ตอนที่ 943
เจ้าจะผิดปกติไปถึงไหนกัน?
เลื่อนระดับให้อสูรแล้ว
เย่ว์หยางหันกลับมาที่การฝึกฝนของตนเอง
ตามข้อมูลของหมิงลี่ฮ่าว
สงครามของภูมิภาคสวนสวรรค์ ถูกชักใยโดยบางคนในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ในบรรดาผู้ควบคุมหลังฉากมีฝ่ายตรงข้ามที่ทรงพลังระดับเดียวกับจีอู๋ลี่ผู้เข้าใกล้ระดับเทพ
ซึ่งกำลังจับตามองคัมภีร์เทพที่ซ่อนอยู่ในภูมิภาคสวนสวรรค์
มีคู่ต่อสู้แบบนั้นเย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาต้องแข็งแกร่งมากขึ้น มิฉะนั้นถ้าเจ้าตำหนักผู้นั้นได้คัมภีร์เทพไป
นั่นเป็นผลยากเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นหอทงเทียนหรือแดนสวรรค์
มักจะมีคำพูดที่เหมือนกัน ให้ความสำคัญของพลังเป็นอันดับแรก
ไม่มีพลัง ก็ไม่มีอะไรจะทำได้
ทุกอย่างสร้างขึ้นจากพลังความแข็งแกร่งและจากนั้นจึงค่อยขยายออกไป
“นอกจากพลังเทพสำหรับรักษาเยียวยาแล้ว ข้าพบความลับจากสองพี่น้องกระทิงเถื่อน อาจจะใช้ไม่ได้ผลดีกับเรา แต่สำหรับนักรบอื่น นับว่าเป็นประโยชน์ที่ไม่เลว” เย่ว์หยางอธิบายสถานการณ์ให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฟังก่อนเข้าฝึกฝน
“ความลับ?
เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบไหน?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถาม
“นั่นคือวิธีบรรลุพลังระดับใหม่โดยใช้วิธีฝังเข็มที่จุดเส้นของร่างกายมนุษย์
คาดว่าสองพี่น้องกระทิงเถื่อนไม่รู้ว่านั่นมีผลอย่างอื่นต่อพวกเขา วิธีการฝังเข็มทะลวงจุดนี้จะคล้ายกับวิธีของหอทงเทียนก่อนนั้นที่ยังไม่สมบูรณ์
แต่มีความแตกต่างกันอยู่เช่นกัน
ทั้งยังต่างจากการฝึกฝนพลังคู่รักของเราด้วยเช่นกัน แต่แม้ว่าจะมีความก้าวหน้า
แต่ยังไม่ดีเท่ากับการชักนำพลังไปตามเส้นชีพจรในการฝึกพลังคู่รัก
แต่สำหรับนักรบบางคนที่ไม่สามารถก้าวหน้าเมื่อเผชิญกับภาวะคอขวดของการฝึกฝน
หรือสำหรับนักรบที่ไม่เคยฝึกฝนในวิธีการที่เกี่ยวข้องกัน
นั่นเป็นวิธีบรรลุพลังระดับใหม่ที่ไม่เลวและไม่ธรรมดา” เย่ว์หยางอธิบายถึงหลักการของจุดฝังเข็มโดยระบุพลังพิเศษที่จุดฝังเข็มด้วยวิธีการที่พิเศษ
ตัวเช่นจุดไป๋ฮุ่ยตำแหน่งที่สูงสุดของร่างกายมนุษย์เป็นจุดบรรจบของร่างกายทั้งหมด
หากไม่เชื่อมโยงถึงกัน
อย่างนั้นการฝึกฝนจะหยุดนิ่งและล่าช้า
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือจุดหย่งเฉวียนซึ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของมนุษย์
หากเชื่อมโยงกันได้แล้วจะสามารถดูดซับพลังงานระหว่างฟ้าและดินได้และฟื้นฟูพลังได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ร่างกายมีสมดุลแขนขาแข็งแรง อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือจุดเหลากงในฝ่ามือ
