วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 974 พลัดพรากตลอดกาล


ตอนที่  974  พลัดพรากตลอดกาล
ทะเลคลั่ง
ราชาสองหน้าพบว่าเขาไม่ต้องลงมือเอง จักรพรรดิฟู่โฉวและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วถูกพระยาราชสีห์และราชาจินกวนกดดันจนต้องถอยหลัง
 
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วยังไม่เป็นไรสามารถสู้กับพระยาราชสีห์ได้โดยไม่คำนึงถึงระดับที่แตกต่าง  จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วถอยส่วนใหญ่เป็นเพราะความจริงที่ว่าพลังโจมตีของพระยาราชสีห์รุนแรงเกินไป และเขาไม่ต้องการรับภาระหนัก  อีกทั้งยังมีราชาเฉินม่อสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างทำให้ใจของเขาไม่สามารถรับการท้าทายอย่างเป็นสมาธิเต็มที่  อย่างไรก็ตามสถานการณ์หนักหนากว่าแต่ก่อนมาก จักรพรรดิฟู่โฉวได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของราชาจินกวนได้อีกต่อไป จากนั้นสถานการณ์ย่ำแย่อย่างหนัก
จักรพรรดิฟู่โฉวทำให้ราชาจินกวนได้เปรียบเรื่อย
การพ่ายแพ้เป็นเรื่องของเวลา
มีราชาเฉินม่ออยู่ด้วยชีวิตของจักรพรรดิฟู่โฉวอาจกล่าวได้ว่าไม่มีลางรอดที่ดี คนเดียวที่สามารถหลบหนีได้ก็คือจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วซึ่งสามารถปกป้องตนเองได้อย่างเต็มกลืน ขึ้นอยู่กับว่าถ้าราชาเฉินม่อไม่ทุ่มเทพลังโจมตี เขาถึงจะหนีไปได้
 “ปลาเล็กกุ้งน้อยเหล่านี้ให้พวกเจ้าจัดการ”  ราชาสองหน้าบอกซือเหรินให้ถ่ายทอดคำสั่งบอกแปดขุนพลให้ล้อมฆ่านักสู้ปราณฟ้าอย่างราชาจื่อฟงเป็นต้น
 “ขอรับ” ความจริงพวกเขาเข้าใจว่าราชาจื่อฟง ราชาชิงหลางและคนอื่นๆ เป็นเชลยของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์นานแล้ว ต่อให้ปล่อยพวกเขาไป พวกเขาไม่สามารถหลบหนีไปได้  เหตุผลที่ราชาจื่อฟงและนักสู้คนอื่นไม่ยอมฆ่าตัวตายก็เพราะพวกเขารอปาฏิหาริย์ พวกเขาหวังว่าเย่ว์หยาง เย่ว์ไตตันจากหอทงเทียนจะสามารถเอาชนะจ้าวสุริยาและกลับออกมาเอาชนะราชาเฉินม่อช่วยชีวิตทุกคนไว้ได้
นี่อาจจะเป็นไปได้หรือ?
เป็นไปไม่ได้เหมือนที่จู่ๆ ก็มีซาลาเปาหล่นลงมาจากฟากฟ้า!
แม้ว่าด้วยความช่วยเหลือของหมิงลี่ฮ่าวกับเทวีเสรีภาพ คุณชายไตตันยังจะเป็นคู่ต่อสู้ของจ้าวสุริยาได้หรือ?
แม้ว่าเขาโชคดีพอหลบหนีไปต่อหน้าของจ้าวสุริยา แต่เขาจะกล้าหยุดและเอาชนะราชาเฉินม่อช่วยเหลือนักสู้ปราณฟ้าและนักสู้ระดับราชาเหล่านี้ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันได้หรือ?
