ตอนที่ 972
ควาฟู่ไล่ตามตะวัน?
โลกศิลา
เมื่อหมิงลี่ฮ่าวกลับมายังโลกศิลา
เขารู้สึกเหมือนกับว่าการต่อสู้ผ่านไปนานสามวันสามคืน
สภาพแวดล้อมที่นี่ยังคงเป็นเหมือนเดิม
ทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้การย้อนกลับของเวลาไม่มีร่องรอยการต่อสู้ปรากฏให้เห็น
อย่างไรก็ตามทั้งเย่ว์หยางและจ้าวสุริยาที่ยืนประจันหน้ากันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เย่ว์หยางล้มลงกับพื้น แขนข้างหนึ่งยันกับพื้น
และเลือดยังคงไหลจากปาก ตามร่างกายมีบาดแผลเป็นร้อย และสภาพแผลก็มีขนาดแตกต่าง ดูเหมือนว่าเขาถูกทำร้ายโดยอาวุธที่แตกต่าง
เย่ว์หยางถูกจ้าวสุริยาซัดร่วงลงกับพื้น
หมิงลี่ฮ่าวไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด
แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ
มือขวาของจ้าวสุริยาก็หลั่งเลือดเช่นกัน
เลือดไหลผ่านไปตามแขนเสื้อผ่านมือและง่ามนิ้ว
หยดลงพื้นในที่สุด
เจ้าเด็กเย่ว์หยางนี่ทำร้ายจ้าวสุริยาได้จริงๆ
หรือนี่?
ความตกใจและความเข้าใจผิดในใจของหมิงลี่ฮ่าวพุ่งขึ้นถึงขีดจำกัด... เขาเผชิญหน้ากับจ้าวสุริยา
แต่ก็ร่วงลงกับพื้นโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เย่ว์หยางเจ้าเด็กแข็งแกร่งนี่เหนือกว่าตัวเขาได้ นี่เขาทำได้อย่างไร?
มีความเป็นไปได้จริงๆ
หรือว่าเขาจะเอาชนะจ้าวสุริยาได้?
“เจ้ายังกลับมาอีกทำไม เจ้ามาทำอะไร?”
เย่ว์หยางมองดูหมิงลี่ฮ่าวและบ่นอย่างไม่พอใจ “เจ้ามีพลังสำรองหรือ
รู้ว่ากลับมาตายก็ยังอุตส่าห์กลับมาอีก!”
“เออ!”
หมิงลี่ฮ่าวตอบ และหัวเราะอีกครั้ง
“ข้ากลับมาดูว่าเจ้าตายหรือยัง!”
“หมิงลี่ฮ่าว! ด้วยทักษะแฝงเร้นและความสามารถของเจ้า
น่าจะมีพลังมากกว่าสามจอมภพแดนสวรรค์
เอาความสามารถที่แท้จริงของเจ้าออกมาใช้ได้เลย
ข้าอยากจะเห็นว่าฝีมือหมิงลี่ฮ่าวผู้ที่กล่าวกันว่าเป็นผู้กล้าที่สุดของตระกูลหมิง
จะมีฝีมือใดบ้างที่ควรแก่การจดจำของคนรุ่นหลัง!”
จ้าวสุริยาค่อยๆ ยกมือขวาที่เลือดกำลังไหลออก
เหมือนกับว่าเขาเพิ่งพบว่าตนเองบาดเจ็บ แต่สีหน้าของเขายังไม่เปลี่ยน
สายตาของเขาเรียบเฉยขณะหันกลับมามองหมิงลี่ฮ่าว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเบนสายตามองคนอื่นนอกจากเย่ว์หยาง
“ข้าบอกแล้ว เจ้าเด็กปากเหม็น อย่ามองข้าอย่างนั้น
เจ้าคิดว่าข้าเล่าฮ่าวไม่คู่ควรผนึกกำลังเจ้าสู้ได้หรือ!”