ถ้าพลังงานเชื่อมโยงถึงกันจะสัมผัสได้ผ่านทางใจ
ปกติความลึกลับของจุดฝังเข็มไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่นี้เท่านั้น
แต่ยังมีความลึกซึ้ง ยิ่งศึกษาค้นคว้ามากก็จะพบความลี้ลับ
ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเย่ว์หยางในช่วงเริ่มต้นฝึกก็อยู่ในลักษณะนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าถึงพลังระดับสูง
พลังในร่างโคจรได้เต็มร้อยไม่ติดขัด
แม้ว่าด้วยการฝึกพลังคู่รัก
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเองก็โคจรพลังได้ตลอดทั้งร่างเต็มร้อย
มิฉะนั้นนางจะก้าวหน้าได้รวดเร็วได้ยังไง
นักสู้ทั่วไปถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเย่ว์หยาง อาศัยแต่พลังของตนเองมักจะเผชิญอุปสรรคทางจิตใจหรือทางกายกลายเป็นสภาวะคอขวดที่มิอาจทะลวงผ่านตลอดชีวิต
ดังนั้นวิธีการฝึกฝนอย่างเดียวก็ยังเป็นเรื่องที่ยากมาก แม้ว่าเย่ว์หยางเด็กหนุ่มจากโลกอื่น
ถ้าไม่ได้รับปราณกระบี่ไร้ลักษณ์บรรลุพลังปราณก่อกำเนิดจากเทพธิดากระบี่ฟ้าตั้งแต่แรก
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
“เจ้าหมายความว่าจะช่วยให้เย่คง เจ้าอ้วนไห่และสหายอื่นฝึกฝนในลักษณะเดียวกับสองพี่น้องกระทิงเถื่อนอย่างนั้นหรือ?”
จุ้ยมาวอี้ยังไม่เข้าใจ
“ไม่ใช่วิธีแข็งทื่ออย่างนั้น” เย่ว์หยางส่ายศีรษะ
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” เย่ว์หวี่ก็สงสัยเช่นกัน
“ข้ากำลังคิดว่า
ข้าจะใช้วิธีการนี้ผสานกับแนวคิดของรุ่นบรรพบุรุษสร้างวิธีการให้ฝึกฝนอย่างมีประสิทธิภาพแนวใหม่!” ขณะเย่ว์หยางพูดเช่นนั้น
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังดื่มชาถึงกับพ่นน้ำชาพรวด
เย่ว์หวี่กับจุ้ยมาวอี้สำลักน้ำชา
ช่างกล้าพูดได้ไม่อายปาก ใช้วิธีการฝึกแบบใหม่เอี่ยม
นี่เขากล้าพูดแบบนั้นได้ยังไง?
เมื่อเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำสายตาสงสัย
เย่ว์หยางหัวเสีย “นี่เจ้าคิดว่าข้ากำลังล้อเล่นหรือ?”
บัญญัติวิธีการฝึกฝนใหม่ที่เย่ว์หยางเองไม่เคยลองมาก่อน
การฝึกฝนของเย่ว์ปิงก็เป็นพี่ชายนางจัดการ
และเป็นวิธีการที่สมบูรณ์จนกล่าวได้ว่าไม่เคยเกิดมีขึ้นมาก่อน ยังมีอี้หนาน
โล่วฮัวและแม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้า
พวกนางก็ยังฟังคำแนะนำของเย่ว์หยางแม้แค่เป็นการเปลี่ยนองศาทิศทาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เย่ว์หวี่และจุ้ยมาวอี้ก็มั่นใจ พวกนางรู้ว่าถ้าไม่ใช่เย่ว์หยาง
พวกนางจะบรรลุปราณก่อกำเนิด ทั้งยังประสบความสำเร็จฆ่านักรบปราณฟ้าได้อย่างไรกัน?