อย่างไรก็ตามที่สำคัญคือนี่คือความหวังหนึ่ง ตราบใดที่ในใจยังมีประกายแห่งความหวัง ไม่ว่าจะริบหรี่เพียงไหน ทุกคนก็จะไม่ยอมแพ้ นี่คือธรรมชาติของมนุษย์  ขณะอยู่ในห้วงวิกฤติเป็นตายไม่มีทางรอด ทุกคนได้แต่หวังว่าจะมีวีรบุรุษมาช่วย  และถ้ายังมีความหวัง ใครเล่าจะยอมตาย
ราชาสองหน้าไม่ต้องการแข่งกับพระยาราชสีห์หรือราชาจินกวน
จักรพรรดิฟู่โฉว จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเป็นของพวกเขา ถ้าเขาสอดมือเข้าไปยุ่ง พระยาราชสีห์และราชาจินกวนคงจะไม่ยอมพูดด้วยเป็นแน่  ราชาสองหน้าไม่ยอมแย่งความดีความชอบจนต้องทะเลาะกันโดยไม่จำเป็น
เพราะในโลกศิลาหรือทางผ่านมิติ ยังมีนักรบหอทงเทียนอีกสามคนรอให้เขาไปกำจัด
พวกเขาไม่อาจเทียบกับสามจักรพรรดิได้  แต่ความดีความชอบที่ได้ก็ไม่น้อย
ที่สำคัญที่สุดก็คือนักรบของหอทงเทียนทั้งสามดูผิวเผินยังยืนหยัดอยู่ได้  แต่ราชาสองหน้ารู้ว่านี่ก็แค่เพียงลักษณะที่แสดงออก
การสู้รบอย่างนี้ หากมีความกดดันอยู่ตลอด ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งกัดฟันยืนหยัดต้านทานครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งตราบใดที่คนพวกนี้ผ่อนคลาย เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะลุกขึ้นมาอีก เพราะร่างกายของพวกเขาถูกใช้งานเกินกำลังอย่างหนัก  พอจิตวิญญาณพวกเขาผ่อนคลาย พวกเขาแทบจะไม่มีแรงลุกกลับขึ้นมายืนได้อีก... ราชาสองหน้ารู้จักปรากฏการณ์ในการต่อสู้มาทุกชนิดและเห็นนักรบตายมาทุกประเภท เขารู้สึกว่าเขาเป็นผู้เหมาะที่สุดในการกวาดล้างสามนักรบหอทงเทียน
เขาคาดว่าสภาพมารสัมฤทธิ์ฟ้าในปัจจุบันนี้สามารถลุกขึ้นยืนในสภาพที่ใกล้ตายอย่างภาคภูมิใจ หลังจากหัวใจหยุดเต้นก็ยังไม่ยอมแพ้ใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจให้ลุกขึ้นยืนได้ต่อ บางทีตอนนี้เขาอาจล้มลงตายไปแล้วก็ได้
ไม่มีแรงกดดันหนุนเสริม คนอย่างนั้นไม่อาจยืนได้ต่อไป
 “หึ หึ หึ ....” ราชาสองหน้าหัวเราะอย่างชั่วร้ายพลางถือเคียวปีศาจเหินฟ้าเหมือนกับค้างคาวหายเข้าไปในช่องทางผ่านมิติ
ไม่มีใครอยู่ในทางผ่านมิติ
มารสัมฤทธิ์ฟ้าหลบหนีไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรหรือ? ราชาสองหน้าคาดไม่ถึง
หลังจากเข้าสู่โลกศิลา ราชาสองหน้าพบว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าและพวกกำลังนั่นอยู่หน้าศิลาแดนดาว เขาถอนหายใจโล่งอก
ปรากฏว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าและสหายอีกสองคนล้มลงที่นี่... จ้าวสุริยากับเย่ว์ไตตันเล่าเป็นยังไงบ้าง? ทำไมพวกเขาหายไป?  หรือว่า.... ราชาสองหน้ามองดูร่างเทพ และพบว่าว่างเปล่า มีวงเวทอักขระรูนอยู่ภายใต้กำลังเปล่งแสงกระพริบ เห็นได้ชัดว่าจ้าวสุริยาต้องไล่ตามเย่ว์ไตตันเข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ
สมกับเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียนจริงๆ
ฉลาดไม่เบา!
