเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นหอทงเทียนหรือแดนสวรรค์ มักจะมีคำพูดที่เหมือนกัน ให้ความสำคัญของพลังเป็นอันดับแรก
ไม่มีพลัง ก็ไม่มีอะไรจะทำได้
ทุกอย่างสร้างขึ้นจากพลังความแข็งแกร่งและจากนั้นจึงค่อยขยายออกไป
 “นอกจากพลังเทพสำหรับรักษาเยียวยาแล้ว  ข้าพบความลับจากสองพี่น้องกระทิงเถื่อน  อาจจะใช้ไม่ได้ผลดีกับเรา  แต่สำหรับนักรบอื่น นับว่าเป็นประโยชน์ที่ไม่เลว”  เย่ว์หยางอธิบายสถานการณ์ให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฟังก่อนเข้าฝึกฝน
 “ความลับ?  เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบไหน?”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถาม
 “นั่นคือวิธีบรรลุพลังระดับใหม่โดยใช้วิธีฝังเข็มที่จุดเส้นของร่างกายมนุษย์ คาดว่าสองพี่น้องกระทิงเถื่อนไม่รู้ว่านั่นมีผลอย่างอื่นต่อพวกเขา  วิธีการฝังเข็มทะลวงจุดนี้จะคล้ายกับวิธีของหอทงเทียนก่อนนั้นที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่มีความแตกต่างกันอยู่เช่นกัน  ทั้งยังต่างจากการฝึกฝนพลังคู่รักของเราด้วยเช่นกัน  แต่แม้ว่าจะมีความก้าวหน้า แต่ยังไม่ดีเท่ากับการชักนำพลังไปตามเส้นชีพจรในการฝึกพลังคู่รัก  แต่สำหรับนักรบบางคนที่ไม่สามารถก้าวหน้าเมื่อเผชิญกับภาวะคอขวดของการฝึกฝน หรือสำหรับนักรบที่ไม่เคยฝึกฝนในวิธีการที่เกี่ยวข้องกัน นั่นเป็นวิธีบรรลุพลังระดับใหม่ที่ไม่เลวและไม่ธรรมดา”   เย่ว์หยางอธิบายถึงหลักการของจุดฝังเข็มโดยระบุพลังพิเศษที่จุดฝังเข็มด้วยวิธีการที่พิเศษ
ตัวเช่นจุดไป๋ฮุ่ยตำแหน่งที่สูงสุดของร่างกายมนุษย์เป็นจุดบรรจบของร่างกายทั้งหมด
หากไม่เชื่อมโยงถึงกัน อย่างนั้นการฝึกฝนจะหยุดนิ่งและล่าช้า
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือจุดหย่งเฉวียนซึ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของมนุษย์ หากเชื่อมโยงกันได้แล้วจะสามารถดูดซับพลังงานระหว่างฟ้าและดินได้และฟื้นฟูพลังได้ด้วยตนเอง  นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ร่างกายมีสมดุลแขนขาแข็งแรง  อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือจุดเหลากงในฝ่ามือ ถ้าพลังงานเชื่อมโยงถึงกันจะสัมผัสได้ผ่านทางใจ
ปกติความลึกลับของจุดฝังเข็มไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่นี้เท่านั้น แต่ยังมีความลึกซึ้ง ยิ่งศึกษาค้นคว้ามากก็จะพบความลี้ลับ
ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเย่ว์หยางในช่วงเริ่มต้นฝึกก็อยู่ในลักษณะนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าถึงพลังระดับสูง พลังในร่างโคจรได้เต็มร้อยไม่ติดขัด
แม้ว่าด้วยการฝึกพลังคู่รัก องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเองก็โคจรพลังได้ตลอดทั้งร่างเต็มร้อย มิฉะนั้นนางจะก้าวหน้าได้รวดเร็วได้ยังไง  นักสู้ทั่วไปถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเย่ว์หยาง อาศัยแต่พลังของตนเองมักจะเผชิญอุปสรรคทางจิตใจหรือทางกายกลายเป็นสภาวะคอขวดที่มิอาจทะลวงผ่านตลอดชีวิต ดังนั้นวิธีการฝึกฝนอย่างเดียวก็ยังเป็นเรื่องที่ยากมาก  แม้ว่าเย่ว์หยางเด็กหนุ่มจากโลกอื่น ถ้าไม่ได้รับปราณกระบี่ไร้ลักษณ์บรรลุพลังปราณก่อกำเนิดจากเทพธิดากระบี่ฟ้าตั้งแต่แรก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
 “เจ้าหมายความว่าจะช่วยให้เย่คง เจ้าอ้วนไห่และสหายอื่นฝึกฝนในลักษณะเดียวกับสองพี่น้องกระทิงเถื่อนอย่างนั้นหรือ?” จุ้ยมาวอี้ยังไม่เข้าใจ
 “ไม่ใช่วิธีแข็งทื่ออย่างนั้น”  เย่ว์หยางส่ายศีรษะ
 “เจ้าหมายความว่ายังไง?”  เย่ว์หวี่ก็สงสัยเช่นกัน
 “ข้ากำลังคิดว่า ข้าจะใช้วิธีการนี้ผสานกับแนวคิดของรุ่นบรรพบุรุษสร้างวิธีการให้ฝึกฝนอย่างมีประสิทธิภาพแนวใหม่!  ขณะเย่ว์หยางพูดเช่นนั้น องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังดื่มชาถึงกับพ่นน้ำชาพรวด เย่ว์หวี่กับจุ้ยมาวอี้สำลักน้ำชา   ช่างกล้าพูดได้ไม่อายปาก ใช้วิธีการฝึกแบบใหม่เอี่ยม นี่เขากล้าพูดแบบนั้นได้ยังไง?