เย่ว์หยางได้สร้างวิธีการฝึกฝนมากมายที่มีประสิทธิภาพมากเช่นกัน
สร้างวิทยายุทธเพิ่มมากขึ้น
มีหลากหลาย
เย่คง เจ้าอ้วนไห่ และพี่น้องตระกูลหลี่และเสวี่ยทันหลาง
องค์ชายเทียนหลัว ฯลฯ ใครเล่าไม่ได้รับการแนะนำจากเขา
แม้แต่พวกบ้าวิทยายุทธในวังมารก็ยังมาขอคำแนะนำเย่ว์หยางบ่อยๆ
รวมทั้งพี่ใหญ่มารสัมฤทธิ์ฟ้า จะหาข้ออ้างเล็กๆ น้อยๆ แอบขโมยเรียนแบบครูพักลักจำมาปรับปรุงเป็นรูปแบบของตนเอง
แต่อย่างไรก็ตาม
เป็นเรื่องยากมากกับการสร้างวิธีฝึกที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพ
ต้องบอกว่าเย่ว์หยางก่อนนั้นรู้สึกปวดหัวกับการฝึกให้เย่ว์ปิงน้องสาวของเขา
การฝึกนั้นไม่ง่ายเหมือนกินถั่ว
ที่ยิ่งกว่านั้นยิ่งเย่ว์หยางใช้เวลากับสองพี่น้องกระทิงเถื่อนเพียงวันเดียว
ต่อให้ได้ความลับมาจากทั้งสองนี้ แต่ก็คงไม่สามารถสร้างหลักสูตรฝึกฝนลับได้แน่
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าเย่ว์หยางชักหงุดหงิด
นางรู้สึกว่าไม่ควรไล่ต้อนเขา แต่นางกล่าว “เราสนับสนุนอยู่แล้ว
แต่เจ้าจะให้เราช่วยยังไง?”
เย่ว์หยางเปลี่ยนจากอารมณ์หงุดหงิดเป็นดีใจแทน
นี่เกือบจะเหมือนกันอยู่แล้ว!
เขาหยิบกระดาษเปล่าขนาดพอๆ
กับแผนที่ออกมาและบอกให้สามสาวล้อมเข้ามาใกล้ๆ
จากนั้นเขารีบเขียนแนวคิดผ่านปลายปากกาของเขาอย่างรวดเร็ว และอธิบายทีละนิด
เช่นจุดที่แขนเพื่อใช้เปิดประตูเส้นปราณ วิธีการและการใช้พลัง จุดที่ฝ่าเท้า
ข้อเท้า เข่า ท้องน้อย อก ไหล่ คอและศีรษะ
ทั้งหมดเป็นภาพและตัวหนังสือปรากฏอยู่ในใจของเขา
วิธีทั้งหมดนี้ทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
เย่ว์หวี่และจุ้ยมาวอี้มองเห็นและตัดสินใจได้ว่าเป็นไปได้หรือไม่ หรือต้องปรับปรุง
ตอนแรกเย่ว์หยางไม่รู้ว่ามีเรื่องที่เขาพูดออกไปหลายเรื่อง
ด้วยปลายปากกา
เขาพบว่าคำอธิบายในกระดาษของเขาเริ่มพอกพูนมากขึ้น
และความรู้ที่ผุดขึ้นมาในใจของเขายังมีมากไม่รู้จักหมดสิ้น
กระดาษขาวแผ่นเดียวไม่พอวาด
ก็ต้องใช้แผ่นที่สอง สาม สี่
จนกระทั่งเขาใช้กระดาษแผนที่เขียนวาดไปทั้งหมดเก้าแผ่น
นั่นคือผลของความรู้ที่ผุดขึ้นมาในใจของเย่ว์หยางอย่างต่อเนื่อง
อาจมีวิธีการบางอย่างจำเป็นต้องปรับปรุงหาความจริงเพื่อตัดสินใจ อย่างเช่นบนศีรษะมนุษย์ เพราะเชื่อมโยงโดยตรงกับสมอง
จุดฝังเข็มหลายจุดมีความสำคัญอย่างยิ่ง และเสี่ยงอันตรายไม่ใช่ว่าจะปักเข็มได้ตามชอบใจ
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากส่วนที่สำคัญที่สุดแล้ว
มีอยู่เพียงไม่กี่จุด