แม้จะอยู่ภายใต้เงื้อมมือของนักสู้อย่างจ้าวสุริยา เขาก็ยังหาเส้นทางหลบหนีสุดท้ายได้...อย่างไรก็ตาม จ้าวสุริยาไล่ตามเย่ว์ไตตัน และด้วยความดีความชอบเล็กน้อยนี้ เขาจะฆ่านักรบหอทงเทียนที่ได้รับาดเจ็บสาหัส และต้องเยียวยารักษากับที่  คาดว่าน่าจะยากพอๆ กับฆ่าไก่สามตัว
 “โฮ่ง, เมี้ยววว”  ทั้งโลกคงจะมีหมาเฝ้าบ้านเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ร้องภาษาสัตว์อื่นได้  นั่นก็คือฮุยไท่หลาง
 “เจ้าหมาราคาถูก!  ราชาสองหน้าพบว่าพบว่าฮุยไท่หลางมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ กำลังยืนอยู่ด้านหลังของเขา มันมีท่าทางเหมือนกับเพิ่งกินอาหารอิ่ม ทำให้เขาอดสบถเพราะอารมณ์เสียมิได้
 “โฮ่ง!” ฮุยไท่หลางยิ้ม  เป็นยิ้มเหมือนหมาโง่ หน้าโง่ๆ ของมันเหมือนจะบอกว่า จะขายเจ้าและขายเอาเงิน
อีกฟากหนึ่งของทะเลคลั่ง
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป
 “จักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว!  เจ้าเป็นคนที่น่าเกลียดชัง และเป็นคนที่ข้าเกลียดชังที่สุดในชีวิตข้า  ข้าหวังว่าจะได้กินเนื้อของเจ้า ดื่มเลือดสดเจ้า และนอนบนหนังที่ถลกจากตัวเจ้าในยามราตรี  ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับขยะอย่างเจ้า  ถ้าเจ้ามีสำนึกสักเล็กน้อย  เจ้าก็ควรตายได้แล้ว!  จักรพรรดิฟู่โฉวพลาดถูกฝ่ามือหนักหน่วงของราชาจินกวนกระเด็นไปหนึ่งกิโลเมตรหล่นลงไปในทะเลคลั่ง เขากระอักโลหิตเป็นทางยาว แต่นัยน์ตาของเขาฉายประกายเจิดจ้าเหมือนเป็นชัชวาลย์สุดท้ายก่อนมอดดับลง “แต่ช่วงเวลาสุดท้ายนี้ ข้าไม่ยอมให้เจ้าเห็นข้าตายหรอก เจ้ากำจัดข้าที่นี่เดี๋ยวนี้ และไม่จำเป็นต้องมาตายที่นี่ ข้าไม่ต้องการให้คนอย่างเจ้าถูกฝังร่วมกับข้า”
 “เด็กน้อย!  ก็แค่เป็นเพราะเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้”  จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วแค่นเสียงหนักหน่วง
ความจริงแล้วการแสดงออกของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเกินกว่าที่ทุกคนคาดหมายไว้
ทุกคนคิดว่าเมื่อเขาออกไป เขาจะหนีไปทันที
และที่ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจมากก็คือจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วนี้ สามารถรุกไล่พระยาราชสีห์ได้ แม้ว่าเขาจะมีโอกาสหลบหนีหลายครั้งในท่ามกลาง เขาไม่ทำเช่นนั้น
ถ้าเขาจะลังเลก็เป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับกับดักที่ราชาเฉินม่อวางไว้
จากนั้นสองสามครั้งต่อมา
ก็ยังมีโอกาสที่ดีอีก  ทำไมเขาไม่ฉวยโอกาสหลบหนี?
คนอย่างจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่ใช่คนประเภทที่เสียสละเพื่อคนอื่น  จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วแม้ว่าจะเหยียดหยามจักรพรรดิฟู่โฉว แต่ก็ปฏิเสธจะจากไป ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่เห็นแก่ตัวหรือไร้น้ำใจเหมือนอย่างที่ตำนานว่าไว้   ในบางเรื่องจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วกระทำไปเพราะเข้าใจผิดเพราะได้รับความกระทบกระเทือนใจ  ในอีกมุมหนึ่งจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเป็นคนที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมนี้ แต่เขาเองไม่มีความคิดจะทำเช่นนั้นจริงๆ
ความจริงจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่ใช่คนบ้าคลั่ง
เขาเป็นคนที่ช่างหวาดระแวงจนทำให้เกิดความโชคร้ายตลอดชีวิต
เขาฆ่าภรรยาและลูกสาวที่รักด้วยมือตนเองกลายเป็นหนอนที่น่าสมเพช ทำลายชีวิตตนเองทั้งที่เขาเป็นผู้แสวงหาความสมบูรณ์
 “เจ้ามีกำลังน้อย ไม่สามารถป้องกันตนเองได้!
