วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 958 ความดื้อรั้นและเกลียดชัง


ตอนที่  958  ความดื้อรั้นและเกลียดชัง
คนผู้นี้คล้ายกับบุรุษรัศมีทองที่ปรากฏตัวในวังเมืองลู่หลิวและชิงหยดเลือดเทพและหญิงงามจูกวง


อย่างน้อยก็ดูมีลักษณะคล้ายกันมาก
ถ้ามองอย่างสังเกตจะพบว่าทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
บุรุษชุดทองที่ชิงหยดเลือดเทพปล่อยพลังออกมาเหมือนกับดาบ และพลังมีความแหลมคมก้าวร้าว  ส่วนบุรุษที่มาทีหลังไม่เพียงแต่แต่งกายเรียบง่าย  แต่ยังสงบราบเรียบเหมือนบ่อน้ำเก่า หรือมองดูคล้ายกับภูเขาไฟที่ยังสงบมีพลังปานฟ้าถล่มดินทลาย คนด้านหลังก็มีกระบี่เหมือนคนชุดทอง กระบี่นี้ดูเหมือนธรรมดา ไม่ได้แขวนอยู่บนเอวเหมือนมือกระบี่ทั่วไป เป็นกระบี่ไม่มีฝัก แต่มีผ้าแพรสองสามชิ้นพันรอบไว้
 “ข้ารู้ว่าพวกเขาจะต้องใช้เจ้าอีกครั้ง! ความจริงคนพวกนี้ล้วนแต่เป็นขยะทั้งนั้น เป็นขยะประจำโลก ต้องเอาชีวิตไปช่วยพวกมันทำไมกัน? ช่วยพวกมันมีแต่จะสูญเปล่า กลับจะสร้างอันตรายให้กับเจ้าเป็นทวีคูณ  เจ้าไม่รู้หรือว่าพวกมันเป็นใคร ตามข้ามาเถอะ เจ้าไม่ควรมาที่นี่!
คนที่เพิ่งมาถึงไม่สนใจผู้ชมคนอื่น เขาเดินตรงมาที่เทวีเสรีภาพ
และมองดูนาง
หลังจากที่เห็นนางเงียบ เขาถอนหายใจเบาๆ และพูดเสียงอ่อนโยน “เจ้าต้องการช่วยผู้คน ทำไมไม่มากับข้า? นั่นยังทำให้ช่วยผู้คนได้มากกว่าเสียอีก!  ขณะที่เทวีเสรีภาพส่ายหน้าและปฏิเสธที่จะตามมา
ราชาสองหน้าถือเคียวปีศาจไม่ได้พูดอะไร
เหมือนว่าเขาไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
บุรุษชุดทองที่อยู่อีกด้านถอยไปหนึ่งก้าวแอบซ่อนตัวครึ่งหนึ่งอยู่ที่ด้านหลังมือสังหารและหญิงงามจูกวง เขากรอกสายตาดูรอบๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ว์หยาง ที่เขาต้องระมัดระวังอย่างมากที่สุด เย่ว์หยาง  เขาแสดงตัวเหมือนกับคนโง่งี่เง่า ลักษณะของหมิงลี่ฮ่าวก็โง่พอกัน  เขาก้มหน้าและซ่อนตัวอยู่ด้านหลังนักสู้ปราณฟ้าร่างยักษ์หลายคนดูเหมือนกับคนขี้ขลาด  มารสัมฤทธิ์ฟ้าและจักรพรรดิมังกรเดินขึ้นมาข้างหน้าอย่างเงียบงันและใช้ตัวครึ่งหนึ่งบังเย่ว์หยาง  พวกเขาตระหนักได้ว่าผู้ที่เพิ่งมาถึงมีพลังยิ่งใหญ่ไม่อาจต่อต้านได้ การต่อสู้ป้องกันคนผู้นี้ไม่ให้โจมตีเย่ว์หยาง พวกเขาจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นหลายเท่า
อีกด้านหนึ่งสีหน้าของราชาจื่อฟง ชิงหลาง โหลวลั่ว ฯลฯ มีสีหน้าไม่ดีนัก
เพราะพวกเขาจำสถานะของผู้ที่มาถึงได้
จักรพรรดิฟู่โฉว!
ท่าทีไม่ไยดีผู้ที่อยู่ในที่นี้ พวกเขาสงสัยว่าจักรพรรดิฟู่โฉว คงไม่สนใจวิธีการเตรียมลงมือแก้แค้นทันที
ส่วนตัวปลอมที่ราชาว่านเจียวเคยตะโกนเรียก ตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลังหญิงงามจูกวง เขาเป็นคนที่มีลักษณะที่คล้ายกันเท่านั้น  แต่บัดนี้จักรพรรดิฟู่โฉวตัวจริงปรากฏ นอกจากนี้ยังมีพลังแข็งแกร่งมากกว่าที่คิด!