เย่ว์หยางเขียนจุดฝังเข็มทั้งหมดทั้งวางแนวคิดและแรงบันดาลใจของเขาทั้งหมด
รอจนกระทั่งเย่ว์หยางวาดเขียนเสร็จ
เวลาผ่านไปถึงสองชั่วโมง
“ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนอกจากยอมรับแล้ว
นางยังมีสัญชาตญาณคาดเดาได้ว่าจะทำได้สำเร็จ
“ปัญหาก็คือจะใช้งานได้อย่างไร? เส้นชีพจรทั้งหมดเชื่อมโยงถึงกัน และวิธีการฝึกปรือนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราจะมองหาคนนอกมาทดลองหรือไม่?” จุ้ยมาวอี้สงสัย
“ให้ข้าลองเอง”
เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาทำเป็นดีที่สุด อย่างน้อยข้อมูลแรกจะใช้นำร่องได้
“ถ้าเรื่องนี้อันตรายเกินไป
ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างสมบูรณ์ ข้า ข้าต้องขอค้าน” เย่ว์หวี่กังวลว่าร่างกายน้องชายจะได้รับความเสียหาย
“หรือว่าจะทดลองกับร่างข้าน้อยก็ได้
ถ้าเกิดความเสียหาย แพนดอราจะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้ข้าน้อยได้”
สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์เดินเข้ามาวางจานผลไม้และอาสาเป็นหนูทดลองคนแรก นางพูดความจริง แต่เย่ว์หยางจะยอมเปลี่ยนสาวใช้ของเขาเป็นเครื่องมือทดลองได้ยังไง?
เขาอดปฏิเสธไม่ได้
“ควรจะเริ่มจากง่ายไปยากดีกว่า ถ้ามีอันตราย
เราจะหยุดไม่ทำต่อไป” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเสนออย่างประนีประนอม
การทดลองจะให้เย่ว์หยางทดลองกับตัวเอง ที่สำคัญคือเขาสามารถควบคุมให้มีอันตรายน้อยที่สุดได้
“ข้าจะช่วยเอง” จุ้ยมาวอี้มองเย่ว์หวี่ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องช่วยให้ได้ ดังนั้นเย่ว์หวี่จึงถอยก้าวหนึ่ง
“....”
เย่ว์หวี่เองก็รู้ว่าถ้าต้องทำการทดลองจริงๆ เขาคงต้องใช้พลังคู่รักช่วย
น้องชายนางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฝึกพลังคู่รักได้ เพราะมีสายโยงพลังวิญญาณเชื่อมถึงกัน
นางจะรู้สึกอึดอัดใจ ไม่ใช่ว่านางไม่ต้องการช่วย
ตรงกันข้ามนางยินดีจะช่วยเขาให้ประสบความสำเร็จ
และนางรู้สึกว่าการช่วยเหลือประเภทนี้คือคุณค่าที่คู่ควรแก่ชีวิต
การฝึกพลังคู่รักนั้นเป็นเรื่องดี
ในกรณีที่เป็นน้องชายนางกับพี่เย่ที่เป็นคู่สามีภรรยาน่าจะสร้างความมั่นใจได้มากกว่า แต่ก็ยังกลัวความไม่แน่นอนอยู่บ้าง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้มองดูเย่ว์หวี่
นางรู้ว่ายิ่งนางมองเย่ว์หวี่มากเท่าใด
นางยิ่งรู้สึกอายมากเท่านั้น
แม่เสือสาวมีความเข้าใจดีนางจับมือของเย่ว์หยางดึงขึ้น
และนางทดสอบขั้นแรกก่อน... นางรู้ว่าเย่ว์หวี่จะต้องมาร่วมด้วยแน่