เมื่อเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำสายตาสงสัย เย่ว์หยางหัวเสีย “นี่เจ้าคิดว่าข้ากำลังล้อเล่นหรือ?”
บัญญัติวิธีการฝึกฝนใหม่ที่เย่ว์หยางเองไม่เคยลองมาก่อน
การฝึกฝนของเย่ว์ปิงก็เป็นพี่ชายนางจัดการ และเป็นวิธีการที่สมบูรณ์จนกล่าวได้ว่าไม่เคยเกิดมีขึ้นมาก่อน ยังมีอี้หนาน โล่วฮัวและแม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้า พวกนางก็ยังฟังคำแนะนำของเย่ว์หยางแม้แค่เป็นการเปลี่ยนองศาทิศทาง  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เย่ว์หวี่และจุ้ยมาวอี้ก็มั่นใจ  พวกนางรู้ว่าถ้าไม่ใช่เย่ว์หยาง พวกนางจะบรรลุปราณก่อกำเนิด ทั้งยังประสบความสำเร็จฆ่านักรบปราณฟ้าได้อย่างไรกัน?
เย่ว์หยางได้สร้างวิธีการฝึกฝนมากมายที่มีประสิทธิภาพมากเช่นกัน
สร้างวิทยายุทธเพิ่มมากขึ้น
มีหลากหลาย
เย่คง เจ้าอ้วนไห่ และพี่น้องตระกูลหลี่และเสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัว ฯลฯ ใครเล่าไม่ได้รับการแนะนำจากเขา
แม้แต่พวกบ้าวิทยายุทธในวังมารก็ยังมาขอคำแนะนำเย่ว์หยางบ่อยๆ รวมทั้งพี่ใหญ่มารสัมฤทธิ์ฟ้า จะหาข้ออ้างเล็กๆ น้อยๆ แอบขโมยเรียนแบบครูพักลักจำมาปรับปรุงเป็นรูปแบบของตนเอง
แต่อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากมากกับการสร้างวิธีฝึกที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพ
ต้องบอกว่าเย่ว์หยางก่อนนั้นรู้สึกปวดหัวกับการฝึกให้เย่ว์ปิงน้องสาวของเขา การฝึกนั้นไม่ง่ายเหมือนกินถั่ว  ที่ยิ่งกว่านั้นยิ่งเย่ว์หยางใช้เวลากับสองพี่น้องกระทิงเถื่อนเพียงวันเดียว ต่อให้ได้ความลับมาจากทั้งสองนี้ แต่ก็คงไม่สามารถสร้างหลักสูตรฝึกฝนลับได้แน่
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าเย่ว์หยางชักหงุดหงิด นางรู้สึกว่าไม่ควรไล่ต้อนเขา แต่นางกล่าว “เราสนับสนุนอยู่แล้ว แต่เจ้าจะให้เราช่วยยังไง?”
เย่ว์หยางเปลี่ยนจากอารมณ์หงุดหงิดเป็นดีใจแทน
นี่เกือบจะเหมือนกันอยู่แล้ว!