ราชาจื่อฟงและคนอื่นๆ แม้ว่าจะอยู่ภายใต้บัญชาการของจักรพรรดิเสิ่นกวงก็ต้องทรงพลังด้วยเหมือนกัน
แต่พวกเขายังไม่มีคุณสมบัติต่อต้านจักรพรรดิฟู่โฉว
จักรพรรดิฟู่โฉว นั่นคือระดับเดียวกับจักรพรรดิเสิ่นกวงและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว นั่นเป็นเรื่องน่าปวดหัว นักสู้ระดับราชาเผชิญนักสู้ระดับจักรพรรดิ มีจุดจบตายสถานเดียว!
 “ถ้าท่านยืนยันจะช่วยคนพวกนี้ทั้งหมด ถ้าอย่างนั้นข้าต้องฆ่าพวกมันทั้งหมด รู้ว่าชีวิตท่านสำคัญต่อข้า และพวกมันที่เหลือเป็นแค่ขยะเท่านั้น” ขณะที่เทวีเสรีภาพส่ายศีรษะ และขณะที่จักรพรรดิฟู่โฉวพูดคำว่า “ถ้าอย่างนั้น...” เขาหันหลังช้าๆ และเดินไปทางราชาจื่อฟงและเย่ว์หยางกับคนอื่นๆ สายตาของเขาเหมือนกับมองกลุ่มคนตาย
 “ทำไมเจ้าต้องทำอย่างนี้อยู่เรื่อย?”  เทวีเสรีภาพหลั่งน้ำตา
 “ข้าไม่ผิด ท่านก็รู้!  จักรพรรดิฟู่โฉวได้ยินเสียงเทวีเสรีภาพร้องไห้ เขาชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย
 “ตราบใดที่เจ้าอภัยให้ผู้อื่น สลายความเกลียดชังกันและกัน  ความทุกข์ก็จะหมดไปจากพวกเราได้  ทำไมเจ้าถึงได้ดื้อรั้นยืนกรานนัก? ความเกลียดชังไม่อาจแก้ไขอดีตที่ผ่านมาทั้งหมด  ตรงกันข้าม มันมีแต่จะทำลายภูมิภาคสวนสวรรค์เป็นทวีคูณ  หลังจากผ่านมาหลายปีผู้คนล้มตาย0มากพอแล้ว”  เทวีเสรีภาพน้ำตานองหน้า
 “ทั้งหมดที่ข้ารู้ก็คือพวกเขาใช้ความเมตตาและการให้อภัยของท่านผ่านไปรุ่นแล้วรุ่นเล่าไม่ทำให้ได้ชัยชนะกลับมาเลยสักนิด กลับได้มาแต่พวกเนรคุณที่เยาะเย้ยถากถาง  ข้าไม่โทษท่าน เพราะท่านก็เหมือนกับท่านแม่นั่นแหละ เกิดมาเป็นคนใจดีมีเมตตา ไม่ต้องการเห็นผู้อื่นประสบทุกข์ยากลำบาก  กลับยอมทรมานตนเองแทนที่จะตำหนิว่ากล่าวคนอื่น แต่ความเมตตาของท่านถูกคนเลวใช้ประโยชน์ และเอามารังแกท่าน  ข้าจะต้องสนองคืนมันสำหรับความแค้นความชังนี้  ต่อให้ทำลายภูมิภาคสวนสวรรค์ทั้งหมด ข้าก็ไม่สนใจ ไม่ว่าต้องฆ่าคนกี่คนก็ตาม ข้าไม่สนใจ  ไม่ว่ายังไงก็ตามข้าจะไม่ให้อภัยพวกมัน....เป็นเพราะพวกมันทำให้เกิดเรื่องทุกวันนี้  ข้าจะแก้แค้นแทนท่านแม่ แก้แค้นแทนท่าน แก้แค้นแทนคนที่ถูกข่มเหงจนต้องตายไปอย่างน่าเศร้าอีกนับไม่ถ้วน  ข้าต้องการแก้แค้นเจ้าพวกเหล่านั้น ข้าต้องการให้เจ้าพวกที่สูงส่งเหล่านั้นที่เอาแต่เสวยสุขบนความยากลำบากผู้อื่นต้องประสบเคราะห์กรรม  ข้าต้องการให้โลกโชคร้าย ต้องการให้พวกมันทุกข์ยากลำบากเป็นพันเท่าหมื่นเท่า  ข้าไม่สนใจชื่อเสียงอยู่แล้ว  เพราะข้าเกิดมาเพื่อแก้แค้น  นอกจากพวกมันตายกันหมด  ความแค้นของข้าจะไม่มีวันสลาย!
จักรพรรดิฟู่โฉวกำหมัดแน่น แต่หน้าของเขายังคงสงบ
แต่ลึกลงไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง มีความเจ็บปวดสลักลึกอยู่ในกระดูกและหัวใจ ไม่มีพลังใดๆ ในโลกลบล้างออกไปได้
เย่ว์หยางเริ่มเข้าใจขึ้นบ้างทันที สาเหตุของความทุกข์ยากเดือดร้อนของภูมิภาคสวนสวรรค์หลายพันปี ทำไมหมิงลี่ฮ่าวจึงทำเป็นตาบอด? ทำไมเรื่องเหล่านี้ถึงกลายเป็นโศกนาฏกรรมมากขึ้นทุกที?