ราตรีผ่านไปอย่างเชื่องช้า
วิธีการฝึกลับแบบใหม่ที่สร้างขึ้นนี้ได้รับการยืนยันพิสูจน์อย่างต่อเนื่องทีละขั้นตอนทีละนิด
มีการพัฒนาการทดลองที่ล้มเหลวอย่างไม่หยุดยั้งจนกลายเป็นส่วนที่ถูกต้อง ในที่สุดจึงสร้างเป็นวิธีฝึกที่สมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพวิธีหนึ่ง
ตอนแรกเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคอยช่วย เมื่อแม่เสือสาวเหนื่อย
เหมียวเหมียวก็เข้าแทนที่
ส่วนที่ยากที่สุดก็คือเย่ว์หวี่ร่วมมือกับเย่ว์หยางค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในท่ามกลางความล้มเหลว วิธีการฝึกฝนทั่วไปถูกจัดเป็นชุดหลักสูตรฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบ ทั้งสามสาวกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจูบพ่อตัวร้ายของนางผู้สร้างเรื่องมหัศจรรย์ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจบ นางไม่เคยสงสัยเขา
แต่นางคาดไม่ถึงว่าภายในคืนเดียวจะสามารถทำได้สำเร็จ
สาวขี้เมาตื่นเต้นดีใจ
แต่นางทุ่มเทเรี่ยวแรงจนแทบไม่เหลือ ได้แต่ขยับตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา
นางกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจูบเขาด้วยความยินดี
เย่ว์หวี่ตอนแรกก็กอดเขาทันที
นางลืมไปว่าเพราะการฝึกฝนทดสอบทำให้ชุดเสื้อผ้าของทั้งสี่คนสลายเป็นผุยผง
เมื่อผิวเสียดสีกัน จึงทำให้นางตื่นตัว
นอกจากนี้ยังมีการจูบจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้ทำให้นางที่ไวต่อสัมผัสอ่อนระทวยไปทั้งตัว
สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกอายที่สุดก็คือน้องชายนางยังยื่นมือออกมาโอบพี่เย่กับร่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
นางกลัวมือที่ซุกซนของน้องชายจนรีบถอยและวิ่งออกนอกประตู
ขณะนั้นนางกุมหัวใจและรู้สึกว่าหน้านางแดง
เจ้าผู้นี้ จริงๆ
เลย....อย่างไรก็ตามนางรู้ว่าน้องชายนางเป็นใคร และนี่ไม่ใช่ความเจ้าชู้ของเขา
แต่เป็นนิสัยและบุคลิกของเขา
ถ้าน้องชายนางไม่ชอบเด็กผู้หญิง ก็จะไม่มีปฏิกิริยาเช่นนั้น
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจ
หลังจากเย่ว์หวี่เปลี่ยนชุดแล้ว
นางพบว่าสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์กำลังร้องเพลงอย่างไพเราะขณะทำครัว
เห็นสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์มีความสุข
เย่ว์หวี่อดคิดไม่ได้
ใช่แล้ว ถ้าทุกคนเป็นเหมือนนาง
แล้วไม่มีความทุกข์เสียใจในโลกก็คงจะดี
บางครั้งก็น่าอิจฉานางจริงๆ!