หมิงลี่ฮ่าวไม่มองจ้าวสุริยา แต่กลับพูดกับเย่ว์หยางแทน
เขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญที่สว่างเจิดจ้าออกมาบ้าง
ลำแสงรัศมีฉายขึ้นไปในท้องฟ้า
ร่างของหมิงลี่ฮ่าวมีรัศมีสีทองเจิดจ้า
เมื่อเขาคืนสู่พลังสุดยอด เขามีพลังแทบทัดเทียมกับเทพ
ในท้องฟ้า
จุดสูงสุดของลำแสงกำเนิดดวงอาทิตย์ดวงหนึ่ง จากนั้นแตกกระจายออกไปทันที
มีเงาทองสายหนึ่งขยายตัวออกมาจากดวงอาทิตย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งเท้าของเงาทองถึงพื้น
เงาทองนั้นสูงกว่าร่างของหมิงลี่ฮ่าวสิบเมตร
เมื่อหมิงลี่ฮ่าวยื่นมือไปกดที่ร่างเงาทองท่ามกลางสายตาของเย่ว์หยางและจ้าวสุริยาที่มองด้วยความสนใจ
ร่างทองนั้นขยายตัวอย่างบ้าคลั่ง และยักษ์ทองนั้นมีขนาดร่างสามสิบเมตร
เงาร่างทองขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
และเค้าโครงรูปร่างเริ่มชัดเจนขึ้นตามลำดับ
และค่อยๆ
เปลี่ยนไปจนเหมือนกับหมิงลี่ฮ่าวผู้เป็นนาย
เพียงแต่ยักษ์ใหญ่นี้สูงมากกว่าสิบเท่า
หมิงลี่ฮ่าวไม่ค่อยชอบยักษ์ทองนี่เท่าไรนัก
เพราะมันเคลื่อนไหวช้าเกินไป เขาใช้มือข้างหนึ่งทำท่าค้ำฟ้า อสูรพิทักษ์ที่คล้ายกับเขาก็ทำอย่างเดียวกัน
ดูเหมือนทำท่าค้ำฟ้าด้วยมือข้างหนึ่ง
พลังงานที่ไม่เคยเห็นมาก่อนครอบคลุมร่างหมิงลี่ฮ่าวกินพื้นที่ถึงครึ่งหนึ่งของบริเวณ
ไม่มีสี และมองไม่เห็น
อย่างไรก็ตาม
แม้แต่จ้าวสุริยาก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพราะสนามพลังนี้มองไม่เห็น และไม่มีสี
มันจึงป้องกันรัศมีและสนามพลังกาลเวลาที่นาฬิกาสุริยะปล่อยออกมา
เกิดเป็นพื้นที่เฉพาะรอบตัวหมิงลี่ฮ่าว
หมิงลี่ฮ่าวคำรามเหมือนฟ้าร้อง
จากนั้นรวบกำหมัด เกิดพลังกฎสวรรค์น้อยรายล้อมมิติพลังงานทำให้พื้นที่มิตินี้ถูกควบคุมด้วยเจตจำนงของหมิงลี่ฮ่าว
ในสนามพลังมิติที่หมิงลี่ฮ่าวสร้างขึ้นถูกควบคุมโดยหมิงลี่ฮ่าวอย่างอิสระ
เงายักษ์ทองสูงถึงร้อยเมตรยืนตระหง่านต่อหน้าเย่ว์หยางและจ้าวสุริยา เย่ว์หยางยืนอยู่ที่ใกล้เท้าเงายักษ์ทองมองขึ้นไปด้านบน
และเขาถามด้วยความประหลาดใจ
“อสูรพิทักษ์นี้ดูแปลกประหลาดจริงๆ!”
“ข้าไม่รู้ แต่นี่คืออสูรพิทักษ์นี่
เป็นประเภทอสูรร่างมนุษย์มีนามว่า ‘ควาฟู่’
มีสติปัญญาพื้นฐาน ภายใต้ทักษะแฝงเร้นยักษ์ของข้า
และมีสนามพลังฟ้าคอยเป็นพลังหนุนเสริม มันแทบจะไร้เทียมทาน
เทียบกับแม่หนูปีศาจงูน้อยน่ารักของเจ้า มันแข็งแกร่งกว่าเยอะ”
หมิงลี่ฮ่าวถือโอกาสคุยทับเย่ว์หยางด้วยความภูมิใจ
“เฮอะ”
คำตอบของเย่ว์หยางถือเป็นการดูถูกโดยตรงกับคำพูดที่ไร้ชั้นเชิงของหมิงลี่ฮ่าว
“...ฮึ่ม..”