เขาหยิบกระดาษเปล่าขนาดพอๆ กับแผนที่ออกมาและบอกให้สามสาวล้อมเข้ามาใกล้ๆ จากนั้นเขารีบเขียนแนวคิดผ่านปลายปากกาของเขาอย่างรวดเร็ว และอธิบายทีละนิด เช่นจุดที่แขนเพื่อใช้เปิดประตูเส้นปราณ วิธีการและการใช้พลัง จุดที่ฝ่าเท้า ข้อเท้า เข่า ท้องน้อย อก ไหล่ คอและศีรษะ ทั้งหมดเป็นภาพและตัวหนังสือปรากฏอยู่ในใจของเขา
วิธีทั้งหมดนี้ทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เย่ว์หวี่และจุ้ยมาวอี้มองเห็นและตัดสินใจได้ว่าเป็นไปได้หรือไม่ หรือต้องปรับปรุง
ตอนแรกเย่ว์หยางไม่รู้ว่ามีเรื่องที่เขาพูดออกไปหลายเรื่อง
ด้วยปลายปากกา
เขาพบว่าคำอธิบายในกระดาษของเขาเริ่มพอกพูนมากขึ้น
และความรู้ที่ผุดขึ้นมาในใจของเขายังมีมากไม่รู้จักหมดสิ้น
กระดาษขาวแผ่นเดียวไม่พอวาด ก็ต้องใช้แผ่นที่สอง สาม สี่ จนกระทั่งเขาใช้กระดาษแผนที่เขียนวาดไปทั้งหมดเก้าแผ่น นั่นคือผลของความรู้ที่ผุดขึ้นมาในใจของเย่ว์หยางอย่างต่อเนื่อง
อาจมีวิธีการบางอย่างจำเป็นต้องปรับปรุงหาความจริงเพื่อตัดสินใจ  อย่างเช่นบนศีรษะมนุษย์  เพราะเชื่อมโยงโดยตรงกับสมอง จุดฝังเข็มหลายจุดมีความสำคัญอย่างยิ่ง และเสี่ยงอันตรายไม่ใช่ว่าจะปักเข็มได้ตามชอบใจ อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากส่วนที่สำคัญที่สุดแล้ว  มีอยู่เพียงไม่กี่จุด เย่ว์หยางเขียนจุดฝังเข็มทั้งหมดทั้งวางแนวคิดและแรงบันดาลใจของเขาทั้งหมด
รอจนกระทั่งเย่ว์หยางวาดเขียนเสร็จ เวลาผ่านไปถึงสองชั่วโมง
 “ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนอกจากยอมรับแล้ว นางยังมีสัญชาตญาณคาดเดาได้ว่าจะทำได้สำเร็จ
 “ปัญหาก็คือจะใช้งานได้อย่างไร?  เส้นชีพจรทั้งหมดเชื่อมโยงถึงกัน และวิธีการฝึกปรือนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่  เราจะมองหาคนนอกมาทดลองหรือไม่?”  จุ้ยมาวอี้สงสัย
 “ให้ข้าลองเอง” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาทำเป็นดีที่สุด อย่างน้อยข้อมูลแรกจะใช้นำร่องได้
 “ถ้าเรื่องนี้อันตรายเกินไป ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างสมบูรณ์ ข้า ข้าต้องขอค้าน”  เย่ว์หวี่กังวลว่าร่างกายน้องชายจะได้รับความเสียหาย
 “หรือว่าจะทดลองกับร่างข้าน้อยก็ได้ ถ้าเกิดความเสียหาย แพนดอราจะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้ข้าน้อยได้”  สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์เดินเข้ามาวางจานผลไม้และอาสาเป็นหนูทดลองคนแรก  นางพูดความจริง  แต่เย่ว์หยางจะยอมเปลี่ยนสาวใช้ของเขาเป็นเครื่องมือทดลองได้ยังไง? เขาอดปฏิเสธไม่ได้
 “ควรจะเริ่มจากง่ายไปยากดีกว่า ถ้ามีอันตราย เราจะหยุดไม่ทำต่อไป” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเสนออย่างประนีประนอม การทดลองจะให้เย่ว์หยางทดลองกับตัวเอง ที่สำคัญคือเขาสามารถควบคุมให้มีอันตรายน้อยที่สุดได้
 “ข้าจะช่วยเอง” จุ้ยมาวอี้มองเย่ว์หวี่ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องช่วยให้ได้  ดังนั้นเย่ว์หวี่จึงถอยก้าวหนึ่ง