เย่ว์หยางใช้เวลาพักเพียงครึ่งชั่วโมงก็รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ
ก่อนจะกลับมาตบก้นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเบาๆ นางสะดุ้งและหันมาดุเขา “อย่ากวนใจนะ
ตัวร้าย ไม่งั้นข้าจะกัดเจ้า” นางบ่นเสียงงัวเงียและหลับตากลับไปฝันหวานต่อ
เย่ว์หยางแต่งตัวโดยมีสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์คอยช่วยปรนนิบัติ จากนั้นเขาจูบสายน้อยลูกครึ่งเอลฟ์เบาๆ
จากนั้นใช้เวลาตอนกลางคืนทำการค้นคว้าผลของวิชาลับใหม่
‘ทะลวงจุดชีพจร’
ในสวนหลังโรงแรม
ฮุยไท่หลางกำลังแทะกินขาไก่อย่างเกียจคร้าน
อสูรดาบเทาเถี้ยที่เพิ่งยกระดับใหม่ยังคงดำเนินการต่อสู้ซ้อมมือกับจักรพรรดิมังกรในสนามพลังของหมิงลี่ฮ่าว
ขณะที่มารสัมฤทธิ์ฟ้าและจักรพรรดิใต้พิภพและคนอื่นๆ
คอยควบคุมพลังงานไม่ให้รั่วออกมาสร้างความเสียหายโดยรอบ
ขณะที่ลอบดูความเปลี่ยนแปลงใหม่ของอสูรดาบเทาเถี้ย
มันไวกว่าแมงป่องดาวฟ้า ฮุยไท่หลางเห็นเย่ว์หยางยังไม่ทันถ่มไก่ทิ้งก็วิ่งไปรับหน้าเจ้านายก่อน
มันไม่ลืมประจบเจ้านาย เหมือนจะทักทายว่าวันนี้เจ้านายดูดี!
แมงป่องดาวฟ้าก็ต้องการเข้ามาใกล้ๆ แต่ฮุยไท่หลางตบมันกระเด็นเสียก่อน
เหมือนจะบอกว่าข้าพี่ใหญ่ยังไม่พึงพอใจ เจ้ากล้าเสนอหน้าได้ยังไง? ต่อให้เทาเถี้ยแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย
แต่ข้าก็ยังเป็นพี่ใหญ่!
แมงป่องดาวฟ้าก็ยังดึงดันเดินเข้ามา พี่ใหญ่ เจ้าทำได้ทำไป
แต่การดิ้นรนให้เป็นคนโปรดต้องมีการสู้ต่อกันบ้าง
เจ้าไม่มีทางได้ทำแต่ผู้เดียว
ฟงจีและจินหวินลอบหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
สัตว์เลี้ยงพวกนี้
ฉลาดเกินไปหรือเปล่า?
“หือ? นั่นอะไร?”
หมิงลี่ฮ่าวพบว่าเย่ว์หยางถือหนังสือเล่มเล็กไว้
“เราคุณชายใช้เวลาทั้งคืนค้นคว้าศึกษาว่าสามารถช่วยให้นักรบที่มีพลังต่ำกว่าปราณฟ้าระดับสามสามารถบรรลุพลังฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว” เย่ว์หยางปลาบปลื้มภูมิใจกับตัวเอง
หมิงลี่ฮ่าวอดตกใจกลัวไม่ได้ ไม่ เพียงคืนเดียวก็ค้นคว้าวิธีลับได้หรือ?
ช่างทำให้ผู้อื่นอยู่ยากไปหรือเปล่า?
“โอว, แย่แล้ว” เนื่องจากใจของเขาหวั่นไหว
ทำให้ควบคุมสนามพลังไม่อยู่
พลังงานของจักรพรรดิมังกรกับอสูรดาบเทาเถี้ยเริ่มรั่วไหล
ถ้าปล่อยให้พลังรั่วไหลออกมาได้
อย่าว่าแต่โรงแรมหรูแห่งนี้เลย เมืองลู่หลิวจะต้องพลังพินาศไปถึงหนึ่งในสาม
เย่ว์หยางโยนหนังสือเล่มเล็กให้มารสัมฤทธิ์ฟ้า
และใช้มือข้างหนึ่งกดลง
สนามพลังสร้างโลกดึงดูดพลังงานทั้งหมดเข้ามารวมกันทันทีและถูกควบแน่นอยู่ในฝ่ามือจนเกิดเป็นหลุมดำ
หมิงลี่ฮ่าวมองดูชราและตกตะลึงหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
การควบคุมของเจ้าเด็กนี่ดีกว่าของตัวเขาเอง
มิน่าเล่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าถึงบอกว่าหอทงเทียนมีอัจฉริยะที่ผิดกว่ามนุษย์ธรรมดา!