เหตุผลนั้นง่าย เป็นเพราะจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว จักรพรรดิเสิ่นกวงและเจ้าตำหนักน้ำรุ่นหลังไม่เคยมองเห็นมาก่อน หรือจักรพรรดิฟู่โฉวเองก็ดื้อรั้นจนยากจะรั้งกลับ แน่นอนว่าไม่น่าแปลกใจ เมื่อมองอีกมุมหนึ่งพวกเขาคือครอบครัวเดียวกัน มีสัมพันธ์กันทางสายเลือด ไม่ว่าผิดหรือถูกทุกคนต้องสู้กันจนถึงที่สุดและใช้พลังหมัดคลี่คลายปัญหา
ไม่รู้จักหมดสิ้น
เมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่วุ่นวายก็คงเป็นเรื่องแปลก!
นอกจากนี้โศกนาฏกรรมในภูมิภาคสวนสวรรค์ซับซ้อนยุ่งเหยิงเกินไป จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสะสางปัญหานี้ได้
ถ้าคนเหล่านี้ไม่ดื้อรั้นจนเกินไป  ถ้าจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่หมกมุ่นขนาดนั้น  ถ้าเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ไม่หมกมุ่นถือทิฏฐิ  ถ้าจักรพรรดิเสิ่นกวงไม่หมกมุ่นเกินไป อย่างนั้นหลายอย่างก็คงไม่ขยายลุกลามกลายเป็นโศกนาฏกรรม....
สำหรับจักรพรรดิฟู่โฉว เย่ว์หยางไม่คิดว่าเขาทำอะไรผิด
ตรงกันข้าม เย่ว์หยางสนับสนุนความเคลื่อนไหวของจักรพรรดิฟู่โฉว ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่มีอะไรผิดกับการกระทำนี้  ในกรณีนี้ถ้าจักรพรรดิฟู่โฉวไม่ล้างแค้นก็คงเป็นเรื่องแปลก
หากมีคนข่มเหงสมาชิกครอบครัวซึ่งเป็นที่รักของเขา เย่ว์หยางคงชักดาบเล่นงานฝ่ายตรงข้ามเป็นแน่
การล้างแค้นไม่ใช่เรื่องผิด  แต่ต้องใช้วิธีที่ดีที่สุด
ไม่อาจใช้กำลังบังคับแข็งขืน... ไม่อาจปล่อยให้ความเกลียดชังบดบังดวงตา.. นี่คือจุดแตกต่างระหว่างเย่ว์หยางกับจักรพรรดิฟู่โฉว!
 “ข้ารู้ว่าข้าทำไม่ถูก  แต่ข้าไม่รู้ว่าจะทำให้ถูกต้องได้อย่างไร  สำหรับเจ้า ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามีชีวิตอยู่กับความเกลียดชังตลอดเวลา  เจ้าควรจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง แสวงหาตนเองแทนที่จะคิดแค้นตลอดเวลาและอาบเลือดสู้กับศัตรู แม้ว่าข้าจะเป็นคนรุ่นหลังแม่ของเจ้าแต่ข้าไม่ต้องการสนับสนุนการแก้แค้นของเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเจ้า จักรพรรดิเสิ่นกวง จักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ทุกคนต่อสู้เพื่อตอบสนองความต้องการในใจของตนเอง  ข้าไม่ต้องการอยู่ในวังวนสงครามกับเจ้า...ข้าจะไม่ไปกับเจ้า!  เทวีเสรีภาพปาดน้ำตา  แม้ว่ารูปลักษณ์ของนางจะดูอ่อนแอ  แต่ดวงตาของนางมุ่งมั่น
 “ท่านแค่ติดตามข้า  ข้าไม่ต้องการการสนับสนุนจากท่าน ท่านไม่ต้องทำอะไรให้ข้า ท่านแค่ใช้ชีวิตอยู่ในที่ปลอดภัยให้ดี  พอเถอะ ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมข้าอีก  ข้าเองก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมท่านได้เช่นกัน พวกเราทั้งหมดล้วนแต่ดื้อรั้นกันทั้งนั้น  ท่านไม่ยอมช่วยข้า  ข้าก็ไม่ว่ากระไร แต่ข้าตัดสินใจแล้วจะเอาตัวท่านจากไป ท่านไม่ต้องคัดค้าน  เพราะข้าแข็งแกร่งกว่าท่าน  เรื่องนี้ข้าต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน”