 “....”  เย่ว์หวี่เองก็รู้ว่าถ้าต้องทำการทดลองจริงๆ เขาคงต้องใช้พลังคู่รักช่วย น้องชายนางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฝึกพลังคู่รักได้ เพราะมีสายโยงพลังวิญญาณเชื่อมถึงกัน นางจะรู้สึกอึดอัดใจ ไม่ใช่ว่านางไม่ต้องการช่วย  ตรงกันข้ามนางยินดีจะช่วยเขาให้ประสบความสำเร็จ  และนางรู้สึกว่าการช่วยเหลือประเภทนี้คือคุณค่าที่คู่ควรแก่ชีวิต การฝึกพลังคู่รักนั้นเป็นเรื่องดี ในกรณีที่เป็นน้องชายนางกับพี่เย่ที่เป็นคู่สามีภรรยาน่าจะสร้างความมั่นใจได้มากกว่า  แต่ก็ยังกลัวความไม่แน่นอนอยู่บ้าง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้มองดูเย่ว์หวี่
นางรู้ว่ายิ่งนางมองเย่ว์หวี่มากเท่าใด นางยิ่งรู้สึกอายมากเท่านั้น
แม่เสือสาวมีความเข้าใจดีนางจับมือของเย่ว์หยางดึงขึ้น และนางทดสอบขั้นแรกก่อน... นางรู้ว่าเย่ว์หวี่จะต้องมาร่วมด้วยแน่
ราตรีผ่านไปอย่างเชื่องช้า
วิธีการฝึกลับแบบใหม่ที่สร้างขึ้นนี้ได้รับการยืนยันพิสูจน์อย่างต่อเนื่องทีละขั้นตอนทีละนิด มีการพัฒนาการทดลองที่ล้มเหลวอย่างไม่หยุดยั้งจนกลายเป็นส่วนที่ถูกต้อง  ในที่สุดจึงสร้างเป็นวิธีฝึกที่สมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพวิธีหนึ่ง
ตอนแรกเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคอยช่วย  เมื่อแม่เสือสาวเหนื่อย เหมียวเหมียวก็เข้าแทนที่
ส่วนที่ยากที่สุดก็คือเย่ว์หวี่ร่วมมือกับเย่ว์หยางค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในท่ามกลางความล้มเหลว  วิธีการฝึกฝนทั่วไปถูกจัดเป็นชุดหลักสูตรฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบ  ทั้งสามสาวกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจูบพ่อตัวร้ายของนางผู้สร้างเรื่องมหัศจรรย์ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจบ นางไม่เคยสงสัยเขา  แต่นางคาดไม่ถึงว่าภายในคืนเดียวจะสามารถทำได้สำเร็จ
สาวขี้เมาตื่นเต้นดีใจ แต่นางทุ่มเทเรี่ยวแรงจนแทบไม่เหลือ ได้แต่ขยับตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา นางกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจูบเขาด้วยความยินดี
เย่ว์หวี่ตอนแรกก็กอดเขาทันที นางลืมไปว่าเพราะการฝึกฝนทดสอบทำให้ชุดเสื้อผ้าของทั้งสี่คนสลายเป็นผุยผง
เมื่อผิวเสียดสีกัน จึงทำให้นางตื่นตัว
นอกจากนี้ยังมีการจูบจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้ทำให้นางที่ไวต่อสัมผัสอ่อนระทวยไปทั้งตัว สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกอายที่สุดก็คือน้องชายนางยังยื่นมือออกมาโอบพี่เย่กับร่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางกลัวมือที่ซุกซนของน้องชายจนรีบถอยและวิ่งออกนอกประตู
ขณะนั้นนางกุมหัวใจและรู้สึกว่าหน้านางแดง
เจ้าผู้นี้ จริงๆ เลย....อย่างไรก็ตามนางรู้ว่าน้องชายนางเป็นใคร และนี่ไม่ใช่ความเจ้าชู้ของเขา แต่เป็นนิสัยและบุคลิกของเขา  ถ้าน้องชายนางไม่ชอบเด็กผู้หญิง ก็จะไม่มีปฏิกิริยาเช่นนั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจ
หลังจากเย่ว์หวี่เปลี่ยนชุดแล้ว นางพบว่าสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์กำลังร้องเพลงอย่างไพเราะขณะทำครัว
เห็นสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์มีความสุข เย่ว์หวี่อดคิดไม่ได้
ใช่แล้ว ถ้าทุกคนเป็นเหมือนนาง แล้วไม่มีความทุกข์เสียใจในโลกก็คงจะดี  บางครั้งก็น่าอิจฉานางจริงๆ!