อย่างไรก็ตามเขามองดูสนามพลังเย่ว์หยางใกล้ๆ อย่างระมัดระวัง
จากนั้นรีบวิ่งไปดูหนังสือที่มารสัมฤทธิ์ฟ้าถือ วิชาลับที่ทำให้บรรลุพลังปราณฟ้าระดับสามอย่างรวดเร็ว โชคไม่ดี ดูเหมือนเขาตะโกนออกมาทันที “นี่คืองานค้นคว้าเพียงคืนเดียวหรือ?
น้องข้าบอกว่าเจ้าไม่ธรรมดา นี่ไม่ได้โกหกข้าเล่าฮ่าวใช่ไหม?”
“น้องสาวเจ้า!” เย่ว์หยางโมโห
“ข้าเคยบอกแล้วว่าเราคุณชายเป็นอัจฉริยะขนาดไหน? ต้องรีบมาขอโทษเร็วๆ มิฉะนั้นน้องสาวท่านต้องชดใช้!”
“อย่างนั้นข้าไม่ขอโทษดีกว่า ดูท่าทางเจ้าแล้วข้าไม่ไว้ใจ” หมิงลี่ฮ่าวรู้สึกว่าถ้าน้องสาวของเขาขอโทษอีก
นางคงเสียเปรียบ
“น้องสาวของเจ้า
ปล่อยให้พี่ชายคิดแทนได้ยังไง?”
เย่ว์หยางพูดไม่ออก
เขาตัดสินใจรอให้หมิงลี่ฮ่าวไปบ่นกับสาวน้อยนั้น
ไว้รอให้หมิงเยี่ยกวงขยี้เท้าด้วยความโกรธ
แล้วตัดพี่น้องกับหมิงลี่ฮ่าวก่อนก็ได้
ดูเหมือนว่าตาลุงนี่จะกลัวน้องสาวตนเอง
เย่ว์หยางแค่นเสียงเย็นชาน่ากลัว
นั่นทำให้ทุกคนรู้สึกตัวเย็นเฉียบ
ฟงจีกับจินหวินผู้ร่วมงานใหม่สะดุ้งกอดกันแน่นเพราะความกลัว
มารสัมฤทธิ์ฟ้าถามทันที “สิ่งนี้ไม่เลวสำหรับคนอื่น แต่มันช่วยอะไรเจ้าได้?”
เย่ว์หยางเชิดหน้ามองท้องฟ้า 45 องศา
เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งภาคภูมิใจเหมือนนักศึกษากำลังอภิปรายรายงานวิทยานิพนธ์ของตนเอง “นอกจากอัจฉริยะที่ไม่มีใครเหมือนอย่างข้าแล้ว ใครจะเปลี่ยนกฎสวรรค์ลับบนร่างเงาได้และบรรลุอักขระรูนทำลายล้างได้เล่า? ข้าจะประกาศการค้นพบวิธีลับที่ยิ่งใหญ่ของโลก ยังจะต้องทำเจียมเนื้อเจียมตัวด้วยหรือ!”
พวกสมาชิกวังมารนึกได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “เฮ้,
ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าว่าอสูรพิทักษ์อันดับหนึ่งของเจ้าเด็กนี่ก็คือเงาปีศาจ!”
ถ้าเงาปีศาจสามารถใช้วิธีการลับนี้ได้ อย่างนั้นวิธีการลับนี้ก็ใช้ได้จริง...หมิงลี่ฮ่าวตะโกนลั่น “น่าโมโหนัก, เด็กน้อย นี่เจ้าจะผิดปกติธรรมดาไปอีกถึงไหนกัน?”
6 ความคิดเห็น:
เงาปีศาจ หลังๆไม่ได้ออกโรงเลย คนอ่านลืมกันไปแล้วมั้ง
ใจจ้า
เงาปีศาจของเย๋ว์หยางมีพลังเท่าเย่ว์หยาง...เลยไม่ต้องมีบทมากก็ได้
ออกบ่อยยะเงาปีศาส แต่เป็นเสริมพลังอย่างเดียว อิอิ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น