เสี่ยวเหวินหลีไม่พอใจคำคุยโม้โอ้อวดของหมิงลี่ฮ่าว เธอชูกำปั้นน้อยๆ
โบกไปมาด้วยความไม่พอใจ
“ไม่มีอะไรที่ทำได้ เด็กของเจ้าได้แต่ดูอยู่ข้างๆ!
ส่วนข้าแม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังทุบได้
ควาฟู่ไล่ตามตะวัน!”
ปากของหมิงลี่ฮ่าวพูดอย่างนี้
แต่ในความเป็นจริงเขาจำเป็นต้องร่วมมือกับเย่ว์หยางเพื่อเริ่มโจมตีอย่างแน่นอน อาศัยแค่คนใดคนหนึ่ง
ต่อให้เพิ่มยักษ์ควาฟู่ที่ไม่ได้ปรากฏตัวก่อนหน้านั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะพอมือจ้าวสุริยาหรือไม่
ควาฟู่เงื้อหมัดมหึมาที่แฝงด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ร้ายกาจ
ปล่อยพลังเป็นแนวโค้งไปที่ข้างหน้าของจ้าวสุริยา
หมัดทองของหมิงลี่ฮ่าวไวกว่าหมัดของควาฟู่ต่อยทีหลังแต่ไปบรรจบกับหมัดของควาฟู่ต่อหน้าของจ้าวสุริยา
ตาของจ้าวสุริยายังคงมองเย่ว์หยางโดยไม่สนใจหมัดของหมิงลี่ฮ่าวและควาฟู่
เขาค่อยๆ หลับตา
สองหมัดนั้นสามารถถล่มฟ้าทลายดินระเบิดใส่ร่างของจ้าวสุริยาพร้อมกัน
หมัดหนึ่งพุ่งลงมาจากฟ้า อีกหมัดหนึ่งพุ่งจากด้านล่างขึ้นบน จ้าวสุริยาไม่ได้ตอบโต้
หรือต้านรับแต่อย่างใด
หมิงลี่ฮ่าวไม่เพียงแต่เหน็ดเหนื่อยสาหัส แต่ยังใช้พลังออกไปแทบทั้งหมด
จ้าวสุริยถูกหมัดของหมิงลี่ฮ่าวระเบิดใส่โดยตรง ผมของเขาผิดทรงร่างของเขาถูกตอกจมลงไปบนพื้นโลกศิลาแค่เข่า
เป็นพลังโจมตีที่รุนแรง
ไม่ได้ผลหรือ?
หมิงลี่ฮ่าวตกใจอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าเขาจะใช้พลังลับของเขาร่วมกับควาฟู่
ก็แค่ทำให้ร่างของจ้าวสุริยาสั่นคลอนเท่านั้น คาดไม่ถึงว่ากลับไร้ผลอย่างสิ้นเชิง
รอจนเมื่อหมิงลี่ฮ่าวรั้งหมัดออกมาจากหน้าของจ้าวสุริยา
เขาพบว่า เขาทำอะไรไม่ได้เลย
หน้าของเขายังคงเหมือนเดิม
แม้แต่ผมบนศีรษะก็ไม่ยุ่งเหยิง
นี่ถ้าเขาใช้พลังแบบนี้โจมตีจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วหรือจักรพรรดิเสิ่นกวง
คาดว่าพวกเขาคงทรุดลงกับพื้นกระอักเลือดแน่
แต่ถ้าจ้าวสุริยาฝีมือดีกว่านักรบระดับจักรพรรดิ ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บบ้างสักเล็กน้อย!
หมิงลี่ฮ่าวถอยหลังหลายก้าวพลางตะโกนด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “เป็นไปได้ยังไง!”