พระยาราชสีห์คำราม
คัมภีร์อัญเชิญลอยอยู่ในกลางอากาศลำแสงพลังงานพุ่งขึ้นท้องฟ้า มีภาพราชสีห์ทองลอยครอบคลุมเต็มท้องฟ้า นอกจากราชาเฉินม่อ ทุกคนตกอยู่ภายใต้แรงกดอัดของพระยาราชสีห์ หัวหน้าจินฟันทองและพ่อบ้านเย่ว์ แม้แต่นักสู้ปราณฟ้าที่ไม่แข็งแกร่งถึงกับหมดสติไปโดยตรง
กลุ่มเมฆสิงห์ทองขนาดใหญ่ลอยลงมาจากอากาศคลุมทั้งท้องฟ้าและภาคพื้น
เป็นพลังงานองค์ประกอบธาตุล้วนๆ
จากองค์ประกอบสามอย่างคือทอง ไฟ และลม
เมฆสิงห์ทองนี้แข็งแกร่งกว่าพระยาราชสีห์ตัวจริงเสียอีก  ยิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งมีพลังศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นเขาปล่อยให้เมฆลงมา  ทะเลคลั่งยกตัวสูงขึ้น จากนั้นถูกพลังเมฆสิงห์ทองกดราบเรียบเหมือนกระจก นักสู้ปราณฟ้าที่ต่ำกว่าระดับสาม ถูกกดลงพื้นอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่ราชาจื่อฟง ชิงหลางและนักสู้ปราณฟ้าระดับราชาอื่นๆ ก็รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก พากันก้มลงคุกเข่ายอมจำนนต่อเมฆสิงห์ทอง
เมฆสิงห์ทองใหญ่กว่ายักษ์หมื่นเท่าอย่างไม่ต้องสงสัย
มันสามารถแปลงสภาพจากลมเป็นไฟ และจากไฟกลายเป็นทองได้
กรงเล็บสายหนึ่งโจมตีใส่จักรพรรดิฟู่โฉวจากด้านบนโดยตรง จักรพรรดิฟู่โฉวทุ่มสุดตัวใช้ดาบแสงต้านรับในขณะนั้น  แต่พลังโจมตีระลอกสองก็มาถึง
เปลวเพลิงในเมฆสิงห์ทองแผดเผาน้ำในทะเลคลั่งระเหยเป็นไอมากมายนับไม่ถ้วน
จักรพรรดิฟู่โฉวอยู่ในศูนย์กลางไอระเหย
และควบแน่นเป็นของแข็ง
เมื่อจากพรรดิเฟิ่นนิ่ววิ่งเข้ามาช่วย ดวงตาของพระยาราชสีห์เป็นประกายอำมหิต เขายกกรงเล็บขนาดยักษ์และพยายามใช้พลังทำลายภูผาและสายน้ำ  อัดกระแทกอย่างรุนแรงใส่หน้าอกของจักรพรรดิฟู่โฉว จักรพรรดิฟู่โฉวกระอักโลหิตพุ่งเป็นลำยาว ร่วงหล่นราวกับดาวตก... แต่ในอีกด้านหนึ่งเมฆสิงห์ทองอสูรพิทักษ์ของพญาราชสีห์แปลงเป็นกรงเล็บทองมีเปลวไฟลุกโพลงกำลังรอตะปบใส่ร่างที่กำลังร่วงหล่นของจักรพรรดิฟู่โฉวอีกครั้ง
จักรพรรดิฟู่โฉวร่างหมุนคว้างหล่นลงไปในทะเลคลั่ง
น้ำทุกหยดที่กระเด็นกระจายผสมกับเลือดของจักรพรรดิฟู่โฉว
พอดีกับที่จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วมาถึง
ร่างของจักรพรรดิฟู่โฉวถึงขีดจำกัดแล้วและกำลังจะตาย
กะโหลกศีรษะ กระดูกหน้าอก กระดูกสันหลังของเขาแตกหักผิดรูป บางส่วนทิ่มแทงทะลุผิวหนังจนเห็นได้ชัด