เย่ว์หยางใช้เวลาพักเพียงครึ่งชั่วโมงก็รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ ก่อนจะกลับมาตบก้นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเบาๆ นางสะดุ้งและหันมาดุเขา “อย่ากวนใจนะ ตัวร้าย ไม่งั้นข้าจะกัดเจ้า” นางบ่นเสียงงัวเงียและหลับตากลับไปฝันหวานต่อ  เย่ว์หยางแต่งตัวโดยมีสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์คอยช่วยปรนนิบัติ จากนั้นเขาจูบสายน้อยลูกครึ่งเอลฟ์เบาๆ
จากนั้นใช้เวลาตอนกลางคืนทำการค้นคว้าผลของวิชาลับใหม่ ทะลวงจุดชีพจร
ในสวนหลังโรงแรม ฮุยไท่หลางกำลังแทะกินขาไก่อย่างเกียจคร้าน
อสูรดาบเทาเถี้ยที่เพิ่งยกระดับใหม่ยังคงดำเนินการต่อสู้ซ้อมมือกับจักรพรรดิมังกรในสนามพลังของหมิงลี่ฮ่าว ขณะที่มารสัมฤทธิ์ฟ้าและจักรพรรดิใต้พิภพและคนอื่นๆ คอยควบคุมพลังงานไม่ให้รั่วออกมาสร้างความเสียหายโดยรอบ ขณะที่ลอบดูความเปลี่ยนแปลงใหม่ของอสูรดาบเทาเถี้ย
มันไวกว่าแมงป่องดาวฟ้า  ฮุยไท่หลางเห็นเย่ว์หยางยังไม่ทันถ่มไก่ทิ้งก็วิ่งไปรับหน้าเจ้านายก่อน มันไม่ลืมประจบเจ้านาย เหมือนจะทักทายว่าวันนี้เจ้านายดูดี!  แมงป่องดาวฟ้าก็ต้องการเข้ามาใกล้ๆ แต่ฮุยไท่หลางตบมันกระเด็นเสียก่อน เหมือนจะบอกว่าข้าพี่ใหญ่ยังไม่พึงพอใจ เจ้ากล้าเสนอหน้าได้ยังไง?  ต่อให้เทาเถี้ยแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย แต่ข้าก็ยังเป็นพี่ใหญ่!
แมงป่องดาวฟ้าก็ยังดึงดันเดินเข้ามา  พี่ใหญ่ เจ้าทำได้ทำไป แต่การดิ้นรนให้เป็นคนโปรดต้องมีการสู้ต่อกันบ้าง  เจ้าไม่มีทางได้ทำแต่ผู้เดียว
ฟงจีและจินหวินลอบหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
สัตว์เลี้ยงพวกนี้ ฉลาดเกินไปหรือเปล่า?
 “หือ? นั่นอะไร?”  หมิงลี่ฮ่าวพบว่าเย่ว์หยางถือหนังสือเล่มเล็กไว้
 “เราคุณชายใช้เวลาทั้งคืนค้นคว้าศึกษาว่าสามารถช่วยให้นักรบที่มีพลังต่ำกว่าปราณฟ้าระดับสามสามารถบรรลุพลังฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว”  เย่ว์หยางปลาบปลื้มภูมิใจกับตัวเอง หมิงลี่ฮ่าวอดตกใจกลัวไม่ได้ ไม่ เพียงคืนเดียวก็ค้นคว้าวิธีลับได้หรือ? ช่างทำให้ผู้อื่นอยู่ยากไปหรือเปล่า?