ไม่ทราบว่าเย่ว์หยางมาปรากฏตัวด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อใด
และประคองหมิงลี่ฮ่าว
“ด้วยพลังอย่างนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะจ้าวสุริยา เขามีนาฬิกาสุริยะและสนามพลังกาลเวลา ดังนั้นจึงทำอะไรร่างกายของเขาไม่ได้ แต่สำหรับสนามพลังกาลเวลาของเขา
เขาทำให้มีผลต่อร่างของเขาเอง การโจมตีทำร้ายจ้าวสุริยา
เจ้าต้องใช้พลังที่นาฬิกาสุริยะและสนามพลังกาลเวลาไม่สามารถทำลายได้”
“ทำไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านั้น?” หมิงลี่ฮ่าวแทบหมดสติ
การโจมตีจ้าวสุริยาไร้ประโยชน์ เจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้ก็คงไม่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไม่ใช่หรือ?
“ข้าบอกไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่เจ้าไม่ฟังเอง” เย่ว์หยางแค่นเสียง
“ถูกแล้ว ตั้งแต่เริ่มแรก
คุณชายไตตันพูดถึงจุดอ่อนของข้าไว้ชัดแล้ว
แต่น่าเสียดายระดับพลังของเจ้ายังไม่พอ
เจ้ายังไม่เข้าใจ เจ้าไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ” ใบหน้าของจ้าวสุริยามีรอยยิ้มของผู้ชนะ
“ตอนนี้ข้าควรจะทำยังไงดี?”
หมิงลี่ฮ่าวรู้สึกว่าเขากำลังจะทรุดลงอีกครั้ง เมื่อจ้าวสุริยาลงมือโจมตี เขากับเย่ว์หยางจะต้องถูกฆ่า
“ข้ายังหาวิธีดีๆ ไม่พบ” เย่ว์หยางบอกว่าเขาต้องการเวลาอีกเล็กน้อย
“โอวสวรรค์!”
หมิงลี่ฮ่าวอยากจะร้องไห้
“เจ้าถ่วงเวลาไว้สักชั่วโมงหนึ่ง หวังว่าข้าคงจะหาได้สักวิธีหนึ่ง” เย่ว์หยางใคร่ครวญและพูดถึงกำหนดเวลา
“อย่าว่าแต่ชั่วโมงหนึ่งเลย แค่สิบนาที ข้าคิดว่าเต็มกลืนเหมือนกัน” หมิงลี่ฮ่าวได้ยินกำหนดเวลาแล้ว
เขารู้สึกชาไปทั้งหัว
“อา..ใช่แล้ว
ข้าขอแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
คุณชายไตตันยังพูดไม่ถูก
ข้ากังวลเกี่ยวกับพลังซ่อนเร้นของเขามากไปหน่อย และเจ้าหมิงลี่ฮ่าว แม้ว่าเจ้าจะทรงพลังมากมายก็ตาม แต่นั่นสำหรับกับคนอื่น เพราะข้ามีนาฬิกาสุริยะและทักษะคืนสภาพ
สนามพลังและกฎสวรรค์แห่งกาลเวลา
น่าเสียดายที่เจ้ายังประเมินตัวเองสูงเกินไป” จ้าวสุริยาพูดปฏิเสธด้วยน้ำเสียงจริงใจ “อย่าว่าแต่สิบนาทีเลย ต่อให้นาทีเดียวเจ้าก็ต้านไม่ได้ ในหนึ่งนาที ข้าสามารถย้อนหรือเร่งเวลาได้มากกว่าร้อยปี
พันปี ต่อให้ข้าไม่ใช้ทักษะนี้
ข้าก็ซัดเจ้าลงไปนอนกับพื้นได้ภายในนาทีเดียว”
“โธ่เว้ย!”
หมิงลี่ฮ่าวเต้นผาง
แต่เขารู้ว่าจ้าวสุริยาพูดความจริง
แม้จะฟื้นฟูพลังแล้วก็ไร้ประโยชน์
“เจ้าจะไม่ใช้พลังลับสุดท้ายของเจ้าหรือ?” จ้าวสุริยามองดูเย่ว์หยาง
“ยังไม่ถึงเวลา” เย่ว์หยางยิ้ม
“ข้ามักจะมีความรู้สึกว่าถ้าข้าไม่บังคับเจ้าให้ใช้พลังสุดท้ายและไม่ได้ทำลายพลังสุดท้ายของเจ้า ข้าจะไม่สามารถฆ่าเจ้าได้จริง” จ้าวสุริยาเงียบมองดูเย่ว์หยาง เขายกมือขวาช้าๆ
ชี้ไปทางหมิงลี่ฮ่าว
“ดังนั้นเจ้าคิดว่ายังไง ข้าจะหักแขนขาของหมิงลี่ฮ่าว ขอเตือนเจ้า
อย่าได้พยายามโกรธคู่ต่อสู้ที่สามารถฆ่าเจ้าได้”
“ต้องการให้ข้าทำอะไร?