 “ไม่ โอว..ไม่!  จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่มีเวลาช่วยเหลือ และภาพที่เห็นทำให้เขาทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวด จักรพรรดิฟู่โฉวร่างเต็มไปด้วยเลือด เลือดของเขาย้อมทะเลจนแดง เขายื่นมือออกไปและดูเหมือนต้องการจะรับร่างที่บาดเจ็บของจักรพรรดิฟู่โฉว  คนเลือดร้อนเจ้าโทสะอย่างเขาหลั่งน้ำตาในท่ามกลางทะเลคลั่ง  “อย่าทำแบบนี้ ยืนขึ้น ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดข้า  ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการล้างแค้น  ยืนขึ้น มาสู้กับข้าอีก  เจ้าได้ยินหรือเปล่า?  เด็กน้อยอย่างเจ้า จะมาล้มตายต่อหน้าต่อตาคนแก่อย่างข้าได้ยังไง? เจ้ามันอ่อนแอเกินไปจนทนรับพลังโจมตีนี้ไม่ได้หรือ?  เจ้า เจ้าต้องการแก้แค้นให้แม่เจ้าไม่ใช่หรือ? ลุกขึ้น..มาสู้กับข้าอีก”
ในท่ามกลางแสงสีเลือดสลัว มองเห็นบุรุษวัยกลางคนมีสีหน้าเจ็บปวด มองดูร่างของจักรพรรดิฟู่โฉวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
พระยาราชสีห์ยังไม่หยุด
เขาใช้พลังหมัดโจมตีใส่ด้านบนของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วอย่างดุเดือด
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่ได้ป้องกันตัว ที่ศีรษะของเขาหลั่งโลหิตเปื้อนมาถึงหน้าผาก ไหลผ่านคิ้ว ตาย้อมแก้มของเขาผสมกับน้ำตาแล้วหยดลงในทะเล
 “ไป... ข้าไม่ต้องการความเห็นใจจากท่าน...”  จักรพรรดิฟู่โฉวเม้มปากและฝืนใจพูดอย่างอ่อนล้า
เสียงของเขาเบาลงทุกขณะ
ในที่สุดก็เบาขาดห้วง  เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เหลือแม้แต่พลังจะพูด
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วต้องการยื่นมือออกไปรับและประคองจักรพรรดิฟู่โฉว  แต่พระยาราชสีห์ปัดมือของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว  และราชาจินกวนลอบใช้ฝ่ามือทำร้ายเขาในความมืด  จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วกระอักโลหิต  ราชาเฉินม่อยืนอยู่ในที่ห่างออกไป เขาหิ้วคอจักรพรรดิเสิ่นกวงมองดูอยู่เงียบๆ โดยไม่เคลื่อนไหว
จักรพรรดิฟู่โฉวมองดูจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว
แม้ว่าในใจยังปฏิเสธจะยกโทษให้คนผู้นี้
อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหลั่งน้ำตาปนสายเลือดหยดลงพื้นทะเล
บุรุษผมงูถอนหายใจเบาๆ  “ดีแล้ว เจ้าสามารถตายร่วมกับคนสายเลือดเดียวกันที่รักเจ้า  ฟู่โฉว เจ้าไม่มีอะไรต้องเสียใจ!
พระยาราชสีห์ยกมือขึ้นอีกครั้ง
เมฆสิงห์ทองอสูรพิทักษ์ของเขากลายเป็นพายุเต็มท้องฟ้า
บนพื้นผิวทะเลคลั่งซึ่งถูกเมฆสิงห์ทองกดจนราบเรียบเหมือนกระจกพลันอ้าปากและกลืนกินทุกสิ่งอย่างดุดันราวกับจะทำลายโลกและสวรรค์
จักรพรรดิฟู่โฉว บุรุษผมงู ราชาจื่อฟง และราชาชิงหลางทุกคนหลับตา  พลังโจมตีเช่นนั้นไม่มีทางเอาชีวิตรอดไปได้แน่นอน  ในช่วงชีวิตไม่กี่อึดใจ
ความแค้น ความชังทุกอย่างจะจบลง
ลาก่อนสหาย!