 “โอว, แย่แล้ว” เนื่องจากใจของเขาหวั่นไหว ทำให้ควบคุมสนามพลังไม่อยู่ พลังงานของจักรพรรดิมังกรกับอสูรดาบเทาเถี้ยเริ่มรั่วไหล
ถ้าปล่อยให้พลังรั่วไหลออกมาได้ อย่าว่าแต่โรงแรมหรูแห่งนี้เลย เมืองลู่หลิวจะต้องพลังพินาศไปถึงหนึ่งในสาม
เย่ว์หยางโยนหนังสือเล่มเล็กให้มารสัมฤทธิ์ฟ้า
และใช้มือข้างหนึ่งกดลง
สนามพลังสร้างโลกดึงดูดพลังงานทั้งหมดเข้ามารวมกันทันทีและถูกควบแน่นอยู่ในฝ่ามือจนเกิดเป็นหลุมดำ
หมิงลี่ฮ่าวมองดูชราและตกตะลึงหลั่งเหงื่อเยียบเย็น  การควบคุมของเจ้าเด็กนี่ดีกว่าของตัวเขาเอง  มิน่าเล่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าถึงบอกว่าหอทงเทียนมีอัจฉริยะที่ผิดกว่ามนุษย์ธรรมดา!  อย่างไรก็ตามเขามองดูสนามพลังเย่ว์หยางใกล้ๆ อย่างระมัดระวัง จากนั้นรีบวิ่งไปดูหนังสือที่มารสัมฤทธิ์ฟ้าถือ วิชาลับที่ทำให้บรรลุพลังปราณฟ้าระดับสามอย่างรวดเร็ว  โชคไม่ดี ดูเหมือนเขาตะโกนออกมาทันที “นี่คืองานค้นคว้าเพียงคืนเดียวหรือ? น้องข้าบอกว่าเจ้าไม่ธรรมดา นี่ไม่ได้โกหกข้าเล่าฮ่าวใช่ไหม?”
 “น้องสาวเจ้า!  เย่ว์หยางโมโห  “ข้าเคยบอกแล้วว่าเราคุณชายเป็นอัจฉริยะขนาดไหน? ต้องรีบมาขอโทษเร็วๆ  มิฉะนั้นน้องสาวท่านต้องชดใช้!
 “อย่างนั้นข้าไม่ขอโทษดีกว่า  ดูท่าทางเจ้าแล้วข้าไม่ไว้ใจ”  หมิงลี่ฮ่าวรู้สึกว่าถ้าน้องสาวของเขาขอโทษอีก นางคงเสียเปรียบ
 “น้องสาวของเจ้า ปล่อยให้พี่ชายคิดแทนได้ยังไง?”  เย่ว์หยางพูดไม่ออก
เขาตัดสินใจรอให้หมิงลี่ฮ่าวไปบ่นกับสาวน้อยนั้น
ไว้รอให้หมิงเยี่ยกวงขยี้เท้าด้วยความโกรธ แล้วตัดพี่น้องกับหมิงลี่ฮ่าวก่อนก็ได้  ดูเหมือนว่าตาลุงนี่จะกลัวน้องสาวตนเอง
เย่ว์หยางแค่นเสียงเย็นชาน่ากลัว นั่นทำให้ทุกคนรู้สึกตัวเย็นเฉียบ  ฟงจีกับจินหวินผู้ร่วมงานใหม่สะดุ้งกอดกันแน่นเพราะความกลัว
มารสัมฤทธิ์ฟ้าถามทันที  “สิ่งนี้ไม่เลวสำหรับคนอื่น  แต่มันช่วยอะไรเจ้าได้?”
เย่ว์หยางเชิดหน้ามองท้องฟ้า 45 องศา เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งภาคภูมิใจเหมือนนักศึกษากำลังอภิปรายรายงานวิทยานิพนธ์ของตนเอง  “นอกจากอัจฉริยะที่ไม่มีใครเหมือนอย่างข้าแล้ว  ใครจะเปลี่ยนกฎสวรรค์ลับบนร่างเงาได้และบรรลุอักขระรูนทำลายล้างได้เล่า?  ข้าจะประกาศการค้นพบวิธีลับที่ยิ่งใหญ่ของโลก ยังจะต้องทำเจียมเนื้อเจียมตัวด้วยหรือ!
พวกสมาชิกวังมารนึกได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น   “เฮ้, ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าว่าอสูรพิทักษ์อันดับหนึ่งของเจ้าเด็กนี่ก็คือเงาปีศาจ!
ถ้าเงาปีศาจสามารถใช้วิธีการลับนี้ได้  อย่างนั้นวิธีการลับนี้ก็ใช้ได้จริง...หมิงลี่ฮ่าวตะโกนลั่น  “น่าโมโหนัก, เด็กน้อย นี่เจ้าจะผิดปกติธรรมดาไปอีกถึงไหนกัน?”
   

6 ความคิดเห็น:

B.R. กล่าวว่า...

เงาปีศาจ หลังๆไม่ได้ออกโรงเลย คนอ่านลืมกันไปแล้วมั้ง

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

ulomzx กล่าวว่า...

เงาปีศาจของเย๋ว์หยางมีพลังเท่าเย่ว์หยาง...เลยไม่ต้องมีบทมากก็ได้

WingF กล่าวว่า...

ออกบ่อยยะเงาปีศาส แต่เป็นเสริมพลังอย่างเดียว อิอิ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น