ก้มหัวตามที่เจ้าต้องการ?”
เย่ว์หยางกล่าวเหน็บแนม
เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะคุกคามขู่เข็ญกันได้
“ถ้าเจ้าไม่ใช้พลังอึดสุดท้าย อย่างนั้นข้าต้องเริ่มใช้พลังที่แท้จริง เย่ว์ไตตัน ไม่ว่าเจ้าจะฉลาดเพียงไหนก็ตาม
เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะหลบหนีจากการไล่ฆ่าของข้าได้ เพราะฝีมือเราห่างกันมาก
การฝึกฝนอย่างหนักเป็นหมื่นปีของข้าไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเอาชนะกันได้ง่ายๆ
ในเวลาไม่กี่ปี!
ถ้าไม่มีใครช่วย...”
เมื่อจ้าวสุริยาพูดประโยคนี้
เขามองเทวีเสรีภาพ
เทวีเสรีภาพส่ายศีรษะ “ไม่ต้องกังวล! ข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างพวกเจ้า อย่างไรก็ตาม จ้าวสุริยาด้วยร่างระดับกึ่งเทพของเจ้า
เจ้าทรงพลังก็จริง แต่ร่างเสมือนเทพของเจ้าไม่ได้เป็นอมตะ
คุณชายไตตันอาจจะฆ่าเจ้าได้ นี่คือคำเตือนเล็กน้อยจากข้า”
จ้าวสุริยาหน้าบึ้งทันที “อะไรนะ?”
เทวีเสรีภาพส่ายหน้า “ข้าจะไม่พูดอีก
ข้าแค่เห็นไม่ค่อยชัดนัก”
จ้าวสุริยาหันไปหาเย่ว์หยาง และจู่ๆ
เขายิ้มอีกครั้ง “คุณชายไตตันมีของวิเศษหรือ?
ข้าคาดเอาไว้แล้ว และนี่คือเหตุผลที่ข้ากังวลมาโดยตลอด หากมีเวลามากพอจะเติบโต
อย่างเช่นหากเจ้ามีเวลาร้อยปี คุณชายไตตันได้ครอบครองสมบัติวิเศษระดับเทพ
คาดว่าต่อให้เป็นเจ้าตำหนักสูงสุด อาจจะตายก็ได้
แต่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้มีโอกาสเช่นนี้อีก
สามารถฝังจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ได้ สามารถฝังศิษย์ของนางพญาผู้พิชิตตามคำร่ำลือ
ข้าเลี่ยฉางคง ต่อให้ถูกสมบัติวิเศษฆ่าตายก็ไม่เสียใจ!
การล่อลวงครั้งสุดท้ายจบลงแล้ว
หมิงลี่ฮ่าว เย่ว์หยาง เย่ว์ไตตันและเทวีเสรีภาพจะหายไปจากข้า”
ดวงอาทิตย์ที่มีรัศมีสว่างมากกว่าปกติเป็นหมื่นเท่า
ทั้งโลกดูเหมือนถูกดวงอาทิตย์เผาผลาญ
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกดวงอาทิตย์เผา
ไม่มีใครได้รับการยกเว้น!
**************
*** ควาฟู่เป็นตัวละครจากนิทานปรัมปราเก่าของจีน ท่านสามารถเอาชื่อควาฟู่ไล่ตามพระอาทิตย์ไปเสริชหาอ่านได้ตามเว็บค้นหาชื่อดังครับ
10 ความคิดเห็น:
โธ่..ที่แรกนึกว่าเรียกควายธนูเสียอีก
เอาจริงๆ ก็น่าจะดีนะ
ใครจะช่วยพี่เย่ว์ได้น้อ
ขอบคุณครับ
ติดตามตลอด ขอบคุณมากๆครับ
ขอบคุณครับ
หงส์ล่ะ กิเลนล่ะ
ใจจ้า
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น