หลังจากจักรพรรดิฟู่โฉวพูดเสร็จ เขาชะงักฝีเท้าอีกครั้ง
เมื่อเขายืนอยู่ต่อหน้าราชาจื่อฟง เขายังไม่ชักกระบี่  แต่พูดอย่างราบเรียบ “เจ้าฆ่าตัวตายดีกว่า  ความเจ็บปวดจะได้ลดน้อยลง”
ราชาจื่อฟงสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด
สีหน้าซีดเซียว
ทุกคนโกรธ แต่ในใจมีความกลัวมากกว่า  เพราะอยู่ต่อหน้าจักรพรรดิฟู่โฉวผู้ทรงพลัง ต่อให้พวกเขาร่วมมือกันก็ยังไม่เพียงพอต่อต้านฝ่ายตรงข้ามได้  ต่อหน้านักสู้ระดับจักรพรรดิแดนดินที่ทรงพลัง  นักสู้ปราณฟ้าระดับราชาเป็นเพียงแค่หนูตัวเล็กที่อยู่ต่อหน้าราชสีห์ ไม่ว่ามีจำนวนเท่าใดก็ไม่มีประโยชน์
จักรพรรดิฟู่โฉวเห็นราชาจื่อฟงและคนอื่นๆ ไม่พูดอะไร  เขาแค่นเสียงเย็นชา  “อย่านึกว่าเจ้าขี้ขลาดเสิ่นกวงจะช่วยเจ้าได้  ในท่ามกลางทะเลสันติที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้ เขาไม่กล้ามาพบข้าแน่นอน ต่อให้ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้า  ข้าคิดว่าพลังอย่างพวกเจ้ายังจะมีชีวิตรอดพ้นแผนของราชาสองหน้ากับพวกอีกหรือ?  ชีวิตของพวกเจ้ามีค่าไม่ต่างอะไรจากขยะ แค่ใช้เลือดเอาไว้บูชายัญศิลาดวงดาวเท่านั้น!
ราชาสองหน้าที่ยืนห่างออกไปยังคงนิ่งเงียบ ราวกับว่าตาบอดหูหนวกมาแต่กำเนิด
สนมจูกวงมองดูสีหน้าเย่ว์หยางไม่วางตา
พยายามจะค้นหาบางอย่าง
เย่ว์หยางกระแอมเบาๆ ต่อหน้าทุกคน ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้ม “เศษหินดวงดาวอะไรกัน ข้าไม่รู้จัก, เล่ห์เหลี่ยมแผนการอะไร ข้าไม่รู้ทั้งนั้น ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น  ข้ามีนิสัยรักสงบ เมื่อข้ายังเด็ก ข้าเป็นเด็กดีมีน้ำใจ  ข้าเองคิดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการต่อสู้ของเจ้า ดังนั้น ข้าสามารถไปจากที่นี่ได้ไหม?”
 “เจ้าเป็นใคร?”  จักรพรรดิฟู่โฉวประหลาดใจเย่ว์หยางเล็กน้อย และเขาก็คาดเดาไม่ออกว่าเจ้าเด็กนี่โผล่ออกมาจากไหน?
 “เจ้าเพิ่งบอกไม่ใช่หรือว่าจะกลับไปกินมื้อเย็นที่บ้าน?”  เย่ว์หยางทำตัวเหมือนเด็กนักเรียนประถมที่ถูกลงโทษเวลาทำผิดพลาด
 “คิกๆๆ” สนมจูกวงอดหัวเราะไม่ได้
 “....” หญิงงามจูกวงลอบสังเกตเย่ว์หยางและอดตำหนิกับความเหลวไหลไร้สาระของเขามิได้  “โชคดีที่จักรพรรดิฟู่โฉวแค่มองหาจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเพื่อแก้แค้น”
จักรพรรดิฟู่โฉวไม่ตอบ
เขาเพียงแต่ชักกระบี่ด้านหลังช้าๆ

7 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

กวนตอนได้ใจ555

ulomzx กล่าวว่า...

เดี๋ยวเห็นฤทธิ์เย่ว์หยางแล้วจะได้รู้ว่าไม่ควรเป็นศรัตรูเย่ว์หยาง

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Puisiwa กล่าวว่า...

กวนมึนโฮ เด๋วได้เฮอิอิ

แสดงความคิดเห็น