ลาก่อนคนรัก... ลาก่อนพวกพ้องที่รัก!
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เมฆสิงห์ทองกำลังกลืนกิน  ทันใดนั้นจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเอื้อมมือกอดจักรพรรดิฟู่โฉวไว้ในอ้อมแขน  ทะเลแสงโลหิตรอบตัวเขาครอบคลุมทั้งตัวของจักรพรรดิฟู่โฉว จากนั้นฉีกมิติขาด เขาเก็บจักรพรรดิฟู่โฉวไว้ในมิติที่ว่างเปล่า.. เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดิฟู่โฉวที่รับบาเจ็บสาหัสจะอยู่รอดในรอยแตกมิติได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วหวังว่าเขาจะสามารถทำให้สายเลือดสุดท้ายของคนรักของเขา (เหลน) แม้ว่าจักรพรรดิฟู่โฉวจะไม่รู้สึกก็ตาม
 “ข้าเคยทำผิดพลาดมาก่อน  หวังว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย นั่นคือสิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใด!  จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วผู้ไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของตนเอง กล่าวขอโทษญาติเพียงคนเดียวของเขาที่อาจจะไม่ยกโทษให้เขาเป็นครั้งแรก  จักรพรรดิฟู่โฉวตอนนี้ได้แต่ก้มหน้า
 “เป็นครอบครัวที่น่าซาบซึ้งใจ!  งั้นข้าจะส่งพวกเจ้าเข้าสู่เส้นทางปรภพด้วยกัน!  แขนขวาของราชาจินกวนเปลี่ยนเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์สีทองทันที
จากนั้นแทงจากด้านหลังของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วทะลุออกทางหน้าอก
ปลายนิ้วยังคงแทงลึกไปถึงปากแผลที่หน้าอกของจักรพรรดิฟู่โฉว จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่สามารถต้านทานปลายแหลมยาวไม่ให้ทิ่มแทงไปถึงหัวใจของจักรพรรดิฟู่โฉวได้!
ราชาจินกวนไวกว่า พระยาราชาสีห์อ้าปากและยิงพลังลมกรดราชสีห์เข้าไปในรอยแยกมิติที่จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเปิดไว้เพื่อกำจัดความหวังสุดท้ายไม่ยอมให้จักรพรรดิฟู่โฉวหลบหนีได้
อ๊าคคคค!
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วคำรามด้วยความกราดเกรี้ยว ภาพมารโลหิตฉายขึ้นเหนือศีรษะของเขา
เมฆราชสีห์ทองที่ครอบคลุมกลืนพื้นผิวของทะเลคลั่ง ภายใต้พลังกราดเกรี้ยวของพลังมารโลหิต ถูกยิงทะลุเป็นรูขนาดใหญ่ ร่างฉายของมารโลหิตหงายหลัง แสงสีเลือดฉายออกจากใบหน้าที่บิดเบี้ยวน่ากลัว ความเศร้าโศกและพลังกฎสวรรค์ฉายออกมาพร้อมกัน นักสู้ปราณฟ้าทุกคนรู้สึกได้ถึงความโกรธและความสิ้นหวังของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วในเวลานั้น 
 “อา...”
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วถูกความเศร้าโศกครอบงำจนขาดสติอย่างสิ้นเชิง
เขาหันกลับไปที่ราชาจินกวนและตัดแขนขวาของเขาที่แปลงเป็นดาบทองศักดิ์สิทธิ์
เสียงคำรามของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วกึกก้องไปทั้งฟ้าเป็นเวลานาน  ผิวทะเลคลั่งไม่ทราบว่ากลายเป็นทะเลเลือดกราดเกรี้ยวตั้งแต่เมื่อใด มันระเบิดพลังทำลายล้างไม่จำแนกว่าเป็นฝ่ายไหน ล้วนอยู่ในสภาพหยกศิลาล้วนแหลกราญ

5 ความคิดเห็น:

Wa Wakung กล่าวว่า...

เอาแล้ววว

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ulomzx กล่าวว่า...

ยังไม่มีใครสาบสูญเลยอ่ะ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น